Share

ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ
ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ
Author: หลันซานอวี่

บทที่ 1

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งฟื้นคืนสติอย่างงงงวย ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง

“นังตัวดี ข้าชอบเจ้านั้นเป็นวาสนาของเจ้า!”

“เจ้ายังกล้ากัดข้าอีกหรือ? แรงแค่นี้คิดว่าสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้งั้นหรือ?”

“ปรนนิบัติข้ากับพวกพี่น้องให้มีความสุขแต่โดยดี แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากับเจ้าเด็กนั่น!”

“ไม่เช่นนั้น รอพวกเราพี่น้องทุกคนสนุกกับเจ้าจนพอแล้ว จะขายพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ซ่องเสีย!”

ความรู้สึกเจ็บแสบที่แก้ม ทำให้สติของอวิ๋นฝูหลิงแจ่มชัดขึ้นหลายส่วน

ความโกรธอันไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนาง

นางเป็นหมอเทวดาที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในฐานปฏิบัติการโลกวิบัติ ใครหน้าไหนมันอยากตายถึงกล้าทำแบบนี้กับนาง?

นางลืมตาขึ้น ก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังกุมใบหูที่มีเลือดไหลพลางฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางด้วยสีหน้าหื่นกาม

และยังมีผู้ชายอีกหลายคนยืนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ อย่างหยาบคาย

“นังตัวดีนี่นิสัยรุนแรงใช้ได้ เมื่อครู่เกือบกัดหูลูกพี่ขาด”

“นิสัยรุนแรงแบบนี้สิถึงจะมีรสชาติ…”

“ลูกพี่ ท่านรีบจัดการเถอะ พวกเรายังรอสนุกอยู่นะ อีกเดี๋ยวมีคนมาก็อดหรอก”

“วางใจเถอะ วันนี้ฝนตกหนักเช่นนี้ ไม่มีคนมาแน่นอน พวกเรามีเวลาอีกเยอะ ค่อยๆ สนุกดีกว่า…”

ชายที่สีหน้าหื่นกามกระชากเสื้อชั้นนอกของอวิ๋นฝูหลิงหลุด ก็กระโจนเข้าหานางทันที

ความเยือกเย็นวาบผ่านในแววตาอวิ๋นฝูหลิง พลันนึกคิดตามสัญชาตญาณ มีดผ่าตัดเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของนางทันที

มันแทบเป็นการตอบสนองโดยอัตโนมัติ ทันทีที่นางเหวี่ยงมือออกไป ใบมีดที่แหลมคมก็ตัดลำคอของชายคนนั้นจนเปิด

เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา อวิ๋นฝูหลิงขยับหลบตามจิตใต้สำนึก ทำให้บนร่างกายไม่เปื้อนเลือดแม้แต่น้อย

ชายคนนั้นกุมลำคอ เลือดไหลออกมาตามง่ามนิ้วของเขาไม่หยุด

เขาเบิกตากว้างอย่างไม่กล้าเชื่อ มีเสียงอึกอักดังออกมาจากในลำคอ ไม่นานก็สิ้นใจ

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อคนอื่นๆ ตั้งสติได้ อวิ๋นฝูหลิงได้ยันกายลุกขึ้นมาแล้ว

เมื่อมองดูลูกพี่ที่นอนจมกองเลือด ชายทั้งกลุ่มดวงตาแดงก่ำ ระเบิดความโกรธออกมาทันที

“นังตัวดี เจ้ากล้าฆ่าลูกพี่ของข้า!”

“นังแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“ฆ่านาง แก้แค้นให้ลูกพี่!”

คนทั้งกลุ่มโกรธจนตัวสั่น หยิบกระบองไม้ที่อยู่ข้างๆ พุ่งเข้าไปหาอวิ๋นฝูหลิงทันที

มุมปากอวิ๋นฝูหลิงเผยรอยยิ้มอย่างเย็นชา

พวกเศษเดนที่รังแกผู้หญิงและเด็ก ไปตายซะเถอะ!

