เศรษฐีอ้วนที่แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับทองอร่ามเต็มตัวคือ มู่หรงเยี่ยหยางชินอ๋องแห่งราชอาณาจักรซีเว่ย ส่วนสหายผอมแห้งดูเสเพลไม่เอาถ่านคือ หวงฉีเจิ้งเจ้าของหอข่าวซินเหวินที่กำลังมีอำนาจแผ่กระจายไปหลายแว่นแคว้น
ทั้งสองเดินตามเสี่ยวเอ้อแนะนำมายืนหน้าโต๊ะกว้างที่ขีดตารางแบ่งช่องเป็นตัวเลขและตัวอักษรที่ขีดเขียนว่าสูงและต่ำ
“นายท่าน โต๊ะนี้การร่วมเล่นสนุกง่ายนัก เพียงแค่ท่านเดาว่าเจ้ามือจะทอยลูกเต๋าได้แต้มสูงหรือต่ำ ท่านสามารถวางเงินเดิมพันตรงช่องที่ท่านทาย หากท่านทายถูกก็จะได้รางวัล หากทายผิดก็จ่าย อัตราการทายแต้มห้าต่อห้านั้นช่างง่ายดายและน่าสนุกมากขอรับ”
“อ๋อ แล้วช่องตัวเลขล่ะ” เยี่ยหยางแกล้งโง่งมไม่รู้วิธีการ แต่หารู้ไม่ว่าเชี่ยวชาญชำนาญยิ่งกว่าเจ้ามือ บ่อนหลายแห่งของซีเว่ยแค่เห็นเงาชินอ๋องก็ปิดทำการบ่อนชั่วคราวทันที รอเทพบัดซบเสร็จกลับไปให้ไกลถึงกล้าแง้มประตู
แต่เมืองจินเหมินแห่งนี้เทพเซียนผู้นี้ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน กลับไม่มีโอกาสเหมาะสมมาแวะเวียน ครานี้ได้ฤกษ์โอกาสยามดี ชินอ๋องแห่งซีเว่ยจึงได้โอกาสเยี่ยมเยือนถึงเมืองแห่งกา
เขาเพียงพลังเวทเล็กน้อยก็ควบคุมลูกเต๋าเหมือนอยู่ในกำมือ จะให้ออกผลเท่าไหร่กี่แต้มก็จัดการได้เพียงแค่กระดิกนิ้วเบา ๆ“เปิด ๆ” เสียงเชียร์ดังลั่นเพราะเงินเดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่น้อย หากเป็นชาวบ้านธรรมดาตำลึงเงินตำลึงทองเหล่านี้สามารถเลี้ยงครอบครัวสิบคนได้เป็นหลายสิบปีอย่างฟุ่มเฟือยกระบอกลูกเต๋าคว่ำลงบนโต๊ะแล้ว เจ้ามือค่อย ๆ เปิดกระบอกอย่างช้า ๆ ครานี้มันหาเงินเข้าบ่อนได้มากโขแล้ว?ลูกเต๋าเผยโฉมต่อทุกสายตา ตั้งเรียงสูงเป็นแถวตั้งตรง หน้าแต้มของเต๋าลูกบนคือหกแต้มเห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตาในบริเวณนี้ แต่เต๋าอีกสองลูกยังเป็นปริศนาเจ้ามือที่เห็นผลลูกเต๋าก็ขมวดคิ้ว มันมั่นใจว่าตัวเองควบคุมแต้มเต๋าให้ออกต่ำที่สุด แต่แต้มเต๋าที่เผยออกมาส่วนหนึ่งทำให้มันรู้สึกไม่ค่อยดี“เปิดต่อ ๆ เลย” เยี่ยหยางเร่งด้วยน้ำเสียงร้อนรน การแสดงที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ ไม่มีใครสงสัยแม้แต่น้อยเจ้ามือที่ได้รับสายตากดดันทั่วสารทิศ เอื้อมมือที่หนักอึ้งในความรู้สึกของมันไปหาเต๋าลูกบน กลั้นใจคว้าหยิบในทีเดียว แต่ผลที่ออกมา…หกแต้ม!
