ในที่สุดเขาก็ทำงานล่วงเวลามากมายจนเสร็จ แล้วถวายฎีกาลาพักร้อนยาว ๆ ให้ฮ่องเต้แบบไม่บอกไม่กล่าว รีบพาภรรยาสุดที่รักหนีมาหาบุตรชาย ก่อนที่พังพอนเหลืองบ้าอำนาจจะส่งทหารมาหิ้วเขากลับไปช่วยงาน
หานเฟยมองสามีที่ซูบผอมไปเพราะงานหนัก ก็คีบอาหารเอาใจสามีที่ดูเหมือนจะน้อยใจตัวเองไม่น้อย “อาฟงทานเยอะ ๆ”
เสนาบดีใหญ่อ้าปากให้ฮูหยินป้อนอาหารให้อย่างพออกพอใจ รู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่ทุ่มเทคุ้มค่ากับการดูแลใส่ใจของภรรยาจริง ๆ ช่างมีความสุขอะไรเยี่ยงนี้
สภาพแวดล้อมรอบข้างไม่ส่งผลต่อบรรยากาศรักใคร่ของสองสามีภรรยาแม้แต่น้อย พวกเขาตั้งใจพักผ่อน คือพักผ่อนอย่างไม่สนใจผู้อื่น
แต่มีชายหน้าตาหมองคล้ำ ดวงตาลึกโบ๋อย่างคนพักผ่อนไม่เพียงพอ กวาดสายตาไปทั่วเหลาอาหารชั้นล่าง เมื่อเห็นสิ่งที่มันสนใจก็เดินตรงเข้าไปทันที
มันเดินเข้ามาที่โต๊ะที่จูเหวินฟงและหานเฟยนั่งทานอาหารรอบุตรชายอยู่ เอามือคร่อมโต๊ะและจ้องมองหญิงสาวอย่างจาบจ้วงด้วยสายตาหื่นกระหายไม่สนใจฟ้าดิน เนื้อผ้าชั้นดีที่ห่อหุ้มร่างกายไม่สามารถปิดมารยาทที่เลวทรามได้ มันมีชื่อว่า หลี่อี๋ ญาติผู้น้องของหลี่เจิ้นสุ่ย ศิษย์หลักของเทียนถูหวู่คนนั้น
ชาวบ้านในโรงเตี๊ยมเมื่อเห็นหน้าคร่าตามัน ต่างลุกขึ้นหนีออกห่างจากมันไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย เนื่องจากมันเป็นลูกชายขุนนางที่มียศสูงในเจียงตงและเป็นลูกหลานของเสนาบดีหลี่แห่งราชอาณาจักรซีเว่ย มีลูกพี่ลูกน้องเป็นลูกชายบุญธรรมของเจ้าสำนักศึกษาเทียนถูหวู่
ใครที่มีเรื่องด้วยต่างประสบเคราะห์กรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่ามันจะพอใจและไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วย เพราะต่างกลัวจะโดนลูกหลง
“ข้าอยากเชิญแม่นางไปร่วมโต๊ะกับข้าจะได้หรือไม่” น้ำเสียงเชิงบังคับปนข่มขู่ออกมาจากปากของหลี่อี๋
“เกรงว่าท่านจะทำเช่นนั้นกับภรรยาข้าไม่ได้”
จูเหวินฟงส่งสายตาท้าทายไปให้ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกมา บรรยากาศเยือกเย็นชวนน่าหวาดหวั่น สร้างความอึดอัดกับผู้เห็นเหตุการณ์ที่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียง เขาถือถ้วยน้ำชาจิบอย่างใจเย็น
เวลานี้เลยยามโหย่วมาครึ่งชั่วยามแล้ว สองพี่น้องอยู่หน้าโรงเตี๊ยมใหญ่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านใน จึงพากันรีบเข้าไปด้านใน
เยี่ยหยางรีบก้าวเข้าไปดูว่า ใครกล้าก่อความวุ่นวายในที่ของเขา เสี่ยวเอ้อร์ที่ทำหน้าที่ต้อนรับหน้าโรงเตี๊ยม แม้ไม่เคยเห็นหน้านายใหญ่ แต่ป้ายหยกที่บ่งบอกตัวตนบวกกับรูปลักษณ์โดดเด่น ที่เขาเคยได้ยินมาตลอดก็รีบเดินตามหลังนายท่านเข้าไป
เกิดเรื่องแล้ว!
