“ถ้าไม่ตอบผมจะหยุดแล้วนะ ผมยอมแพ้” ภูชิตชักมือกลับ แล้วลุกขึ้นนั่ง น่านน้ำมองสบตาอย่างอ้อนวอน หญิงสาวกัดริมฝีปากไว้ไม่กล้าเอ่ยขอใดๆออกไป แต่ร่างสาวกลับบิดส่ายทรมานรอคอยการปลดปล่อย รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์จ้องมองกลับอย่างท้าทาย คิ้วเข้มเลิกสูงเป็นเชิงถามเพื่อขอให้เธอตอบ
“คุณภูขา ช่วยน้ำด้วย” เสียงหวานสั่นพร่ายามเอ่ยร้องขอ
“ช่วยอะไรล่ะคนสวย อยากให้ผมช่วยยังไง” คนที่รอท่าอยู่แล้วขยับทาบทับร่างเล็กยั่วยวนอีกครั้ง น่านน้ำใช้ขาเรียวตวัดรัดเอวสอบทันที แต่ภูชิตกลับไม่ได้เติมเต็มให้หญิงสาวอย่างที่เธอกำลังรอคอยอยู่ สะโพกสวยยกเชิดเบียดชิดอยู่กับมัดกล้ามหน้าท้องที่เรียบตึงของเขา
“คุณภู น้ำทรมาน...อา...” แปลงดอกไม้ชุ่มฉ่ำเบียดเสียดสีกับเรือนกายหนั่นแน่น มันไม่ได้ทำให้ความทรมานทุเลาลงเลย หากแต่เป็นการเพิ่มความซ่านสะท้านจนร่างสาวแทบจะแตกเป็นเสี่ยง
&nb
“หนูไอไม่แต่งค่ะคุณแม่ มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ แล้วหนูไอก็ไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นด้วย” ไอรักพูดเสียงดังอย่างโมโห “แต่หนูไอก็น่าจะรู้ว่าไม่มีใครขัดใจป๊าได้นะลูก”มารดาพยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว ที่ตอนนี้นั่งชักสีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก อยู่บนเตียงนอนของตนเอง “แล้วอีกอย่าง ถึงตอนนี้ไม่ได้รัก เดี๋ยวอยู่ๆ กันไปก็รักกันเองแหละลูก”ไอรักหันขวับจ้องมองมารดาอย่างเอาเรื่อง “ไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ หนูไอมีแฟนแล้ว หนูไอโตแล้วนะคะ บรรลุนิติภาวะแล้ว หนูไอไม่ยอม”ไอรักยอมโกหกว่ามีแฟนเพื่อเอาตัวรอดผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเต็มที เดินเข้าไปกอดลูกแล้วลูบศีรษะเบาๆ“หนูไอ...แม่เข้าใจเหตุผลของลูกทุกอย่าง แต่มีเหตุผลหนึ่งที่หนูไอลืมไปหรือเปล่า?” ไอรักหันกลับมามองหน้ามารดาก็พบสายตาที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “ความเหมาะสมไงจ๊ะ ผู้ชายคนที่ป๊าเลือกให้ เป็นเจ้าของไร่อ้อยพันกว่าไร่ทางภาคตะวันตก และครอบครัวของเขาก็มีกิจการท่าข้าวที่มีส่วนในการเอื้อกับธุรกิจของเรา แม่ไม่อยากบังคับหนูไอ แต่แม่รู้ว่าหนูไอจะเข้าใจความหวังดีของป๊ากับแม่ และเข้าใจคำว่าความเหมาะสมนะ” หญิงสาวนิ่งเงียบกับเหตุผลที่ได้ฟัง ใช่