หวงฉีเจิ้งกวาดสายตามองกองหินหยาบหลายกอง เดินตรงดิ่งเข้าไปหยิบหินก้อนเล็กก้อนกลางโยนใส่รถเข็นที่เสี่ยวเอ้อเข็นตามหลังมาอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนหยิบคว้าก้อนไหนได้ก็จับใส่ หารู้ไม่ว่าสายตาของเขามองทะลุปรุโปร่ง หินหยาบทุกก้อนมีมูลค่ามากกว่าราคาที่จ่ายจริง“เจ้าไปยกหินก้อนนั้นให้ข้า” น้ำเสียงสบาย ๆ สั่งเสี่ยวเอ้อให้ยกหินหยาบก้อนใหญ่ขนาดสูงเท่าตัวคน “ไม่ใช่ ๆ ข้าอยากได้ก้อนนั้น นั่น ๆ อีกก้อนด้านขวามือเจ้า”“นั่น ๆ ก้อนนั่นแหละ ยกมารวมกับหินหยาบที่ข้าเลือกไว้เลย”เสี่ยวเอ้อมองนายท่านที่ผอมแห้งดูไม่เอาผ่านเดี๋ยวคว้าหยิบเดี๋ยวจับโยนเดี๋ยวยกมือชี้เลือกพนันหินอย่างไม่ต้องสังเกตคัดเลือกเหมือนนักพนันหินคนอื่น ๆ อย่างมึนงงตั้งแต่มันทำงานในบ่อนพนันหินไม่เคยเจอนักพนันคนใดที่เลือกหินได้ชุ่ย ๆ ขนาดนี้ อย่างน้อยคนที่พนันต้องมีสังเกตดูสีดูน้ำหนักหินบ้างไม่มากก็น้อย แต่คนผู้นี้กับเลือกหินอย่างกับเลือกหัวผักกาด ไม่รู้ว่าหินที่เลือกมาข้างในจะมีค่าหรือไม่ส่วนทางฝั่งของเยี่ยหยางที่ไม่ได้มีสายตาที่พิเศษเฉียบคมเช่นสหายก็มีวิธีการของตัวเองใน
“ไป กลับกันเถอะ กลิ่นขยะที่จินโจวเหม็นคุ้งจะแย่แล้ว” เยี่ยหยางคล้องคอหวงฉีเจิ้งเดินละลิ่วออกไปโดยไม่สนใจอ๋องขี้ขโมย“หยุด!!! ให้เปิ่นหวาง”เปิ่นหวางไม่หยุดเจ้าจะทำไม! เยี่ยหยางไม่ฟังน้ำเสียงสั่งที่ฟังดูแล้วเหมือนคนบ้า เขาไม่สนใจไอ้บ้านี่แม้แต่น้อย“ไอ้สวะสองตัว หยุดเดี๋ยวนี้!!! หากพวกเจ้าสองคนก้าวออกไปจากที่นี่ พวกเจ้าและครอบครัวก็ตาย!!”เยี่ยหยางหยุดกึก ชะงักก้าวเดินทันทีตอนแรกเขาก็แค่โมโหนิดหน่อยที่มีคนมาขโมยของต่อหน้าเขา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่เอาของคืนก็ปล่อยไอ้บ้านี่ไปได้แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะไม่โมโหนิดหน่อยแล้วเพราะตอนนี้ท่านอ๋องบัดซบเดือดแล้ว…จุดแข็งของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว…จุดอ่อนของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว …จุดเดือดของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัวดังนั้นแล้วหนทางข้างหน้าของอ๋องแห่งจินโจวผู้นี้ช่างมืดมนนัก ที่รนหาที่สมัครสมาชิกมีรายช
จูเฉิงเยว่ไม่ต้องการเรียกพี่ชายผิดคน เขากระโจนเข้าจัดการจู่โจมว่าที่พี่ชายอย่างไม่ให้ตั้งตัว ฉุดกระชากเปลื้องผ้า จนคนที่บอกว่าเป็นพี่ชายถึงกลับเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ท่อนบนเปลือยเปล่ายืนมึนงงไม่เข้าใจการกระทำของน้องชายตัวเอง ว่าที่น้องชายหมุนตัวว่าพี่ชาย จดจ้องไปที่เอวด้านหลังขวาตาเขม็ง บริเวณนั้นปรากฏปานแดงขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือรูปร่าง คล้ายไม่คล้ายพยัคฆ์ไม่คล้ายสิงห์ รูปดั่งเช่นกิเลนผงาด เหมือนที่มารดาบอกไม่ผิดเพี้ยน ไม่ผิดคนแน่!!!