ป้าบัวถือถาดอาหารเดินนำหน้าเด็กหญิงน้อยหน่า ที่เดินตามหลังอย่างอ้อยอิ่งจนต้องถูกเรียก
“น้อยหน่าเร็วๆเข้า” เมื่อถูกเรียกเสียงดังเด็กหญิงจึงรีบเดินตามหลังป้าบัวไป
“ปล่อยค่ะ” ไอรักออกคำสั่งเสียงดุโดยไม่ได้มองหน้าชายหนุ่ม เมื่อน้อยหน่าปิดประตูกระจกบานใหญ่แล้ว ธีร์ภาณุปล่อยอย่างว่าง่าย ไอรักถอนหายใจ
“หนูไอขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” เธอไม่อยากจะก่อเรื่องทะเลาะกับผู้ชายตัวโตคนนี้อีกแล้ว เพราะดูเหมือนเธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเองทุกครั้ง ไอรักหมุนตัวก้าวเท้าเดินเร็วๆตรงไปเลื่อนเปิดประตูกระจก เพื่อจะเข้าไปในห้องนอน เธอปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนา แล้วหันหลังกลับหวังว่าจะนอนหลับให้สบายบนเตียงกว้างแต่ก็ต้องตกใจ ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ธีร์ภาณุกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า เขาค้นๆรื้อๆอยู่สักพักก็หันหน้ากลับมาเจอกับใบหน้าอันบูดบึ้งของไอรัก
“พี่ธีร์เข้ามาได้ยังไงคะ”
“ก็เดินเข้ามาทางนี้ไงจ๊ะ” ไอรักมองไปที่ประตูกระจกบานใหญ่ที่เชื่อมต่อกับระเบียง จริงสินะ บ้านหลังเล็กนี้มีระเบียงรอบบ้าน แล้วเธอก็ยังไม่ได้ปิดล็อกประตูระเบียง
ชายหนุ่มเริ่มถอดเสื้อผ้า เขาใช้ผ้าขนหนูพันตัวแล้วถอดกางเกงโดยไม่สนใจว่ามีคนมองอยู่ ไอรักโวยวาย
“พี่ธีร์คะเกรงใจหนูไอหน่อยสิคะ ออกไปได้แล้วค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับหันหลังให้ เพราะไม่อยากมองภาพที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็น
“แล้วจะให้พี่ไปอาบน้ำที่ไหนล่ะครับ ทั้งบ้านก็มีห้องน้ำอยู่ห้องเดียว แล้วผ้าขนหนูตัวเดียวอย่างนี้ เดินออกไปพี่อาจจะเป็นปอดบวมได้นะครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำเขายังพูดแขวะไอรักได้อีกว่า
“พี่ไม่อยากปอดบวมแข่งกับหนูไอนะครับ” แล้วก็หัวเราะเสียงดัง มันช่างเป็นเสียงหัวเราะ ราวกับคนที่ต้องการประกาศว่าอยู่เหนือกว่า หญิงสาวก้มลงมองหน้าอกแล้วยกแขนขึ้นกอดอกตัวเอง รู้สึกแค้นชายหนุ่มเข้าไปใหญ่
ไอรักนั่งรอคนที่กำลังอาบน้ำอยู่บนเตียงกว้าง สักครู่ใหญ่เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตู หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืนหันหลังให้ทันที เพราะคิดว่าธีร์ภาณุคงจะออกมาด้วยสภาพที่ไม่เรียบร้อย ชายหนุ่มแต่งตัวชุดนอนเสร็จแล้วเดินออกจากห้องน้ำ เขามองด้านหลังของไอรักแล้วส่ายศีรษะอมยิ้มเล็กน้อย
“หนูไอง่วงแล้วค่ะ พี่ธีร์ทำธุระเสร็จแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว” ไอรักพูดโดยไม่หันมองธีร์ภาณุ เงียบ...ไม่มีเสียงโต้ตอบ หญิงสาวจึงหมุนตัวหันกลับมามองหาชายหนุ่ม
ธีร์ภาณุนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง แถมยังส่งยิ้มหวานแบบกวนๆให้อีก เธออยากจะร้องกรี๊ดๆให้ลั่นบ้าน แต่ก็พยายามข่มใจพูดอย่างใจเย็นว่า
“หนูไอจะพักผ่อนค่ะ”
“ครับ...เชิญครับ” ธีร์ภาณุขยับตัวชิดขอบเตียงอีกด้าน แล้วใช้มือตบเตียงด้านที่ว่างเบาๆ
“ที่ว่างตรงนี้สำหรับหนูไอครับ”
“พี่ธีร์คะ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคะ เชิญพี่ธีร์ออกไปได้แล้วค่ะ” ไอรักพยายามข่มอารมณ์โกรธที่พรุ่งปรี๊ด
