ประกาศกร้าวจบก็หันหลังเดินออกจากเรือนไปอย่างเอาแต่ใจพร้อมบ่าวจำนวนหนึ่ง หานเซิงทำได้แต่กุมขมับ เพราะไม่อาจขัดใจบุตรสาวสุดที่รักได้ดรุณีน้อยผู้สงบเสงี่ยมรู้ความเมื่อหลายเดือนก่อน เหมือนเป็นแค่วิญญาณผู้อื่นเข้าสิงแล้วออกไป และยามนี้หานจื่อหรานคนเดิมกลับคืนมาแล้ว หานเซิงปวดหัวยิ่งโม่เหลียนหายตัวไปจากจวนหานเนิ่นนานก่อนจะปรากฏตัวอีกทีที่วัดต้าจี๋ข่าวใหม่จึงสยบข่าวเก่าได้ชะงัด ความว่าแท้จริงหานจื่อหรานมิได้อยู่จวน นางเดินทางไปสวดมนต์ภาวนาให้กู้ฉีรุ่ยที่ไปเป็นทหาร และทำเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว ก่อนหน้าที่กู้ซือหมิงจะเดินเข้าเดินออกจวนหานเสียอีก ส่วนเรื่องที่กู้ซือหมิงเข้าออกจวนหานล้วนเป็นเพียงการมาคารวะด้วยความเคารพตามประสาคนหนุ่มอายุน้อยซึ่งกำลังใฝ่หาความรู้เพื่อหน้าที่การงานในภายหน้า ย่อมต้องหมั่นแวะเวียนทักทายผู้อาวุโสตามสมควรเป็นธรรมดาวันถัดมา เมื่อซ่งเสวียนชิงมาเยือนจวนหานแล้วไม่เจอคนที่ต้องการ ทั้งยังถูกหานเซิงเชิญกลับอย่างไม่ไว้หน้า เขาจึงไม่ไปจวนหานอีก แต่เปลี่ยนเส้นทางไปที่วัดต้าจี๋แทนด้านหน้าห้องปฏิบัติธรรม ชายหนุ่มมิอาจฝ่าด่านบ่าวชายหญิงหลายคนเข้าไปหาสตรีในดวงใจ อีกทั้งยังมีสาย
หลายวันต่อมา โม่เหลียนจึงได้รู้ว่าคนผู้หนึ่งซึ่งชาติก่อนเป็นสุภาพชนมีเหตุมีผล แต่ชาตินี้กลับกลายเป็นคนไร้เหตุผล ทั้งไร้ยางอายอย่างที่สุดเมื่อซ่งเสวียนชิงทำตัวหน้าหนากล้าเอาของกำนัลเข้าประตูเรือนจวนหานมาอย่างเอิกเกริกและเข้าทางผู้อาวุโสอย่างสง่าผ่าเผยพยานที่รู้เห็นการปฏิบัติอย่างเอาใจใส่เปิดเผยจริงใจคือคนทั้งตลาด ชายหนุ่มเคลื่อนขบวนผ่านซอยที่คึกคักที่สุด ผู้คนต่างพูดเซ็งแซ่เป็นเสียงเดียวกันว่าบุตรเขยจวนหานคงเป็นกู้ซือหมิงแน่แล้วหานเซิงนั่งมองบุตรชายของเสนาบดีกู้สั่งคนยกกล่องเล็กกล่องน้อยเข้ามาวางเรียงรายอย่างฉงน“คุณชายกู้ สิ่งของเหล่านี้คือ?”ซ่งเสวียนชิงประสานมือตอบอย่างสุภาพนอบน้อม “สิ่งของเหล่านี้ถือเป็นการคารวะทักทายใต้เท้าหานขอรับ”หานเซิงหรี่ตา “มิใช่แค่นั้นกระมัง”ซ่งเสวียนชิงยกยิ้มบาง “ไม่ขอปิดบัง ข้ารู้สึกพึงใจคุณหนูหานเพียงแรกเห็น จึงปรารถนาทำความรู้จักนางให้มากขึ้น หวังเพียงใต้เท้าจะเปิดใจรับข้าไว้พิจารณาขอรับ”เมื่อเจอคนหนุ่มใจกล้า กล่าววาจาเถรตรง แต่กิริยากลับงดงามนอบน้อมมีมารยาท มิได้โผงผางเหิมเกริม หานเซิงจึงตบเข่าฉาด สีหน้าพอใจมาก มีผู้ชายคนอื่นมาสนใจบุตรสาวเช่นนี้
