บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /1
เมื่อเสร็จจากธุระในเมืองเฉินเปี้ยน รวี่เยว่ก็เดินทางกลับสู่ตำหนักเทวาอนธการในคืนวันนั้น หญิงสาวสังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะทุกครั้งที่หนังตากระตุก เป็นต้องมีเรื่องตีรันฟันแทงเสียทุกครั้งไป! ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนที่แล้ว ระหว่างที่นางเดินทางลงจากภูผา เพื่อนำโอสถต่างๆ ที่หลอมไว้ ไปมอบให้หม่าลั่วและชุนอิ่งนำกลับไปยังหอโอสถของนางที่เมืองหลวง ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่าน …ในวันนั้น รวี่เยว่เพิ่งก้าวเท้าพ้นเขตวงกตมายามาได้เพียงไม่กี่ก้าว กลุ่มนักฆ่ารับจ้างจำนวนสามสิบคน ซึ่งมาดักรออยู่ก่อนแล้ว เข้าจู่โจมแบบกะทันหันจนนางตกใจทำถังหูลู่ตกพื้น! น่าโมโหที่สุด! ท่านอ๋องอุตส่าห์ทำให้นางกินเองกับมือ! โชคดีที่นางไม่ได้พาสาวใช้ทั้งสองคนมาด้วย มิฉะนั้นเรื่องนี้คงได้ถึงหูผู้ปกครองของนาง ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา หากเขารู้เข้ามีความเป็นไปได้สูงว่า นางจะถูกสั่งห้ามลงจากตำหนักเทวาอนธการไปอีกหลายเดือน และนั่นจะมีผลกระทบกับกิจการทั้งหลายทั้งปวงของนาง เรื่องนี้รวี่เยว่ยอมไม่ได้ เวลาของนางเป็นเงินเป็นทอง!! ตำหนักชินอ๋อง เรือนพักธิดาเทพ รวี่เยว่อาศัยความมืดบดบัง ค่อยๆ ย่องกลับห้องพักอย่างเงียบเชียบ เมื่อรอดพ้นสายตาขององครักษ์ที่เดินตรวจตราตำหนักมาได้ ร่างบางจึงกลับสู่สภาพเด็กสาวตามปกติ เสี่ยวหลานรีบบินมาหานางทันที “รวี่เยว่ เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้านึกว่าเจ้าจะมาพรุ่งนี้เสียอีก มีเรื่องสำคัญที่เจ้าต้องรู้ สหายนกกระจิบหยกมาแจ้งข่าวกับข้าว่า สตรีสกุลเมิ่งเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกนางวางแผนกันว่า…” เสี่ยวหลานรีบถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้ยินมาจากสายข่าวของมันให้รวี่เยว่ฟัง… ห้าวันถัดมา ในแดนปราณ รวี่เยว่นั่งชงชาอย่างพิถีพิถัน จากนั้นยกไปให้อาจารย์ทั้งสาม ที่กำลังเสวนากันอย่างออกรสออกชาติ มือบางรินชาให้มหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์เป็นคนแรก ก่อนรินให้มหาเทพหนุ่มทั้งสององค์ “ขอบใจมากศิษย์รัก” มหาเทวีแอบสังเกตดวงตาคู่งาม ที่ยามปกติเย็นชาไม่ยี่หระต่อสิ่งใดของรวี่เยว่ ทว่ากลับปรากฏคลื่นอารมณ์ให้เห็นในวันนี้ “เจ้าไม่ต้องกังวลไปรวี่เยว่ ถึงแม้ในเขตป่าอสูรชั้นในของภูผาหยินซาน จะเต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับสูง และอันตรายมากมาย แต่อย่าลืมว่าเจ้าเป็นศิษย์ของข้า ข้าไม่ปล่อยให้สัตว์อสูรพวกนั้นกล้ากำแหงกับเจ้าแน่นอน จริงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” มหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ปลอบใจรวี่เยว่ หลังได้ยินเรื่องที่นาง