“พี่ง่วงแล้วล่ะ แล้วก็เหนื่อยด้วยขับรถมาทั้งวัน หนูไอมานอนเถอะครับ พี่ไม่มีแรงทำอะไรหรอก” ธีร์ภาณุพลิกตัวหันหลังให้ ชายหนุ่มดึงผ้าห่มคลุมตัว แล้วหลับตาทำทองไม่รู้ร้อน
ไอรักกำมือแน่นเดินไปขอบเตียงด้านที่ธีร์ภาณุนอนอยู่ แต่เธอก็ชะงักเท้าเมื่อคิดได้ว่า จะทำร้ายเขาอย่างไรก็สู้แรงผู้ชายตัวโตคนนี้ไม่ได้สักที หญิงสาวจึงตัดสินใจหันหลังกลับเดินออกจากห้องไป
ไอรักเดินออกมาริมระเบียงด้านที่เชื่อมต่อกับห้องนอน หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าในความคิด เธอกวาดสายตาไปรอบด้าน ความมืดที่ครอบคลุมอยู่ทุกพื้นที่ทำให้เธอมองเห็นทุกอย่างเป็นเพียงภาพเงาดำเลือนราง ไอรักเงยหน้ามองท้องฟ้า ที่ตอนนี้มีดาวอยู่เต็มไปหมด
“สวยจัง” ไอรักพึมพำกับตัวเองเบาๆ นี่เธอไม่ได้มองท้องฟ้าสวยๆอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ หญิงสาวผ่อนลมหายใจเบาๆ เธอต้องการใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบๆสักพัก เผื่อบางทีจะคิดทางออกให้กับชีวิตตัวเองได้
ลมหนาวพัดแรงไอหมอกก่อตัวกระจายความเย็น ไอรักเริ่มคิดถึงที่นอนนุ่มๆที่บ้านหลังใหญ่ของตัวเอง และก็อดน้อยใจผู้เป็นพ่อไม่ได้ ที่ปล่อยให้ลูกสาวมากับผู้ชายโดยไม่ได้เป็นห่วงกันบ้างเลย
“แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนล่ะ” ไอรักบ่นพึมพำอยู่คนเดียวแต่เสียงบ่นกับตัวเองของเธอคงจะดังมากไป จนทำให้คนที่แอบมายืนอยู่ข้างหลังอมยิ้ม ธีร์ภาณุยืนพิงประตูมองไอรักอยู่นานแล้ว เขาอยากให้เวลาส่วนตัวหญิงสาวบ้าง แต่ตอนนี้หมดเวลาแล้ว เพราะถ้าขืนปล่อยให้หญิงสาวยืนมองฟ้า รับลมหนาวอยู่อย่างนี้ต่อไป พรุ่งนี้เขาคงได้เปลี่ยนจากตำแหน่งว่าที่เจ้าบ่าว เป็นคุณหมอที่ต้องรักษาอาการไข้หวัดให้เป็นแน่
“ก็นอนในห้องนอนไงล่ะครับ” ธีร์ภาณุพูดขึ้นด้านหลังพร้อมกับย่อตัวลงอุ้มหญิงสาวขึ้นกระชับไว้ในอ้อมแขน ไอรักตกใจไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมรวดเร็วอย่างนี้
“พี่ธีร์! ปล่อยนะ หนูไอเดินเองได้” ไอรักสะบัดขาและดิ้นแรงในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ธีร์ภาณุไม่ฟังคำคัดค้านใดๆ เขาพาหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนเดินผ่านประตูกระจกบานใหญ่ และวางลงบนเตียงกว้าง ไอรักรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงไปยืนอยู่มุมห้องอีกด้านหนึ่ง ธีร์ภาณุไม่ได้สนใจมองไอรัก เขาเดินไปที่ประตูเพื่อปิดล็อกแล้วดึงม่านปิด เมื่อหันกลับมาเห็นไอรักยืนตัวลีบอยู่ก็หัวเราะเบาๆ
“นอนเถอะครับ พี่ไม่ทำอะไรหนูไอแน่นอน สัญญาครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินเข้าใกล้“ไม่เชื่อหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไอไปนอนข้างนอกก็ได้” ธีร์ภาณุส่ายหน้าระอากับความดื้อรั้นของผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า“แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะเชื่อ” ชายหนุ่มก้มหน้าถาม ใบหน้าแทบจะชนกัน ไอรักหลับตาปี๋หดคอลง และใช้มือยันแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มไว้“พี่ธีร์ถอยออกไปก่อนค่ะ หนูไออึดอัด” หญิงสาวพยายามจะเบี่ยงตัวออกให้ห่างจากชายหนุ่ม ที่ตอนนี้จ้องมองเธอด้วยแววตาแปลกๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้เธอหวั่นใจ เธอเริ่มกลัวการอยู่ใกล้ๆเขา ยิ่งในห้องนอนมิดชิดอย่างนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ล่ะไอรักเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัด หัวใจเต้นโครมคราม“พี่ธีร์คะ กรุณาให้เกียรติหนูไอด้วยค่ะ” เธอพยายามพูดให้ดูเหนือกว่าเขา ชายหนุ่มถอยห่างจากไอรักสองสามก้าว เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย และผายมือไปยังเตียงกว้าง“ครับ...