ร่างกายอวิ๋นฝูหลิงหลบกระบองไม้ที่หวดเข้ามาได้อย่างว่องไว พลันพุ่งพรวดไปตรงหน้าของชายคนแรกที่ลงมือ ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ลำคอก็ถูกมีดปาดผ่านไปแล้ว

จากนั้นก็หมุนกายฉับพลันอย่างปราดเปรียว เผชิญหน้ากับชายคนที่สองที่ตามมาติดๆ ยกมือแทงมีดผ่าตัดเข้าไปที่หัวใจเขาอย่างแรง

ทักษะคล่องแคล่วเฉียบขาด ปลิดชีพในท่าเดียว

นี่เป็นนิสัยที่ถูกปลูกฝังมาจากหลายปีที่ใช้ชีวิตในโลกวิบัติ

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ต้องโจมตีจุดสำคัญโดยตรง ปลิดชีพในท่าเดียว ไม่เพียงสามารถประหยัดพลังงานได้ในระดับที่สูงที่สุด ยังสามารถจบการต่อสู้ในเวลาที่เร็วที่สุด

พริบตาเดียว นางก็ปลิดชีพสองชีวิตติดต่อกัน

เมื่อชายคนสุดท้ายที่รูปร่างผอมเล็กหน้าตาเจ้าเล่ห์เห็นภาพนี้ ก็ถอยหลังสองก้าวด้วยความตกใจ หน้าซีดทันที

เดิมทีคิดว่านี่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอ พวกเขาสามารถรังแกได้ตามใจชอบ ใครจะรู้ว่าพลาดแล้ว โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ นี่มันปีศาจร้ายที่ตามเอาชีวิตในนรกชัดๆ

เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงดึงมีดออกจากหน้าอกของชายคนนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และดวงตาเยือกเย็นก็มองมาทางเขา ชายที่ผอมเหมือนลิงตกใจจนกรีดร้อง หมุนกายรีบวิ่งออกไปข้างนอก

อวิ๋นฝูหลิงรู้หลักการที่ว่ากำจัดหญ้าต้องถอนโคน นางยกเท้าไล่ตามไปทันที

แต่ร่างกายร่างนี้อ่อนแอเกินไป การต่อสู้เมื่อครู่ มันเป็นการที่นางใช้เจตจำนงฝืนประคับประคองเอาไว้

ไล่ตามได้ไม่กี่ก้าว นางก็หมดแรงแล้ว ได้แต่มองดูชายที่ผอมเหมือนลิงวิ่งล้มลุกคลุกคลานฝ่าเข้าไปในสายฝน ไม่นานก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

อวิ๋นฝูหลิงยืนจับขอบประตูหอบหายใจสองที

ไม่ว่าอย่างไรก็นับว่าแก้ไขวิกฤตตรงหน้าได้แล้ว ตอนนี้นางปลอดภัยชั่วคราว

นางเงยหน้ากวาดมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ

กระท่อมมุงจาก เตียงเตา[1] การแต่งตัวที่เหมือนคนโบราณ…

ในนี้มองอย่างไรก็ไม่เหมือนโลกวิบัติที่นางเคยอยู่

ประกอบกับในสมองมีเศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางเพิ่มเข้ามาด้วย

คราวนี้อวิ๋นฝูหลิงเข้าใจแล้ว แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ว่าวิญญาณของนางเดินทางข้ามมิติหลังจากตายแล้ว

ในตอนท้ายของความทรงจำ นางสู้กับฝูงซอมบี้ที่บุกเข้ามาในฐานปฏิบัติการ สุดท้ายก็พินาศไปพร้อมกัน

ตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ข้ามมิติมาอยู่ในร่างของหญิงชนบทที่ชื่อแซ่เดียวกันกับนาง

ที่นี่คือราชวงศ์ต้าฉี แตกต่างจากประวัติศาสตร์ที่นางคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง เหมือนเป็นมิติคู่ขนาน

เจ้าของร่างปีนี้อายุยี่สิบปี มีลูกชายอายุสามปีครึ่งหนึ่งคน

สองแม่ลูกและแม่นมของเจ้าของร่างอาศัยอยู่ด้วยกันในหมู่บ้านหลินซาน

เจ้าของร่างเดิมและแม่นมเวลาอยู่ข้างนอกเรียกตัวเองว่าแม่กับลูก ส่วนพ่อของเด็กไม่เคยพูดถึง