“วันนี้พี่เขาจะพาหนูไอไปหาลุงธงกับคุณป้าที่บ้าน เพื่อจะได้เป็นการดูตัวทั้งสองฝ่าย เพราะพี่เขาก็มาแนะนำตัวกับบ้านเราแล้ว หนูไอก็ต้องไปแนะนำตัวกับบ้านโน้นด้วย ตอนแรกป๊าว่าจะพาไปเอง แต่ตาธีร์เขาอาสามารับ ป๊าก็เลยว่า ดีเหมือนกัน ป๊าแก่แล้วขี้เกียจนั่งรถนานๆ เอาไว้เจอกันรวมญาติทีเดียวในงานแต่งเลยดีกว่า ฮ่าๆ” ไอรักนิ่งอึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะถูกจู่โจมรวดเร็วขนาดนี้ “แต่...แม่คะ” ไอรักพยายามหาตัวช่วย หากแต่มารดากลับนิ่งเงียบ เพราะถือว่าเมื่อเช้าได้อธิบายไปหมดทุกอย่างแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของพ่อลูกจะต้องคุยกันเอง “ป๊าคะ” ไอรักกลืนน้ำลายลงคอ กำลังคิดว่าเหตุผลที่เธอคิดไว้ ที่จะมาใช้ปฏิเสธครั้งนี้จะรุนแรงไปหรือเปล่า เธอนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสิน ใจโพล่งออกมาว่า “ป๊าคะ แม่คะ หนูไอมีแฟนแล้วค่ะ” เสี่ยอินชะงักมือที่ถือช้อนข้าวต้มค้างไว้ แล้วมองหน้าบุตรสาวก่อนจะพูดว่า “ก็แค่แฟน มีแล้วก็เลิกได้ เอาเป็นว่าวันนี้กินข้าวเช้าเสร็จ หนูไอก็เดินทางไปกับพี่เขาเลยนะ” ไอรักอ้าปากเหวอ ไม่ได้เธอจะยอมไม่ได้ “แต่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วนะคะป๊า” ได้ผล! ทุกคนนิ่งเงียบ ไอ
“ฉันอะไร ต้องเรียกตัวเองว่าหนูไอสิ พี่ว่าเราเรียกกันแบบนี้ดูสนิทสนมกันดีนะ” ไอรักสูดหายใจเข้าปอดยาวๆก่อนจะผ่อนออกอย่างยากเย็น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ เพราะคิดว่าถ้าพูดกับชายหนุ่มดีๆ เขาอาจจะเปลี่ยนใจกลับไปส่งเธอที่บ้านก็ได้“พี่ธีร์คะ หนูไอมีสามีแล้ว พี่ธีร์ไม่อายคนอื่นเค้าเหรอที่จะถูกตราหน้าว่าไปแย่งภรรยาของคนอื่นเค้ามา” ธีร์ภาณุไม่ได้หันมามองหน้าไอรัก แต่กลับพูดขึ้นว่า “พี่บอกหนูไอแล้วไงว่าพี่ไม่ถือ แล้วอีกอย่างหนูไอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับใคร ตามกฎหมายแล้วถือว่าหนูไอยังโสด นั่นก็แปลว่าพี่ไม่ได้ไปแย่งภรรยาของใคร” ไอรักควันออกหูกับคำตอบที่ได้ “คุณธีร์ภาณุ นี่เราพูดกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม คุณไม่เข้าใจเลยว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วจะมาแต่งงานกันได้ยังไง ฉันชอบสีอะไร ชอบทานอะไร ชอบดูหนังประเภทไหน คุณรู้ไหม...มันเป็นสิ่งที่คนที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต้องรู้ ถ้าเราแต่งงานกันไปชีวิตคู่ของเราต้องไปไม่รอดแน่ๆ”“อย่างน้อยพี่ก็รู้ว่าหนูไอไซซ์สามสิบสี่คัพซี” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะปรายตามองไอรัก หญิงสาวโกรธจนหน้าแดง เริ่มคิดได้ว่าตอ
“ปล่อยนะ คุณจะมาฉวยโอกาสทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” ธีร์ภาณุนิ่งเงียบ จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต ผู้คนที่สัญจรไปมามองอย่างสนใจใคร่รู้...