ทานตะวันไม่ได้ท้วงต่อเพราะกลัวจะทำให้อาหนุ่มหงุดหงิดไปอีกจึงเงียบไป ภูมิลอบมองดวงหน้าเรียวแล้วแอบยิ้มนิดๆ แต่เมื่อเหลือบมองกระจกอีกทีเห็นดวงตาเต็มไปด้วยคำถามจากเด็กสาวมองอยู่ก็กลอกตามองถนนก่อนเอื้อมมือไปเปิดดีวีดีให้เด็กสาวดูทำลายความเงียบ
“ดูหนังดีกว่านะ... อาว่า” ชายหนุ่มแก้เก้อ
“ค่ะ”
“ดูอะไรดี”
“แล้วแต่อาภูมิเลยค่ะ” ทานตะวันพยักเพยิดให้อาหนุ่ม
ภูมิจึงกดเปิดแผ่นหนังที่ค้างอยู่ในเครื่องเล่นโดยไม่ได้ดูว่าเป็นเรื่องอะไร กระทั่งเสียงดังขึ้นพร้อมหน้าจอปรากฏภาพดาราฮอลลีวู๊ดหนุ่มใหญ่กำลังเล่นฉากรักถึงพริกถึงขิงกับเด็กสาวผมเปียยาวรุ่นราวคราวลูก แถมเสียงใส่อารมณ์ในฉากรักทำให้ทั้งคนเปิดและคนฟังต่างหน้าม้านไปตามๆ กัน
“เอ่อ...” ภูมิแทบสำลัก อ้ำอึ้งไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายเมื่อดูสีหน้ากระอักกระอ่วนของทานตะวัน
ชายหนุ่มถึงกับสบถในใจ ก็ระหว่างรอเธอเขาเปิดหนังดูแก้เบื่อ เผอิญว่าเป็นแผ่นเก่าเก็บที่มีคนให้แล้วไอ้ตัวแสบนั่นก็เลือกแผ่นนี้ให้บอกว่าเขาต้องชอบ
โธ่เว้ย!
ไอ้เวรนั่น!
“อา อาว่า...”
“อาภูมิดูหนังแนวนี้ด้วยเหรอคะ”
“อืม มีคนให้มาน่ะ อาว่าเรื่องนี้หนังดีนะ”
“เอ่อ... ถึงดีแต่ก็ไม่น่าดูค่ะ เดี๋ยวนี้หนังดีเค้าต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“ก็มันเรียลดีคนดูชอบไง ยิ่งหนังผรั่งเศสนะเล่นฉากเลิฟซีนกันจริงจังเลย”
เด็กสาวทำหน้าแหยพูดเสียงเบาหวิว “ดูเพื่อความบันเทิงก็พอมั้งไม่เห็นต้องเปลืองตัวเลย พระนางก็อายุห่างกันยังกะพ่อกับลูกเลย”
“ก็ปกติที่ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดนะ บางทีก็ดุด้วย”
“ดุยังไงคะ”
“ก็ เอ่อ ดุแบบ เป็นคนดุ”
ภูมิถึงกับอ้ำอึ้งรู้ว่าคำตอบของตัวเองแสนโง่ แถมยังเผลอพูดกำกวมสองแง่สองง่ามกับทานตะวันเข้าให้
ทานตะวันจ้องจอภาพด้วยความสนใจ จริงอย่างที่เขาบอก พระเอกในเรื่องรุ่นราวคราวพ่อแต่ร่างกายกำยำไร้ส่วนเกินเปิดเปลือยท่อนบนส่วนท่อนล่างมีเพียงบ็อกเซอร์สีขาวตัวเดียวกำลังไล่ฟัดเด็กสาวผมเปียยาวสีทองหุ่นอ้อนแอ้น ทำให้ทานตะวันเกิดจินตนาการจนหน้าแดงก่ำเมินออกไปนอกหน้าต่างแทบไม่ทัน
“ทำไมไม่ดูล่ะ”
“หนังไม่น่าดูค่ะ”
“แต่เรื่องนี้ดังมากเลยนะ”
เด็กสาวหันกลับมามองจอแวบหนึ่งก่อนเมินอีกรอบ “ตะวันไม่ชอบหนังแนวนี้ ดูไม่สมกันจิ้นไม่ออก พระนางอายุห่างกันเหมือนพ่อกับลูกยิ่งกว่าอาภูมิกับตะวันอีก”
“ก็แบบนี้แหละ หนุ่มใหญ่ประสบการณ์โชกโชน สาวๆ ชอบ” ภูมิพูดไปหัวเราะขบขัน
เขาโยนหินถามทางเด็กสาวและพอรู้ว่าที่ทานตะวันทำเป็นไม่สนใจนั้นที่แท้ไม่จริงเลย เธอแอบลอบมองเป็นระยะก่อนจะพูดเสียงเบาหวิวมือกำหน้าตักแน่น