เชิญ”“พี่ธีร์คะ ตกลงว่าจะไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยใช่ไหม เรายังไม่ได้แต่งงานกันจะนอนร่วมเตียงร่วมห้องกันได้ยังไง” ชายหนุ่มยืดตัวเต็มความสูงยืนตรง เขายักไหล่ยิ้มที
“เชอะ! ใครจะไปสนใจ” หญิงสาวพูดเบาๆพร้อมกับก้าวเท้าลงจากเตียง เธอเดินตรงเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยเช้านี้ก็เป็นเช้าที่สดใสสำหรับเธอ เพราะไม่ต้องทนเห็นหน้าอีตาพี่ธีร์นั่นเมื่อจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จ ไอรักจึงเดินออกไปนอกระเบียง เพื่อรับประทานอาหารเช้า น้อยหน่าที่ยืนรอคอยบริการอยู่แล้วยิ้มแป้นพูดอย่างกระตือรือร้นว่า“เชิญค่ะนายหญิง น้อยหน่าเตรียมอาหารไว้รอแล้วค่ะ วันนี้ป้าบัวทำข้าวต้มกุ้งน่าทานมากเลยค่ะ” ไอรักยิ้มให้น้อยหน่าเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้“น่าทานจริงๆด้วยน้อยหน่า หอมจัง เออนี่แน่ะ...น้อยหน่าเรียกพี่ว่า พี่หนูไอก็ได้นะจ๊ะ” ไอรักพูดพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้น้อยหน่า เด็กหญิงมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย“เราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นไงล่ะจ๊ะ ไหนลองเรียกพี่ใหม่ซิ”“เอ่อ...ค่ะ พี่หนูไอ” น้อยหน่าทวนเรียกชื่อไอรักพร้อมกับยิ้มแป้นแก้มแทบปริ ที่ได้รับสิทธิ์เรียกนายหญิงของไร่ว่าพี่ไอรักทานอาหารมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย น้อยหน่ายืนยิ้มมองดูไอรักทานข้าวต้มอยู่สักพักก็พูดขึ้นว่า“พี่หนูไอจะมาเป็นนายหญิงที่นี่ใช่ไหมคะ” ไอรักชะงักเล็กน้อยแต่ไม่ได
“แหมๆ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ว่าแต่นายหญิงแน่ใจหรือว่าจะขับรถคันนี้น่ะครับ เพราะมันชอบทรยศคนขับบ่อยๆ เห็นมีแต่นายเล็กเท่านั้นที่รู้ใจมัน ใช้ขับไปไหนมาไหนในไร่นี้ได้น่ะครับ คนอื่นจะขับบางทีก็สตาร์ทไม่ติด หรือบางทีก็ไปดับอยู่ท้ายไร่โน่นแน่ะ”ไอรักยิ้มให้ลุงมิ่งก่อนจะพูดว่า“ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูไออยากขับรถเล่นนิดหน่อย ถ้าไม่ลองขับแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ารถคันนี้กับหนูไอจะรู้ใจกันหรือเปล่า”ลุงมิ่งไม่อยากทัดทานอะไรมาก เพราะถ้านายหญิงเกิดไม่พอใจขึ้นมาจริง ตัวลุงมิ่งเองอาจจะโดนปลดระวางอย่างที่น้อยหน่าขู่ไว้จริงๆ ชายสูงวัยจึงเดินไปหยิบกุญแจที่ตู้เก็บของมาส่งให้ไอรัก หญิงสาวรับกุญแจมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างลุงมิ่งมองดูไอรักขับรถออกจากโกดังตรงไปตามส้นทางเข้าสู่ไร่อ้อย อย่างน้อยก็มีน้อยหน่านั่งไปเป็นเพื่อน ถ้าเจ้ารถจี๊ปตัวดีเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็ไม่น่าห่วงอะไรมาก เพราะน้อยหน่าคงพาเดินมาทางลัดของไร่ซึ่งสามารถกลับมาถึงบ้านได้ไม่ยากไอรักขับรถเรื่อยๆไปตามทาง พยายามสังเกตและจดจำทุกอย่างที่น้อยหน่ากำลังบรรยายให้ฟัง“ถนนเส้นนี้เป็นถนนสุดเขตไร่แสงตะวันค่ะพี่หนูไอ เล