หญิงสาวถอนหายใจ สุ้มเสียงเอือมระอา “เสวียนชิง ท่านควรรู้ไว้ว่าคนชั่วร้ายที่สุดคือคนที่ทำผิดอย่างมหันต์ชนิดที่ไม่สมควรได้รับการอภัย แต่กลับไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดที่ใด”ผิดที่มิใช่แค่พลาด ผิดขนาดนั้นเหตุใดไม่สำนึก!“หากบอกว่าข้าใจแคบที่ไม่อาจรับได้กับการที่สามีแอบมีหญิงอื่นซุกซ่อนในเรือน เช่นนั้นขอถาม การที่ข้าเลือกจากมาเพื่อให้ท่านกับนางได้ครองรักกันอย่างผาสุกตลอดไป ยังใจกว้างไม่พออีกหรือ? แล้วอนุผู้ใจกว้างดั่งแม่น้ำหวงเหอของท่านผู้นั้นเล่า? แค่ท่านพาสาวใช้ขึ้นเตียงคืนเดียว นางถึงขั้นสั่งโบยจนตาย ท่านแค่รับอนุนางรำเข้าเรือน นางยังเข้าไปจ้วงแทงถึงเตียงอย่างไม่ยั้งคิด ชีวิตท่านต้องตายอนาถเพราะสตรีใจกว้างเช่นนี้ ช่างเหมาะสมยิ่งนัก”นั่นคือเรื่องราวของซ่งเสวียนชิงเมื่อชาติที่แล้วชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก น้ำเสียงนางคมกริบบาดลงในใจยิ่งกว่ามีดกรีดเนื้อเสียอีก เขานึกคำสวยหรูไม่ออก ได้แต่บอกออกไปตามตรง “ก็ได้ ข้ารู้แล้วว่าตัวเองผิด ผิดมาก แต่เหลียนเอ๋อร์ ชาตินี้สวรรค์ให้โอกาสข้าแล้ว เรื่องราวระหว่างเราควรเริ่มต้นใหม่เสียที เหลือแค่เจ้าให้โอกาสข้าแก้ตัว ข้าสัญญาว่าจะไม่พลั้งเผลอหรือทำผิดพลา
ซ่งเสวียนชิงคิดอยากสัมผัสโม่เหลียนเหลือเกิน ปรารถนาดึงนางเข้าสู้อ้อมกอดใจจะขาด ยิ่งคิดแววตายิ่งร้อนแรงดุจเปลวเพลิง แทบกลืนกินเข้าไปทั้งตัวชายหญิง อยู่แบบสองต่อสอง คือโอกาสทองในการรวบรัดคนได้ดียิ่ง มุมปากบุรุษคลี่ยิ้มละมุนหมายมาดร่างสูงจึงได้เวลาปรากฏกาย สองมือเอื้อมเบื้องหน้า สองแขนต้องการกอดรัดคนเดี๋ยวนี้ มีคนบังเอิญมาเห็นยิ่งดีทว่าความคิดนั้นพลันขาดหาย เมื่อฝ่ามือยังไม่ทันแตะต้องโดนเอวนางด้วยซ้ำ มีดสั้นเล่มหนึ่งพลันส่งกระแสเย็นเฉียบพาดลำคอ “...!?”ซ่งเสวียนชิงเบิกตากว้าง ก้มมองเจ้าของฝ่ามือที่กุมมีดเล่มนี้ไว้อย่างคาดไม่ถึงทั้งสองคล้ายถูกตรึงด้วยตะปูเหล็กที่มองไม่เห็นร่างสูงยืนแข็งค้าง ตาสบตานิ่งงันโม่เหลียนหรี่ตากระชับมีดในมือประชิดลำคออีกนิด ทำอีกฝ่ายพลันสะอึกก้าวถอยหลังอย่างระแวดระวังทันทีเขาไม่กล่าวสิ่งใด นางเองก็มิเอ่ยวาจาเพียงสะบัดมือเก็บพับมีดไว้ในแขนเสื้อซ่งเสวียนชิงยังไม่ทันถอนหายใจโล่งอกฉับพลันโม่เหลียนกลับเปลี่ยนกระบวนท่าราวฟ้าฟาดรุกฆาตบุรุษตรงหน้าในเสี้ยวลมหายใจชายหนุ่มหลบกรงเล็บมือนางได้อย่างหวุดหวิด กระนั้นกระบวนท่าต่อมานางยังรุกฆาตตามติดดุจอสนีบาต ฝ่ามื
