โธ่เอ๊ย! ภูมิกำหมัดแน่น จ้องทานตะวันด้วยความอ่อนใจ "อาขอสั่งห้ามนะตะวัน ห้ามพูดแบบนี้ แล้วก็ห้ามคิดอะไรแบบนี้กับอาเข้าใจไหม!" "ไม่เข้าใจ ก็ตะวันไม่อยากให้อาภูมิเสียใจเพราะผู้หญิงคนนั้นนี่คะ ตะวันทำผิดตรงไหน" เด็กหญิงแก้เก้อ "มันก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเรา" "เกี่ยวสิคะ ตะวันไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักของอาภูมิไปจากตะวัน" "งี่เง่า" ภูมิสบถ "ไม่ได้งี่เง่าซะหน่อย ตะวันหมายถึงว่าถ้าตะวันโตเป็นสาวแล้วถ้าอาภูมิแก่ตัวลงไม่มีใคร ตะวันอาสาเป็นเจ้าสาวให้อาภูมิเอง อาภูมิสัญญากับตะวันนะคะ" "แก่แดด!" ภูมิขึ้นเสียง แต่เด็กหญิงดูไม่สะทกสะท้านสักนิด "เปล่าแก่แดดซะหน่อย ก็ตะวันรักอาภูมิ" เธอบ่นพลางหน้างอคอหักใส่ ภูมิทวนคำพูดทานตะวันในใจก็สั่นระรัวยิ่งกว่ากลองเพล นี่ทานตะวันคิดว่าความรักคืออะไร คิดว่าตัวเองจะแทนที่ใคร ไม่มีใครแทนที่ใครได้โดยเฉพาะทานตะวัน เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นตัวแทนของใคร ไม่เคย... ไม่เคยเลย... ภูมิจะรอให้ถึงวันนั้น วันที่พร้อมทวงสัญญาที่ทานตะวันให้ไว้ คราวนี้ไม่ว่าใครก็อย่าได้ขวาง เพราะเขาจะไม่มีวันยอมปล่อยเธอให้ใคร...
Lihat lebih banyak“ถ้าตะวันโตเป็นสาว อาภูมิต้องแต่งงานกับตะวันนะคะ”
ใครจะคิดว่าแค่คำพูดประโยคเดียวของคนคนหนึ่ง จะทำให้ใครอีกคนคิดไกลไปถึงเพียงนี้...
อะไรนะ...
แต่งงานงั้นเหรอ...
ภูมิที่นั่งกุมขมับถึงกับเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงอ่อนโยน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดกึ่งออกคำสั่งแบบนี้จากปากเด็กหญิงวัยยังไม่ถึงสิบห้าที่มารดาของเขารับอุปการะไว้ตั้งแต่ยังแบเบาะ
อะไรทำให้ทานตะวันพูดแบบนี้...
“อาภูมิสัญญากับตะวันนะคะ”
เด็กหญิงไม่พูดเปล่า ยื่นนิ้วก้อยปุ้มป้อมมาตรงหน้า ชายหนุ่มทอดถอนใจไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเด็กหญิงคว้ามือขึ้นมาแนบหน้า ภูมิมือสั่นเมื่อรู้สึกได้ถึงผิวนวลนิ่มและเต่งตึงของวัยเยาว์
ไม่ทันตั้งตัวซ้ำสอง เขาก็ถูกเด็กหญิงโน้มตัวเข้ามาจูบริมฝีปากของเขาอย่างอ้อยอิ่ง ภูมิซึมซับความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างไม่คาดคิด ชายหนุ่มถึงกับผงะลุกขึ้นยืนและส่งน้ำเสียงดุดันใส่เด็กหญิงด้วยความตื่นตะลึง
“ทะ ทะ ทำอะไรน่ะ ตะวัน!”
“ก็ ก็ จะ จูบ”
“จูบอะไรของเรา ไปจำจากไหนมา!”
“ก็จากในทีวีไงคะ”
“แล้วทำทำไม”
“ก็ตะวันจูบมัดจำแล้ว อาภูมิอย่าลืมสัญญาแต่งงานของเรานะคะ”
โธ่เอ๊ย!