เมื่อหนึ่งเดือนก่อน แม่นมเกิดพลัดตกเสียชีวิตระหว่างขึ้นเขาเก็บเห็ด

หลังจากไม่มีการปกป้องของแม่นม ส่วนเจ้าของร่างเดิมก็งดงามอรชรอ้อนแอ้น ไม่นานก็ตกเป็นเป้าหมายของคนที่มีจิตใจวิปริตกลุ่มหนึ่ง

บังเอิญช่วงนี้ฝนตกหนักติดต่อกัน คนกลุ่มนั้นอาศัยโอกาสนี้บุกเข้ามาในบ้านของเจ้าของร่างเดิม คิดจะทำเรื่องอนาจารกับเจ้าของร่างเดิม

ภายใต้การดิ้นรนของเจ้าของร่างเดิม เกิดศีรษะกระแทกขึ้นมา

ตอนที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายก็สลับวิญญาณแล้ว

อาจเป็นเพราะเจ้าคนร่างเดิมศีรษะกระแทก ความทรงจำของเจ้าของร่างที่อวิ๋นฝูหลิงได้รับนั้น จึงเป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ไม่สมบูรณ์

จากเศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านั้น อวิ๋นฝูหลิงสามารถปะติดปะต่อได้เพียงความทรงจำบางส่วนของเจ้าของร่างเดิมตอนใช้ชีวิตในหมู่บ้านหลินซาน ส่วนความทรงจำอื่นๆ นั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ คลุมเครือไม่ชัดเจน

นึกถึงชาติที่แล้วนางหมกมุ่นอยู่กับทักษะการแพทย์ กระทั่งอายุยี่สิบหกก็ยังไม่เคยมีความรัก ต่อมาวันโลกาวินาศมาเยือน ระบบพังทลาย ซอมบี้อาละวาด สิ่งเดียวที่นางคิดทุกวันคือพยายามอยู่รอดต่อไป

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้อยู่ในต่างโลก จะกลายเป็นแม่คนโดยไม่ต้องเจ็บปวดไปแล้ว!

สายตาอวิ๋นฝูหลิงมองเด็กตัวน้อยที่อยู่บนเตียง

เด็กชายตัวน้อยนุ่มนิ่มหลับตาสนิท หมดสติไม่รู้ตัว

นี่คือลูกชายของเจ้าของร่างเดิม ชื่ออวิ๋นจิงมั่ว

อวิ๋นฝูหลิงเข้าไปจับชีพจร ตรวจดูอาการของเขาหนึ่งรอบ

ยังดีที่เขาแค่สูดดมควันยาสลบเข้าไปเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก

เพียงแต่เด็กคนนี้มีอาการบกพร่องเล็กน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ร่างกายจึงผอมและอ่อนแอกว่าเด็กทั่วไปในวัยเดียวกันมาก

จากนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จับชีพจรให้ตัวเอง

ร่างกายร่างนี้ของนางเกิดภาวะคลอดยากตอนคลอดลูก ร่างกายได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการบำรุงอย่างทันท่วงที ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดจาง ประกอบกับมีภาวะซึมเศร้า ยากจะบรรเทาได้ เมื่อนานวันเข้าจึงกลายเป็นโรคเรื้อรัง

สามารถกล่าวได้ว่าร่างกายร่างนี้ของนาง ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ฉีกขาด

นางแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็หน้ามืดตาลาย หายใจถี่ เหมือนหายใจไม่ทัน

เดินทางข้ามมิติมาอยู่ในร่างกายเช่นนี้ อารมณ์ของอวิ๋นฝูหลิงยากจะอธิบายเป็นคำพูด

หากหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในมิติของนางยังอยู่ก็ดีสิ!

อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจยาวหนึ่งที หลุบตาเห็นมองมีดผ่าตัดที่ตัวเองถืออยู่ในมือ จึงจะตระหนักได้ฉับพลัน เหมือนว่ามิติที่ตื่นขึ้นตอนอยู่ในโลกวิบัติของนางจะตามมาด้วย

นางรีบรวบรวมสมาธิ ให้จิตใต้สำนึกจมเข้าไปในมิติ

พริบตาต่อมา ภาพตรงหน้าของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sranya
เอาฮูหยินผู้เฒ่าไปนอนกะอ๋องเฉิงซะเลย
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 656

    เมื่อหลิงโหยวมองหนังสือสัญญาตรงหน้าให้ชัดเจนแล้ว มือทั้งสองก็สั่นระริกขึ้นมาในชั่วพริบตา จนเกือบจะถือกระดาษบาง ๆ แผ่นนั้นไม่อยู่นี่เป็นหนังสือสัญญาที่อวิ๋นฝูหลิงมอบให้เขา ในหนังสือสัญญาเขียนไว้ว่าต่อไปผลกำไรจากสำนักช่วยชีพในทุก ๆ ปีจะเป็นของเขาหนึ่งส่วนอย่าเห็นว่ามีเพียงแค่หนึ่งส่วน ว่ากันตามรายรับของสำนักช่วยชีพแล้ว เงินจำนวนนี้เป็นตัวเลขไม่น้อยเลยค่าจ้างสิบปีของหลิงโหยวในยามนี้ ยังมีมากไม่เท่าเงินหนึ่งส่วนนี้เลยหลิงโหยวตาแดงระเรื่ออย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกปั่นป่วนไปมา ในลำคอก็เหมือนมีก้อนสำลีอัดแน่น พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะผ่านไปพักหนึ่ง เขาถึงหาเสียงของตนเองเจอในที่สุด“คุณหนูใหญ่ นี่มันมีค่ามากเกินไป บ่าวรับไว้ไม่ได้หรอกขอรับ!” หลิงโหยวดันหนังสือสัญญากลับไปอวิ๋นฝูหลิงห้ามเขาไว้ แล้วนำหนังสือสัญญาไปวางไว้ด้านหน้าหลิงโหยวอีกครั้ง“ท่านลุงหลิง นี่เป็นสิ่งที่ท่านลุงควรได้รับ”“ถ้าไม่ใช่ว่ามีท่านคอยช่วยข้าจัดการดูแลสำนักช่วยชีพ ตัวข้าคนเดียวจะไปทำได้อย่างไร?”“อีกทั้งที่กิจการสำนักช่วยชีพรุ่งเรืองได้อย่างในทุกวันนี้ ก็เป็นความดีความชอบท่านลุงหลิงด้วย!”การที่สำนักช่วยชีพที

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 655

    ปีนี้ได้อาศัยวาสนาของพระชายาอี้อ๋อง หลาย ๆ ครัวเรือนจึงมีเงินเก็บอยู่ในมือขึ้นมาบ้างเมื่อมีเงินเหลืออยู่ในมือ กอปรกับมาถึงสิ้นปีแล้ว ย่อมอยากฉลองปีใหม่ดี ๆ สักหนขณะที่ทุกคนกำลังคิดวางแผนว่าปีนี้จะซื้อของอะไรมาเตรียมสำหรับวันปีใหม่ อยู่ ๆ ผู้ดูแลที่ดินก็ตีฆ้องเรียกให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่หน้าหมู่บ้านมีคนรั้งตัวผู้ดูแลที่ดินไว้ แล้วเอ่ยถาม “จะให้พวกเราไปทำอะไร?”ผู้ดูแลที่ดินหัวเราะพลางกล่าว “พวกเจ้าไปถึงก็จะรู้เอง”ทุกคนเห็นว่าใบหน้าของผู้ดูแลที่ดินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จึงคาดเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องดีทุกคนเกาะกลุ่มกันเดินไปยังหน้าหมู่บ้าน แล้วจึงได้เห็นว่าที่หน้าหมู่บ้านมีรถเข็นจอดอยู่หลายคัน ทั้งมีคนกำลังขนของลงจากรถเมื่อได้มองดูให้ดี ก็มีทั้งเนื้อ ทั้งสุรา ทั้งผ้าทุกผู้คนยืนจับกลุ่มกันเป็นกระจุก ๆ ขณะที่กำลังกระซิบกระซาบพูดคุยกันอยู่ ทันใดนั้นเสียงตีฆ้องก็ดังขึ้น บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งเดินออกมาครั้นทุกคนเงยหน้าขึ้นมา ก็จำได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้คือผู้ดูแลที่อยู่ใต้บัญชาของพระชายาอี้อ๋อง แซ่อู๋กิจธุระของสวนสมุนไพรบนเขาทุกอย่าง ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของเขาลูกพี่อู๋เดินฝ่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 654