เรื่องของชายหนุ่มตัวโตกับหญิงสาวตัวเล็ก ที่กำลังกอดรัดกันอยู่ข้างถนน อีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนอีกฝ่ายกลับกอดรัดไว้แน่นอย่างจงใจ ไอรักเพิ่งสังเกตใบหน้าของชายหนุ่มในระยะชิดใกล้ แววตาจริงจังคิ้วเข้ม ใบหน้าสะอาดสีเข้มเล็กน้อยอย่างคนทำงานกลางแจ้ง มีไรของหนวดเคราขึ้นบางๆ จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากหนาได้รูปเวลาขยับพูดก็ดูแล้วเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์อยู่เหมือนกันนะ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ ไอรักสะบัดหน้าไล่ความคิดที่ไม่ได้เรื่องของตนเองออกไป เชิดหน้ามองชายหนุ่มอย่างถือดี ไม่ได้รู้เลยว่าใบหน้านวลผ่อง พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ แววตากลมโตกับจมูกรั้นนิดๆ และริมฝีปากบางของเธอ จะทำให้คนที่จ้องมองมาต้องถอนหายใจ เพราะต้องควบคุมตัวเองที่จะไม่ล่วงเกินเธอ ในขณะที่ยังไม่ถึงเวลา ต่างคนต่างจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง “หนูไอ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ธีร์ภาณุออกคำสั่งอย่างหัวเสีย เขาเริ่มเหนื่อยกับความดื้อรั้นของไอรัก หรือจะสั่งสอนตามแบบของเขาสักครั้งให้หลาบจำไปเลยดีไหมนะ
ธีร์ภาณุถอนหายใจ มองดูหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้ม เวลาที่เธอหลับตาก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก บางทีถ้าปรับความเข้าใจกันได้ และถ้าเขากับเธอได้คุยกันดีๆ มากกว่าการพูดหนึ่งคำแต่เถียงกันซะสามคำแบบนี้ อะไรก็คงจะดีขึ้น จะทำอย่างไรดีล่ะ ธีร์ภาณุยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนการบางอย่างได้ เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆอย่างอารมณ์ดี เมื่อถึงทางแยกก่อนจะถึง ‘ท่าข้าวธงชัย’ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีป้ายบอกทางไป... ‘ไร่แสงตะวัน’ โดยที่คนนอนหลับอยู่ข้างๆไม่ได้รู้ตัวเลยว่า จุดหมายปลายทางได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว“หนูไอตื่นได้แล้วครับ ถึงแล้ว” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ดังอยู่ข้างหู ปลุกไอรักให้ตื่นจากการหลับใหล “ถึงบ้านคุณลุงแล้วหรือคะ” ไอรักพูดพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นมอง ไปข้างหน้าแล้วก็หันมองรอบข้าง สุดท้ายหันไปจ้องตาผู้ชายตัวโต ที่ยืนอมยิ้มและจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว “นี่มันที่ไหน คุณพาฉันมาที่ไหนเนี่ย” เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็เริ่มก่อสงครามประสาทโวยวายทันที “ไร่แสงตะวัน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเปิดประตูก้าวลงจากรถ เขายืนบิดร่างกายเพื่อไล่ความเมื่อยที่นั่งขับรถมาเป็นเวลานาน ไอ