ทันทีที่ยืนยันตัวตนถูกต้อง น้ำตาหยดใหญ่ร่วงใส่หลักฐานที่ยืนยันความจริงต่อหน้าเฉิงเยว่ เขานึกจินตนาการอยู่ตลอด ภาพในความฝันที่มีพี่ชายคอยปกป้องเขา พี่ชายที่ต่อยตีกับผู้อื่นที่มารังแกเขา ภาพที่พี่ชายปกป้องเขา ภาพที่พี่ชายเล่นสนุกกับเขา เขามีพี่ชายแล้วจริง ๆ “ต้าเกอ!!!”เยี่ยหยางที่รอน้องน้อยยอมรับความสัมพันธ์ จู่ ๆ ก็ถูกเปลื้องผ้า พลิกซ้ายพลิกขวา จากนั้นก็ร้องไห้โฮใส่ จนคนเพิ่งเป็นพี่ชายหมาด ๆ มึนงง รับมือไม่ถูก ได้แต่ดึงตัวมากอดปลอบ“โอ๋ ๆ ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตาง่าย ๆ หรอกนะ” มือคู่กุมใบหน้าเฉิงเยว่ นิ้วโป้งปาดน้ำตาใสที่ร้องไห้โฮกลายเป็นเด็กน้อย “แก้ผ้าพี่เ
ท้ายถนนทิศตะวันตกปรากฏคนสองคนกลางอากาศธาตุที่ว่างเปล่า เงาทอแสงบนพื้นคนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยกว่าเล็กน้อย เบื้องหลังเป็นตะวันที่กำลังลาลับฟ้า จูเฉิงเยว่สีหน้าย่ำแย่ รู้สึกมวนท้องพะอืดพะอมอยากจะอ้วก กวาดน้ำย่อยที่อยู่ในท้องออกมาด้านนอกเยี่ยหยางลูบหลังให้น้องชายหลังจากเห็นสีหน้าซีด ๆ ที่ปรับตัวไม่ทันกับคาถาเคลื่อนย้ายพริบตาของน้องชายคนใหม่ “ใหม่ ๆ ก็ยังไม่ชินกับการเดินทางระยะไกลอย่างนี้หรอก สักพักเดี๋ยวก็ชิน” เขามองเฉิงเยว่อีกครั้ง ก็รู้สึกมีอะไรแปลกไป สังเกตดูสักพักก็พบว่าตัวเองลืมเรื่องนี้สนิท จูเฉิงเยว่มีเส้นผมและดวงตาสีเข้ม เยี่ยหยางจึงหยิบน้ำยาที่เขาบริโภคเป็นว่าเล่นเอามาให้น้องชายใช้ด้วย“จริงสิ เจ้าดื่มนี่ก่อน มันจะเปลี่ยนสีผมเจ้าเป็นสีเดิมน่ะ แนะนำให้กลั้นใจกระดกทีเดียว”ผู้เป็นน้องเชื่อฟังคำชี้แนะจากพี่ชาย รับขวดที่ใส่ยาบางชนิดกลั้นใจยกดื่มจนหมดรวดเดียว ใบหน้าเหยเก รสชาติเฝื่อนฝาดไปทั้งปากไม่ต่างกับน้ำยาที่เขาดื่มก่อนหน้า เส้นผมสีแพลทินัมเข้มขึ้นทันที ที่น้ำยารสชาติห่วยออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วกลายเป็นสีดำเข้มดั่งเดิม“ไม่เลว เสี่ยวเฉิงทีนี้มองตาพี่” เยี่ยหยางอำพรางสีตาให้เฉิงเยว
ในที่สุดเขาก็ทำงานล่วงเวลามากมายจนเสร็จ แล้วถวายฎีกาลาพักร้อนยาว ๆ ให้ฮ่องเต้แบบไม่บอกไม่กล่าว รีบพาภรรยาสุดที่รักหนีมาหาบุตรชาย ก่อนที่พังพอนเหลืองบ้าอำนาจจะส่งทหารมาหิ้วเขากลับไปช่วยงานหานเฟยมองสามีที่ซูบผอมไปเพราะงานหนัก ก็คีบอาหารเอาใจสามีที่ดูเหมือนจะน้อยใจตัวเองไม่น้อย “อาฟงทานเยอะ ๆ”เสนาบดีใหญ่อ้าปากให้ฮูหยินป้อนอาหารให้อย่างพออกพอใจ รู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่ทุ่มเทคุ้มค่ากับการดูแลใส่ใจของภรรยาจริง ๆ ช่างมีความสุขอะไรเยี่ยงนี้สภาพแวดล้อมรอบข้างไม่ส่งผลต่อบรรยากาศรักใคร่ของสองสามีภรรยาแม้แต่น้อย พวกเขาตั้งใจพักผ่อน คือพักผ่อนอย่างไม่สนใจผู้อื่นแต่มีชายหน้าตาหมองคล้ำ ดวงตาลึกโบ๋อย่างคนพักผ่อนไม่เพียงพอ กวาดสายตาไปทั่วเหลาอาหารชั้นล่าง เมื่อเห็นสิ่งที่มันสนใจก็เดินตรงเข้าไปทันทีมันเดินเข้ามาที่โต๊ะที่จูเหวินฟงและหานเฟยนั่งทานอาหารรอบุตรชายอยู่ เอามือคร่อมโต๊ะและจ้องมองหญิงสาวอย่างจาบจ้วงด้วยสายตาหื่นกระหายไม่สนใจฟ้าดิน เนื้อผ้าชั้นดีที่ห่อหุ้มร่างกายไม่สามารถปิดมารยาทที่เลวทรามได้ มันมีชื่อว่า หลี่อี๋ ญาติผู้น้องของหลี่เจิ้นสุ่ย ศิษย์หลักของเทียนถูหวู่คนนั้นชาวบ้านในโรงเตี๊ยมเมื
ท่านแม่ออกโรงด้วยตนเอง ไม่ทันที่หานเฟยได้พูดกล่าวเตือน จูเฉิงเยว่ก็ยืนประจันหน้ากับหลี่อี๋ทันทีในฐานะบุรุษคนหนึ่งที่ปกป้องมารดา แต่เยี่ยหยางกลับขวางไว้ แล้วดันน้องน้อยไปด้านหลังพร้อมกับกระซิบบอก “ดูแลท่านพ่อกับท่านแม่ให้ดี พี่จัดการกับมันเอง” เฉิงเยว่พยักหน้างึก ๆ ยิ้มกว้างมองแผ่นหลังพี่ชายที่ยืนด้านหน้าปกป้องเขาอย่างมีความสุข เขารู้ว่าพี่รับมือไอ้หลี่อี๋ได้สบาย ๆ อยู่แล้ว เสี่ยวเอ้อร์ที่เห็นนายท่านใหญ่จะลงมือ รีบกุลีกุจอไปแจ้งผู้ดูแลร้านว่าท่านประธานมาและเตรียมเช็ดกวาดมนุษย์ขยะผู้นี้ ก็เจอผู้ดูแลร้านที่กำลังเรียกกำลังคนเตรียมพร้อมสนับสนุนผู้เป็นนายทุกเมื่อซุ่มอยู่อีกด้านเอ่อ…เขาไม่ต้องแจ้งเถ้าแก่แล้ว เหล่าลูกน้องที่อยู่ภายใต้อาณัติของสมาคมเหวินชาที่อยู่เจียงตง ก็รีบรวบรวมผู้คนให้เจ้านายพร้อมใช้สอย เผื่อนายท่านต้องการ แล้วเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้แทนคุณนายท่าน พวกเขาแม้ไม่เคยพบเจอนายท่านคนนี้ แต่คนผู้นี้กลับมีพระคุณกับพวกมันมาก เยี่ยหยางมองหลี่อี๋อย่างโกรธแค้น ท่านพ่อดูเหมือนจะไม่มีเวทมนตร์ปกป้องอยู่ในตัวเลย คาดว่าเรื่องราวในระนาบมนตราคงจดจำไม่ได้ ร่างกายอ่อนแอถูกมันผลักจนส
...อย่าทำให้ท่านแม่โมโหเด็ดขาด “นี่สำหรับสามีที่น่ารักของข้า ที่เจ้ากล้าลงมือใส่เขา” ฝ่าเท้าของฮูหยินสูงศักดิ์ที่บรรจงแตะให้ตรงจุดเดิม ย้ำที่เดิมด้วยแรงที่มากกว่าเดิมซู้ด!!!“นี่สำหรับลูกชายข้า ที่เจ้าตะคอกใส่จนตกใจ” มารดาที่รักของคุณชายจูเฉิงเยว่ มีแรงเหลือเฟือที่ยกฝ่าเท้ากระทืบลงซ้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอ่า…ซี้ด“จำไว้ อย่ามาให้ข้ากับครอบครัวเห็นหนังหน้าเจ้าอีก ถ้าเจ้ายังอยากเป็นบุรุษที่สมบูรณ์อยู่” หานเฟยเอ่ยเสียงเย็นที่หนาวไปถึงหัวใจบุรุษทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ นางก้าวผ่านสวะที่คิดสกปรกไม่สนใจว่าจะเหยียบอะไรอร๊ากกก ป๊อก!!! เสียงแหกปากร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดดังพร้อมกับสีมือที่ถูกเหยียบบี้บหญิงสาวปัดมือจัดเสื้อผ้าที่ไร้รอยยับ แล้วหันกลับมายิ้มหวานให้ลูกชาย เดินผ่านหลี่อี๋อย่างไม่สนใจว่านางเหยียบถูกมือของมัน ฝูงชนเห็นใจเล็กน้อย ... อ่า ดูท่าแล้วคงจะกระดูกหักเพิ่มอีกตำแหน่ง“พาท่านพ่อเจ้าขึ้นไปด้านบนห้องพักกัน” หานเฟยข่มอารมณ์ปะทุของนางบอกบุตรชายให้ช่วยสามี จากนั้นหันไปหาชางเหอและซูผิงสองสามีภรรยาที่เป็นคนรับใช้คนสนิท สั่งคนไปหาหมอ และเตรียมน้ำเช็ดหน้าเช็ดตัว “ชางเหอเจ้าไปตามหมอ ซูผิ