ภูมิกำหมัดแน่น จ้องทานตะวันด้วยความอ่อนใจ
“อาขอสั่งห้ามนะตะวัน ห้ามพูดแบบนี้ แล้วก็ห้ามคิดอะไรแบบนี้กับอาเข้าใจไหม!”
“ไม่เข้าใจ ก็ตะวันไม่อยากให้อาภูมิเสียใจเพราะผู้หญิงคนนั้นนี่คะ ตะวันทำผิดตรงไหน” เด็กหญิงแก้เก้อ
“มันก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเรา”
“เกี่ยวสิคะ ตะวันไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักของอาภูมิไปจากตะวัน”
“งี่เง่า” ภูมิสบถ
“ไม่ได้งี่เง่าซะหน่อย ตะวันหมายถึงว่าถ้าตะวันโตเป็นสาวแล้วถ้าอาภูมิแก่ตัวลงไม่มีใคร ตะวันอาสาเป็นเจ้าสาวให้อาภูมิเอง อาภูมิสัญญากับตะวันนะคะ”
“แก่แดด!” ภูมิขึ้นเสียง แต่เด็กหญิงดูไม่สะทกสะท้านสักนิด
“เปล่าแก่แดดซะหน่อย ก็ตะวันรักอาภูมิ” เด็กหญิงบ่นพลางหน้างอคอหักใส่
ภูมิทวนคำพูดทานตะวันในใจก็สั่นระรัวยิ่งกว่ากลองเพล นี่ทานตะวันคิดว่าความรักคืออะไร คิดว่าตัวเองจะแทนที่ใคร ไม่มีใครแทนที่ใครได้โดยเฉพาะทานตะวัน เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นตัวแทนของใคร
ไปกันใหญ่แล้ว!
ภูมิไม่เคยคิดเลยว่าเด็กที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา เธอจะรู้ไหมว่าเพราะคำพูดนั้นทำให้ใจของเขาสั่นไหวแค่ไหน ความรักและการแต่งงานคืออะไรไม่ใช่ใครก็สักแต่จะพูดได้ แล้วยิ่งเป็นเธอคนที่เขารักยิ่งกว่าใคร
ไม่ได้การละ!
เห็นทีจะอยู่ที่ไร่ก่อนตะวันจะโตเป็นสาวไมได้เสียแล้ว...
หลายวันต่อมา...
บรรยากาศหน้าบ้านไม้สักสองชั้นขนาดใหญ่ท่ามกลางไร่ชาสุดลูกหูลูกตาเต็มไปด้วยความอึมครึมราวกับกำลังปกคลุมด้วยเมฆเทาทะมึนขนาดใหญ่
ภูมิพ่นลมหายใจอึดอัดขณะที่มือยังไม่คลายจากกระเป๋าเดินทางใบโตที่เงื้อค้างขณะยกขึ้นท้ายกระบะ ชายหนุ่มยืนหันหลังให้เจ้าของร่างเล็กกว่าเขาเกือบสองศอกด้วยความอ่อนใจ ไม่อยากหันไปเห็นดวงหน้านวลใสนองน้ำตา
กลัวว่าจะใจอ่อน...
แน่ล่ะ...
แค่เสียงสะอึกสะอื้นที่ดังมาจากด้านหลัง เขาก็รู้แล้วว่าหัวใจหายไปแค่ไหน หากมันถูกกัดกินด้วยน้ำตา หัวใจของเขาคงแหว่งวิ่นด้วยน้ำตาของทานตะวัน
แต่จะให้เผชิญหน้ากันทุกวันก็คงไม่ได้ ในเมื่อหัวใจของเขาคิดไกลกับเธอเกินไปกว่าจูบปลอบใจในวันนั้นเสียแล้ว...
“อาภูมิขาอย่าไปเลยนะคะ อาภูมิ!”
