Share

ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ
ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ
Penulis: หลันซานอวี่

บทที่ 1

Penulis: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งฟื้นคืนสติอย่างงงงวย ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง

“นังตัวดี ข้าชอบเจ้านั้นเป็นวาสนาของเจ้า!”

“เจ้ายังกล้ากัดข้าอีกหรือ? แรงแค่นี้คิดว่าสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้งั้นหรือ?”

“ปรนนิบัติข้ากับพวกพี่น้องให้มีความสุขแต่โดยดี แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากับเจ้าเด็กนั่น!”

“ไม่เช่นนั้น รอพวกเราพี่น้องทุกคนสนุกกับเจ้าจนพอแล้ว จะขายพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ซ่องเสีย!”

ความรู้สึกเจ็บแสบที่แก้ม ทำให้สติของอวิ๋นฝูหลิงแจ่มชัดขึ้นหลายส่วน

ความโกรธอันไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนาง

นางเป็นหมอเทวดาที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในฐานปฏิบัติการโลกวิบัติ ใครหน้าไหนมันอยากตายถึงกล้าทำแบบนี้กับนาง?

นางลืมตาขึ้น ก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังกุมใบหูที่มีเลือดไหลพลางฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางด้วยสีหน้าหื่นกาม

และยังมีผู้ชายอีกหลายคนยืนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ อย่างหยาบคาย

“นังตัวดีนี่นิสัยรุนแรงใช้ได้ เมื่อครู่เกือบกัดหูลูกพี่ขาด”

“นิสัยรุนแรงแบบนี้สิถึงจะมีรสชาติ…”

“ลูกพี่ ท่านรีบจัดการเถอะ พวกเรายังรอสนุกอยู่นะ อีกเดี๋ยวมีคนมาก็อดหรอก”

“วางใจเถอะ วันนี้ฝนตกหนักเช่นนี้ ไม่มีคนมาแน่นอน พวกเรามีเวลาอีกเยอะ ค่อยๆ สนุกดีกว่า…”

ชายที่สีหน้าหื่นกามกระชากเสื้อชั้นนอกของอวิ๋นฝูหลิงหลุด ก็กระโจนเข้าหานางทันที

ความเยือกเย็นวาบผ่านในแววตาอวิ๋นฝูหลิง พลันนึกคิดตามสัญชาตญาณ มีดผ่าตัดเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของนางทันที

มันแทบเป็นการตอบสนองโดยอัตโนมัติ ทันทีที่นางเหวี่ยงมือออกไป ใบมีดที่แหลมคมก็ตัดลำคอของชายคนนั้นจนเปิด

เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา อวิ๋นฝูหลิงขยับหลบตามจิตใต้สำนึก ทำให้บนร่างกายไม่เปื้อนเลือดแม้แต่น้อย

ชายคนนั้นกุมลำคอ เลือดไหลออกมาตามง่ามนิ้วของเขาไม่หยุด

เขาเบิกตากว้างอย่างไม่กล้าเชื่อ มีเสียงอึกอักดังออกมาจากในลำคอ ไม่นานก็สิ้นใจ

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อคนอื่นๆ ตั้งสติได้ อวิ๋นฝูหลิงได้ยันกายลุกขึ้นมาแล้ว

เมื่อมองดูลูกพี่ที่นอนจมกองเลือด ชายทั้งกลุ่มดวงตาแดงก่ำ ระเบิดความโกรธออกมาทันที

“นังตัวดี เจ้ากล้าฆ่าลูกพี่ของข้า!”

“นังแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“ฆ่านาง แก้แค้นให้ลูกพี่!”

คนทั้งกลุ่มโกรธจนตัวสั่น หยิบกระบองไม้ที่อยู่ข้างๆ พุ่งเข้าไปหาอวิ๋นฝูหลิงทันที

มุมปากอวิ๋นฝูหลิงเผยรอยยิ้มอย่างเย็นชา

พวกเศษเดนที่รังแกผู้หญิงและเด็ก ไปตายซะเถอะ!