ต้องเดินทางไปจับเป็นสัตว์อสูรระดับสูงกลับมา เพื่อพิสูจน์ความสามารถว่าตน เหมาะสมกับธิดาเทพของตำหนักเทวาอนธการตามกฎ ซึ่งนางเพิ่งได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ จากผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญในช่วงเช้าวันนี้ ใบหน้างดงามหยาดเยิ้มในชุดสีแดงเพลิงของมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ หันไปขยิบตาให้สามี ผู้เป็นนายเหนือหัวของสัตว์ทั้งปวงในโลกา มหาเทพหวงหลงมีลางสังหรณ์ไม่ดี สายตาของภรรยามองแล้วไม่น่าไว้ใจชอบกล… ‘ทำไมจู่ๆ ขนต้นคอถึงได้ลุกเกรียวแบบนี้นะ’ “รวี่เยว่น้อย ไหนๆเจ้าจะมีโอกาสได้แสดงความสามารถทั้งที มิสู้ไปพาเจ้าหนูนั่นกลับออกมาด้วยเลยล่ะ” เจ้าหนูนั่นที่มหาเทวีหมายถึงคือ พยัคฆ์อนธการ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชันย์แห่งภูผาหยินซาน สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ! พรูดดด!! “แค่กๆๆๆ นั่นสัตว์อสูรระดับจักพรรดิเลยนะเมียจ๋า! รวี่เยว่จะพามันออกมาได้อย่างไร เจ้าไม่คิดว่ามันอันตรายเกินไปหน่อยหรือ” มหาเทพหวงหลงถึงกับสำลักน้ำชา ยามได้ยินนามของสัตว์อสูร มหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์หันมาส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้สวามี พร้อมแบมือกระดกปลายนิ้วเป็นสัญญาณ ขอให้เขามอบบางสิ่งที่นางต้องการออกมา มหาเทพชิงหลงที่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ออกความเห็น ถึงกับหลุดขำออกมาเสียงดัง ยามได้เห็นสีหน้าขมขื่นของสหายรัก “ฮ่าๆๆๆ หวงหลง ลำบากเจ้าแล้วนะ” “เร็วซิเจ้าคะ มัวชักช้าอยู่นั่นแหละ หรือต้องให้น้องช่วย” มหาเทวีเอ่ยเร่งสวามี มหาเทพหวงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี ใบหน้าหล่อเหลาหลับตาปี๋ ยกมือขึ้นดึงบางสิ่งออกมาจากคอ “อ๊ากกก” เสียงร้องของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น พร้อมเกล็ดสีทองงดงามเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าวางอยู่บนฝ่ามือ เขายกมืออีกข้างลูบคอตนเองป้อยๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดจนน่าเห็นใจ ”ก็แค่นี้เอง ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ น้องเห็นท่านบ่นว่าเจ็บจนรำคาญมานาน แต่ก็ไม่ยอมดึงออกมาเสียที เจ้าเกล็ดย้อนเนี่ย” มหาเทวียิ้มหวานหยิบเกล็ดมังกรทองมายื่นให้รวี่เยว่ “รับไปรวี่เยว่ พกสิ่งนี้ติดตัวไว้ รับรองว่าไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนกล้ากำแหงกับเจ้าแน่นอน และนี่สิ่งที่เจ้าต้องใช้กำราบพยัคฆ์อนธการ” มหาเทวีอธิบายวิธีกำราบพยัคฆ์อนธการ พร้อมมอบสมุนไพรชนิดหนึ่ง กลุ่มไหมพรมและกระพรวนสีรุ้งส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ฟังแล้วประหนึ่งต้องมนต์สะกดให้รวี่เยว่ “…” รวี่เยว่ “นี่ นี่มัน…ต้นกัญชาแมวกับของเล่นแมวมิใช่หรือเจ้าคะอาจารย์?!” “ก็ใช่น่ะสิ กัญชาแมวสวรรค์ที่ข้าปลูกเองกับมือเชียวนะ ห้าร้อยปีถึงจะแตกใบหนึ่งครั้ง ในมือของเจ้ามีสี่ใบ ของดีเชียวล่ะ เจ้าหนูนั่นก็แมวยักษ์มีปีกดีๆ นี่เอง หุหุ” สีหน้าของมหาเทวีเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ ยามเอ่ยถึงต้นกัญชาแมวสวรรค์ ที่นางเอาไว้ใช้ทำข้อแลกเปลี่ยนกับเทพไป๋หู่ยามต้องการความช่วยเหลือ ‘เจ้าเสือขาวนั่นก็แมวยักษ์เหมือนกัน’บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /2 หน้าทางเข้าป่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาเดินเคียงข้างมากับรวี่เยว่ นำเด็กสาวมาส่งยังทางเข้าป่าเพื่อทำภารกิจด้วยตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ฉายแววกังวลระคนห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน จนหลายคนเหลือบมองท่านหญิงเมิ่งที่ยืนอยู่ข้างองค์ราชินีด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ เฉียนเยียนหรานที่ยืนรวมกลุ่มอยู่กับศิษย์คนอื่นๆลอบยิ้ม ในใจกำลังสาปแช่งให้รวี่เยว่ตกตายด้วยฝีมือสัตว์อสูรระดับสูงในป่า “รวี่เยว่ระวังด้วย อย่าให้ตัวเองต้องเป็นอันตราย หากไม่ไหวจริงๆ ให้ยิงพลุสัญญาณ ข้าจะเข้าไปรับเจ้าออกมาเอง” เขาคาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญ จะกดดันให้รวี่เยว่ต้องทำการพิสูจน์ตนเองเร็วขนาดนี้ ตบะของนางยังไม่ถึงระดับหยวนอิงด้วยซ้ำ ตัวเขาคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล สุดท้ายจึงต้องจำยอมปฏิบัติตามกฎที่บัญญัติไว้ ความจริงระดับตบะของรวี่เยว่ผ่านระดับหยวนอิงมาพักหนึ่งแล้ว นางแค่รอให้ผ่านวันปักปิ่นไปก่อนถึงจะยอมเปิดเผยพลังที่แท้จริง เมิ่งเฟยหลิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาอ่อนโยนของอวี้เหวินเทียนหยา ยามทอดมองรวี่เยว่ ทีกับนางเขามีแต่ค
บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/1 ตลอดเส้นทาง สัตว์อสูรระดับสูงที่สมควรปรากฏตัว กลับหายหัวไปไหนกันหมดไม่รู้ องครักษ์ที่ลอบตามมาห่างๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความงวยงง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรหายไปไหนกันหมด” “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ก็มาด้วยเนี่ย” “พวกเจ้าอย่ามัวเถียงกัน ธิดาเทพหายไปแล้ว! นี่มันใกล้อาณาเขตของพยัคฆ์อนธการเข้าไปทุกที หากหลงเข้าไปมีหวัง…” องครักษ์ไม่กล้าคิดต่อ เกิดนางเป็นอะไรขึ้นมา ชินอ๋องฆ่าพวกเขาทิ้งแน่! ทางด้านรวี่เยว่หลังจากแอบหลบฉากมาได้ นางก็รีบกินยากลบกลิ่นอายของตนเอง และเป็นเพราะกลิ่นอายจากเกล็ดมังกรทองของมหาเทพหวงหลง ช่วยข่มขวัญบรรดาสัตว์อสูรทุกระดับในป่าอสูรแห่งนี้ รวี่เยว่จึงเดินทางมาถึงหน้าบ้านของเป้าหมายได้อย่างสะดวกราบรื่นและรวดเร็ว