เสี่ยวเอ้อหน้าเสีย ร้อยวันพันปีนายท่านไม่คิดจะแวะมาที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ปล่อยให้ผู้ดูแลเป็นผู้บริหารจัดการ แต่ทันทีที่นายท่านเหยียบหน้าประตู หลี่อี๋ที่ปกติไม่ค่อยแวะที่นี่ หรือถ้าแวะเจ้าตัวก็ไม่ได้มีสภาพเมาหาเรื่องเช่นนี้ เพราะยำเกรงในชื่อเสียงของสมาคมการค้าเหวินชา
แต่วันนี้ที่จู่ ๆ นายท่านอยากปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยม คุณชายหลี่ผู้นี้กลับแสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจนี้ต่อหน้านายท่านที่สูงส่งยึดมั่นคุณธรรม
ตาย ๆ คุณชายหลี่ตายแน่ๆ
ผู้ดูแลที่ลงมาชั้นล่างของโรงเตี๊ยม เมื่อได้รับแจ้งว่าบุตรชายท่านเจ้าเมือง กำลังระรานแขกลูกค้า ก็รีบลงมาดูแลจัดการ แต่เท้ายังไม่เหยียบพื้นชั้นล่างดี เขาก็เห็นนายท่านที่ห้อยป้ายหยกแสดงตัวตนกำลังเดินเข้ามา
ฉิบหายแล้วไง!
สีหน้านายท่านยิ้มกว้างรอยยิ้มนำมา ในเหวินชาต่างลือกันว่านี่เป็นรอยยิ้มหายนะ ดูท่าแล้วคุณชายหลี่ขวัญกล้าผู้นี้คงมีชีวิตอยู่ไม่สงบสุขอีกแล้ว แม้ว่าพวกเขากีดกันคนผู้นี้ไปหลายครั้ง แต่บางครั้งก็หลุดเข้าไปสร้างเรื่องให้กับโรงเตี๊ยมอยู่เรื่อย ครานี้วีรกรรมคงจบสิ้นลงแล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แกไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร”
แกไม่รู้แล้วข้าจะรู้หรือไงฮะ ไอ้โง่ / แกไม่รู้แล้วข้าจะรู้หรือไงฮะ ไอ้โง่ ความคิดของสามพ่อลูกสายเลือดเดียวกันดังขึ้น
“ถ้าท่านไม่ทราบ แล้วข้าหรือจะทราบ ข้าแนะนำให้ท่านพบหมอ ถ้าท่านจำไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง” จูเหวินฟงตอบเสียงเรียบกลับไป เรียกสีหน้าแดงฉานด้วยความโกรธของหลี่อี๋เป็นอย่างดี
“แ แก..แก” หลี่อี๋รู้สึกขายหน้า ใบหน้าเขาสีแดงเขียวสลับกันมีสีหน้าถมึงทึง “จัดการมัน”
เสียงสั่งการบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลังของหลี่อี๋ ก็มาล้อมรอบคนทั้งสองทันที ผู้คนต่างตีตัวออกห่าง พลางสังเกตการณ์จากด้านข้างไม่ขอเอี่ยว มองชายหญิงที่ดูก็รู้ว่าเป็นสามีภรรยากันว่าทั้งคู่จะรับมืออย่างไร