ร่างกายอวิ๋นฝูหลิงหลบกระบองไม้ที่หวดเข้ามาได้อย่างว่องไว พลันพุ่งพรวดไปตรงหน้าของชายคนแรกที่ลงมือ ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ลำคอก็ถูกมีดปาดผ่านไปแล้ว

จากนั้นก็หมุนกายฉับพลันอย่างปราดเปรียว เผชิญหน้ากับชายคนที่สองที่ตามมาติดๆ ยกมือแทงมีดผ่าตัดเข้าไปที่หัวใจเขาอย่างแรง

ทักษะคล่องแคล่วเฉียบขาด ปลิดชีพในท่าเดียว

นี่เป็นนิสัยที่ถูกปลูกฝังมาจากหลายปีที่ใช้ชีวิตในโลกวิบัติ

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ต้องโจมตีจุดสำคัญโดยตรง ปลิดชีพในท่าเดียว ไม่เพียงสามารถประหยัดพลังงานได้ในระดับที่สูงที่สุด ยังสามารถจบการต่อสู้ในเวลาที่เร็วที่สุด

พริบตาเดียว นางก็ปลิดชีพสองชีวิตติดต่อกัน

เมื่อชายคนสุดท้ายที่รูปร่างผอมเล็กหน้าตาเจ้าเล่ห์เห็นภาพนี้ ก็ถอยหลังสองก้าวด้วยความตกใจ หน้าซีดทันที

เดิมทีคิดว่านี่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอ พวกเขาสามารถรังแกได้ตามใจชอบ ใครจะรู้ว่าพลาดแล้ว โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ นี่มันปีศาจร้ายที่ตามเอาชีวิตในนรกชัดๆ

เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงดึงมีดออกจากหน้าอกของชายคนนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และดวงตาเยือกเย็นก็มองมาทางเขา ชายที่ผอมเหมือนลิงตกใจจนกรีดร้อง หมุนกายรีบวิ่งออกไปข้างนอก

อวิ๋นฝูหลิงรู้หลักการที่ว่ากำจัดหญ้าต้องถอนโคน นางยกเท้าไล่ตามไปทันที

แต่ร่างกายร่างนี้อ่อนแอเกินไป การต่อสู้เมื่อครู่ มันเป็นการที่นางใช้เจตจำนงฝืนประคับประคองเอาไว้

ไล่ตามได้ไม่กี่ก้าว นางก็หมดแรงแล้ว ได้แต่มองดูชายที่ผอมเหมือนลิงวิ่งล้มลุกคลุกคลานฝ่าเข้าไปในสายฝน ไม่นานก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

อวิ๋นฝูหลิงยืนจับขอบประตูหอบหายใจสองที

ไม่ว่าอย่างไรก็นับว่าแก้ไขวิกฤตตรงหน้าได้แล้ว ตอนนี้นางปลอดภัยชั่วคราว

นางเงยหน้ากวาดมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ

กระท่อมมุงจาก เตียงเตา[1] การแต่งตัวที่เหมือนคนโบราณ…

ในนี้มองอย่างไรก็ไม่เหมือนโลกวิบัติที่นางเคยอยู่

ประกอบกับในสมองมีเศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางเพิ่มเข้ามาด้วย

คราวนี้อวิ๋นฝูหลิงเข้าใจแล้ว แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ว่าวิญญาณของนางเดินทางข้ามมิติหลังจากตายแล้ว

ในตอนท้ายของความทรงจำ นางสู้กับฝูงซอมบี้ที่บุกเข้ามาในฐานปฏิบัติการ สุดท้ายก็พินาศไปพร้อมกัน

ตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ข้ามมิติมาอยู่ในร่างของหญิงชนบทที่ชื่อแซ่เดียวกันกับนาง

ที่นี่คือราชวงศ์ต้าฉี แตกต่างจากประวัติศาสตร์ที่นางคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง เหมือนเป็นมิติคู่ขนาน

เจ้าของร่างปีนี้อายุยี่สิบปี มีลูกชายอายุสามปีครึ่งหนึ่งคน

สองแม่ลูกและแม่นมของเจ้าของร่างอาศัยอยู่ด้วยกันในหมู่บ้านหลินซาน

เจ้าของร่างเดิมและแม่นมเวลาอยู่ข้างนอกเรียกตัวเองว่าแม่กับลูก ส่วนพ่อของเด็กไม่เคยพูดถึง

เมื่อหนึ่งเดือนก่อน แม่นมเกิดพลัดตกเสียชีวิตระหว่างขึ้นเขาเก็บเห็ด

หลังจากไม่มีการปกป้องของแม่นม ส่วนเจ้าของร่างเดิมก็งดงามอรชรอ้อนแอ้น ไม่นานก็ตกเป็นเป้าหมายของคนที่มีจิตใจวิปริตกลุ่มหนึ่ง

บังเอิญช่วงนี้ฝนตกหนักติดต่อกัน คนกลุ่มนั้นอาศัยโอกาสนี้บุกเข้ามาในบ้านของเจ้าของร่างเดิม คิดจะทำเรื่องอนาจารกับเจ้าของร่างเดิม

ภายใต้การดิ้นรนของเจ้าของร่างเดิม เกิดศีรษะกระแทกขึ้นมา

ตอนที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายก็สลับวิญญาณแล้ว

อาจเป็นเพราะเจ้าคนร่างเดิมศีรษะกระแทก ความทรงจำของเจ้าของร่างที่อวิ๋นฝูหลิงได้รับนั้น จึงเป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ไม่สมบูรณ์

จากเศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านั้น อวิ๋นฝูหลิงสามารถปะติดปะต่อได้เพียงความทรงจำบางส่วนของเจ้าของร่างเดิมตอนใช้ชีวิตในหมู่บ้านหลินซาน ส่วนความทรงจำอื่นๆ นั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ คลุมเครือไม่ชัดเจน

นึกถึงชาติที่แล้วนางหมกมุ่นอยู่กับทักษะการแพทย์ กระทั่งอายุยี่สิบหกก็ยังไม่เคยมีความรัก ต่อมาวันโลกาวินาศมาเยือน ระบบพังทลาย ซอมบี้อาละวาด สิ่งเดียวที่นางคิดทุกวันคือพยายามอยู่รอดต่อไป

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้อยู่ในต่างโลก จะกลายเป็นแม่คนโดยไม่ต้องเจ็บปวดไปแล้ว!

สายตาอวิ๋นฝูหลิงมองเด็กตัวน้อยที่อยู่บนเตียง

เด็กชายตัวน้อยนุ่มนิ่มหลับตาสนิท หมดสติไม่รู้ตัว

นี่คือลูกชายของเจ้าของร่างเดิม ชื่ออวิ๋นจิงมั่ว

อวิ๋นฝูหลิงเข้าไปจับชีพจร ตรวจดูอาการของเขาหนึ่งรอบ

ยังดีที่เขาแค่สูดดมควันยาสลบเข้าไปเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก

เพียงแต่เด็กคนนี้มีอาการบกพร่องเล็กน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ร่างกายจึงผอมและอ่อนแอกว่าเด็กทั่วไปในวัยเดียวกันมาก

จากนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จับชีพจรให้ตัวเอง

ร่างกายร่างนี้ของนางเกิดภาวะคลอดยากตอนคลอดลูก ร่างกายได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการบำรุงอย่างทันท่วงที ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดจาง ประกอบกับมีภาวะซึมเศร้า ยากจะบรรเทาได้ เมื่อนานวันเข้าจึงกลายเป็นโรคเรื้อรัง

สามารถกล่าวได้ว่าร่างกายร่างนี้ของนาง ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ฉีกขาด

นางแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็หน้ามืดตาลาย หายใจถี่ เหมือนหายใจไม่ทัน

เดินทางข้ามมิติมาอยู่ในร่างกายเช่นนี้ อารมณ์ของอวิ๋นฝูหลิงยากจะอธิบายเป็นคำพูด

หากหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในมิติของนางยังอยู่ก็ดีสิ!

อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจยาวหนึ่งที หลุบตาเห็นมองมีดผ่าตัดที่ตัวเองถืออยู่ในมือ จึงจะตระหนักได้ฉับพลัน เหมือนว่ามิติที่ตื่นขึ้นตอนอยู่ในโลกวิบัติของนางจะตามมาด้วย

นางรีบรวบรวมสมาธิ ให้จิตใต้สำนึกจมเข้าไปในมิติ

พริบตาต่อมา ภาพตรงหน้าของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Sranya
เอาฮูหยินผู้เฒ่าไปนอนกะอ๋องเฉิงซะเลย
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 652

    พระราชนัดดาองค์อื่นที่ได้รับเกียรติเช่นนี้ มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นครั้นหันมองครอบครัวตนเอง ก่อนหน้านี้ไม่นานองค์ชายสามเพิ่งถูกฮ่องเต้จิ่งผิงติเตียนไป ทั้งยังกักตัวเขาไว้ในจวนอ๋องพระชายาองค์ชายสามรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจมากเป็นพิเศษในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หากมิใช่เพราะต้องการเลี่ยงมิให้ผู้อื่นจับผิด แล้วกุมจุดอ่อนของจวนองค์ชายสามไว้ได้อีก วันนี้พระชายาองค์ชายสามคงไม่เหยียบย่างมาถึงที่นี่แน่ก็แค่งานเลี้ยงวันเกิดของเด็กคนหนึ่งเท่านั้นอีกทั้งมิใช่งานเลี้ยงใหญ่โตที่มีความหมายพิเศษอันใด ควรค่าแก่การที่นางซึ่งเป็นถึงผู้อาวุโสมากกว่าต้องมาร่วมงานถึงที่นี่เชียว?จนใจที่ยามนี้สถานการณ์ของจวนองค์ชายสามมิสู้ดี กอปรกับเจ้าเด็กน่าชังอย่างเซียวจิงมั่วได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้จิ่งผิง หลายครั้งหลายคราวก่อนหน้านี้ถึงขั้นพาเขาไปท้องพระโรงด้วย หลังจากพระชายาองค์ชายสามหารือกับองค์ชายสามแล้ว จึงตัดสินใจพาบุตรชายมาเยี่ยมเยือนถึงที่นี่สักครั้งเป็นการดีที่จะได้แสดงให้ฮ่องเต้จิ่งผิงเห็นถึงความรักความเมตตาที่พวกเขามีต่อหลานชายงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ เซียวจิงมั่วเฉลิมฉลองอย่างสุขใจเป็นพิเศษ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 651