    นี่ก็เป็นโอกาสที่จะดึงคนใต้บังคับบัญชามาเป็นพวก และซื้อใจคนเช่นกันหากไม่มอบประโยชน์ในเรื่องทรัพย์สินเงินทองให้ แล้วใครจะไปยอมถวายชีวิตให้เจ้าสุดหัวใจเล่า?นอกจากเงินค่าจ้างที่ได้รับตามปกติแล้ว ยังได้รับสวัสดิการพิเศษอีกก้อนหนึ่ง ใครบ้างจะไม่ดีใจ?ครั้นได้รับประโยชน์อันจับต้องได้ เข้าใจแล้วว่าอยู่กับนางแล้วทำงานได้เงิน ทั้งมีเนื้อให้กิน ย่อมทุ่มทำงานกับนางสุดหัวจิตหัวใจแน่หลังจากอวิ๋นฝูหลิงไตร่ตรองคร่าว ๆ อยู่ในใจ และเมื่อเซียวจิ่งอี้กลับมาในยามเย็นแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจะหารือกับเขาเรื่องมอบสวัสดิการให้คนใต้บังคับบัญชาเมื่อก่อนเซียวจิ่งอี้ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยเรื่องยิบย่อยเช่นนี้ ล้วนมีพ่อบ้านฝูคอยจัดการเขาขบคิดเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ข้าจำได้ราง ๆ ว่าช่วงวันปีใหม่จะมีการมอบเงินเบี้ยเลี้ยงจำนวนหนึ่งเดือนให้”อวิ๋นฝูหลิงทราบเรื่องนี้มาจากพ่อบ้านฝูแล้ว จึงพยักหน้าพลางกล่าว “เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้จริง”“แต่ปีนี้ไม่เหมือนกัน ท่านแต่งข้าเข้ามา ทำให้ในจวนอ๋องมีนายหญิงแล้ว แน่นอนว่าต้องมีบรรยากาศอะไรใหม่ ๆ บ้าง”“มิเช่นนั้นก็จะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของข้า จะมีข้าอยู่ในจวนอ๋องหรือไม่ล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 653

    ตรวจฎีกามาตลอดทั้งเช้า ฮ่องเต้จิ่งผิงทรงกำลังเหนื่อยอยู่บ้างพอดียิ่งไปกว่านั้นเมื่อลองดูชั่วยามแล้ว อีกไม่นานก็ถึงยามกินข้าวกลางวันเซียวจิงมั่วมาหาในยามนี้ ก็จะได้ร่วมกินข้าวกลางวันกับเขาพอดีหลังเซียวจิงมั่วเข้ามาในตำหนัก ก็ทำการคารวะและถวายพระพรตามธรรมเนียมฮ่องเต้จิ่งผิงแย้มสรวลพลางโบกมือให้เซียวจิงมั่ว “ไม่ต้องมากพิธีไป เข้ามาให้เสด็จปู่ดูหน่อยเร็ว”เซียวจิงมั่วก้าวไปด้านหน้าตามพระกระแสรับสั่งยิ่งมองดูเซียวจิงมั่วพระราชนัดดาผู้นี้ ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ยิ่งทรงรักใคร่รูปโฉมของเซียวจิงมั่วนั้นเป็นการรวมเอาข้อดีของเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงเข้าด้วยกัน แม้จะอายุน้อย ก็ดูออกว่าวันข้างหน้าจะต้องกลายเป็นคุณชายรูปงามสง่าผู้หนึ่งแน่นอนอีกทั้งเด็กน้อยผู้นี้ก็ไม่มีดีเพียงแค่รูปโฉมเท่านั้น ทว่ายังฉลาดเฉลียวอีกด้วย หลายวันมานี้ยามที่เข้าไปในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้จิ่งผิงก็มักจะได้ยินเหล่าอัครมหาเสนาบดีที่มาสอนวิชาแก่เหล่าองค์ชายและพระราชนัดดาเอ่ยปากชมเซียวจิงมั่วอยู่หลายครั้งอายุน้อยเพียงเท่านี้ ก็โดดเด่นกว่าลูกผู้พี่ที่อายุมากกว่าเขาเสียแล้วมีพระราชนัดดาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ในใจฮ่อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 652