“อาเค้าไปทำงานนะลูก”
“แต่อาภูมิทิ้งคุณย่าด้วยนะคะ”
“อาบอกไม่ได้ทิ้ง”
“แต่อาภูมิจะไปอยู่ในเมืองทำไม อาภูมิจะทิ้งตะวันกับคุณย่าไปได้ยังไง คุณย่าขา...” เด็กสาวลากเสียงยาวฟ้องหญิงชราที่กอดร่างเล็กของเธออยู่
ภาคินีสบตากับภูมิก่อนจะพยักเพยิดให้ “ย่าไม่ยุ่งด้วยแล้ว สองอาหลานคุยกันเองก็แล้วกัน”
“คุณย่าขา”
ภูมิได้แต่ส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงกระเง้ากระงอดกลายๆ พอสบตามารดาก็เห็นสีหน้าตึงเปรี๊ยะบ่งบอกว่าเขาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เอง
“โอเคๆ เอางี้นะตะวัน”
“อาภูมิจะไม่ไปแล้วใช่ไหมคะ”ภูมิส่ายหน้าทันควัน จำต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ที่อาต้องไปค้างในเมืองก็เพราะงาน ไม่ได้จะทิ้งเรากับคุณย่า เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ตะวันอยู่ดูแลคุณย่าแทนอาได้ไหมคะ”
“แค่เรื่องงานจริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ”
“ไม่ใช่เพราะอาภูมิ...” เด็กหญิงรีบตะครุบปากตัวเองเมื่อเห็นสีหน้าดุของเขา
ภูมิรู้ดีว่าเขาสปอยล์เด็กหญิงมากแค่ไหน และบางครั้งอาจจะมากเกินไปโดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวจนกระทั่งวันที่ทานตะวันจูบเขา
ตั้งแต่นั้นความรู้สึกนั้นมันแปลกไปจนไม่อาจคาดเดา นับวันจะยิ่งรุนแรงจนเขาแอบเก็บเอามาฝัน ฝันอะไรไม่ว่า
ฝันว่ามีอะไรกับทานตะวันนี่สิ!
จะชั่วเกินไปแล้ว!
ไอ้อาชั่ว!
ภูมิตัดสินใจในนาทีนั้นว่าเขาต้องไปอยู่ที่ออฟฟิศในเมืองสักพักจนกว่าเปิดเทอมที่ทานตะวันจะย้ายไปอยู่หอพักในโรงเรียน หรือหากทานตะวันยังดื้อรั้นไม่ยอมไปตามที่เสนอ เห็นทีเขาต้องเป็นฝ่ายไปเองยาวๆ ไปให้ห่างจากทานตะวันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“แต่ตะวันไม่ยอมให้อาภูมิไปอยู่กับผู้หญิงที่ไหนอีกนะคะ!”
เด็กหญิงขึ้นเสียง ทำให้สองแม่ลูกตาค้าง และเป็นภูมิที่หันขวับมาดุใส่
“ตะวัน!”
“ก็อาภูมิจะทิ้งตะวันกับคุณย่า เกิดไปเจอผู้หญิงสวยๆ แบบอาสร้อยอีกจะทำยังไง”
“อย่าลามปามสิตะวัน อาไปทำงานต้องกลับดึก อาไม่อยากขับรถไปกลับมันอันตราย”
“แต่เมื่อก่อนก็ไปกลับได้”
