LOGINบทที่4.การใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าที่หล่อเหลือร้าย
เมวิกาขอเวลานอกหัวหน้างาน เพื่อทำธุระส่วนตัว ของที่รับฝากไว้ นอนอุ่นอยู่ก้นกระเป๋ากางเกงของเธอ คงต้องบากหน้าเข้าโรงจำนำครั้งแรกในรอบ24ปี
“เห้อ!!”
หญิงสาวถอนใจดังๆ เธอเดินหมุนไปหมุนมา จนอาเฮียหลังคอกกั้นขยับแว่นตามอง
“อีหนูเข้ามาไม่ต้องอาย...เร็วๆ ขวางทางคนอื่นเขา”
ประสบการณ์ยาวนานเท่ากับอายุตัวเอง....ทำให้อาเฮียรู้เองโดยไม่ต้องเดา
เมวิกาตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน เธออายสายตาคนมองจนหน้าชา แต่ช่างเถอะ! เธอทำครั้งนี้ครั้งเดียวเพราะอยากช่วยคน
“ฉันเอาเจ้านี่มาจำนำ เฮียคิดว่ามันจะได้สักเท่าไรคะ?”
หญิงสาวล้วงหยิบนาฬิกาโรแล็กซ์วางตรงช่อง พร้อมกับผ่อนลมหายใจช้าๆ รอฟังคำของอาเฮีย เมื่อเธอรู้ดีว่ามันหยุดเดิน
เสียงตอบกลับเรียบๆ “จะเอาเท่าไรล่ะ”
ของดีราคาแพง หรือของก็อปราคาถูก ผ่านมือเป็นพันๆ ชิ้น อาเฮียรำพึงในใจดูท่าชิ้นนี้จะราคาแพงที่สุด...ตั้งแต่เปิดโรงรับจำนำมา ของแท้กับของปลอมมันมีจุดสังเกต ชายสูงวัยมองผู้หญิงตรงหน้า เขาเคยเห็นหน้าหล่อนบ่อยๆ จนค่อนข้างแน่ใจว่าหล่อนไม่ใช่โจร
“ลื้อไม่ได้ขโมยใครมาใช่ไหมอาหมวย?”
“ปะ...เปล่าจ้ะเปล่า เจ้าของเขาถูกโจรปล้นเหลือแค่ไอ้นี่เลยฝากฉันมาขาย”
อาเฮียครางรับ “อ้อ!! ไม่ใช่คนไทยสิ...ใช่ไหม?”
เถ้าโรงจำนำลองแย็บๆ ยี่ห้อนี้ต้องรวยจริงๆ ถึงจะมีในครอบครองได้ราคาเบาๆ เรือนยังเป็นแสน
“จ้ะเฮียเขาเป็นฝรั่ง เขาอยากได้สตางค์จะได้กลับบ้านได้ จะให้เขามาเองก็กลัวอยู่ เขายังผวาโจรอยู่จ้ะ ถูกดักตีหัวเมื่อคืนนี้เอง”
เมวิกาอธิบายหน้าซื่อ เมื่อเธอพูดความจริงเลยไม่ต้องกลัวอะไร
ชายสูงวัยผ่อนลมหายใจ “บอกตามตรงเลยนะอาหมวย หากให้ซื้อจริงๆ อั๊วไม่มีสตางค์หรอก...รุ่นนี้มันแพง”
“เฮียล้อเล่นเหรอเปล่า? หรือเพราะมันไม่เดินเฮียเลยไม่อยากรับไว้จ้ะ” เมวิกาถามกลับเสียงรน
“ไม่ใช่แบบนั้น!! ...มันเสียก็ส่งซ่อมเขามีประกันแต่...อั๊วไม่มีสตางค์จริงๆ ถ้าจะฝากไว้ละก็ได้ ให้เจ้าของเขามาไถ่คืนทีหลังด้วยล่ะ เอาอย่างนั้นไหมล่ะ?”
“แล้วๆ ได้เท่าไรจ้ะ?”
อาเฮียถอนใจก่อนจะตอบ “เอาเท่าที่อั๊วมีเงินตอนนี้เลยแล้วกันนะอาหมวย...3แสน อั๊วไม่รู้ว่าอีต้องการใช้เงินเท่าไร แต่อั๊วมีเงินสดแค่นี้เอง”
“3แสน!! ...”