“พี่อยากเปิดตัวนายหญิงของไร่แสงตะวัน แล้วพี่ก็บอกคุณพ่อแล้วว่าจะพาหนูไอไปด้วย งานนี้จะมีแขกคนสำคัญของจังหวัดไปหลายท่าน หนูไอไปลองชุดก่อนนะ ถ้าเผื่อไม่พอดียังไงจะได้ให้ป้าบัวแก้ชุดได้ทัน”“ไม่ดีกว่า หนูไอไม่ไป ขอตัวนะคะจะไปเดินเล่น” ไอรักพูดจบก็หันหลังให้ธีร์ภาณุ แต่ไม่ทันจะเดินได้ถึงสองก้าว ก็ถูกชายหนุ่มรวบตัวจากทางด้านหลัง“จะไปลองชุดเองหรือจะให้พี่จับถอดชุดนี้ออกแล้วลองชุดให้ดี” ธีร์ภาณุกระซิบข้างหูไอรัก หญิงสาวหลับตาปี๋ สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม แล้วหันหน้ากลับมาจ้องดวงตาคมเข้ม“ไม่ลองชุด แล้วก็ไม่ไป” พูดจบไอรักก็วิ่งปรู๊ดเปิดประตูบ้านออกไป ธีร์ภาณุส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเปิดประตูวิ่งตาม และคว้าตัวไอรักได้ทันก่อนที่จะวิ่งลงบันไดบ้านไปได้ หญิงสาวถูกจับตัวขึ้นพาดบ่าของชายหนุ่ม เธอร้องเอะอะโวยวาย“ปล่อยนะ พี่ธีร์จะมาบังคับใจกันอย่างนี้ไม่ได้นะ บอกให้ปล่อย” ธีร์ภาณุปล่อยจริงๆ แต่ปล่อยเมื่อปิดประตูห้องนอนแล้ววางไอรักลงบนเตียงกว้าง หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นพยายามจะวิ่งไปที่ประตู ธีร์ภาณุวิ่งตามมาขวางทางไว้ได้ และรวบตัวไอรักไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง หญิงสาวยังดิ้นแร
“ผ่านไปแล้วห้านาที ไวจัง” ไอรักพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนที่เธอจะรีบคว้าชุดราตรีสั้นเกาะอกสีชมพูเข้ม แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลองชุดอย่างที่ธีร์ภาณุต้องการเมื่อไอรักเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เห็นธีร์ภาณุยืนรออยู่ในห้องแล้ว ชายหนุ่มกวาดสายตามองไอรักไปทั่วร่าง แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่หญิงสาวกลับชักสีหน้าไม่พอใจ“สวยครับ สมกับเป็นภรรยาของเจ้าของไร่แสงตะวัน” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเข้าประชิดตัวไอรัก แล้วจับข้อมือบางพาเดินออกจากห้องนอน หญิงสาวไม่อยากขัดใจธีร์ภาณุ เธอกลัวว่าจะต้องถูกลงโทษในแบบของเขาอีก เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการไม่เปลืองตัวไปมากกว่านี้ เธอจึงเลือกที่จะเดินตามแรงจับจูงของผู้ชายตัวโตอย่างว่าง่ายที่ชุดเก้าอี้ไม้โต๊ะกลมมีผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับธีร์ภาณุนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาแต่งตัวชุดข้าราชการสีกากี กำลังสาละวนกับเอกสารต่างๆบนโต๊ะ“เตรียมเอกสารมาครบทุกอย่างแล้วใช่ไหมไอ้ปลัดเมฆ” เสียงถามจากเพื่อนรักเจ้าของไร่แสงตะวัน ทำให้ปลัดเมฆาที่ก้มหน้าจัดเอกสารอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมใบหน้าบึ้งนิดๆ“จะให้ทำอะไรก็โท