“หยุด พวกแกจะทำอะไร” คนสนิทที่ติดตามจูเหวินฟงก้าวมาด้านหน้า พร้อมปกป้องเจ้านายเหมือนกับผู้เป็นภรรยาที่เป็นสาวใช้คนสนิทของหานเฟยที่ตอนนี้ยืนข้างนายหญิงอย่างเตรียมพร้อม
พวกเขาทั้งสองต่างตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อีกทั้งตอนนี้ผู้คุ้มกันและคนอื่น ๆ ไปพักผ่อนตามคำสั่งของท่านเสนาบดีจู จึงไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเขา
พวกลูกสมุนหลี่อี๋เข้ามาดึงกระชากคนรับใช้คนสนิทและภรรยาออกไปด้วยความรุนแรง จนทั้งสองล้มกระแทกกับพื้น เพื่อให้นายของมันเข้าไปหาหานเฟยได้สะดวก
เยี่ยหยางที่เห็นหน้าท่านพ่อท่านแม่ หลังจากกันมานานนับสิบปีได้ ยังไม่ทันจะได้พูดจากัน ไอ้บ้าหลี่อี๋ที่คราวก่อนมาดักซุ่มทำร้ายพวกเราพี่น้อง บัญชีนี้หักลบกลบหนี้ยังไม่กระจ่าง ยังมีหน้ามากล้ามาทำรุ่มร่ามกับแม่เขา คนผู้นี้นับเป็นศัตรูบนทางแคบของเขาดี ๆ รี่เอง
หลี่อี๋!!! เจ้าช่างกล้ามาก ๆ
หึ ดีมาก...ตระกูลหลี่ใช่หรือไม่
ข้ายิ่งไม่ชอบหน้าตาแก่หลี่อยู่ รวบข้อหานี้เหมารวมไปด้วยเลย - คนพี่
ไอ้ขยะ กล้าดียังไงมาพูดจาเสียงดังขู่แม่ข้า แกต้องเจอดีแน่ - คนน้องสองพี่น้องเดินเข้าไปกลางวงคนพี่ยืนข้างผู้พ่อ คนน้องยืนข้างผู้เป็นแม่พร้อมลุยทุกเมื่อ
“ถอยออกไปซะ ถ้าแกไม่อยากตาย” เสียงขู่เล็ก ๆ ที่ยังไม่แตกพานดังขึ้นมาจากข้างหญิงสาว
“โอ๊ะโอ๋...ศิษย์น้อง น้ำหน้าอย่าแกจะทำอะไรข้าได้”
หลี่อี๋ไม่ฟังคำขู่ของจูเฉิงเยว่พร้อมกันนั้นกับเอื้อมมือโสโครกจะไปจับข้อมือหานเฟย แต่ถูกผลักออกด้วยพลังลมปราณฝีมือของจูเหวินฟง จนเซไปด้านหลัง ดีที่ลูกน้องมันยืนรับไว้อยู่ไม่อย่างนั้นคาดว่าตัวมันคงลงไปคลุกฝุ่นกับพื้นไปแล้ว
“นี่แก!!!” หลี่อี๋รวบรวมพลังปราณยุทธระดับอัคราจารย์ยุทธขั้นเจ็ด ดูเหมือนว่ามันจะมีระดับขั้นสูงกว่า จูเหวินฟงถูกซัดด้วยฝ่ามือไร้รอย เข้าเต็มหน้าอกอย่างที่เขาไม่ทันตั้งตัว ตัวเขาปลิวกระแทกทับโต๊ะอาหารหักเป็นเศษไม้ จนกระอักเลือดออกมาแล้วหมดสติไปทันที
“หึ อ่อนหัด”
“แกทำร้ายท่านพ่อ” คุณชายน้อยรีบลุกเข้าไปประคองจูเหวินฟง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มหมดสติไปถึงกับโกรธมากทันที
“เฉิงเอ๋อร์ระวัง อย่าลูก…”