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ทานตะวันไม่ได้ท้วงต่อเพราะกลัวจะทำให้อาหนุ่มหงุดหงิดไปอีกจึงเงียบไป ภูมิลอบมองดวงหน้าเรียวแล้วแอบยิ้มนิดๆ แต่เมื่อเหลือบมองกระจกอีกทีเห็นดวงตาเต็มไปด้วยคำถามจากเด็กสาวมองอยู่ก็กลอกตามองถนนก่อนเอื้อมมือไปเปิดดีวีดีให้เด็กสาวดูทำลายความเงียบ“ดูหนังดีกว่านะ... อาว่า” ชายหนุ่มแก้เก้อ“ค่ะ”“ดูอะไรดี”“แล้วแต่อาภูมิเลยค่ะ” ทานตะวันพยักเพยิดให้อาหนุ่มภูมิจึงกดเปิดแผ่นหนังที่ค้างอยู่ในเครื่องเล่นโดยไม่ได้ดูว่าเป็นเรื่องอะไร กระทั่งเสียงดังขึ้นพร้อมหน้าจอปรากฏภาพดาราฮอลลีวู๊ดหนุ่มใหญ่กำลังเล่นฉากรักถึงพริกถึงขิงกับเด็กสาวผมเปียยาวรุ่นราวคราวลูก แถมเสียงใส่อารมณ์ในฉากรักทำให้ทั้งคนเปิดและคนฟังต่างหน้าม้านไปตามๆ กัน“เอ่อ...” ภูมิแทบสำลัก อ้ำอึ้งไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายเมื่อดูสีหน้ากระอักกระอ่วนของทานตะวันชายหนุ่มถึงกับสบถในใจ ก็ระหว่างรอเธอเขาเปิดหนังดูแก้เบื่อ เผอิญว่าเป็นแผ่นเก่าเก็บที่มีคนให้แล้วไอ้ตัวแสบนั่นก็เลือกแผ่นนี้ให้บอกว่าเขาต้องชอบโธ่เว้ย!ไอ้เวรนั่น!“อา อาว่า...”“อาภูมิดูหนังแนวนี้ด้วยเหรอคะ”“อืม มีคนให้มาน่ะ อาว่าเรื่องนี้หนังดีนะ”“เอ่อ... ถึงดีแต่ก็ไม่น่าดูค่ะ เดี๋ยวน
“อาภูมิอย่ามาพาลกะตะวันนะคะ ตะวันกับเพชรเป็นเพื่อนกันไม่เหมือนอาภูมิกับอาสร้อยสักหน่อย”“ทานตะวัน!” ภูมิเริ่มหัวเสียเช่นกัน“ตะวันจะบอกอีกครั้งว่าตะวันกับเพชรเป็นแค่เพื่อนกันค่ะอาภูมิ”“ได้ยินแล้ว” ภูมิเสียงอ่อนลงก่อนจะบ่นเบาๆ “อาไม่ได้หูตึงที่ถามเพราะเป็นห่วง จะมาหงุดหงิดใส่อาทำไม”ฮึ...ภูมิทำอย่างกับหึงหวงเธอ...หึงหวง!เป็นไปไม่ได้หรอก เธอไม่ได้สำคัญสำหรับเขาขนาดนั้นแล้วถ้าเธอสำคัญล่ะ!แต่แค่คิดทานตะวันก็อดยิ้มอย่างลืมตัวไม่ได้ ภูมิเหลือบเห็นสีหน้าหลานสาวก็เบรครถเสียงดังเอี๊ยดจนทานตะวันถึงกับตื่นจากภวังค์“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ ติดอกติดใจของกำนัลจากมันมากรึไง เอาไว้อาจะปลูกดอกไม้เพิ่มอีกสักสิบไร่ให้เราดมจนจมูกตันไปเลย” “โธ่! ทำไมอาภูมิคิดแบบนั้นละคะ”“อาเปล่าคิด”“นี่แหละค่ะคิดแล้ว”ภูมิอึ้ง ยิ่งโตทานตะวันยิ่งต่อปากต่อคำเก่งเป็นที่สุด เขาเหลือบมองหญิงสาวครู่หนึ่งก็ต้องละสายตาทำทีมองทางตรงหน้าเพราะทานตะวันจ้องเอาๆ“ไปได้แล้วเดี๋ยวไม่ทัน”“ไม่ทันอะไรคะ”แต่ทานตะวันไม่ได้คำตอบ เธอไม่ชอบใจเลยที่ภูมิชอบมีท่าทีห่างเหินทั้งที่นานๆ จะเจอกันที เขาคงไม่รู้ว่าเธอแอบรอวันที่จะได้กลับบ้าน