รวี่เยว่ตระเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่ได้รับมาจากมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ ก่อนสาวเท้าไปยืนหน้าปากถ้ำของ เสี่ยวเฮยมาว ตามที่อาจารย์หญิงใช้เรียกพยัคฆ์อนธการ ทั้งที่ความจริงชื่อของมันคือ เย่หมิง! กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง เสียงกระพรวนสายรุ้งดังขึ้น พยัคฆ์อนธการสีเทาเข้มมีปีกสีดำตัวมหึมาลืมตาขึ้นทันที ดวงตาสีเขียวประดุจอัญมณีวาวโรจน
บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/2 “ข้ามอบให้ท่านได้เจ้าค่ะ เพียงแต่…ท่านต้องกลับไปกับข้า เพราะอาจารย์หญิงสั่งไว้ว่า อะ แฮ่ม” รวี่เยว่ดึงมือที่กำใบกัญชาแมวกลับมา เงยหน้าสบตาแมวยักษ์ตรงหน้า กระแอมเล็กน้อย ก่อนถ่ายทอดคำสั่งที่ได้รับมาจากมหาเทวี “เสี่ยวเฮยมาว ลูกศิษย์ของข้าเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ เจ้าจงติดตามนางออกไปจากป่า ทำหน้าที่สหายที่ดีของนาง หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะส่งสายฟ้ามาหวดก้นปุกปุยของเจ้าเสีย!” กล่าวจบรวี่เยว่ก็แบมือทั้งสองข้างออกพร้อมกัน อัคคีหิรัณย์และอัคคีนิลกาฬปรากฏต่อสายของเสี่ยวเฮยมาว “มหาธาตุหยินหยาง!!! นี่เจ้าครอบครองมหาธาตุหยินหยางจริงๆ อย่างนั้นรึมนุษย์” ร่างยักษ์กระโจนผลุงมาหยุดอยู่ตรงหน้ารวี่เยว่ ดวงตาจ้องมองไฟธาตุทั้งสองอย่างตื่นตะลึง รวี่เยว่ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้อีกต่อไป เมื่อได้เห็นความนุ่มฟูในระยะประชิด นางดับไฟธาตุในมือ เอากัญชาแมวสวรรค์ออกมามอบให้พยัคฆ์อนธการ อีกฝ่ายรีบรับไปอย่างลิงโลดหลังจากถูๆไถๆ สูดดมไปได้ครู่หนึ่ง อาการแมวยักษ์เมากัญชาสวรรค์จึงปรากฏ รวี่เยว่รีบฉวยโอกาส เขย่ากระพรวนสายรุ้งพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงเว้าวอน กรุ๊ง กริ๊ง “พ่อพยัคฆ์สุดหล่อ กลับไป
บทที่ 18 โทสะขององค์ราชา/1 “ก็ใช่น่ะเซ่! โฮกกก!!…สตรีหน้าโง่คนนี้ ดันมากล่าวหาว่าข้าเป็นแมวจรจัด สามหาวยิ่งนัก! ไม่มีสมองหรืออย่างไร แมวธรรมดาที่ไหนจะมีปีก โง่แล้วยังปากเสีย! “เสี่ยวเฮยมาวอารมณ์ขึ้น หันมาคำรามใส่ฝูงชนจนผู้ที่มีระดับตบะอ่อนด้อย ปลิวหายกันไปคนละทิศละทาง เหลือเพียงผู้ที่มีตบะระดับหยวนอิงขึ้นไปที่ยังยืนอยู่ได้ ก่อนหันกลับมาบริภาษเฉียนเยียนหราน ที่นอนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวสุดขีดอยู่ใต้กรงเล็บต่ออย่างไม่ไว้หน้า อยากมาว่าสุดหล่ออย่างมันเป็นแมวจรจัดก่อนทำไม เคืองนะเฟ้ย!!! ผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญหน้าซีดขาว หันมองชินอ๋องทำนองขอความช่วยเหลือ “เรื่องนี้ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้ ท่านคงต้องเจรจากับธิดาเทพเอง เพราะนางเป็นผู้นำพยัคฆ์อนธการออกมา” เฉียนเยียนหรานหวาดกลัวจนปัสสาวะราด สะอึกสะอื้นปานขาดใจอย่างเสียขวัญ หากอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกรา นางคงแดดิ้นอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อเสี่ยวเฮยมาวได้กลิ่นปัสสาวะ มันรีบถอนกรงเล็บออกจากลำคอของหญิงสาว ขยับตัวถอยกรูดอย่างรวดเร็ว เปล่งเสียงเหยียดหยามกึ่งประจานออกมาดังลั่น “อี๋ น่าขยะแขยง สกปรกที่สุด! นอกจากโง่แล้วยังไร้ยางอาย มาปล่อยปัสสาวะเรี่ยราดอย