เมื่อเข้ามาถึงภายในบ้าน เธอจึงรู้ว่าประตูและหน้าต่างบานใหญ่แต่ละบานเป็นกระจกบานเลื่อน ผ้าม่านสีขาวนวลส่งผลให้ภายในบ้านแลดูสว่าง มีประตูด้านหนึ่งของบ้านเชื่อมต่อกับระเบียงกว้างๆที่มีโต๊ะกลมสีขาว พร้อมกับเก้าอี้อีกสองตัว มองเลยผ่านไปเห็นทิวเขาเป็นแนวอยู่ไกลๆ ไอรักเดินไปที่ระเบียงสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆแล้วผ่อนออกช้าๆ หญิงสาวคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองในวันนี้ นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า เมื่อเช้าเธออยู่ที่บ้านของตนเอง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วทำไมเธอต้องมาที่นี่ด้วย เพราะอีตาธีร์ภาณุนั่นคนเดียว อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ อยากจะบอกป๊าให้ได้รู้ว่า เจ้าบ่าวที่ป๊าเลือกให้ไม่ได้ถูกใจลูกสาวคนนี้เลยสักนิด“นายหญิงคะ เชิญข้างในเถอะค่ะ ย่างเข้าหน้าหนาวอย่างนี้พอแดดร่มลมตกอากาศจะเย็นมาก วันนี้ลมหนาวพัดแรง เดี๋ยวจะไม่สบายได้นะคะ” ป้าบัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ค่ะป้าบัว” ไอรักเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเธอไม่อยากจะพูดอะไร ตอนนี้เธออยากพักผ่อน“ป้าเตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว นายหญิงอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาทานข้าวนะคะ ป้าจะทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด
เมื่อลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ และเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ไอรักจึงคิดได้ว่า ตัวเองไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยสักชุด แล้วที่สำคัญไม่มีชุดชั้นในเลย แล้วนี่จะใส่ชุดไหนล่ะ หญิงสาวคิดอย่างอารมณ์เสียอยู่คนเดียวในห้องน้ำ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่มาพันตัว แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องรีบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม“พี่ธีร์เข้ามาทำไม แล้วป้าบัวล่ะ” ไอรักถามเสียงดัง แต่คนที่นอนเหยียดตัวยาวเอกเขนกอยู่บนเตียงกว้าง ไม่ได้ใส่ใจที่จะตอบเลยสักนิด ธีร์ภาณุพลิกตัวหันมามองไอรัก ที่ตอนนี้มีเพียงใบหน้าขาวนวลที่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ“จะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหม เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวยาวๆมาทางไอรัก หญิงสาวรีบดึงตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้ำ และตั้งใจจะปิดประตู แต่ช้ากว่ามือของชายหนุ่มที่ดันประตูไว้ได้ทัน“พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่จะมาบอกว่าให้รีบใส่เสื้อผ้า จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน”“แล้วจะให้ใส่อะไรล่ะ ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยสักชุด อยู่ดีๆก็ถูกฉุดตัวมา” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ“ไม่ได้ฉุดมาสักหน่อย ป๊ากับแม่ของหนูไอเต็มใจยกหนูไอให้มากับพี่เอง