รอยยิ้มของเขาทรงเสน่ห์เปี่ยมพลังยั่วยวนใจปานนั้น เขามองนางเพียงชั่วครู่ก่อนหันไปทางเหยาจิน “วันนี้ข้าสั่งโรงครัวทำขนม ท่านอาสะใภ้ลองชิมดูเถิด” แล้วหันมาเอ่ยอีกทาง ยื่นกล่องขนมให้“กล่องนี้ของซินเอ๋อร์”แม่นางน้อยยิ้มรับ “ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ซือหมิง”ชายหนุ่มหันมาทางสตรีอีกคน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักอันแท้จริงของการมาเยือนถึงเรือนของเหยาจิน“กล่องนี้ของน้องจื่อหราน หวังว่าเจ้าจะชอบ”เพื่อมิให้เสียมารยาท โม่เหลียนจึงยื่นมือไปรับไว้ กล่าวขอบคุณก่อนเปิดกล่องขนม ฉับพลันดวงตาก็เบิกกว้าง เมื่อได้เห็นขนมเป็นชนิดที่นางชอบมากหญิงสาวเก็บความประหลาดใจเอาไว้เหลือเพียงรอยยิ้มอ่อนหวานน้อมรับไมตรี“ข้าชอบมากเจ้าค่ะ”“เจ้าชอบก็ดี”น้ำเสียงชายหนุ่มทุ้มต่ำนุ่มละมุน สุภาพเหลือเกิน โม่เหลียนเบือนหน้าหลุบตา นั่งกินขนมเงียบๆหลายวันนานนับเดือน กู้ซือหมิงยังคงทำเช่นเดิมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย นับแต่ดอกเบญจมาศ ขนม ยังมีการซื้อของมาฝาก ไม่ว่าจะเป็นหยกทับทิม ปิ่นเงินรูปแบบเฉพาะชนิดสั่งทำ แม้แต่กู้ซินยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นแบบที่สหายของตนชอบทั้งหมดทั้งมวลล้วนแสดงความพึงใจอย่างไม่ปิดบังโม่เหลียนรับไว้ด้วยสองมือสั่นเท
กู้ซือหมิงยิ้มแต่ไม่ตอบ เขาพาสตรีทั้งสองเดินมาจนถึงสวนดอกไม้ที่ว่า และเมื่อมาถึงโม่เหลียนพลันเบิกตา เพราะในสวนแห่งนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยดอกเบจมาศแล้ว ทุกดอกยังมีสีชมพูตรงกลางล้อมรอบด้วยสีขาวละลานตา ซึ่งล้วนแต่เป็นแบบที่นางชอบทั้งสิ้น หญิงสาวตกตะลึงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ เหลือบตามองญาติผู้พี่ของกู้ซิน นางเห็นใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนของเขา คล้ายมีภาพบุรุษอีกคนลอยทับเข้ามา...แต่จะเป็นไปได้อย่างไร?สายตากลมที่ซ่อนความเคลือบแคลงเอาไว้ไม่มิดหลุบลงทันทีเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาทางกู้ซินที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าของโม่เหลียนแล้วถามว่า“ชอบหรือไม่?”แวบหนึ่งที่สายตาคมมองมาโม่เหลียนรู้สึกได้ว่าเขามองนาง และคำถามนั้นเหมือนถามนาง ทั้งหมดทั้งมวลเสมือนจงใจให้รู้ว่าดอกเบญจมาศทั้งสวนแห่งนี้ เขาปลูกไว้เพื่อใคร คงไม่หรอกกระมัง...นี่นางเป็นคนหลงตัวเองตั้งแต่เมื่อใดโม่เหลียนยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ หากแต่ก็ยังปฏิเสธว่าไม่น่าใช่หญิงสาวส่ายหน้า ปรับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติก่อนเหลือบมองกู้ซือหมิงกับกู้ซินคุยกันตามประสาพี่น้อง“ชอบมาก ข้าชอบมากเลย” กู้ซินยิ้มกว้างไร้เดียงสา “พี่ซือหมิง ข้ามาเ