บทที่ 18/2 โทสะขององค์ราขา องค์ราชินีที่อยู่ ณ ตรงนั้นด้วยถึงกับหน้าม้าน เหลือบไปเห็นสายตาคมกริบราวสังหารคนได้ของอวี้เหวินเทียนหยา นางรีบหลบตาอีกฝ่าย แสร้งเหลือบมองสวามีที่สีหน้าเริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอย่างนั้นรึธิดาเทพ!” องค์ราชา อวี้เหวินเทียนเหิง แววตาแข็งกร้าว เมื่อรู้ว่ามีคนกล้าลอบทำร้ายธิดาเทพ นั่นเท่ากับไม่เห็นองค์ราชาอย่างเขาอยู่ในสายตา ตำแหน่งธิดาเทพเขาเป็นผู้แต่งตั้ง นางประหนึ่งเป็นตัวแทนของเขา เมื่อต้องออกไปพบผู้คนในมหาพิภพทงเทียนเหอ แตะต้องนางก็เท่ากับแตะต้องเขา! รวี่เยว่ที่ยืนก้มหน้าปิดปากเงียบมาตลอด เผยสีหน้าเจ็บปวดระคนผิดหวัง ดวงตาดอกท้อคู่งามรื้นน้ำสั่นระริก ล้วงบางอย่างออกมาจากแหวน มอบให้องค์ราชาผ่านอวี้เหวินเทียนหยา “เพคะ ฝ่าบาท หากไม่ได้ท่านเย่หมิง ป่านนี้หม่อมฉันคงสิ้นชื่อไปแล้ว นี่คือหลักฐานที่หม่อมฉันเก็บมาจากศพของมือสังหารเหล่านั้นเพคะ” เสียงของนางสั่นเครือ น้ำตาเม็ดโตราวไข่มุกไหลรินอาบดวงหน้าสะคราญ งดงามบอบบางราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน หลายคนเห็นแล้วอดปวดใจไม่ได้ คงมีเพียงองค์ราชินีที่นั่งกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น แอบบริภาษเด็กสาวอย
บทที่ 19/1 การเอาคืนของธิดาเทพผู้ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างรวี่เยว่ เวลานี้กำลังนั่งแปรงขนให้แมวยักษ์เมากัญชาแมวสวรรค์อยู่บนพรมขนสัตว์สีขาวกลางห้องนอนเสี่ยวเฮยมาวนอนแผ่หลา หลับตาพริ้มด้วยความสำราญใจ ชีวิตนี้จะมีอะไรดีไปกว่า การได้มีนางทาสคอยปรนนิบัติแปรงขน ป้อนอาหาร เอ่ยวาจาฉอเลาะว่ามันคือพยัคฆ์ที่หล่อเหลาที่สุดในใต้หล้า จากนั้นก็เอาหน้าสวยๆ ของนาง มาฟัดแก้มฟัดพุงปุกปุยของมันแม้แต่แมวสาวอย่างจวี๋จื่อยังมาช่วยนวดพุงให้มันอย่างประจบประแจง“ท่านเย่หมิงเจ้าคะ นวดแบบนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ” หากนวดถูกใจพยัคฆ์หนุ่ม คืนนี้มันจะได้ไม่ต้องถูกแย่งที่นอน!“อืม ฝีมือนวดพุงของเจ้านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ จวี๋จื่อน้อย” เสี่ยวเฮยมาวส่งเสียงตอบกลับมาอย่างพอใจครู่หนึ่งเสี่ยวหลานก็บินกลับมา มันกระซิบบางอย่างข้างๆหูของรวี่เยว่ คนฟังแววตาทอประกายวาบ“ขอบใจมากเสี่ยวหลาน” จากนั้นจึงเอ่ยปากชวนสิ่งมีชีวิตเพศผู้ตัวเดียวในห้อง“สุดหล่อของข้า พวกเราไปเยี่ยมเยียนเฉียนเยียนหรานกันสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ นางยังติดค้างคำขอโทษท่านอยู่เลยนะ”ร่างยักษ์พลิกตัวเปลี่ยนเป็นนอนตะแคง เหยียดแข้งขาบิดขี้เกียจ ก่อนลุกขึ้นมายืนเต็มตัว“อืมม จ