    ผู้คนส่งเสียงจอแจ พูดคุยกันสนุกสนานครื้นเครงเซียวคังถูกเบียดไปยังอีกฝั่งฟาก ครั้นเห็นเซียวจิงมั่วจูงเสือตัวหนึ่งออกมาจริง ใบหน้าก็ประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดงด้วยความอับอายแม้เสือขาวตัวนี้จะเป็นเพียงเสืออ่อนวัย ทว่าก็เป็นเสือจริงๆ!เซียวลี่เห็นเซียวคังสีหน้าดูไม่ได้ พลันก็เหมือนจะรู้สึกยินดีปรีดาขึ้นมาก็ไม่ปาน เขาเท้าเอวพลางกล่าวว่า“ใครกันนะที่บอกว่าจิงมั่วของพวกเราพูดโกหกหลอกลวงผู้อื่น?”ว่าจบ เขาก็แค่นเสียงร้องเฮอะแรง ๆ ไปทางเซียวคัง จากนั้นจึงทำหน้าทะเล้นเซียวคังโมโหจนใบหน้าแดงเถือกเขาลอบกัดฟันกรอด ในใจทั้งเดือดดาลทั้งเกลียดชังเลื่อนสายตาไปอยู่ที่เสือขาวน้อยตัวนั้น ในดวงตาพลันประกายแววอาฆาตเคียดแค้นทำไมเซียวจิงมั่วถึงเลี้ยงเสือขาวให้เชื่องได้?ทำไมกัน ไม่เพียงแค่บิดาของเซียวจิงมั่วเท่านั้นที่เหนือกว่าท่านพ่อของตน กระทั่งวันนี้มันก็ยังเหนือกว่าตนด้วย?เขาไม่ยอม!ทุกคนล้วนเข้าไปมุงดูเจ้าเสือขาวตัวน้อยด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครเลยที่สนใจความรู้สึกของเซียวคังหลังจากเหล่าพระราชนัดดาไม่กี่คนที่มีความสัมพันธ์ดี ๆ กับเซียวจิงมั่วได้รับคำอนุญาตจากเขา ก็ยังได้รับเกียรติให้ได้ล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 650

    เซียวคังที่รู้สึกไม่สบอารมณ์ จู่ ๆ ก็ได้ยินคนพูดขึ้นมาว่า “จิงมั่ว ได้ยินว่าเจ้าเลี้ยงเสือขาวตัวหนึ่งไว้ ให้พวกเราดูได้หรือไม่?”เซียวคังได้ยินคำว่า ‘เสือขาว’ สองพยางค์นี้ ก็หยุดเล่นเครื่องเล่นลื่นไถลที่ชอบที่สุดทันที และรีบเบียดเข้าไปโดยพลันเนื่องจากการเข้าออกวังหลวงต้องถูกตรวจสอบ เสือขาวที่ดุร้ายเช่นนี้ ย่อมไม่ได้รับอนุญาตให้พาเข้าไปในวังหลวงดังนั้นก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ในห้องทรงพระอักษร ก็มีคนพูดเรื่องที่เซียวจิงมั่วเลี้ยงเสือขาวขึ้นมา แต่ก็ล้วนถูกเขาปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่สามารถพาเข้ามาในวังหลวงได้วันนี้มาถึงจวนอี้อ๋อง จึงมีคนที่ทนความสงสัยในใจไม่ได้ อยากเห็นเสือขาวตัวนั้นที่เซียวจิงมั่วเลี้ยงไว้นั่นคือเสือสีขาวเชียวนะ!พวกเขาต่างเคยเห็นเสือแค่ในภาพวาด ไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน!เซียวคังเห็นเซียวจิงมั่วไม่ได้พูดอันใด ก็กล่าวเสียดสีทันที “เซียวจิงมั่ว เจ้าคงมิได้โกหกใช่หรือไม่?”“ที่แท้เจ้าก็ไม่มีเสือขาว!”เซียวลี่รู้ว่าเซียวคังไม่ชอบเซียวจิงมั่วมาโดยตลอด ยามอยู่ที่ห้องทรงพระอักษรก็หาเรื่องเซียวจิงมั่วอยู่บ่อยครั้งยามนี้เมื่อเห็นเขากำลังจะก่อเรื่องอีกครา ก็กล่าวขึ้นมาโดยพลัน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 649