หญิงสาวเบิกตาโต ก็พอจะรู้ว่ามันแพง!! แต่ไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้ เธอกลืนน้ำลายฝืดๆ สรุปนาฬิกาเรือนนี้มันราคาเท่าไรกัน? “ราคาเต็มมันเท่าไรคะเฮีย?”
อาเฮียหัวเราะในลำคอแล้วจึงตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง “ลื้ออย่ารู้เลยอาหมวย...เดี๋ยวหัวใจวายตาย”
อาเฮียหัวเราะพร้อมกับฉีกยิ้ม เขาหมุนตัวกลับไปด้านในเพื่อเตรียมเงินสด ไม่ถึง10นาทีอาเฮียก็ออกมาพร้อมกับถือถุงสีน้ำตาลไหม้ที่บรรจุเงินมาเต็มเอี๊ยด จำนวนมากที่สุดเท่าที่เธอเคยจับเมวิกา เธอยื่นมือสั่นๆ ออกไปรับ หญิงสาวเกือบเป็นลมตายเพราะความตื่นเต้นสุดขีด
...ให้ตายเถอะหมอนั่นเป็นใครกันแน่?
หญิงสาวกอดถุงเงินแนบอกเธอหวาดระแวงไปหมด
“อาหมวยบอก...อีด้วยนา มาไถ่คืนไปด้วยอั๊วกลัวรวย”
อาเฮียโรงจำนำยังตะโกนเตือน...ตอนที่เมวิกาก้าวเท้าออกจากประตู เธอหมุนตัวกลับไปยิ้มแหยๆ พร้อมทั้งรีบพยักใบหน้ารับรัวๆ
หลังจากมีเงินก้อนใหญ่ในมือ เมวิกาก็ไม่เป็นสุขเลย เธอกลัวทำสตางค์ของแวซ็องหาย...จนต้องลางานกลับก่อนเวลาเป็นครั้งแรก ขอเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองไปมอบให้เจ้าของก่อนดีกว่า เพราะหากมันหายไปเธอคงไม่มีปัญญาชดใช้คืน
แวซ็องอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเขาผูกมิตรกับป้าเจ้าของห้องเช่าด้วยไก่ย่างครึ่งตัวที่แบ่งกับดิเยร์สุนัขที่ชายหนุ่มรู้สึกผูกพัน เลยได้อาบน้ำในห้องของนางเป็นของแถม และสุนัขแสนรู้มันได้กินจนเปรม แต่มันก็อิ่มหมีพีมันมากขึ้นอีก เพราะป้าเจ้าของห้องพักแบ่งข้าวสวยร้อนๆ มาให้ชามใหญ่ เขาเลยคลุกข้าวผสมไก่ที่เหลือให้มันกินจนเปรม นอนเลียปาก ตาปรือ กระดิกหางไปมาอย่างอารมณ์ดี
“พ่อฝรั่งเป็นอะไรกับหนูเมล่ะ ทำไมถึงได้มานอนเฝ้าหลังห้องให้เค้า?”
ตามประสาคนแก่ว่างงานและชอบสอดส่องเรื่องชาวบ้านเป็นนิจ นางจึงแวะมาไต่ถาม เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังปักหลักไม่ไปไหน
“ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่...เขาใจดีช่วยคนตกทุกข์”
“อ้อ! หนูเมนิสัยดี แล้วก็สวยเสียด้วย หากคิดเกินเลยก็ขอให้จริงจังกับเขาเถอะนะพ่อนะ”
แววตาบางอย่างของแวซ็องบ่งบอก คนผ่านอะไรๆ มามากมองเห็นและเดาเจตนาได้แบบไม่ผิดเพี้ยน
แวซ็องแสร้งหลบตาทำเป็นไม่เข้าใจ...มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ให้เขาจริงจังกับเมวิกานี่นะ...หล่อนไม่คู่ควรหรอก!!