หญิงสาวเริ่มหยิบชุดออกมาเลือกทีละชุดแล้วเธอก็มาสะดุดตาที่ชุดชั้นใน ไอรักหยิบขึ้นมาดู แต่ละตัวมันเป็นขนาดที่พอดีกับตัวของเธอทั้งหมด นี่อีตาพี่ธีร์คงจะสั่งว่าเอาชุดแบบไหนและขนาดเท่าไรล่ะสิ คิดแล้วก็โมโหตัวเองที่สู้แรงของผู้ชายตัวโตไม่ได้“เจ็บใจนักคอยดูนะอย่าให้ถึงทีเราบ้างก็แล้วกัน ป๊านะป๊าไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวบ้างเลย ปล่อยให้มากับใครก็ไม่รู้” ไอรักบ่นไปแต่งตัวไปไอรักแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเปิดประตูห้องนอน เดินไปทางประตูที่เปิดออกสู่ระเบียงกว้าง เมื่อเลื่อนกระจกเปิดประตูก็ปะทะกับลมเย็นวูบหนึ่ง หญิงสาวจึงยกมือสองข้างขึ้นกอดอกตัวเองทันที ธีร์ภาณุที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วได้ยินเสียงปิดประตู เขาจึงละสายตาจากภาพตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าเบื้องหน้า หันกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาว“หนาวหรือครับหนูไอ”“นิดหน่อยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับมองไปที่โต๊ะกลม ที่ตอนนี้มีอาหารหลายอย่างวางไว้ ส่งกลิ่นหอมน่ากินทั้งนั้น“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ โดยไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มเชิญ ธีร์ภาณุเดินอ้อมมาที่ด้านหลังไอรัก หยิบผ้าแพรผืนบางสีครีมที่วางอยู่บนโต
“ถ้าไม่ตอบผมจะหยุดแล้วนะ ผมยอมแพ้” ภูชิตชักมือกลับ แล้วลุกขึ้นนั่ง น่านน้ำมองสบตาอย่างอ้อนวอน หญิงสาวกัดริมฝีปากไว้ไม่กล้าเอ่ยขอใดๆออกไป แต่ร่างสาวกลับบิดส่ายทรมานรอคอยการปลดปล่อย รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์จ้องมองกลับอย่างท้าทาย คิ้วเข้มเลิกสูงเป็นเชิงถามเพื่อขอให้เธอตอบ“คุณภูขา ช่วยน้ำด้วย” เสียงหวานสั่นพร่ายามเอ่ยร้องขอ“ช่วยอะไรล่ะคนสวย อยากให้ผมช่วยยังไง” คนที่รอท่าอยู่แล้วขยับทาบทับร่างเล็กยั่วยวนอีกครั้ง น่านน้ำใช้ขาเรียวตวัดรัดเอวสอบทันที แต่ภูชิตกลับไม่ได้เติมเต็มให้หญิงสาวอย่างที่เธอกำลังรอคอยอยู่ สะโพกสวยยกเชิดเบียดชิดอยู่กับมัดกล้ามหน้าท้องที่เรียบตึงของเขา“คุณภู น้ำทรมาน...อา...” แปลงดอกไม้ชุ่มฉ่ำเบียดเสียดสีกับเรือนกายหนั่นแน่น มันไม่ได้ทำให้ความทรมานทุเลาลงเลย หากแต่เป็นการเพิ่มความซ่านสะท้านจนร่างสาวแทบจะแตกเป็นเสี่ยง&nb