    เซียวจิ่งอี้มิใช่คนไร้ความอดทนขอเพียงองค์ชายสามไม่สร้างปัญหาโดยตรง ไม่ล้ำเส้นของเขา การจะกลายเป็นผู้มั่งคั่งที่นั่งกินนอนกินได้ในอนาคตก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ไม่รู้ว่าองค์ชายสามจะเข้าใจเจตนาอันดีของฮ่องเต้จิ่งผิงหรือไม่ความคิดเหล่านี้ผ่านไปจากความคิดของเซียวจิ่งอี้ หลังจากนั้นก็ถูกเขาโยนทิ้งไป เพราะยุ่งอยู่กับการต้อนรับแขกที่มาเยือนวันนี้วันนี้แขกผู้ชายรับประทานอาหารที่หน้าจวน ส่วนแขกผู้หญิงอยู่ในห้องอุ่น ๆ ข้างเรือนชิงเฟิงพวกเด็ก ๆ ต่างอยู่ในเรือนชิงเฟิงเมื่อเข้ามาในเรือนชิงเฟิง เครื่องเล่นเหล่านั้นที่อวิ๋นฝูหลิงทำ ก็ครองใจเหล่าเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดีในบรรดาเด็กเหล่านี้ บุตรชายคนโตขององค์ชายใหญ่ที่อายุมากที่สุด ปีนี้อายุสิบสามปีแต่ไม่ว่าจะเป็นเด็กโตหรือเด็กเล็ก ก็ล้วนไม่อาจหนีจากความมหัศจรรย์ของสวนสนุกในร่มได้เสียงหัวเราะสนุกสนานดังออกมาจากในเรือนชิงเฟิงไม่หยุดแม้แต่เหล่าพระราชนัดดาที่ก่อนหน้านี้ไม่ชอบเซียวจิงมั่ว ยามนี้ก็หลงใหลในพวกเครื่องเล่นลื่นไถล ทำให้ความเป็นศัตรูที่มีต่อเซียวจิงมั่วน้อยลงหลายส่วนและมีคนอิจฉาเซียวจิงมั่วมากขึ้นแม้จะเกิดที่ภายนอก และก่อนหน้า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 648

    รูปแบบงานเลี้ยงเช่นนี้ นางไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อนอวิ๋นฝูหลิงยิ้มพลางอธิบาย “งานเลี้ยงวันนี้เป็นแบบบริการตัวเอง”“สิ่งที่เรียกว่างานเลี้ยงบริการตัวเอง คือสามารถเลือกอาหารและเครื่องดื่มได้ตามใจ อยากกินสิ่งใดก็หยิบสิ่งนั้น”“หลังจากหยิบอาหารแล้ว สามารถนั่งหรือยืนได้ตามใจ ไปกินอาหารกับผู้อื่นได้ตามสะดวก”“หากอยากนั่งพักผ่อน ในเรือนปีกตะวันออกก็มีโต๊ะเก้าอี้...”หลังจากพระชายาองค์ชายห้าได้ยินคำอธิบายของอวิ๋นฝูหลิง จึงเพิ่งเผยสีหน้าเข้าใจออกมา“รูปแบบการกินอาหารเช่นนี้เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก”“แต่ฟังดูน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง”พี่สะใภ้น้องสะใภ้ทั้งสองพูดคุยกันครู่หนึ่ง ก็ได้ยินคนใช้รายงานว่ามีแขกมาถึงแล้วอวิ๋นฝูหลิงปล่อยให้พระชายาขององค์ชายห้าอยู่ตามสบาย และไปที่ประตูรองเพื่อต้อนรับแขกเซียวจิงมั่วในฐานะนายน้อยของจวนอี้อ๋อง เป็นเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้ ย่อมต้องไปต้อนรับแขกเซียวลี่ซึ่งเดิมทีอยากจะเล่นสนุกต่อเห็นเช่นนั้น หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ก็ไปที่โถงด้านหน้ากับเซียวจิงมั่ว เพื่อช่วยต้อนรับแขกนี่เป็นการแสดงว่าเขาคือเพื่อนสนิทของเซียวจิงมั่ว!ผู้อื่นอย่าได้คิดจะผ่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 647

