88สามปีต่อมา ราชวงศ์หมิง ชีวิตคู่ระหว่างหมิงหยางเต๋อกับธิดาดอยในร่างหวังเสี่ยวหยูกับผิงผิงราบรื่นและมีความสุข ทั้งสองสานต่อเรื่องที่สองผัวเมียผู้ล่วงลับทำไว้ รวมทั้งกิจการที่มีแนวโน้มว่าจะเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคตในช่วงแรกทั้งสองต้องปรับตัว ทำความรู้จักกับเหล่าคนรับใช้และคนใกล้ชิดหวังเสี่ยวหยูกับผิงผิง แม้จะมีคนสงสัยว่า เหตุใดจึงจำใครไม่ได้ ทั้งคู่ใช้ข้ออ้างเรื่องการเสียชีวิตไปครึ่งชั่วยามว่า ความจำถูกลบออกไป ทุกคนจึงเลิกสงสัยในข้อนี้เรื่องหนึ่งที่ทั้งสองรู้หลังจากฟื้นขึ้นมาคือ ทั้งคู่กลับมาในยุคราชวงศ์หมิง ในการปกครองของฮ่องเต้หมิงเหยา บุตรชายของทั้งคู่ หมิงเหยาเป็นฮ่องเต้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นฮ่องเต้ที่มีคุณธรรม บริหารบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม เป็นที่รักและเคารพของราษฎรทั่วหล้า หมิงหยางเต๋อกับธิดาดอยภูมิใจในตัวบุตรชาย และดีใจ วางใจที่เขาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมหมิงหยางเต๋อจูงมือธิดาดอยมายังริมสระบัวที่อยู่ภายในอาณาเขตบ้าน เป็นสถานที่ที่ทั้งคู่มักพากันมาชมดอกบัวและสัตว์ ที่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำหรือสัตว์ที่บินได้เช่นนกนานาชนิด“ไม่รู้ว่าตาจะไปอยู่ที่ไหน” ธิดาดอยพูดก
87 ราชวงศ์หมิง พ.ศ. 2070 (ค.ส. 1527) บ้านหลังใหญ่กลางเมืองอู่เฉิน เมืองทางตอนใต้ของแคว้นหมิง เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยพืชผลทางการเกษตร และขึ้นชื่อเรื่องเหมืองทองคำ ประชากรในเมืองนี้ส่วนหนึ่งทำไร่ ปลูกผักขาย ส่วนหนึ่งรับจ้างทำงานในเหมือง ยังมีการค้าขายภายในเมืองที่คึกคัก มีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ชีวิตประชากรเมืองนี้ค่อนข้างดี เพราะมีพ่อเมืองที่ไม่มีนิสัยคดโกงคอยดูแลความเป็นอยู่ของลูกบ้าน พัฒนาเมืองด้วยมืออันสะอาด เมืองอู่เฉินมีโรงหมอขนาดใหญ่ที่รองรับคนป่วยได้เป็นร้อยคน มีโรงทานจากผู้ใจบุญที่ผลัดเปลี่ยนกันมาเป็นเจ้าภาพ แต่แน่นอนว่าก็ต้องมีกลุ่มหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภทจน ไม่มีจะกินรวมอยู่ด้วย เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วบ้าน ทุกคนต่างอาลัยและเสียใจกับการจากไปของหวังเสี่ยวหยูกับฮูหยินผิงผิงที่เสียชีวิตเมื่อครึ่งชั่วยาม สาเหตุของการเสียชีวิตคือนอนหลับแล้วไม่ตื่น หรือคนไทยเรียกว่าไหลตาย ที่น่าแปลกคือ สองสามีภรรยาผู้ใจบุญเสียชีวิตพร้อมกัน และที่น่าเสียดายคือ ทั้งสองอายุยังไม่มาก ฝ่ายชายอายุห้าสิบปี ฝ่ายหญิงอายุสี่สิบห้าปี ทั้งคู่เป็นคนที่คนในเมืองต่างให้ความเคารพและนับถื