“เหนื่อยจังเลยค่ะ” เป็นน่านน้ำเองที่ต้องประท้วง เมื่อคนที่คร่อมทับแผ่นหลังเธอไว้ไม่ยอมปล่อยร่างเธอเสียที“อืม...อยากอยู่อย่างนี้นานๆ” ภูชิตพลิกกายนั่งพิงพนักโซฟา โดยไม่ลืมที่จะเกี่ยวเอวคอดรั้งร่างบางให้นั่งบนตักตัวเอง ในขณะที่กลางกายยังคงประสานกันแนบแน่น น่านน้ำเอนร่างแนบหลังเนียนไปกับแผ่นอกกว้าง ศีรษะทุยพิงซบบ่ากว้างแล้วหลับตาลงอย่างอ่อนแรง ริมฝีปากหนาจูบซับขมับอ่อนโยน มือใหญ่ลูบไล้ร่างนุ่มนิ่มทะนุถนอม“พักยกก่อนนะ ที่รักของผม” เสียงทุ้มกระซิบใกล้หูเล็ก คนเหนื่อยล้าที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราได้ยินเสียงนั้นแผ่วเบานักคุณภูให้น้ำเป็นที่รักแล้วใช่ไหมคะคำถามนั้นดังก้องในใจ เพราะเหนื่อยนัก เหนื่อยจนไม่สามารถขยับปากถามออกไปอย่างใจคิด วงแขนแกร่งกอดรัดกายสาวแน่นขึ้น คนไม่หลับลูบไล้จับคลำร่างเล็ก
ลำแขนเรียวเกี่ยวรัดร่างใหญ่แน่น สะโพกเต่งตึงยกขึ้นเร่งเร้าให้ชายหนุ่มแทรกเข้าหาตนเอง ภูชิตขยับสะโพกสอบค่อยๆสอดดันความแข็งแกร่งเข้าไปตามทางรักอุ่นลื่น น้ำหวานที่อาบเอิบชุ่มฉ่ำช่วยให้การเดินทางเข้าไปเติมเต็มสะดวก หากแต่ความคับแน่นยังคงรัดรึงจนเขาแทบขาดใจ“อืมมม...น้ำของผม” ใบหน้าหล่อเข้มเคลื่อนต่ำลงดูดดึงเม็ดลูกกวาดสีหวาน กวาดลิ้นละเลงเน้นหนักจนร่างเล็กบิดเร่าแอ่นอกเชื้อเชิญให้เขาครอบครองเต็มที่“คุณภูขา อื๊อ!” ภูชิตใช้แขนแกร่งสอดใต้เอวคอดรั้งร่างบางให้ลุกขึ้น ขณะที่สองร่างยังคงสอดประสานกันแนบแน่น คนตัวใหญ่ขยับร่างนั่งพิงพนักโซฟาวางเท้าสองข้างบนพื้น วงแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กแนบแน่น ขาเรียวรัดเอวสอบไว้ตามสัญชาตญาณ วงแขนเล็กโอบรอบคอแกร่ง ใบหน้าแดงเรื่อแหงนเงยหลับตาพริ้ม ภูชิตพรมจูบทั่วดวงหน้าเนียน แล้วเคลื่อนริมฝีปากครอบครองริมฝีปากบาง รสจูบซาบซ่านดูดดื่มหวานล้ำ ต่างฝ่ายต่างบดเคล้าริมฝีปากหากันอย่างกระหายหิว 
“อื้อออ...” น่านน้ำครางเสียงหวานในลำคอ ขยับตัวแอ่นร่างบดเบียดเข้าหาคนบนร่าง วงแขนเล็กยกขึ้นโอบกอดร่างใหญ่ที่ยังอยู่ในสภาพเสื้อผ้าครบชุด ศีรษะทุยเล็กนอนแนบไปกับโซฟาตัวใหญ่ หญิงสาวหลับตาพริ้มอย่างรอคอย เมื่อภูชิตผละจากริมฝีปากบาง ใบหน้าคมเข้มค่อยๆลากเลื่อนลงมาตามลำคอระหง ลิ้นร้อนสากตวัดทักทายผิวเนื้อเนียนนุ่มที่ใบหน้าเคลื่อนผ่าน อกอวบถูกครอบครองดูดดึงและขบเม้มเบาๆที่ปลายยอด มือใหญ่เคลื่อนต่ำลงลูบไล้หน้าท้องเนียนเรื่อยไปจนถึงเนินอวบกลางกายสาว นิ้วเรียวใหญ่ถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางรักช้าๆ สะโพกสวยยกขึ้นสอดรับทันที“อา...คุณภู” ความนุ่มลื่นและชุ่มฉ่ำทำให้คนที่ได้สัมผัสหัวใจกระตุก ภูชิตค่อยๆเคลื่อนกายจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับดอกไม้สีสวย นิ้วเรียวใหญ่ที่นำทางมาก่อนแล้วขยับเข้าออกในช่องทางคับแน่นเป็นจังหวะ น่านน้ำบิดเร่าไปกับความร้อนแรงที่แทรกลงในกาย“อ๊า...คุณภูขา” เสียงหวานครวญครางราวกับจะขาดใจ เมื่อปากร้อนฉกลงบนเนื้อนุ่มฉ่ำหวานสีสด ที่ถูกหัวแม