ธีร์ภาณุพูดตามหลังเพื่อนไป ปลัดเมฆาไม่ได้หันกลับมา แต่โบกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่มีปัญหา ตามประสาเพื่อนรักที่เข้าใจเพื่อน แค่มองตาก็รู้กันโดยไม่ต้องซักไซ้สอบถามกันสักคำ“ท่าจะตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ไอ้ธีร์เอ๊ย! วันนี้ยุ่งๆเอาไว้ก่อนเถอะ วันหลังจะซักประวัติ เอาให้ละเอียดกว่าข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ซะอีก”ปลัดเมฆาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เพื่อนรักตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรสด้วยนั้นเป็นใคร เพราะธีร์ภาณุเคยเล่าเรื่องการถูกจับคู่ ให้เขาฟังมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าจะปุ๊บปั๊บเรียกตนเองมาทำเรื่องจดทะเบียนสมรสให้เร็วขนาดนี้ เพราะธีร์ภาณุเพิ่งบอกเมื่อสองสามวันก่อนว่าจะไปดูตัวเจ้าสาวที่ต่างจังหวัด แต่จับพลัดจับผลูยังไงถึงได้ออกมาในรูปแบบนี้ ดูผู้หญิงก็ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร นี่เพื่อนของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ“เอาชนะใจหนูไอให้ได้ก็แล้วกันแกไอ้เกลอ หึๆ”ปลัดเมฆากลับไปแล้ว ทิ้งให้ไอรักนั่งสับสนอยู่ที่เดิม ผิดกับธีร์ภาณุที่ทำหน้ายิ้มระรื่น ชูทะเบียนสมรสให้ไอรักดูราวกับยั่วให้โมโห แล้วผิวปากเข้าไปในห้องนอน เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวร
ธีร์ภาณุวนรถเข้าจอดในบริเวณลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านที่ไอรักนั่งอยู่ หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แล้วก้าวลงจากรถด้วยอาการที่ไม่ค่อยพอใจ ไอรักกำลังจะเดินนำหน้าธีร์ภาณุไป แต่ชายหนุ่มคว้าข้อมือไว้ แล้วจับแขนของผู้หญิงหน้าบึ้งมาคล้องที่แขนของตนเอง ไอรักฮึดฮัดพยายามดึงกลับ แต่ธีร์ภาณุกลับหนีบไว้ไม่ยอมปล่อย“อย่าลืมรอยยิ้มด้วยนะครับ เรามาในงานนี้เพื่อเป็นตัวแทนของคุณพ่อ พี่รู้ว่าหนูไอโตพอที่จะรู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร” ธีร์ภาณุพูดจบก็พาไอรักเดินเข้าประตูโรงแรม ตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ซึ่งล้วนมีแต่แขกคนสำคัญและผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดทั้งนั้น ธีร์ภาณุหนีบแขนดึงไอรักไปที่บริเวณประตูหน้างานเพื่อร่วมอวยพรเจ้าของงานภาพผู้ชายร่างสูงสมาร์ตในสูททักซิโดสีดำหน้าตาคมเข้ม เดินควงแขนกับผู้หญิงร่างบางหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่งหน้าเล็กน้อยและเกล้าผมขึ้นลวกๆ จงใจปล่อยปอยผมเล็กให้คลอเคลียระบ่าเนียน เธออยู่ในชุดราตรีสั้นเกาะอกสีชมพูเข้ม เน้นเนินอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดราตรี ทำให้ผู้ชายหล
“แน่นอนค่ะ งานนี้แนนไม่พลาดอยู่แล้ว เรามันคนคุ้นเคยกันไม่ไปได้ยังไง แล้วเจอกันนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” ปากก็พูดกับไอรัก แต่กลับสบสายตาพร้อมรอยยิ้มแปลกๆให้กับธีร์ภาณุ โดยไม่เกรงใจคนข้างๆเลย เมื่อหญิงสาวในชุดราตรีสีแดงสดเดินจากไป ไอรักหันหน้ามามองธีร์ภาณุตาเขียวปั้ด“แม่นี่เป็นใครคะพี่ธีร์” ธีร์ภาณุยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบว่า“คุณแนนเป็นลูกสาวเจ้าสัวปรีชา เจ้าของท่าข้าวรายใหญ่ของจังหวัด มีอะไรหรือเปล่าหนูไอ” ไอรักทำจมูกย่น“อ๋อ...ค่ะ” ไอรักพยักหน้ารับทราบ แต่ก็ยังยิงคำถามต่อ“แล้วรู้จักและสนิทคุ้นเคยกับพี่ธีร์มากเลยเหรอคะ”ธีร์ภาณุหัวเราะก่อนจะตอบ แต่เป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถามและขัดใจคนรอคำตอบ “ทำไมล่ะครับ หรือว่าหนูไอหึงพี่”“ฮ้า! หึงพี่ธีร์นี่นะ ฝันไปหรือเปล่าคะ แล้วนี่เมื่อไหร่จะกลับล่ะคะ หนูไอเมื่อยปากไม่อยากจะยิ้มแล้วนะ” ไอรักเปลี่ยนเรื่องคุย เธอเบื่อที่ตกเป็นเป้าสายตาให้พวกป้าๆทั้งหลายซุบซิบนินทากัน ในข้อหาท้องก่อนแต่ง“อีกสักพักนะครับ อดทนหน่อยนะ ยิ้มไว้นะครับ ถ้าเมื่อยปากมากๆ เดี๋ยวคืนนี้พี่เสียสละยอมเมื่อย จะใช้ปากพี่นวดปากหนูไอให้นะครับ”