86หนึ่งเดือนต่อมา ชีวิตคู่ระหว่างหมิงหยางเต๋อกับธิดาดอยเริ่มต้นขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทั้งคู่มีความสุขในบ้านสวนในพื้นที่สิบห้าไร่ ใช้ชีวิตเรียบง่ายกับเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรมากกว่าศัตรู คอยช่วยเหลือ แบ่งปันอาหารมาให้ทั้งคู่เสมอ ส่วนนายอินก็คอยช่วยเรื่องปรับปรุงพื้นที่ตามที่ธิดาดอยต้องการ บ้านสวนคือสถานที่ที่หมิงหยางเต๋อกับธิดาดอยใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ทั้งคู่จึงเข้ามาดูแลสวนเต็มตัว แต่ความที่หลีดูแลมาดีอยู่แล้ว จึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรมาก นอกจากรื้อแปลงผักเก่าที่ปล่อยรกล้าง พลิกฟื้นขยายให้ใหญ่กว่าเดิม เพราะปลูกพืชผักสวนครัว ไว้กินและไว้ขาย อีกทั้งยังสร้างโรงเพาะเห็ด ปลูกเห็ดหลายชนิดไว้ขายอีกด้วย เรื่องที่ธิดาดอยกลัวตอนนี้ไม่มีความรู้สึกนั้น เรื่องนั้นคือความกังวลว่า หมิงหยางเต๋อจะอยู่บ้านสวนได้หรือไม่ ตอนนี้เธอได้คำตอบนั้นแล้ว และมีอีกหนึ่งเรื่องที่รู้เพิ่มเติมคือ เขารักและมีความสุขกับบ้านสวนอันแสนร่มรื่น มีความสงบไม่วุ่นวาย สุขที่สุดคงจะเป็นได้อยู่ใกล้ชิดกับธิดาดอยหมิงหยางเต๋อปรับสภาพการเป็นอยู่ได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ จากคนที่ไม่เคยต้องทำอะไร มีคนคอยรอง
85 บนสวรรค์ ปองพลกับณัชชา กามเทพที่กำลังได้เลื่อนขั้นเป็นเทวดา กำลังนั่งหน้าเครียดหลังจากได้ยินคำพูดของ อาณัติผู้คุมเหล่ากามเทพทั้งหลายหรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นหัวหน้าใหญ่กามเทพทุกรุ่น “ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน” ณัชชาถามทันทีที่ได้รับรู้บางอย่าง “ทำไมต้องให้ไปอยู่ยุคอื่นอีก” “นั่นสิ ทำไมครับท่าน” ปองพลถามอาณัติ “พรหมลิขิตไง มันเป็นพรหมลิขิตที่เพิ่งเปิดเผย” อาณัติตามตามจริง “เจ้าสองคนก็ต้องทำตามพรหมลิขิตที่ขีดมายังไงก็ต้องเป็นอย่างนั้น” “แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนคะท่าน” ณัชชาถาม สีหน้าเป็นกังวล “จะให้ไปทั้งคู่หรือแยกกันคะ” “สองคนนี้เป็นคู่กัน แต่อยู่ที่นี่ไม่ได้ หมิงหยางเต๋อเป็นคนในอดีตจะมาอยู่ในปัจจุบันไม่ได้ เขาต้องกลับไปอดีต ไปที่ที่เขาจากมา แต่เหมยเป็นคนในปัจจุบันที่ย้อนไปอดีตได้” อาณัติมองลูกน้องสองคนที่มีความเก่ง ฉลาดและมีความสามารถอย่างรู้ว่า ทั้งสองต้องทำได้ “ข้าพูดแค่นี้แหละ เจ้าสองคนไปหาคำตอบกันเอาเองว่า จะให้ทั้งคู่ไปที่ไหน มันไม่ใช่หน้าที่ของข้า เป็นหน้าที่ของเจ้าสองคน ถ้าเจ้าสองคนทำภารกิจนี้สำเร็จ เจ้าสอง