“ไม่รู้ค่ะ ว่าแต่นี่เรื่องอะไรคะ หนังเก๊าเก่า”
“โลลิต้า... เคยได้ยินไหม”
“โล ลิ ต้า” ทานตะวันทวนคำพลันถึงกับหน้าแดงก่ำถึงบางอ้อทันที ทำไมเธอจะไม่เคยได้ยินหนังโลลิระดับตำนานขนาดนี้ แต่เธอไม่คิดว่าภูมิจะชอบ เธอแปลกใจแต่ไม่กล้าพูดอะไร
“เคยได้ยินสินะ หึหึ เรื่องนี้ดังจะตายแล้วอีกอย่างนี่เป็นความสัมพันธ์พื้นฐานของชายหญิงนะ” อาหนุ่มยกยิ้มแล้วพูดหน้าตาเฉย “ถ้าตะวันแต่งงานก็ต้องเป็นแบบนี้หนีไม่พ้นหรอก”
“ตะวันไม่อยากแต่งงานค่ะ” เด็กสาวตอบเสียงเบาหวิว
“ทำไมล่ะ!”
“ก็ไม่อยากแต่งต้องมีเหตุผลด้วยเหรอคะ”
“ต้องมีเหตุผลสิ”
“หรือว่าอาภูมิอยากให้ตะวันแต่งงานอีกคนคะ” เธอย้อน
ภูมิมุ่นคิ้วกับคำว่าอีกคนจนอดถามไม่ได้ “ใครกันอยากให้ตะวันแต่งงาน”
“คุณย่าอยากให้ตะวันเป็นฝั่งเป็นฝาไวๆ จะได้มีเหลนให้อุ้มไวๆ ค่ะ แต่ตะวันยังไม่อยาก”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ตะวันยังเด็ก”
“อายุเท่านี้ก็ไม่เด็กแล้ว” ภูมิเผลอตัวเสียงดังใส่แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “อาหมายถึงคนจะสมบูรณ์เต็มที่ก็ต้องผ่านการแต่งงานมีครอบครัวมีสามีและมีลูก”
“แต่ตะวันจะอยู่กับคุณย่า ดูแลอาภูมิด้วย จะเอาเวลาที่ไหนไปมีใครได้ไง” เธอเปลี่ยนเรื่อง
“ถึงแต่งงานไปก็ยังดูแลอาได้ อาจะให้ตะวันดูแลเช้ากลางวันเย็นกลางคืนยันดึกดื่นถึงเช้าไปเลย”
เธอสะดุดกับคำพูดอาหนุ่มถึงกับสำลักน้ำผลไม้กล่องที่กำลังดื่มจึงพูดทั้งน้ำเสียงตื่นๆ “แบบนั้นต้องคนเป็นภรรยาแล้วค่ะ หรืออาภูมิจะให้ตะวันเป็นภรรยาล่ะคะ”
คราวนี้เป็นภูมิเองที่งันไป
“แล้วคนจะเป็นภรรยาทำแบบในหนังกับอาได้ไหมล่ะ” ภูมิโยนหินถามทางหน้าตาเฉย
ทานตะวันถึงกับหน้าแดงก่ำ มองอาหนุ่มสลับกับฉากจูบลึกซึ้งในหนังด้วยความกระอักกระอ่วน
เธอไม่ควรถามเลย...
“ตะวันว่าเราเปลี่ยนดูเรื่องอื่นดีกว่านะคะอาภูมิ”
แต่ภูมิก็ได้แต่ตอบในใจ นึกเคืองตัวเองที่โยนหินถามทางจนไก่เกือบตื่น พอเห็นเธอเอื้อมมือจะกดปุ่มเปิดเอาแผ่นออก เขาจึงโพล่งขึ้น
“จริงๆ อาว่าเรื่องนี้ก็ดีนะ ทำให้ตะวันรู้ว่าความรักของชายหญิงไม่จำเป็นต้องเป็นรักแบบเด็กๆ หรือหนุ่มสาววัยเดียวกันเสมอไป จะผู้ชายอ่อนกว่าหรือผู้หญิงแก่กว่า มากหรือน้อยเอาอะไรมาวัดไม่ได้หรอก แค่คนสองคนมีความรักต่อกันมันก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้น”
“แต่มันไม่เหมาะเพราะสถานะของผู้ชายนี่แหละค่ะ อาภูมิก็เห็นว่าตัวพระเอกเขาไม่ใช่คนตัวเปล่า ถ้าแบบอาภูมิที่ยังโสดก็ว่าไปอย่าง เป็นตะวันจะรีบตะครุบ เอ๊ย!...”