“ไป กลับกันเถอะ กลิ่นขยะที่จินโจวเหม็นคุ้งจะแย่แล้ว” เยี่ยหยางคล้องคอหวงฉีเจิ้งเดินละลิ่วออกไปโดยไม่สนใจอ๋องขี้ขโมย“หยุด!!! ให้เปิ่นหวาง”เปิ่นหวางไม่หยุดเจ้าจะทำไม! เยี่ยหยางไม่ฟังน้ำเสียงสั่งที่ฟังดูแล้วเหมือนคนบ้า เขาไม่สนใจไอ้บ้านี่แม้แต่น้อย“ไอ้สวะสองตัว หยุดเดี๋ยวนี้!!! หากพวกเจ้าสองคนก้าวออกไปจากที่นี่ พวกเจ้าและครอบครัวก็ตาย!!”เยี่ยหยางหยุดกึก ชะงักก้าวเดินทันทีตอนแรกเขาก็แค่โมโหนิดหน่อยที่มีคนมาขโมยของต่อหน้าเขา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่เอาของคืนก็ปล่อยไอ้บ้านี่ไปได้แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะไม่โมโหนิดหน่อยแล้วเพราะตอนนี้ท่านอ๋องบัดซบเดือดแล้ว…จุดแข็งของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว…จุดอ่อนของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว …จุดเดือดของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัวดังนั้นแล้วหนทางข้างหน้าของอ๋องแห่งจินโจวผู้นี้ช่างมืดมนนัก ที่รนหาที่สมัครสมาชิกมีรายช
หวงฉีเจิ้งกวาดสายตามองกองหินหยาบหลายกอง เดินตรงดิ่งเข้าไปหยิบหินก้อนเล็กก้อนกลางโยนใส่รถเข็นที่เสี่ยวเอ้อเข็นตามหลังมาอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนหยิบคว้าก้อนไหนได้ก็จับใส่ หารู้ไม่ว่าสายตาของเขามองทะลุปรุโปร่ง หินหยาบทุกก้อนมีมูลค่ามากกว่าราคาที่จ่ายจริง“เจ้าไปยกหินก้อนนั้นให้ข้า” น้ำเสียงสบาย ๆ สั่งเสี่ยวเอ้อให้ยกหินหยาบก้อนใหญ่ขนาดสูงเท่าตัวคน “ไม่ใช่ ๆ ข้าอยากได้ก้อนนั้น นั่น ๆ อีกก้อนด้านขวามือเจ้า”“นั่น ๆ ก้อนนั่นแหละ ยกมารวมกับหินหยาบที่ข้าเลือกไว้เลย”เสี่ยวเอ้อมองนายท่านที่ผอมแห้งดูไม่เอาผ่านเดี๋ยวคว้าหยิบเดี๋ยวจับโยนเดี๋ยวยกมือชี้เลือกพนันหินอย่างไม่ต้องสังเกตคัดเลือกเหมือนนักพนันหินคนอื่น ๆ อย่างมึนงงตั้งแต่มันทำงานในบ่อนพนันหินไม่เคยเจอนักพนันคนใดที่เลือกหินได้ชุ่ย ๆ ขนาดนี้ อย่างน้อยคนที่พนันต้องมีสังเกตดูสีดูน้ำหนักหินบ้างไม่มากก็น้อย แต่คนผู้นี้กับเลือกหินอย่างกับเลือกหัวผักกาด ไม่รู้ว่าหินที่เลือกมาข้างในจะมีค่าหรือไม่ส่วนทางฝั่งของเยี่ยหยางที่ไม่ได้มีสายตาที่พิเศษเฉียบคมเช่นสหายก็มีวิธีการของตัวเองใน