น่านน้ำผละออกจากร่างของภูชิต นั่งคุกเข่าลงระหว่างขาของชายหนุ่ม เข็มขัดตะขอซิปกางเกงถูกปลดออกหมดแล้วด้วยฝีมือของเธอเอง ใบหน้าสวยแหงนขึ้นมองใบหน้าหล่อเข้ม เขายังหลับตาพริ้มรอคอยในสิ่งที่เธอจะทำให้ ปากจิ้มลิ้มพ่นลมออกมาเบาๆ สายตาหลุบลงมองความโป่งพองที่กลางกายของคนตัวใหญ่ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงในสีขาว มือเล็กสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เอื้อมไปเกี่ยวขอบกางเกงชั้นใน และเมื่อออกแรงรั้งเพียงนิด อะไรที่มันขยับขยายใหญ่โตและรอท่าจะออกมาสู่สายตาเธออยู่แล้ว ก็ดีดผึงผงาดง้ำตั้งโด่ขึ้นมาทันที น่านน้ำตาเบิกโพลง อ้าปากค้าง มือไม้สั่นไร้สิ้นเรี่ยวแรง เธอเคยเห็นมาก่อนแล้ว ใกล้ชิดกันมาก็หลายครั้ง แต่ไอ้การที่มานั่งจ้องระยะประชิดขนาดนี้ มันทำให้การหายใจทางจมูกอย่างเดียว ดูเหมือนร่างกายเธอจะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเสียแล้ว เธอจำเป็นต้องสูดลมหายใจเข้าทางปากเพื่อรับออกซิเจนให้มากขึ้น หัวใจเต้นรัวเร็วสะท้อนอยู่ในอก จนหูแว่วได้ยินเสียงจังหวะเต้นของหัวใจตนเอง ท้องไส้เธอพานปั่นป่วนขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ สมองโหวงๆดวงตาพร่าเลือน ความใหญ่โตที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าเริ่มกลายเป็นภาพซ้อน 
“อุ๊ย! คุณภู...ทำอะไรคะ” ภูชิตไม่ตอบ เขาคลี่ยิ้มละลายใจให้เธอ มือใหญ่จับพนักเก้าอี้ตัวที่เธอนั่งอยู่หมุนให้คนตัวเล็กหันมาสบตากัน น่านน้ำเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก็เมื่อคืนกับเมื่อเช้าจนกระทั่งถึงเมื่อครู่นี้ เขายังอยู่เฉยเมยกับตัวตนของเธออยู่นี่นา แล้วอยู่ดีๆมาทำเป็นใส่ใจเข้าใกล้ทำไม“หอมแก้มเมีย คิดถึง งานยุ่ง” คำพูดของเขาดูเหมือนจะคลี่คลายปมปริศนาในใจของเธอได้ทั้งหมด ใบหน้าหล่อเข้มก้มลงจนเกือบชิดใบหน้านวลของเธอ น่านน้ำหลับตาลงเมื่อริมฝีปากหยักครอบครองริมฝีปากบางของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นวางทาบบนหน้าอกกว้าง ใบหน้างามแหงนเงยเพื่อรับจูบจากเขาอย่างเต็มใจ เธอยอมรับกับตัวเองว่าจูบของเขาทำให้เธอรู้สึกวาบหวามเบาหวิวราวกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ“อื้มมม” เสียงทุ้มครางอย่างพอใจ เมื่อเรียวลิ้นเล็กเกี่ยวรัดกระหวัดตอบโต้ลิ้นสากของตน มือของภูชิตข้างหนึ่งยังจับอยู่บนพนักเก้าอี้เพื่อพยุงร่างใหญ่ ขณะที่อีกข้างเริ่มรุกรานกอบกุมอกอวบพอดีมืออย่างปลุกเร้า“อ๊ะ...คุณภูคะ” น่านน้ำอุทานเบาๆ เมื่อภูชิตสอดมือหายเข้าไปในสาบเสื้อที่ถูกแกะกระดุมออกตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ใบหน้าสากผละจา
“รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีๆนะน้ำ เราเป็นผู้หญิงไปอยู่ต่างถิ่นต่างที่มันอันตราย อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน ยิ่งผู้ชายนะยิ่งไว้ใจไม่ได้ เป็นผู้หญิงต้องพึงรักษาสิ่งที่ควรรักษาไว้ให้ดีนะ”ความคิดหยุดลงแค่นั้นเมื่อสำนึกด้านดีสะกิดให้เธอต้องรู้สึกผิด ถ้าป้าดอกไม้รู้ว่าหลานสาวทำตัวเหลวแหลกอย่างนี้ ป้าคงเสียใจ...แล้วก็คงตามมาจัดการเธอแน่ๆ น่านน้ำหดคอลงทำหน้าตาหวาดหวั่นทำยังไงดีล่ะน่านน้ำ...เราต้องพิชิตใจทำให้คุณภูรักให้ได้ ต้องจับคุณภูให้อยู่หมัด ให้ยกขันหมากไปสู่ขอกับป้าดอกไม้ ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู ถึงจะปีนหน้าต่างข้ามขั้นตอนมาแล้วก็เหอะ“หน้าอกเล็กไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณภูบอกว่าพอรับได้ แต่...วิธีปฏิบัติมัดใจชายต้องทำยังไงนะ” นอนคิดอยู่ครู่เดียวน่านน้ำก็ดีดตัวลุกขึ้น ดึงผ้าห่มคลุมร่างแล้วลากกลับไปยังห้องของตนเอง&nbs
ตะวันกำลังจะลับตาตรงทิวเขายาวเหยียด ภูชิตยืนกอดอกอยู่ระเบียงด้านล่างของบ้าน ดวงตาสีเข้มมองไปเบื้องหน้า คล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หญิงสาวที่เขากินแทนอาหารมื้อเที่ยงคงยังหลับอยู่ เพราะโดนเขาจับกินจนหมดสิ้นเรี่ยวแรง รอยยิ้มผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าหล่อเหลาเมื่อหัวใจคิดถึงคนที่โดนจับกิน กับผู้หญิงคนอื่นเซ็กซ์คือการแลกเปลี่ยนความสุขชั่วคราวเท่านั้น แต่ทำไมกับน่านน้ำเขากับรู้สึกลึกซึ้งจนสุดหัวใจอย่างนี้นะ ถึงเวลาที่เขาจะต้องหยุดอยู่กับคนนี้อย่างจริงจังเสียทีแล้วใช่ไหม“เอ่อ...นายครับ” ชายหนุ่มหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงทันที“คนงานชั่วคราวที่เราจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้าเพื่อมาตัดอ้อย ถูกตัดหน้าไปแล้วครับ”“ใคร?...” แววตาวาวโรจน์กรุ่นโกรธทำให้ลูกน้องที่มารายงานข่าวเสียวสันหลังวาบ“ไร่ผู้ใหญ่ศัก
“เราใช้ความรู้สึกแตะต้องกันและกัน ตรงนี้...ของน้ำ” นิ้วเรียวแทรกเข้าในช่องทางรักช้าๆเพื่อบอกว่าตรงนี้หมายถึงตรงไหน น่านน้ำสะดุ้งตัว หลบสายตาอย่างเขินอาย“กับตรงนี้ของผม” มือใหญ่จับมือเล็กมาสัมผัสความแข็งขึงของตนเองโดยไม่ปรึกษาเจ้าของมือสักนิดว่าจะเต็มใจไหม น่านน้ำหน้าแดงเข้าไปใหญ่ แต่ก็ยอมสัมผัสแต่โดยดี“เราเข้ากันได้ดีใช่ไหม” หญิงสาวพยักหน้ารับอายๆ“เพราะฉะนั้น เชื่อเถอะว่าถึงจะมองไม่เห็นมันก็จะหากันจนเจอ” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของภูชิตทำให้น่านน้ำหัวใจเต้นแรง เมื่อมือใหญ่เลื่อนมายึดสะโพกเต่งตึงเธอไว้อีกครั้ง ดวงตากลมโตหลับตาพริ้ม หญิงสาววางมือบนบ่ากว้าง เธอปล่อยให้ความรู้สึกนำทาง ความอุ่นลื่นขอเธอค่อยๆรับตัวตนของชายหนุ่มเข้ามาในกายอย่างช้าๆ เล็บสั้นจิกฝากฝังรอยบนบ่ากว้าง เพื่อระบายความเสียวซ่านที่มาพร้อมกับความอึดอัดคับแน่นกลางกาย จนกระทั่งสองร่างหลอมรวมกันจนกลายเป็นหนึ่