“อาภูมิอย่าประชดแบบนี้สิคะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!”“อารุ้แค่ว่าตะวันรังเกียจความรู้สึกของอา”“ตะวันไม่ได้รังเกียจ!”เธอหรือจะกล้าคิดอย่างนั้น...เด็กสาวน้ำตาหยดทันที ไวเท่าความคิดเท้าที่เจ็บเมื่อครู่กลับไร้ซึ่งความเจ็บปวด มันก้าวนำเธอไปทางฝั่งที่อาหนุ่มกำลังเปิดประตูรถโดยไม่นำพาว่าภูมิจะคิดยังไง“หยุดพูดว่าตะวันรังเกียจอาภูมินะคะ!” เธอตวาดลั่นดึงแขนอาหนุ่มให้หันกลับมาฝนกระหน่ำแรงกว่าเดิมจนเสื้อผ้าหน้าผมอาหลานต่างเปียกลู่ แต่ดวงตาทั้งสองยังคงจ้องกันแน่วแน่นิ่งงัน“ก็ได้... ต่อไปอาจะไม่พูด ไม่ทวงถามอะไรตะวันอีก” ภูมิแกะมือเย็นเฉียบของเด็กสาวออกและมองเธออย่างชั่งใจครู่หนึ่งก็ถอนใจพูดต่อ “อาจะถือว่าเรื่องระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น ตะวันไม่ได้รักอา"“ไม่จริง!” ทานตะวันสะอึกสะอื้นทันทีภูมิก้มมองสองมือเรียวโอบรอบเอวของตนด้วยความตื่นตะลึง ทานตะวันแนบหน้ากับอกเขาตัวสั่นเทา ภูมิผละมือจากประตูลงกุมมือเด็กสาวไว้จะหันกลับไปแต่เธอขืนตัวไว้แล้วกอดแน่นยิ่งกว่าเดิมจนเขาแทบหายใจไม่ออก“หากอาภูมิรักตะวันจริง” เธอพูดเสียงสั่นเครือ มือกำจิกเสื้อเชิ้ตชายหนุ่มแน่น “คืนนี้เราค้างด้วยกันนะคะ”“อะไรนะ!” ภูมิค
เธอร้องเสียงหลงเหลียวหาคนช่วยแต่ถนนยามดึกเปลี่ยวจนน่าใจหาย ไม่มีรถแม้สักคันติดไฟแดงหรือผ่านไปมา ภูมินึกโมโหจนต้องตวาด“หยุดเดี๋ยวนี้! ร้องยังกะวัวถูกเชือดไปได้ อาไม่ได้จะพาไปฆ่าสักหน่อย”“อาภูมิไมได้ฆ่าให้ตายแต่อาภูมิจะฆ่าตะวันทั้งเป็นรู้ตัวรึเปล่าคะ” เธออุทธรณ์น้ำตาท่วมแก้ม“อาฆ่าตะวันทั้งเป็นตรงไหน ก็เห็นๆ อยู่ว่าตะวันก็เคลิ้มไปกับอา”“อาภูมิ!” เด็กสาวตวาดลั่นทุบอกอาหนุ่มทั้งที่ตัวยังลอยอยู่ในอ้อมแขน “ปล่อย! ถ้าจะดูถูกกันขนาดนี้ก็อย่าสนใจตะวันเหมือนเมื่อก่อนก็ได้”“ไม่ได้...”“ทำไม!”เด็กสาวช้อนตามอง หวังได้ยินคำตอบที่จะทำให้จิตใจดีขึ้น แต่ภูมิกลับนิ่งเฉยทำให้เธอฉุนจัด ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าอาหนุ่มอย่างลืมตัว “นี่สำหรับสิ่งที่อาภูมิทำกับตะวัน”“ตะวัน! กล้าตบอาเชียวเหรอ” ภูมิถึงกับตะลึงตั้งตัวไม่ทัน ทั้งโมโหแต่ก็เหมือนจะมือไม้อ่อนเพราะดวงหน้าหลานสาวนอกไส้ทั้งเจ็บปวดและน่าสงสารเหลือเกิน แต่ที่เขาทำไปเพราะหึงหวงเกินต้านไหว เขาต้องหักใจดูทานตะวันเติบโตเป็นสาวอยู่ไกลตามากแค่ไหนแต่ตอนนี้ทานตะวันเรียนจบและโตพอที่จะไม่เป็นเพียงหลานสาวบุญธรรมของเขาแล้วหากบังคับให้เธอเป็นของเขาเสียแต่เดี๋ยวนี้ได