เขาเพียงพลังเวทเล็กน้อยก็ควบคุมลูกเต๋าเหมือนอยู่ในกำมือ จะให้ออกผลเท่าไหร่กี่แต้มก็จัดการได้เพียงแค่กระดิกนิ้วเบา ๆ“เปิด ๆ” เสียงเชียร์ดังลั่นเพราะเงินเดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่น้อย หากเป็นชาวบ้านธรรมดาตำลึงเงินตำลึงทองเหล่านี้สามารถเลี้ยงครอบครัวสิบคนได้เป็นหลายสิบปีอย่างฟุ่มเฟือยกระบอกลูกเต๋าคว่ำลงบนโต๊ะแล้ว เจ้ามือค่อย ๆ เปิดกระบอกอย่างช้า ๆ ครานี้มันหาเงินเข้าบ่อนได้มากโขแล้ว?ลูกเต๋าเผยโฉมต่อทุกสายตา ตั้งเรียงสูงเป็นแถวตั้งตรง หน้าแต้มของเต๋าลูกบนคือหกแต้มเห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตาในบริเวณนี้ แต่เต๋าอีกสองลูกยังเป็นปริศนาเจ้ามือที่เห็นผลลูกเต๋าก็ขมวดคิ้ว มันมั่นใจว่าตัวเองควบคุมแต้มเต๋าให้ออกต่ำที่สุด แต่แต้มเต๋าที่เผยออกมาส่วนหนึ่งทำให้มันรู้สึกไม่ค่อยดี“เปิดต่อ ๆ เลย” เยี่ยหยางเร่งด้วยน้ำเสียงร้อนรน การแสดงที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ ไม่มีใครสงสัยแม้แต่น้อยเจ้ามือที่ได้รับสายตากดดันทั่วสารทิศ เอื้อมมือที่หนักอึ้งในความรู้สึกของมันไปหาเต๋าลูกบน กลั้นใจคว้าหยิบในทีเดียว แต่ผลที่ออกมา…หกแต้ม!
เศรษฐีอ้วนที่แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับทองอร่ามเต็มตัวคือ มู่หรงเยี่ยหยางชินอ๋องแห่งราชอาณาจักรซีเว่ย ส่วนสหายผอมแห้งดูเสเพลไม่เอาถ่านคือ หวงฉีเจิ้งเจ้าของหอข่าวซินเหวินที่กำลังมีอำนาจแผ่กระจายไปหลายแว่นแคว้นทั้งสองเดินตามเสี่ยวเอ้อแนะนำมายืนหน้าโต๊ะกว้างที่ขีดตารางแบ่งช่องเป็นตัวเลขและตัวอักษรที่ขีดเขียนว่าสูงและต่ำ“นายท่าน โต๊ะนี้การร่วมเล่นสนุกง่ายนัก เพียงแค่ท่านเดาว่าเจ้ามือจะทอยลูกเต๋าได้แต้มสูงหรือต่ำ ท่านสามารถวางเงินเดิมพันตรงช่องที่ท่านทาย หากท่านทายถูกก็จะได้รางวัล หากทายผิดก็จ่าย อัตราการทายแต้มห้าต่อห้านั้นช่างง่ายดายและน่าสนุกมากขอรับ”“อ๋อ แล้วช่องตัวเลขล่ะ” เยี่ยหยางแกล้งโง่งมไม่รู้วิธีการ แต่หารู้ไม่ว่าเชี่ยวชาญชำนาญยิ่งกว่าเจ้ามือ บ่อนหลายแห่งของซีเว่ยแค่เห็นเงาชินอ๋องก็ปิดทำการบ่อนชั่วคราวทันที รอเทพบัดซบเสร็จกลับไปให้ไกลถึงกล้าแง้มประตูแต่เมืองจินเหมินแห่งนี้เทพเซียนผู้นี้ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน กลับไม่มีโอกาสเหมาะสมมาแวะเวียน ครานี้ได้ฤกษ์โอกาสยามดี ชินอ๋องแห่งซีเว่ยจึงได้โอกาสเยี่ยมเยือนถึงเมืองแห่งกา
เพราะไม่มีใครเห็นหวงฉีเจิ้งมาที่เหมือง เห็นเพียงเยี่ยหยางที่ถูกโทษทัณฑ์“ข้าว่าพวกเราทิ้งแร่ปิดหน้าโถงถ้ำไว้เล็กน้อยดีกว่า”เยี่ยหยางพูด จากน้ันก็ยอมเสียแร่ผลึกเล็กน้อยวางปิดหน้าโถงถ้ำเช่นเดิม มองจากข้างนอกเข้ามาในโถงเหมือนข้างในยังเต็มไปด้วยผลึกแร่ และจำนวนนั้นก็พอจ่ายให้คนในสำนักได้หลังจากนี้อีกสามเดือน ที่มองเห็นมากมายที่เหลือเป็นเพียงเวทภาพลวงตาที่ร่ายส่ง ๆ ผูกติดกับผลึกแร่จริงที่กองปิดโถงถ้ำคาดว่าเดือนที่สามเมื่อแร่ผลึกก้อนสุดท้ายหยิบออกไป คงมีใครคนหนึ่งล้มทั้งยืนที่ตรงนั้น แต่ตัวก่อเรื่องกลับไม่อยู่ในสำนักแล้ว