“จุ๊ ๆ เหล่าหยาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าไอ้หมอนี่ร่ำรวยไม่ใช่เล่นเลยน้า” หวงฉีเจิ้งจับตะเกียบเคาะชาม มองสหายด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เยี่ยหยางเงยหน้าขึ้นจากชามข้าว “หืม? แล้วเจ้ารู้ว่ามีเท่าไหร่บ้าง?”“หารส่วนแบ่งกับเจ้าคนละครึ่ง คุณชายอย่างข้าสร้างหอข่าวได้สมบูรณ์เสร็จสรรพเลยทีเดียวล่ะ”“มากกว่าบ่อนโกโรโกโสนั่นอีกนะเนี่ย” รอยยิ้มหายนะวาดอยู่บนใบหน้าของเยี่ยหยาง “ข้าไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าขยายสาขาเพิ่มในเป่ยฉินแล้วสิ แถมมีเงินมีทองไปซื้อขนมให้เสี่ยวเฉิงเหลือเฟือเลยสินะ”เนื้อกวางทรายขาวคีบเข้าปากเยี่ยหยาง ก่อนจะเอ่ยต่อ “โอรสในฮ่องเต้กับฮองเฮาจะมีทรัพย์สมบัติน้อยได้อย่างไร”“นั่นสินะ”ซู๊ดดด… น้ำแกงรสกลมกล่อมไหลลงคอหวงฉีเจิ้งอย่างนุ่มนวล “เจ้าว่าข้าไปเป็นองค์ชายบ้างดีมั้ย?”“กริยาอย่างเจ้าหรือ? ขุนนางยังไม่ได้เป็นเลย” เยี่ยหยางมองอี๋ใส่สหายที่ซดน้ำแกงเสียงดัง หมอนี่ไม่เคยรักษามารยาทต่อหน้าเขาบ้างเลย“ต่อหน้าเจ้าต้อ
“ไป กลับกันเถอะ กลิ่นขยะที่จินโจวเหม็นคุ้งจะแย่แล้ว” เยี่ยหยางคล้องคอหวงฉีเจิ้งเดินละลิ่วออกไปโดยไม่สนใจอ๋องขี้ขโมย“หยุด!!! ให้เปิ่นหวาง”เปิ่นหวางไม่หยุดเจ้าจะทำไม! เยี่ยหยางไม่ฟังน้ำเสียงสั่งที่ฟังดูแล้วเหมือนคนบ้า เขาไม่สนใจไอ้บ้านี่แม้แต่น้อย“ไอ้สวะสองตัว หยุดเดี๋ยวนี้!!! หากพวกเจ้าสองคนก้าวออกไปจากที่นี่ พวกเจ้าและครอบครัวก็ตาย!!”เยี่ยหยางหยุดกึก ชะงักก้าวเดินทันทีตอนแรกเขาก็แค่โมโหนิดหน่อยที่มีคนมาขโมยของต่อหน้าเขา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่เอาของคืนก็ปล่อยไอ้บ้านี่ไปได้แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะไม่โมโหนิดหน่อยแล้วเพราะตอนนี้ท่านอ๋องบัดซบเดือดแล้ว…จุดแข็งของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว…จุดอ่อนของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว …จุดเดือดของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัวดังนั้นแล้วหนทางข้างหน้าของอ๋องแห่งจินโจวผู้นี้ช่างมืดมนนัก ที่รนหาที่สมัครสมาชิกมีรายช