เธอตัดสินใจผลักอาหนุ่มเต็มแรงจนร่างหนาเซชนกระจกฝั่งคนขับ ศอกชายหนุ่มสัมผัสโดนปุ่มกระจกเต็มแรง หน้าต่างฝั่งคนขับเลื่อนลงโดยอัตโนมัติ ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “คุณ... คุณ”“อย่ายุ่งน่า ใครวะ!” ภูมิสบถหันขวับไปมองถึงกับเบิกตาค้าง “เฮ้ย! ตำรวจ!”“ก็ตำรวจสิครับ” นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจเฮือกยกมือวางบนกระจกอีกมือส่องไฟฉายเข้ามาในรถสำรวจทานตะวันน้ำตาร่วงผล็อยเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งทันที อาหนุ่มแทบจะดึงทึ้งศีรษะตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์ใคร่พาไป มือหนาเอื้อมไปลูบผมเด็กสาวขยี้เบาๆ ก่อนเอาตัวบังให้แล้วบอก“ติดกระดุมเสื้อก่อน อาจะบังให้”ทานตะวันหน้าเหยเกตะครุบสาบเสื้อที่เปิดอ้าหันข้างให้แสงไฟก้มหน้าก้มตาติดกระดุมเสื้อมือไม้สั่น น้ำตาหยดลงบนหลังมือด้วยความคับแค้นแต่ไม่มีแม้แต่เสียงให้อีกฝ่ายได้ยินเพราะเธอกัดริมฝีปากแน่นแทนการกักเก็บเสียงจนปากนุ่มแทบห้อเลือด อาภูมิใจร้าย...ทำแบบนี้กับเธอทำไม... “ดึกดื่นมาจอดทำอะไรกันที่เปลี่ยวๆ แบบนี้ ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ” ตำรวจหนุ่มค้อมตัวลงต่ำจ้องมองลึกไปยังที่นั่งอีกฝั่ง ภาพที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กนั่งหันหลังให้
ทานตะวันอาศัยทีเผลอเปิดล็อคประตูรถจะก้าวลงไป มือหนาๆ ของเขาก็คว้าข้อมือเธอไว้แล้วกระชากกลับก่อนจะปิดล็อคจากฝั่งตัวเอง“เจ็บนะคะ!” เธอร้องบอก“เจ็บก็ดีแล้ว กล้าดียังไงดื้อกับอาแบบนี้ ลงไปเกิดอันตรายจะทำยังไง”“อยู่ที่นี่ก็อันตรายพอกันแหละค่ะ” เธอตอบพลันน้ำตาก็หยาดหยด “โอ๊ย! ตะวันเจ็บค่ะอา”ภูมิกัดฟันกรอดเบือนหน้าหนียังคงบีบข้อมือเธอแทบห้อเลือด หน้าเข้มเครียดขึ้ง สันกรามบดกันเป็นสันนูน ดวงตาวาวไปด้วยไฟแห่งความโกรธคุโชน เขาโมโหเธอที่ทำเหมือนไม่เคารพกัน“เจ็บงั้นเหรอ! อาสิเจ็บกว่าที่เห็นตะวันก้อร่อก้อติกกับผู้ชายพวกนั้น”“อะไรนะคะ!” เธอถามย้ำตาเหลือกลานกับคำพูดประชดประชัน “อาภูมิหมายความว่ายังไง ทำไมถึงเจ็บ ทำไมคะบอกให้ตะวันรู้หน่อย”“ไม่มีอะไร อาแค่ไม่ชอบที่ตะวันเห็นคนอื่นดีกว่าอา”“แค่นี้เหรอคะเหตุผล” เธอเอ่ยเสียงแผ่วราวกับให้ได้ยินแค่ตัวเองผิดหวัง...ดวงหน้าสดใสพลันหม่นหมองลงทันที เธอเบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง ลอบถอนหายใจกลั้นสะอื้นไม่ให้น้ำตาหยาดไหล แต่ดูเหมือนความเสียใจจะไม่ฟัง เพราะไม่กี่นาทีต่อมาก็มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน หัวใจคนฟังตกอยู่ที่ตาตุ่มทันใด...“ร้องไห้