84“เราก็ต้องหาสถานที่ให้พี่เต๋ออยู่ แล้วอยู่ไม่ต้องหลบซ่อนด้วย” เจ้าของเสียงคือณัฐระพี“ยังไงเจ้” ธิดาดอยรีบถาม“ปัญหาของเราตอนนี้คือ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าพี่เต๋อเป็นใคร มาจากไหน แต่ก็ไม่อยากให้พี่เต๋ออยู่ในห้องแคบๆ อยากให้พี่เต๋อมีชีวิตเหมือนพวกเรา เราก็ต้องหาสถานที่แห่งหนึ่งที่คิดว่าปลอดภัย ให้พี่เต๋อได้ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป อยู่ในโลกปัจจุบันได้โดยที่คนไม่สนใจนัก” ณัฐระพีตอบและอธิบาย“เฮียเห็นด้วยกับรุ่งนะ แต่จะหาสถานที่ที่ว่านี้ยังไง”“สถานที่งั้นเหรอ” เฉินทวนคำ พรางนึก “ให้ไปอยู่บ้านสวนดีไหม สวนก็สวนของเรา บ้านก็บ้านของเรา เราก็อ้างว่า เหมยแต่งงานเลยจะย้ายมาอยู่กับผัว ทำสวนเลี้ยงปลาปลูกผักไปตามเรื่อง ไปอยู่ที่นั่น คนรอบข้างไม่สงสัยหรอก ”ความคิดและคำพูดของเฉินเรียกรอยยิ้มให้กับทุกคน เสมือนความกลัดกลุ้ม หนักใจ กังวลใจของธิดาดอยถูกยกออกจากอก เธอคิดไม่ผิดที่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ครอบครัวรู้บ้านสวนที่ว่านี้อยู่จังหวัดอยุธยา เป็นมรดกตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ เนื้อที่ของสวนราวสิบห้าไร่ ภายในสวนปลูกต้นกล้วย ต้นมะม่วง ต้นมะพร้าว และมีบ่อเลี้ยงปลาบ่อใหญ่ที่ส่วนใหญ่จะเป็นปลานิล ก่อนที่หลี บิดา
83 วันอาทิตย์คือวันที่ธิดาดอยเลือกจะบอกความจริงให้ครอบครัวตนฟัง เพราะวันนี้ทุกคนในบ้านจะอยู่กันครบจะได้พูดคุยกันทีเดียว ไม่ต้องพูดซ้ำหลายครั้ง และการกลับมาบ้านครั้งนี้ของธิดาดอย มีผู้ร่วมเดินทางอีกสองคนคือ หมิงหยางเต๋อกับเพตรา “หาทางกลับบ้านได้แล้วหรือไง ไปนอนค้างห้องตาซะหลายวัน บ้านช่องมีก็ไม่นอน”พยัคฆ์แซวน้องสาวตัวดีที่เดินเข้ามาในบ้าน ก่อนจะมองบุรุษร่างสูงใหญ่ ผิวขาวสะอาดสะอ้าน เส้นผมยาวถึงกลางหลังถูกมัดเป็นหางม้า ใบหน้าหล่อตามสไตล์หนุ่มจีน พยัคฆ์รู้สึกถึงพลังอำนาจน่าเกรงขามแผ่รอบตัว ทำให้เขารู้สึกเกรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความสงสัยว่าชายคนนี้คือใครผุดขึ้นมาทันใด แต่พอเห็นเพตราเดินตามเข้ามา เขาก็คิดว่า ชายหนุ่มคนนี้คือคนรักของเพตรา“เฮีย ป๊ากับม้าแล้วก็เจ้ไปไหนล่ะ”“อยู่หลังบ้าน” พยัคฆ์ตอบ“งั้นเฮียรออยู่นี่นะ เหมยจะไปตามป๊ากับม้า เหมยมีเรื่องจะคุยด้วย” ธิดาดอยรีบเดินไปหลังบ้านทันที พยัคฆ์มองตามร่างน้องสาวติดใจสงสัยว่า วันนี้ธิดาดอยมาแปลกๆ ยิ่งพาคนแปลกหน้าที่เขาเข้าใจว่า เป็นคนรักของเพตรามาด้วย ยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น ทว่าเขาก็ไม่มีคำถาม รอให้ธิดาดอยมาเฉลยเอง