หวงฉีเจิ้งกวาดสายตามองกองหินหยาบหลายกอง เดินตรงดิ่งเข้าไปหยิบหินก้อนเล็กก้อนกลางโยนใส่รถเข็นที่เสี่ยวเอ้อเข็นตามหลังมาอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนหยิบคว้าก้อนไหนได้ก็จับใส่ หารู้ไม่ว่าสายตาของเขามองทะลุปรุโปร่ง หินหยาบทุกก้อนมีมูลค่ามากกว่าราคาที่จ่ายจริง“เจ้าไปยกหินก้อนนั้นให้ข้า” น้ำเสียงสบาย ๆ สั่งเสี่ยวเอ้อให้ยกหินหยาบก้อนใหญ่ขนาดสูงเท่าตัวคน “ไม่ใช่ ๆ ข้าอยากได้ก้อนนั้น นั่น ๆ อีกก้อนด้านขวามือเจ้า”“นั่น ๆ ก้อนนั่นแหละ ยกมารวมกับหินหยาบที่ข้าเลือกไว้เลย”เสี่ยวเอ้อมองนายท่านที่ผอมแห้งดูไม่เอาผ่านเดี๋ยวคว้าหยิบเดี๋ยวจับโยนเดี๋ยวยกมือชี้เลือกพนันหินอย่างไม่ต้องสังเกตคัดเลือกเหมือนนักพนันหินคนอื่น ๆ อย่างมึนงงตั้งแต่มันทำงานในบ่อนพนันหินไม่เคยเจอนักพนันคนใดที่เลือกหินได้ชุ่ย ๆ ขนาดนี้ อย่างน้อยคนที่พนันต้องมีสังเกตดูสีดูน้ำหนักหินบ้างไม่มากก็น้อย แต่คนผู้นี้กับเลือกหินอย่างกับเลือกหัวผักกาด ไม่รู้ว่าหินที่เลือกมาข้างในจะมีค่าหรือไม่ส่วนทางฝั่งของเยี่ยหยางที่ไม่ได้มีสายตาที่พิเศษเฉียบคมเช่นสหายก็มีวิธีการของตัวเองใน
เขาเพียงพลังเวทเล็กน้อยก็ควบคุมลูกเต๋าเหมือนอยู่ในกำมือ จะให้ออกผลเท่าไหร่กี่แต้มก็จัดการได้เพียงแค่กระดิกนิ้วเบา ๆ“เปิด ๆ” เสียงเชียร์ดังลั่นเพราะเงินเดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่น้อย หากเป็นชาวบ้านธรรมดาตำลึงเงินตำลึงทองเหล่านี้สามารถเลี้ยงครอบครัวสิบคนได้เป็นหลายสิบปีอย่างฟุ่มเฟือยกระบอกลูกเต๋าคว่ำลงบนโต๊ะแล้ว เจ้ามือค่อย ๆ เปิดกระบอกอย่างช้า ๆ ครานี้มันหาเงินเข้าบ่อนได้มากโขแล้ว?ลูกเต๋าเผยโฉมต่อทุกสายตา ตั้งเรียงสูงเป็นแถวตั้งตรง หน้าแต้มของเต๋าลูกบนคือหกแต้มเห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตาในบริเวณนี้ แต่เต๋าอีกสองลูกยังเป็นปริศนาเจ้ามือที่เห็นผลลูกเต๋าก็ขมวดคิ้ว มันมั่นใจว่าตัวเองควบคุมแต้มเต๋าให้ออกต่ำที่สุด แต่แต้มเต๋าที่เผยออกมาส่วนหนึ่งทำให้มันรู้สึกไม่ค่อยดี“เปิดต่อ ๆ เลย” เยี่ยหยางเร่งด้วยน้ำเสียงร้อนรน การแสดงที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ ไม่มีใครสงสัยแม้แต่น้อยเจ้ามือที่ได้รับสายตากดดันทั่วสารทิศ เอื้อมมือที่หนักอึ้งในความรู้สึกของมันไปหาเต๋าลูกบน กลั้นใจคว้าหยิบในทีเดียว แต่ผลที่ออกมา…หกแต้ม!