“เอามาพร้อมกันเลย นายกับคุณน้ำทำงานอยู่ในห้องยังไม่ออกมาเลยตั้งแต่เช้า” หวานแหววเบ้ปากเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของแตงอ่อน“ทำงานหรืองาบกันอยู่” นางแหวนหันไปหยิกลูกสาวทันที“โอ๊ย! แม่...”“ปรามๆมันไว้บ้างนะพี่แหวน ฉันล่ะหวั่นใจแทนพี่จริงๆ ระวังจะโดนไล่ออกจากไร่เพราะลูกสาวตัวเองนะ” แตงอ่อนยื่นมือไปรับปิ่นโตจากนางแหวน พร้อมกับชำเลืองตามองหวานแหววแล้วส่ายศีรษะ ก่อนจะเดินไปยังรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ หวานแหววมองตามนางแตงอ่อนอย่างไม่พอใจ“คอยดูนะแม่ ถ้าฉันได้เป็นนายหญิงที่นี่เมื่อไร ฉันจะไล่น้าแตงอ่อนออกจากไร่คนแรกเลย”“นังหวานแหวว! หยุดพูดได้แล้ว ไปๆเก็บของช่วยกัน” หวานแหววเก็บโน่นเก็บนี่กระแทกกระทั้นเสียงดังอย่างหงุดหงิด&
“ถ้าไม่ตอบผมจะหยุดแล้วนะ ผมยอมแพ้” ภูชิตชักมือกลับ แล้วลุกขึ้นนั่ง น่านน้ำมองสบตาอย่างอ้อนวอน หญิงสาวกัดริมฝีปากไว้ไม่กล้าเอ่ยขอใดๆออกไป แต่ร่างสาวกลับบิดส่ายทรมานรอคอยการปลดปล่อย รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์จ้องมองกลับอย่างท้าทาย คิ้วเข้มเลิกสูงเป็นเชิงถามเพื่อขอให้เธอตอบ“คุณภูขา ช่วยน้ำด้วย” เสียงหวานสั่นพร่ายามเอ่ยร้องขอ“ช่วยอะไรล่ะคนสวย อยากให้ผมช่วยยังไง” คนที่รอท่าอยู่แล้วขยับทาบทับร่างเล็กยั่วยวนอีกครั้ง น่านน้ำใช้ขาเรียวตวัดรัดเอวสอบทันที แต่ภูชิตกลับไม่ได้เติมเต็มให้หญิงสาวอย่างที่เธอกำลังรอคอยอยู่ สะโพกสวยยกเชิดเบียดชิดอยู่กับมัดกล้ามหน้าท้องที่เรียบตึงของเขา“คุณภู น้ำทรมาน...อา...” แปลงดอกไม้ชุ่มฉ่ำเบียดเสียดสีกับเรือนกายหนั่นแน่น มันไม่ได้ทำให้ความทรมานทุเลาลงเลย หากแต่เป็นการเพิ่มความซ่านสะท้านจนร่างสาวแทบจะแตกเป็นเสี่ยง&nb
“เหนื่อยจังเลยค่ะ” เป็นน่านน้ำเองที่ต้องประท้วง เมื่อคนที่คร่อมทับแผ่นหลังเธอไว้ไม่ยอมปล่อยร่างเธอเสียที“อืม...อยากอยู่อย่างนี้นานๆ” ภูชิตพลิกกายนั่งพิงพนักโซฟา โดยไม่ลืมที่จะเกี่ยวเอวคอดรั้งร่างบางให้นั่งบนตักตัวเอง ในขณะที่กลางกายยังคงประสานกันแนบแน่น น่านน้ำเอนร่างแนบหลังเนียนไปกับแผ่นอกกว้าง ศีรษะทุยพิงซบบ่ากว้างแล้วหลับตาลงอย่างอ่อนแรง ริมฝีปากหนาจูบซับขมับอ่อนโยน มือใหญ่ลูบไล้ร่างนุ่มนิ่มทะนุถนอม“พักยกก่อนนะ ที่รักของผม” เสียงทุ้มกระซิบใกล้หูเล็ก คนเหนื่อยล้าที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราได้ยินเสียงนั้นแผ่วเบานักคุณภูให้น้ำเป็นที่รักแล้วใช่ไหมคะคำถามนั้นดังก้องในใจ เพราะเหนื่อยนัก เหนื่อยจนไม่สามารถขยับปากถามออกไปอย่างใจคิด วงแขนแกร่งกอดรัดกายสาวแน่นขึ้น คนไม่หลับลูบไล้จับคลำร่างเล็ก