    พระราชนัดดาองค์อื่นที่ได้รับเกียรติเช่นนี้ มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นครั้นหันมองครอบครัวตนเอง ก่อนหน้านี้ไม่นานองค์ชายสามเพิ่งถูกฮ่องเต้จิ่งผิงติเตียนไป ทั้งยังกักตัวเขาไว้ในจวนอ๋องพระชายาองค์ชายสามรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจมากเป็นพิเศษในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หากมิใช่เพราะต้องการเลี่ยงมิให้ผู้อื่นจับผิด แล้วกุมจุดอ่อนของจวนองค์ชายสามไว้ได้อีก วันนี้พระชายาองค์ชายสามคงไม่เหยียบย่างมาถึงที่นี่แน่ก็แค่งานเลี้ยงวันเกิดของเด็กคนหนึ่งเท่านั้นอีกทั้งมิใช่งานเลี้ยงใหญ่โตที่มีความหมายพิเศษอันใด ควรค่าแก่การที่นางซึ่งเป็นถึงผู้อาวุโสมากกว่าต้องมาร่วมงานถึงที่นี่เชียว?จนใจที่ยามนี้สถานการณ์ของจวนองค์ชายสามมิสู้ดี กอปรกับเจ้าเด็กน่าชังอย่างเซียวจิงมั่วได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้จิ่งผิง หลายครั้งหลายคราวก่อนหน้านี้ถึงขั้นพาเขาไปท้องพระโรงด้วย หลังจากพระชายาองค์ชายสามหารือกับองค์ชายสามแล้ว จึงตัดสินใจพาบุตรชายมาเยี่ยมเยือนถึงที่นี่สักครั้งเป็นการดีที่จะได้แสดงให้ฮ่องเต้จิ่งผิงเห็นถึงความรักความเมตตาที่พวกเขามีต่อหลานชายงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ เซียวจิงมั่วเฉลิมฉลองอย่างสุขใจเป็นพิเศษ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 651

    ผู้คนส่งเสียงจอแจ พูดคุยกันสนุกสนานครื้นเครงเซียวคังถูกเบียดไปยังอีกฝั่งฟาก ครั้นเห็นเซียวจิงมั่วจูงเสือตัวหนึ่งออกมาจริง ใบหน้าก็ประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดงด้วยความอับอายแม้เสือขาวตัวนี้จะเป็นเพียงเสืออ่อนวัย ทว่าก็เป็นเสือจริงๆ!เซียวลี่เห็นเซียวคังสีหน้าดูไม่ได้ พลันก็เหมือนจะรู้สึกยินดีปรีดาขึ้นมาก็ไม่ปาน เขาเท้าเอวพลางกล่าวว่า“ใครกันนะที่บอกว่าจิงมั่วของพวกเราพูดโกหกหลอกลวงผู้อื่น?”ว่าจบ เขาก็แค่นเสียงร้องเฮอะแรง ๆ ไปทางเซียวคัง จากนั้นจึงทำหน้าทะเล้นเซียวคังโมโหจนใบหน้าแดงเถือกเขาลอบกัดฟันกรอด ในใจทั้งเดือดดาลทั้งเกลียดชังเลื่อนสายตาไปอยู่ที่เสือขาวน้อยตัวนั้น ในดวงตาพลันประกายแววอาฆาตเคียดแค้นทำไมเซียวจิงมั่วถึงเลี้ยงเสือขาวให้เชื่องได้?ทำไมกัน ไม่เพียงแค่บิดาของเซียวจิงมั่วเท่านั้นที่เหนือกว่าท่านพ่อของตน กระทั่งวันนี้มันก็ยังเหนือกว่าตนด้วย?เขาไม่ยอม!ทุกคนล้วนเข้าไปมุงดูเจ้าเสือขาวตัวน้อยด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครเลยที่สนใจความรู้สึกของเซียวคังหลังจากเหล่าพระราชนัดดาไม่กี่คนที่มีความสัมพันธ์ดี ๆ กับเซียวจิงมั่วได้รับคำอนุญาตจากเขา ก็ยังได้รับเกียรติให้ได้ล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status