บทที่ 19/2 การเอาคืนของธิดาเทพ“ข้าไม่ผิด! ข้าไม่รู้นี่ว่ารวี่เยว่พาพยัคฆ์อนธการกลับมา ใครใช้ให้นางปิดปากเงียบไม่ยอมบอกว่าแมวตัวนั้นคือราชันย์แห่งภูผากันล่ะ หากจะโทษก็ต้องโทษนาง นางตั้งใจให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเองนะ”เพียะ! เสียงหลังมือกระทบใบหน้าของเฉียนเยียนหรานดังขึ้น ร่างของหญิงสาวกระเด็นไปหลายจั้ง รวี่เยว่ยืนแผ่ไอสังหารดำทะมึนครอบคลุมไปทั้งโถง บรรยากาศหนาวเยือกเข้ากระดูก น่าพรั่นพรึงพอๆกับไอสังหารของอวี้เหวินเทียนหยายามไม่สบอารมณ์ในพริบตาต่อมารวี่เยว่แวบมาปรากฏตรงหน้าของเฉียนเยียนหราน ก้มลงจิกผมของอีกฝ่ายลากไปเหวี่ยงลงเบื้องหน้าเสี่ยวเฮยมาวอย่างไม่ออมแรงปั้ก! โอ้ยยย“ช่างโง่เง่าสามหาวไม่รู้สำนึก ตำแหน่งของข้าคือธิดาเทพ เจ้าลืมไปแล้วรึ! ดูท่าว่าที่ผ่านมาข้าคงใจดีกับเจ้าเกินไปสินะเฉียนเยียนหราน จะยอมคุกเข่าโขกศีรษะให้ท่านเย่หมิงดีๆ หรือต้องให้ข้าใช้กำลังบังคับ!!” กล่าวจบก็ปล่อยแรงกดดันกระแทกเฉียนเยียนหรานจนเข่าทรุดร่างยักษ์บนตั่งยกอุ้งเท้าขึ้นมา กางกรงเล็บสีดำยาวโง้งคมกริบให้เห็น ปรายตามองหญิงสาวบนพื้นอย่างข่มขู่“ข้ารอเจ้าขอขมาอยู่นะ แต่หากชักช้าไปกว่านี้ ข้าจะเริ่มอารมณ์เสีย…ยังจำ
บทที่ 20/1 ความลับที่ซ่อนไว้เชลยทั้งสามที่ถูกจับตัวมา กระชากเชือกที่ใช้มัดพวกตนออก หนึ่งในนั้นเหาะขึ้นไปยืนเคียงข้างรวี่เยว่ อีกสองคนกลายร่างเป็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลาเย็นชา ยืนกอดอกหลุบตามองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์อันที่จริงรวี่เยว่ลงมาถึงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว นางขอให้เสี่ยวเฮยมาวอยู่กับหุ่นภูตอีกตัวที่แปลงร่างเป็นนาง ทำทีว่าปิดด่านบำเพ็ญเพิ่มตบะอยู่ จากนั้นจึงค่อยลักลอบลงมาทีหลัง แผนล่อเสือออกจากถ้ำได้ผลตามคาดร่างบางร่อนลงมายืนบนพื้น ขอให้เสี่ยวเฮยมาวถอนแรงกดดันออก นางปล่อยพลังบางอย่างออกมาจากกายจากนั้นตรงไปหาเมิ่งอวี้เซียงเพื่อไต่ถาม เรื่องที่ลอบส่งนักฆ่ามาสังหารนางอยู่เนืองๆเมื่อปราศจากแรงกดดัน เมิ่งอวี้เซียงจึงเตรียมตัวปลดปล่อยพลังเพื่อต่อสู้ ทว่ากลับถูกพลังของเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์สะกดไว้ เวลานี้ทั้งตัวนาง เมิ่งเฟยหลิงและมือสังหารจากสกุลเมิ่งทุกคน จึงมิต่างจากคนไร้พลังธาตุผู้ที่สามารถต้านทานเขตแดนนี้ได้คือผู้ที่ครอบครองธาตุมืดเท่านั้น“ปะ เป็นไปไม่ได้ นี่มันเขตแดนของผู้ที่มีอัคคีหิรัณย์ระดับหยวนอิงนี่ ไยเจ้าถึงมีมันได้!!”รวี่เยว่ใช้มือซ้ายเชยคางของเมิ่งอวี้เซียงขึ้น
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