ลำแขนเรียวเกี่ยวรัดร่างใหญ่แน่น สะโพกเต่งตึงยกขึ้นเร่งเร้าให้ชายหนุ่มแทรกเข้าหาตนเอง ภูชิตขยับสะโพกสอบค่อยๆสอดดันความแข็งแกร่งเข้าไปตามทางรักอุ่นลื่น น้ำหวานที่อาบเอิบชุ่มฉ่ำช่วยให้การเดินทางเข้าไปเติมเต็มสะดวก หากแต่ความคับแน่นยังคงรัดรึงจนเขาแทบขาดใจ“อืมมม...น้ำของผม” ใบหน้าหล่อเข้มเคลื่อนต่ำลงดูดดึงเม็ดลูกกวาดสีหวาน กวาดลิ้นละเลงเน้นหนักจนร่างเล็กบิดเร่าแอ่นอกเชื้อเชิญให้เขาครอบครองเต็มที่“คุณภูขา อื๊อ!” ภูชิตใช้แขนแกร่งสอดใต้เอวคอดรั้งร่างบางให้ลุกขึ้น ขณะที่สองร่างยังคงสอดประสานกันแนบแน่น คนตัวใหญ่ขยับร่างนั่งพิงพนักโซฟาวางเท้าสองข้างบนพื้น วงแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กแนบแน่น ขาเรียวรัดเอวสอบไว้ตามสัญชาตญาณ วงแขนเล็กโอบรอบคอแกร่ง ใบหน้าแดงเรื่อแหงนเงยหลับตาพริ้ม ภูชิตพรมจูบทั่วดวงหน้าเนียน แล้วเคลื่อนริมฝีปากครอบครองริมฝีปากบาง รสจูบซาบซ่านดูดดื่มหวานล้ำ ต่างฝ่ายต่างบดเคล้าริมฝีปากหากันอย่างกระหายหิว 
“อื้อออ...” น่านน้ำครางเสียงหวานในลำคอ ขยับตัวแอ่นร่างบดเบียดเข้าหาคนบนร่าง วงแขนเล็กยกขึ้นโอบกอดร่างใหญ่ที่ยังอยู่ในสภาพเสื้อผ้าครบชุด ศีรษะทุยเล็กนอนแนบไปกับโซฟาตัวใหญ่ หญิงสาวหลับตาพริ้มอย่างรอคอย เมื่อภูชิตผละจากริมฝีปากบาง ใบหน้าคมเข้มค่อยๆลากเลื่อนลงมาตามลำคอระหง ลิ้นร้อนสากตวัดทักทายผิวเนื้อเนียนนุ่มที่ใบหน้าเคลื่อนผ่าน อกอวบถูกครอบครองดูดดึงและขบเม้มเบาๆที่ปลายยอด มือใหญ่เคลื่อนต่ำลงลูบไล้หน้าท้องเนียนเรื่อยไปจนถึงเนินอวบกลางกายสาว นิ้วเรียวใหญ่ถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางรักช้าๆ สะโพกสวยยกขึ้นสอดรับทันที“อา...คุณภู” ความนุ่มลื่นและชุ่มฉ่ำทำให้คนที่ได้สัมผัสหัวใจกระตุก ภูชิตค่อยๆเคลื่อนกายจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับดอกไม้สีสวย นิ้วเรียวใหญ่ที่นำทางมาก่อนแล้วขยับเข้าออกในช่องทางคับแน่นเป็นจังหวะ น่านน้ำบิดเร่าไปกับความร้อนแรงที่แทรกลงในกาย“อ๊า...คุณภูขา” เสียงหวานครวญครางราวกับจะขาดใจ เมื่อปากร้อนฉกลงบนเนื้อนุ่มฉ่ำหวานสีสด ที่ถูกหัวแม
น่านน้ำผละออกจากร่างของภูชิต นั่งคุกเข่าลงระหว่างขาของชายหนุ่ม เข็มขัดตะขอซิปกางเกงถูกปลดออกหมดแล้วด้วยฝีมือของเธอเอง ใบหน้าสวยแหงนขึ้นมองใบหน้าหล่อเข้ม เขายังหลับตาพริ้มรอคอยในสิ่งที่เธอจะทำให้ ปากจิ้มลิ้มพ่นลมออกมาเบาๆ สายตาหลุบลงมองความโป่งพองที่กลางกายของคนตัวใหญ่ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงในสีขาว มือเล็กสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เอื้อมไปเกี่ยวขอบกางเกงชั้นใน และเมื่อออกแรงรั้งเพียงนิด อะไรที่มันขยับขยายใหญ่โตและรอท่าจะออกมาสู่สายตาเธออยู่แล้ว ก็ดีดผึงผงาดง้ำตั้งโด่ขึ้นมาทันที น่านน้ำตาเบิกโพลง อ้าปากค้าง มือไม้สั่นไร้สิ้นเรี่ยวแรง เธอเคยเห็นมาก่อนแล้ว ใกล้ชิดกันมาก็หลายครั้ง แต่ไอ้การที่มานั่งจ้องระยะประชิดขนาดนี้ มันทำให้การหายใจทางจมูกอย่างเดียว ดูเหมือนร่างกายเธอจะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเสียแล้ว เธอจำเป็นต้องสูดลมหายใจเข้าทางปากเพื่อรับออกซิเจนให้มากขึ้น หัวใจเต้นรัวเร็วสะท้อนอยู่ในอก จนหูแว่วได้ยินเสียงจังหวะเต้นของหัวใจตนเอง ท้องไส้เธอพานปั่นป่วนขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ สมองโหวงๆดวงตาพร่าเลือน ความใหญ่โตที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าเริ่มกลายเป็นภาพซ้อน 