เศรษฐีอ้วนที่แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับทองอร่ามเต็มตัวคือ มู่หรงเยี่ยหยางชินอ๋องแห่งราชอาณาจักรซีเว่ย ส่วนสหายผอมแห้งดูเสเพลไม่เอาถ่านคือ หวงฉีเจิ้งเจ้าของหอข่าวซินเหวินที่กำลังมีอำนาจแผ่กระจายไปหลายแว่นแคว้นทั้งสองเดินตามเสี่ยวเอ้อแนะนำมายืนหน้าโต๊ะกว้างที่ขีดตารางแบ่งช่องเป็นตัวเลขและตัวอักษรที่ขีดเขียนว่าสูงและต่ำ“นายท่าน โต๊ะนี้การร่วมเล่นสนุกง่ายนัก เพียงแค่ท่านเดาว่าเจ้ามือจะทอยลูกเต๋าได้แต้มสูงหรือต่ำ ท่านสามารถวางเงินเดิมพันตรงช่องที่ท่านทาย หากท่านทายถูกก็จะได้รางวัล หากทายผิดก็จ่าย อัตราการทายแต้มห้าต่อห้านั้นช่างง่ายดายและน่าสนุกมากขอรับ”“อ๋อ แล้วช่องตัวเลขล่ะ” เยี่ยหยางแกล้งโง่งมไม่รู้วิธีการ แต่หารู้ไม่ว่าเชี่ยวชาญชำนาญยิ่งกว่าเจ้ามือ บ่อนหลายแห่งของซีเว่ยแค่เห็นเงาชินอ๋องก็ปิดทำการบ่อนชั่วคราวทันที รอเทพบัดซบเสร็จกลับไปให้ไกลถึงกล้าแง้มประตูแต่เมืองจินเหมินแห่งนี้เทพเซียนผู้นี้ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน กลับไม่มีโอกาสเหมาะสมมาแวะเวียน ครานี้ได้ฤกษ์โอกาสยามดี ชินอ๋องแห่งซีเว่ยจึงได้โอกาสเยี่ยมเยือนถึงเมืองแห่งกา
เพราะไม่มีใครเห็นหวงฉีเจิ้งมาที่เหมือง เห็นเพียงเยี่ยหยางที่ถูกโทษทัณฑ์“ข้าว่าพวกเราทิ้งแร่ปิดหน้าโถงถ้ำไว้เล็กน้อยดีกว่า”เยี่ยหยางพูด จากน้ันก็ยอมเสียแร่ผลึกเล็กน้อยวางปิดหน้าโถงถ้ำเช่นเดิม มองจากข้างนอกเข้ามาในโถงเหมือนข้างในยังเต็มไปด้วยผลึกแร่ และจำนวนนั้นก็พอจ่ายให้คนในสำนักได้หลังจากนี้อีกสามเดือน ที่มองเห็นมากมายที่เหลือเป็นเพียงเวทภาพลวงตาที่ร่ายส่ง ๆ ผูกติดกับผลึกแร่จริงที่กองปิดโถงถ้ำคาดว่าเดือนที่สามเมื่อแร่ผลึกก้อนสุดท้ายหยิบออกไป คงมีใครคนหนึ่งล้มทั้งยืนที่ตรงนั้น แต่ตัวก่อเรื่องกลับไม่อยู่ในสำนักแล้ว ดูเหมือนจะมีศิษย์อกตัญญูปล้นทรัพย์สินของสำนัก แต่ใช่ว่าผู้อาวุโสที่คุมเหมืองแห่งนี้จะเป็นคนดี พวกเขาแค่ช่วยให้เรื่องมุบมิบของตาแก่คนหนึ่งแดงเร็วขึ้นก็เท่านั้นจากนั้นก็คนนอกสองคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ก็ติดตั้งค่ายกลวงเวทเคลื่อนย้ายตามจุดประสงค์เริ่มต้นที่มาที่นี่ใช้เวลาถึงสามวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก เพราะค่ายกลนี้เป็นวงเวทที่ซับซ้อนต้องการเคลื่อนย้ายวัตถุมีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งต้องร่างก่อให้เสถียรทุกอักขระเมื่องานเสร็จสิ้นสอง