ทานตะวันกอดอกเชิดหน้าอย่างภูมิใจ“งั้นก็รับไปซะทีสิ เพชรอายคน” เด็กหนุ่มยืนสิ่งของในมือให้แล้วพูดน้ำเสียงรื่นรมย์ “ในที่สุดก็จบซะทีนะเราสองคน”“อืมมมม... ขอบใจที่คอยติวให้ เพชรน่ารักที่สุดเลย”“ก็แค่อยู่นานกว่าตะวันปีนึงเองไม่ได้เก่งอะไร” พัชระแก้เก้อทานตะวันรู้ความหมายในคำพูด พัชระเป็นเพื่อนร่วมชั้นปีแต่อายุมากกว่าเธอหนึ่งปีเพราะเข้าเรียนช้ากว่าเกณฑ์ เหตุผลใดเธอไม่อาจรู้ได้และไม่เคยถาม แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับอาภูมิไม่มากก็น้อย“ตะวัน”“หือ” เด็กสาวถึงกับสะดุ้ง“จะเอาไปได้ยัง”ทานตะวันหยิกแก้มหนุ่มน้อยแล้วรับดอกไม้ช่อโตมาสูดดมด้วยความยินดีดวงตาของเธอเป็นประกายจนเด็กหนุ่มอดมองด้วยความชื่นชมไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถดังปังด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มละสายตาจากคนน่ารักจ้องไปทางหนุ่มใหญ่ด้วยความขยาด“ท่าทางยักษ์จะอยากกินตับเราแล้ว ตะวันกลับไปเหอะไป”“ขอบใจนะ แต่วันนี้ตะวันไม่มีของขวัญให้เพชรเลย ต๊ะไว้ก่อนนะ” เด็กสาวบอกกล่าวสีหน้าแหยรู้สึกผิด แต่อีกฝ่ายยีผมเธอด้วยความเอ็นดู“ไม่ต้องหรอก แค่ให้เพชรไปหามั่งก็พอ อยู่ใกล้กันแค่รั้วไม้กั้นเอง”“โอเค... งั้นวันนี้เพชรกลับด้วยกันปะ”“
จบซะที... ทานตะวันมองไปรอบบริเวณด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ตลอดสี่ปีที่เรียนที่นี่ ไม่มีวันไหนที่เธอจะรู้สึกใจหายเหมือนวันนี้ วันที่รู้ว่ากำลังก้าวออกไปสู่โลกกว้างอีกช่วงหนึ่งของชีวิตเธอไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้จะมีสิ่งใดรออยู่...“ตะวันๆ ดูโน่นสิ” “อะไร” “โน่นไง ดูสิ” ทานตะวันปัดมือเพื่อนที่เขย่าแขนเธอขณะกำลังเก็บโน้ตบุ๊กตัวเก่งลงกระเป๋าทำให้กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กเกือบร่วงหล่นลงพื้นโชคดีที่เด็กสาวคว้าไว้ได้ทัน “สานี่ยังไง เกือบทำของหวงของตะวันตกพื้นและนะ” “ช่างของมันก่อนเหอะน่า ดูโน่นก่อนว่าใครมา!”สารสาไม่วายพยักเพยิดให้ ทานตะวันมุ่นคิ้ว หน้างอเพราะความรำคาญ“ใครมาก็ช่างสิ ไม่เกี่ยวกับเราซะหน่อย เรากำลังรีบอย่าเพิ่งกวน”“กลัวคนที่บ้านมารอนานงั้นเหรอ” สารสาลากเสียงยานคางทานตะวันจึงจีบนิ้วเรียวดีดเข้ากลางหน้าผากเพื่อนสนิททันที“โอ๊ย! ดีดหน้าผากเราทำไมอะตะวัน”“ก็สากวน ไม่เห็นเหรอเรารีบ”“ก็เห็นน่ะสิ ถึงได้บอก” สารสาว่าแล้วก็ชี้มือไปอีกทางก่อนเอ่ยเสียงน้อยใจ “นึกว่าตะวันจะดีใจที่ไหนได้.. ฮึ“เสียงของสารส