“อุ๊ย! คุณภู...ทำอะไรคะ” ภูชิตไม่ตอบ เขาคลี่ยิ้มละลายใจให้เธอ มือใหญ่จับพนักเก้าอี้ตัวที่เธอนั่งอยู่หมุนให้คนตัวเล็กหันมาสบตากัน น่านน้ำเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก็เมื่อคืนกับเมื่อเช้าจนกระทั่งถึงเมื่อครู่นี้ เขายังอยู่เฉยเมยกับตัวตนของเธออยู่นี่นา แล้วอยู่ดีๆมาทำเป็นใส่ใจเข้าใกล้ทำไม“หอมแก้มเมีย คิดถึง งานยุ่ง” คำพูดของเขาดูเหมือนจะคลี่คลายปมปริศนาในใจของเธอได้ทั้งหมด ใบหน้าหล่อเข้มก้มลงจนเกือบชิดใบหน้านวลของเธอ น่านน้ำหลับตาลงเมื่อริมฝีปากหยักครอบครองริมฝีปากบางของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นวางทาบบนหน้าอกกว้าง ใบหน้างามแหงนเงยเพื่อรับจูบจากเขาอย่างเต็มใจ เธอยอมรับกับตัวเองว่าจูบของเขาทำให้เธอรู้สึกวาบหวามเบาหวิวราวกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ“อื้มมม” เสียงทุ้มครางอย่างพอใจ เมื่อเรียวลิ้นเล็กเกี่ยวรัดกระหวัดตอบโต้ลิ้นสากของตน มือของภูชิตข้างหนึ่งยังจับอยู่บนพนักเก้าอี้เพื่อพยุงร่างใหญ่ ขณะที่อีกข้างเริ่มรุกรานกอบกุมอกอวบพอดีมืออย่างปลุกเร้า“อ๊ะ...คุณภูคะ” น่านน้ำอุทานเบาๆ เมื่อภูชิตสอดมือหายเข้าไปในสาบเสื้อที่ถูกแกะกระดุมออกตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ใบหน้าสากผละจา
“รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีๆนะน้ำ เราเป็นผู้หญิงไปอยู่ต่างถิ่นต่างที่มันอันตราย อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน ยิ่งผู้ชายนะยิ่งไว้ใจไม่ได้ เป็นผู้หญิงต้องพึงรักษาสิ่งที่ควรรักษาไว้ให้ดีนะ”ความคิดหยุดลงแค่นั้นเมื่อสำนึกด้านดีสะกิดให้เธอต้องรู้สึกผิด ถ้าป้าดอกไม้รู้ว่าหลานสาวทำตัวเหลวแหลกอย่างนี้ ป้าคงเสียใจ...แล้วก็คงตามมาจัดการเธอแน่ๆ น่านน้ำหดคอลงทำหน้าตาหวาดหวั่นทำยังไงดีล่ะน่านน้ำ...เราต้องพิชิตใจทำให้คุณภูรักให้ได้ ต้องจับคุณภูให้อยู่หมัด ให้ยกขันหมากไปสู่ขอกับป้าดอกไม้ ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู ถึงจะปีนหน้าต่างข้ามขั้นตอนมาแล้วก็เหอะ“หน้าอกเล็กไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณภูบอกว่าพอรับได้ แต่...วิธีปฏิบัติมัดใจชายต้องทำยังไงนะ” นอนคิดอยู่ครู่เดียวน่านน้ำก็ดีดตัวลุกขึ้น ดึงผ้าห่มคลุมร่างแล้วลากกลับไปยังห้องของตนเอง&nbs
ตะวันกำลังจะลับตาตรงทิวเขายาวเหยียด ภูชิตยืนกอดอกอยู่ระเบียงด้านล่างของบ้าน ดวงตาสีเข้มมองไปเบื้องหน้า คล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หญิงสาวที่เขากินแทนอาหารมื้อเที่ยงคงยังหลับอยู่ เพราะโดนเขาจับกินจนหมดสิ้นเรี่ยวแรง รอยยิ้มผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าหล่อเหลาเมื่อหัวใจคิดถึงคนที่โดนจับกิน กับผู้หญิงคนอื่นเซ็กซ์คือการแลกเปลี่ยนความสุขชั่วคราวเท่านั้น แต่ทำไมกับน่านน้ำเขากับรู้สึกลึกซึ้งจนสุดหัวใจอย่างนี้นะ ถึงเวลาที่เขาจะต้องหยุดอยู่กับคนนี้อย่างจริงจังเสียทีแล้วใช่ไหม“เอ่อ...นายครับ” ชายหนุ่มหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงทันที“คนงานชั่วคราวที่เราจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้าเพื่อมาตัดอ้อย ถูกตัดหน้าไปแล้วครับ”“ใคร?...” แววตาวาวโรจน์กรุ่นโกรธทำให้ลูกน้องที่มารายงานข่าวเสียวสันหลังวาบ“ไร่ผู้ใหญ่ศัก