    ณ เรือนชิงเฟิงบนโต๊ะยาวที่ต่อกันเป็นแถวยาวเหยียด วางขนมอบและผลไม้หลายชนิดไว้ขนมอบเหล่านั้นไม่ใช่ขนมอบพุทราน้ำผึ้งหรือขนมอบถั่วเขียวที่เห็นได้ทั่วไป แต่ทำให้กลายเป็นรูปสัตว์นานาชนิดมีหมีน้อย กระต่าย หมูน้อยและอื่น ๆมีความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กน้อยไร้เดียงสาแผ่ออกมาในเรือนใช้ถ่านไฟสร้างความอบอุ่น วางเครื่องเล่นมากมายไว้ ทั้งเคลื่อนเล่นลื่นไถลของเด็ก ไม้กระดก ชิงช้า สะพานไม้ ตาข่ายปีนป่ายและอื่น ๆ บนโต๊ะที่มุมยังมีกองของเล่นเล็ก ๆ อย่างพวกแผ่นตัวต่อปริศนาเจ็ดแผ่น ลูกบิด และเก้าห่วงปริศนาด้วยเซียวจิงมั่วจูงมือเซียวลี่ แนะนำทุกอย่างให้เขา“ของพวกนี้ท่านแม่ของข้าทำให้ข้าหมดเลย”“ท่านแม่ของข้าเก่งที่สุด!”เซียวจิงมั่วเชิดคาง ทั้งร่างเต็มไปด้วยความสุขมีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเมื่อเช้านี้เมื่อได้เห็นของพวกนี้ เขาตกใจมากเพียงใดเซียวลี่ร้องอุทานออกมาเสียงหนึ่ง รู้สึกแค่ว่าดวงตาของเขายังมองไม่พอ“จิงมั่ว อาสะใภ้เจ็ดเก่งมากเลย ทำของได้หลายสิ่งจริงๆ”“ถ้าอาสะใภ้เจ็ดเป็นแม่ข้าก็คงดี!”เซียวจิงมั่วกอดอก “นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก นางเป็นแม่ข้า!”เซียวลี่ก็แค่พูดเท่านั้น แม้ว่าแม่ของเขาจะไ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 646

    เซียวจิ่งอี้นึกถึงหลายปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาไม่ได้อยู่เคียงข้างเซียวจิงมั่วทั้งยังไม่เคยฉลองวันเกิดเป็นเพื่อนเขาเลยสักคราความรู้สึกผิดและนึกเสียใจผุดขึ้นในใจของเขา“แม่เจ้าพูดถูก พ่อจะชดเชยวันเกิดหลายปีนั้นที่ติดค้างเจ้าทั้งหมด”เซียวจิงมั่วหัวเราะออกมาโดยพลัน แบ่งจูบบนใบหน้าของอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านดีที่สุดเลย!”ส่งเซียวจิงมั่วกลับเรือน หลังกล่อมเขาเข้านอน อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ก็หารือกันเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดของเซียวจิงมั่วเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงอยากให้ครอบครัวพวกเขาสามคน ฉลองวันเกิดที่อบอุ่นทั้งยังยากจะลืมเลือนด้วยกันในเมื่อตอนนี้ต้องเชิญสหายร่วมชั้นเรียนเหล่านั้นของเซียวจิงมั่วจากห้องทรงพระอักษรด้วย อวิ๋นฝูหลิงจึงคิดจะจัดงานสังสรรค์ในวันเกิดสักงานเซียวจิ่งอี้มีใจอยากชดเชยให้เซียวจิงมั่ว ย่อมต้องการจัดงานฉลองวันเกิดครั้งนี้ให้ยิ่งใหญ่ขอเพียงเป็นคำขอของเซียวจิงมั่ว เขาย่อมรับปากเพียงพริบตาเดียว วันนี้ก็ถึงวันเกิดของเซียวจิงมั่วเซียวลี่มาถึงเป็นคนแรกเขาถือเทียบเชิญที่เซียวจิงมั่วเขียนให้ไว้ในมือ เมื่อมาถึงประตูของจวนอี้อ๋อง ก็เอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 645