ทานตะวันผงะกับถ้อยคำประหลาด หัวใจเธอพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ภูมิมีศักดิ์เป็นอาส่วนเธอมีฐานะเป็นเพียงหลานบุญธรรมของคุณภาคินีมารดาของภูมิ เธอไม่กล้าแม้แต่จะอาจเอื้อมคิดเผยอเทียบเคียงกับเขาได้เลย“อา... คือว่า... อา”ภูมิตั้งท่าจะสารภาพความรู้สึกกับทานตะวัน ถึงยังไงเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอเป็นของใครแต่ทว่า...“อ้าว! ยังไม่กลับอีกเหรอคุณตะวัน”“คุณชลทิศ!”สองอาหลานผละออกจากกัน ทานตะวันเหลียวมองต้นเสียงสีหน้าเหยเก ส่วนภูมิกำหมัดแน่นเพราะอีกฝ่ายอมยิ้มมองมายังเขาคล้ายรู้ทัน ครู่เดียวก็ละสายตาไปรอคำตอบจากเด็กสาว“ตกใจอะไรเหรอครับคุณตะวัน”“ปละ... เปล่าค่ะ ตะวันกำลังจะกลับพอดีค่ะคุณชลทิศ”“งั้นเอาไว้เจอกันนะครับ” ชลทิศพูดจบทิ้งสายตามองภูมิที่ยืนหน้าตึงมองอยู่ครู่หนึ่งจึงหันมากระซิบบอก “ผมจะไปเยี่ยมคุณตะวันที่ไร่เร็วๆ นี้”“ไปทำไม!” ภูมิแย้งหน้าตึงทันที“เมื่อกี้ผมบอกไปแล้ว เกรงว่าคุณอาจะไม่ทันฟัง”“ใครเป็นอาคุณ” ภูมิตีรวนเสียงขึ้นจมูก “ไปตะวันกลับ!” “เอ่อ... แต่ตะวันว่า” เธอตอบได้เพียงเท่านี้ก็ถูกกระชากแขนออกห่างอีกฝ่าย “กลับ!” “เดี๋ยวสิคะอาภูมิ!” ทานตะวัน
แค่คิดก็เบื่อ ดีที่มีชลทิศมาคุยเป็นเพื่อน แต่คุยได้ไม่นานภูมิก็เดินตรงเข้ามาสีหน้าถมึงทึงจนทานตะวันที่กำลังหัวเราะร่วนถึงกับหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว“คุยอะไรอยู่หัวเราะสนุกเชียว”คำถามราบเรียบแต่น้ำเสียงดุดันของอาหนุ่ม ทั้งมองเธอและตวัดหางตามาทางชลทิศ ทำให้ทานตะวันขนคอลุกชัน เธอยิ้มแหยๆ แนะนำอีกฝ่ายกับอาของเธอ “นี่คุณชลทิศค่ะ ส่วนนี้คือ...” “คุณภูมิ ภูมิรัตน์ ลูกชายคนเดียวของคุณภาคินี ภูมิรัตน์ เศรษฐีนีเจ้าของสวนปาล์มทางใต้ใช่ไหมครับ” ชลทิศต่อให้สบตาภูมิแบบไม่มีใครยอมใคร ภูมิหัวเราะหึๆ ก่อนตอบ “ครับ... และรีสอร์ตกำลังจะเปิดตัว” “อ๋อ มีรีสอร์ตด้วย” ชลทิศทวนคำแล้วพยักหน้ารับรู้ตาม “ถ้ามีโอกาสผมคงได้ไปพักบ้าง” “น่าจะยังไม่เร็วๆ นี้” ภูมตอบหน้านิ่ง ทานตะวันอึ้ง มองทั้งสองแล้วลอบพรูลมหายใจไม่มีออมคำพูดเลย... ทานตะวันลอบพรูลมหายใจ อดเหน็บแนมอาหนุ่มในใจไม่ได้ แต่ภูมิยักไหล่ เธอทันเห็นจึงเบะปากใส่แต่อีกฝ่ายกลับลอบยกยิ้มทำให้เธอนึกเคืองในใจ“โอว... ผมตกข่าว เพิ่งรู้ว่าไร่ภูมิวัฒน์ทำรีสอร์ตด้วย” ชลทิศตอบแก้เก้อนึกรู