ดูเหมือนจะมีศิษย์อกตัญญูปล้นทรัพย์สินของสำนัก แต่ใช่ว่าผู้อาวุโสที่คุมเหมืองแห่งนี้จะเป็นคนดี พวกเขาแค่ช่วยให้เรื่องมุบมิบของตาแก่คนหนึ่งแดงเร็วขึ้นก็เท่านั้นจากนั้นก็คนนอกสองคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ก็ติดตั้งค่ายกลวงเวทเคลื่อนย้ายตามจุดประสงค์เริ่มต้นที่มาที่นี่ใช้เวลาถึงสามวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก เพราะค่ายกลนี้เป็นวงเวทที่ซับซ้อนต้องการเคลื่อนย้ายวัตถุมีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งต้องร่างก่อให้เสถียรทุกอักขระเมื่องานเสร็จสิ้นสอง
เจ้านายเถื่อนเดินกลับมาหาสหายบัดซบที่ก้มหน้าก้มตาสลักอักษรรูนอยู่ เขาก็ไม่รบกวนอะไรอีกฝ่าย หยิบเตียงโต๊ะเก้าอี้ออกมาจากแหวนมิติเวท วางเตียงตั้งโต๊ะวางเก้าอี้จัดข้าวของส่วนตัวราวกับเป็นห้องหับของตัวเองไม่สนใจสถานที่ว่าตอนนี้เขาอยู่ในเหมืองแร่ ไม่ใช่สถานที่พักผ่อนหย่อนใจจากนั้นนำข่าวสารที่คนใต้ปกครองของหอข่าวซินเหวินออกมาอ่านเรียบเรียงไว้ บางข่าวจริงสามารถขายได้ บางข่าวก็ปลอม จากนั้นส่งข่าวที่ทำเงินได้กลับไปที่หอซินเหวินหลังจัดการงานการเสร็จก็ร่วงเข้าวันใหม่แล้ว คุณชายหวงก็ย้ายร่างกายของตัวเองไปนอนหลับพักผ่อนบ้าง ต่างกับสหายที่ปูผ้ากางมุ้งขึ้นเตียงหลับตั้งแต่ตะวันลับฟ้าได้ไม่นานหลังร่วมมื้ออาหารเย็น เพราะใช้พลังเวทไปมากโขเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันรุ่งขึ้นสองสหายตื่นในเวลาไล่เลี่ยกัน ต่างนั่งสมาธิเดินปราณกันหนึ่งชั่วยาม ก่อนจะลุกไปจัดการธุระตัวเองตัวใครตัวมัน เสร็จแล้วมาร่วมมื้อเช้ารสมือท่านอ๋องที่ทำเป็นเสบียงเก็บไว้เฉกเช่นทุกวัน“เหล่าหยาง เจ้าทำอาหารเก่งเยี่ยมยอดเช่นนี้ ภรรยาในอนาคตเจ้าคงน้อยใจแย่เลย”“ไม่มีทาง เพราะนางจะมีความสุข จน
หวงฉีเจิ้งที่แยกไปขุดทรัพย์สินต้นทุนในการใช้ชีวิตของตัวเอง กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองว่าเขาจะเริ่มจัดการเก็บเกี่ยวผลึกปราณตรงหน้าเช่นไรดีหากมองผิวเผินเหมือนเขาและเยี่ยหยางเป็นหัวขโมยแอบเก็บผลไม้ในสวนคนอื่นดูเป็นคน…เอ่อ คนเลว แล้วพวกคนใหญ่คนโตมีอำนาจทั้งหลายที่ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่าล่ะ ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วอ้างเป็นของตน ฉกฉวย แก่งแย่ง ฆ่าฟัน สารพัดวิธีให้ได้มาซึ่งความต้องการของตัวเองตั้งแต่เขาจากระนาบมนตรามาที่ระนาบหวู่เซียน ชีวิตความเป็นอยู่ทุกลมหายใจช่างลำบากขมขื่นใจยิ่งนักจากนายน้อยหนึ่งในตระกูลสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้อื่นต่างยกย่องพะเน้อเอาใจ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีหน้ามีตาในสังคม กลับถูกดูถูกเหยียดหยาม เพราะสายเลือดที่มีเอกลักษณ์นี้ไม่เพียงโดนกดขี่ข่มเหง ยังถูกจองจำเป็นทาสชั้นต่ำทั้งที่ยังไม่ทำสิ่งใดเขาไม่เคยโทษเยี่ยหยางที่ทำให้เขาต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะมิตรภาพระหว่างพวกเขาไม่ต้องมีคำว่าขอบคุณหรือขอโทษต่อกัน ความจริงใจที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกันที่มอบให้กันหลายปี เขารู้และเข้าใจอีกฝ่ายเ