    หลังจากเซียวจิ่งอี้ไปที่เรือนชิงเฟิงคราหนึ่ง ก็หาโอกาสถามอวิ๋นฝูหลิงว่า “ข้าเห็นสิ่งของแปลก ๆ ที่ทำจากไม้มากมายในเรือนชิงเฟิง เจ้าให้คนทำสิ่งเหล่านั้นเพื่ออะไรหรือ?”“หลังจากทำเสร็จแล้วท่านก็จะรู้เอง” อวิ๋นฝูหลิงพูดจบ ก็กล่าวเตือนอีกครา “นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ข้าจะมอบให้จิงมั่ว”“ท่านอย่าให้เขารู้เชียว ข้าอยากทำให้เขาประหลาดใจสักครา!”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้ว ในใจยิ่งอยากรู้อยากเห็นกว่าเดิมเขาพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”ขณะที่สองสามีภรรยาพูดคุยกัน ทันใดนั้นเองเซียวจิงมั่วก็กระโดดออกมาอย่างกะทันหัน “ท่านพ่อ ท่านแม่...”อวิ๋นฝูหลิงถูกเขาทำให้ตกใจจนสะดุ้งเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าถมึงทึง“จู่ ๆ ทำเสียงดังอันใดกัน ดูสิทำแม่ของเจ้าตกใจหมดแล้ว มิใช่ว่าพ่อเคยสอนเจ้าแล้วหรือ ผู้สูงศักดิ์ต้องทำตัวให้เหมาะสม...”เซียวจิงมั่วก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าตัวเองจะทำให้มารดาตกใจ จึงรีบก้าวไปด้านหน้ากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้“ท่านแม่ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ทั้งหมดเพราะจิงมั่วไม่ดีเอง!”อวิ๋นฝูหลิงลูบหน้าอก เห็นดวงตาของเขาแดงเรื่อ ก็รู้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาคุยซุบซิบกัน จนไม่ทันสังเก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 644

    “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีวัดแห่งหนึ่ง...”น้ำเสียงอ่อนโยนกระจ่างใสดังขึ้นในห้อง เล่านิทานออกมาอย่างน่าฟังลมเหนือพัดมา ลมหนาวจับใจ ทว่าในห้องหลับอบอุ่นเช้าวันรุ่งขึ้นหลังรับประทานอาหารเช้า เซียวจิ่งอี้เรียนหนังสือในห้องทรงพระอักษรเป็นเพื่อนเซียวจิงมั่วเขาได้รู้ผลการเรียนของเซียวจิงมั่วในช่วงนี้จากอาจารย์ของห้องทรงพระอักษรพอดีอวิ๋นฝูหลิงเริ่มจัดการหน้าที่ซึ่งคั่งค้างอยู่ระหว่างช่วงที่นางออกไปข้างนอกมีพวกพ่อบ้านฝู หลิงโหยวและสวี่ตง แม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงจะออกไปข้างนอกระยะหนึ่ง แต่ทุกสิ่งในจวนอ๋องก็ยังเป็นปกติ ไม่มีเรื่องใหญ่อันใดเกิดขึ้น ทางด้านสำนักช่วยชีพกับสวนสมุนไพรก็ดำเนินการได้ตามปกติมีผู้ช่วยที่แบ่งเบาภาระได้ช่างรู้สึกดียิ่งนัก!อวิ๋นฝูหลิงกำลังดูสมุดบัญชี ก็ได้ยินคนเข้ามารายงาน “พระชายา ช่างไม้จางมาถึงแล้วขอรับ”เซียวจิ่งอี้มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถทุกแขนงอยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงเคยขอเขาว่าต้องการช่างที่ทำงานไม้เก่ง ๆ สักหลายคนหน่อยช่างไม้จางผู้นี้มีฝีมือโดดเด่นที่สุดในบรรดาช่างไม้เหล่านั้นหลังจากกลับมาเมื่อวาน อวิ๋นฝูหลิงก็ให้คนไปแจ้งข่าวช่างไม้

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status