หากใครคิดจะขวางอย่าได้หมาย ไม่เพียงร่างกายของเธอที่ต้องตกอยู่ใต้อาณัติของเขา หัวใจของทานตะวันก็ต้องตกเป็นทาสเสน่หาของเขาหากไม่แล้ว... ฆ่าเขาให้ตายเสียดีกว่า...เพราะรักจึงอยากครอบครองให้สมรัก เป็นหนึ่งเดียวกับเด็กสาวที่เฝ้าทนุถนอมมานาน เธอทำให้เขารู้สึกเร่าร้อนรุนแรงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเป็นเพราะโชคชะตาที่ทำให้เขาได้พบเธอ เด็กหญิงผู้ถูกทิ้งไว้ที่ท้ายรถกระบะของเขาเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ไม่อาจรู้ได้...“ตาภูมิ! เป็นอะไร ตาภูมิ!”ภูมิที่กำลังฝันค้างถึงกับสะดุ้งตื่น ขยี้ตามองร่างตะคุ่มเจ้าของเสียงเรียกที่เห็นเลือนรางจากแสงสลัวที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาแล้วต้องพรูลมหายใจหนักหน่วงเมื่อเห็นสายตาเป็นห่วงจากมารดา“แม่”“ก็แม่น่ะสิ เป็นอะไรล่ะเรา”เจ้าของร่างท้วมผมสีดอกเลาลงนั่งข้างเตียงอังหลังมือกับหน้าผากชื้นเหงื่อของบุตรชาย ภูมิคว้ามือมารดาลงมากุมเหนือตักส่ายหน้าปฏิเสธ“ผมไม่เป็นไรครับ” “นี่ขนาดไม่เป็นไรนะ ร้องหาตะวันมันซะเสียงหลงเลย”“ผมเปล่าซะหน่อย”“ย่ะ ให้มันจริงเถอะ แม่ก็นึกว่าแกว้าวุ่นเรื่องที่ไร่โน้นส่งคนมาทาบทามตะวันให้หนุ่มๆ บ้านเขาซะอีก”“แล้วพวกบ้านนั้นเกี่
“ก็เท่ากับทิ้งคุณย่ากับตะวันอยู่ดี” เด็กหญิงอิดออดเสียงสั่น โผเข้ากอด“ตะวัน... ปล่อยอา” ภูมิส่งเสียงสั่นเทาโดยไม่หันกลับไปมอง ก้มมองสองมือเรียวที่กำแน่นอยู่เหนือหน้าท้องของเขาด้วยความรู้สึกอึดอัด “ปล่อยอา... ตะวัน” “ไม่ปล่อยค่ะ ตะวันไม่ปล่อย!” เด็กสาวดื้อแพ่ง สองมือกุมกันแน่นเข้าทำให้ภูมิรู้สึกถึงสรีระที่เปลี่ยนไปของเธอ ทานตะวันเริ่มเป็นสาวแล้ว...เธอไม่ใช่เด็กหญิงที่เขาอุ้มพาดบ่าหรือพาขี่คอเที่ยวชมทุ่งหญ้าแปลงดอกไม้ใบหญ้าบานสะพรั่งเหมือนเดิม เขากลัวว่าจะอดใจไม่ไหวจนทำเรื่องเลวร้ายกับเธอ... “กอดพอแล้ว ทีนี้จะปล่อยอาได้รึยัง” ภูมิเอ่ยเสียงแผ่วแกะมือน้อยๆ ที่ยังขัดขืนอยู่ “ทำไมอาภูมิต้องไปอยู่ที่อื่นด้วย” เธอถามเสียงเศร้าสร้อย“ก็อาบอกหลายรอบแล้วว่าต้องไปทำงาน”“ทำที่ไร่นี้ได้นี่คะ”“งานอาไม่ได้มีแต่ที่ไร่นะตะวัน”“อาภูมิคิดอีกทีไมได้เหรอคะ ตะวันขอร้อง”เฮ้อ...ภูมิอ่อนใจ อะไรมันจะพูดยากพูดเย็นขนาดนี้กัน!“ช่วงที่อาไปทำงานในเมือง ตะวันก็คอยอยู่กับคุณย่าดูแลคุณย่าแทนอาด้วยนะ อาไม่มีใครอีกแล้วนอกจากตะวัน ทำให้อาได้ไหม” เขาตอบพลางย้อนถามเธ
Komen