“ที่เหลือวานท่านอาจารย์จ้าวด้วยขอรับ”“อืม”ผู้ชำนาญการลงโทษศิษย์รับคำผู้อาวุโสเจียงที่อยู่ดูแลหอลงทัณฑ์คนเดียว เพราะผู้ดูแลคนอื่นยังไม่กลับมาจากการดูการประลองยุทธจ้าวถิงเซียวเดินนำศิษย์บัดซบที่กระตุ้นต่อมโทสะเขา ไปที่เหมืองผลึกที่ว่า ก่อนจะเรียกกระบี่ออกมาด้านหน้า ใช้วิชากระบี่บินหอบหิ้วร่างตัวแทนไปที่เหมืองทันทีส่วนชินอ๋องตัวจริงที่รับรู้เรื่องราวจากจิตสำนึกที่ตัวเองส่งไปกับร่างตัวแทน เหมือนจะคาดเดาโทษทัณฑ์ที่เขาได้รับออกแล้ว ก็ยิ้มหวานสะกิดเรียกสหายให้ไปสนุกด้วยกัน“อาเจิ้ง ๆ ไปกับข้าเร็ว!”“ไปไหน?” หวงฉีเจิ้งที่นอนเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์ ถูกเหล่าหยางสหายซี้ฉุดออกมาจากเตียงนอนถามอย่างงง ๆ“ไปรับทรัพย์” เยี่ยหยางตอบ ในใจกำลังคำนวณค่าตอบแทนผลประโยชน์ที่กำลังจะได้รับ“ไป ๆ ที่ไหน” คนยากจนที่กำลังตั้งตัวผลุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ตกลงไปร่วมรับทรัพย์ที่สหายบอก อีกทั้งยังเร่งรีบกว่า ก็ใครให้เขาตอนนี้ยากจนยากไร้จนต้องพึ่งคลังสมบัติเพื่อนกินอยู่อย่างทุกวันนี้
สามวันถัดมาลานเทียนจงได้ถูกบูรณะปรับปรุงครั้งใหญ่เสร็จเรียบร้อย การประลองยุทธจึงได้จัดต่อ ผู้ที่ต้องประลองต่างมีทั้งแพ้ชนะ และก็ถึงรอบของหวงฉีเจิ้ง ผู้ไม่อยากออกแรงเสียเหงื่อให้เหนื่อยกาย เจ็บเนื้อเจ็บตัว ได้กอบโกยชัยชนะทั้งหมดด้วยการสะกดจิตคนทั้งลาน เพียงแค่ดีดนิ้วจากนั้นเขานั่งสบาย ๆ กินขนมจิบชาให้เยี่ยหยางหมั่นไส้ เพราะอีกฝ่ายต้องลงไปดวลเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องชายส่วนเฉิงเยว่น้องชายที่น่ารักก็อยากแสดงความสามารถให้พี่ชายได้ชื่นชม เขาจัดหนักกับการประลองอีกสามรอบที่เหลือ ทั้งพลังลมปราณ ทั้งพลังเวท ภายในเวลาไม่เกินจิบชา ก็กวาดคู่ต่อสู้นอนนิ่งเป็นปลาตายรักษาตัวนานนับเดือน ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่รู้จักในฐานะศิษย์สายในที่เพิ่งเลื่อนระดับพอ ๆ กับพี่ชายตัวดีแน่นอนว่ามู่หรงลู่เฉินรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ย และองครักษ์อย่างสือหลงโหยวผ่านได้สบาย ๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง โดยเฉพาะลู่เฉินแม้จะยังออกแรงได้ไม่เต็มที่แต่หูลี่เซียนก็ออกไปเล่นสนุกช่วยลู่เฉินอย่างที่ไม่ให้เจ้าตัวรู้ โดยขอยาพิษอ่อน ๆ จากเยี่ยหยางตั้งแต่หลายวันก่อนไปวางใส่คู่ประลองของลู่เฉิน เพื่อความเท่าเที