“เป็นหนุ่มเป็นสาวกันทั้งคู่ แบบนี้มันไม่ดีนา ห้องหับป้ามีว่างสนใจจะเอาไว้เป็นที่ซุกหัวไหมล่ะ”
หญิงชายมันไม่สมควรอยู่ใกล้ชิดกัน ยิ่งหัวนอนปลายเท้าเป็นแบบไหนก็ยังไม่รู้ สงสารเมวิกาที่ตัวคนเดียวอะไรที่พอจะช่วย (กันท่า) ได้นางก็ยินดีทำ
เกือบจะหลุดยักไหล่ เหมือนอย่างที่เคยทำเวลาที่เขาไม่พอใจพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้าม ชายหนุ่มชะงักเมื่อนึกได้ เขารีบปั้นน่าเศร้าพร้อมกับพูดแก้ติดๆ ขัดๆ
“ฉันไม่-มี-เงินติดตัว เลยขออาศัยชายคาห้องเธอนอนไปก่อนได้ไหม? จนกว่าจะติดต่อญาติได้”
นางถอนใจ ครั้นจะช่วยโดยไม่รู้ว่าจะได้เงินหรือเปล่าก็ไม่ได้! จะได้ตอนไหนก็ยังไม่รู้? ปากท้องตัวเองก็ต้องห่วงนางไม่ได้ร่ำรวยมีสมบัติเก่ากิน ต้องยังชีพด้วยค่าเช่าห้อง หากจะให้อยู่ฟรีตัวนางเองนั่นแหละจะเดือดร้อน นางจึงตัดใจขอช่วยมองห่างๆ ดีกว่า
รอยยิ้มสมใจแต้มมุมปาก แล้วก็ถูกกลบเกลื่อนหายไป เมื่อสาวใหญ่หันกลับมามอง
“กินอะไรหรือยังล่ะ?”
มันเป็นนิสัยพื้นฐานของคนไทยมักจะต้องถามคู่สนทนาด้วยคำถามเช่นนี้ เป็นความห่วงใยที่เผื่อแผ่ให้กัน
“เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเจ้านั่นด้วย” ชายหนุ่มยิ้มแผล่เมื่อเห็นสุนัขแสนรู้นอนหลับสบาย หลังจากกินไก่ย่างจนพุงกาง
“แหม.. สบายเลยนะไอ้ตูบ!”
นางสัพยอกสุนัขแสนรู้ตัวนั้น ทุกวันเห็นวิ่งคุ้ยกองขยะหาเศษอาหารกินกันตาย วันนี้โชคดีมีลาภปากมันเลยซัดเสียหนำใจ
นางคุยกับแวซ็องจนบ่ายแก่ๆ จึงขอตัวกลับ ปล่อยให้คนมากแผนการเอนหลังนอนแข่งกับไอ้ตูบไปคนเดียว
เขาเริ่มหงุดหงิดกับอากาศร้อนอบอ้าวจนร่ำๆ จะถอดใจแต่...
“คุณเอาเงินคุณไปเลย!! ฉันเสียงานเพราะคุณรู้ไหมนี่? นาฬิกาบ้าอะไรแพงบรรลัย!”
เมวิกาเดินเข้ามาทางหลังบ้าน ใบหน้าเธอหงิกงอแทบจะยืดไม่ออก บ่นงึมงำพร้อมทั้งรีบยัดถุงสีน้ำตาลไหม้ที่มีเงินสดอัดแน่นอยู่ในนั้นใส่มือให้กับชายหนุ่ม
“คุณเป็นใครกันแน่?”
หญิงสาวซักถามซ้ำอีกครั้ง เขามีทรัพย์สินขนาดนี้แสดงว่าไม่ใช่กระจอก
“สมบัติเก่าพ่อน่ะ ฉันก็แค่จิกกะโร่สำรวยไปแบบนั้นเอง”
ชายหนุ่มรีบกล่าวแก้และมันน่าจะพอฟังขึ้น ไม่มีผู้ชายหนุ่มๆ คนไหนประสบความสำเร็จในชีวิตหรอก ยกเว้นเขามีมาก่อนจากสินเดิมของพ่อแม่ แวซ็องเองก็อยู่ในเกณฑ์นั้น ‘ออกัสตัส’ ไม่ได้มาร่ำรวยตอนเขากุมบังเหียน สินเดิมที่บรรพบุรุษสั่งสมไว้ก็มีไม่ใช่น้อย มาบูมสุดขีดก็ตอนเขาบริหารงาน พร้อมกับปั้นรายได้แบบมโหฬารจากหลายๆ กิจการที่เขามองเห็นและลงทุนไว้
“เฮียแค่รับฝากไว้นะคุณ เขาให้เวลาคุณไปถ่ายคืนด้วย เฮียย้ำ! เสียจนฉันอยากรู้ราคาเต็มของมันเลยแหละ”
เมวิกาแจ้งให้เขารับรู้ เธอล้วงตั๋วจำนำและส่งให้เขา ไม่อยากเก็บอะไรไว้กับตัวเลย เมื่อแค่มองยังเกิดกิเลสไม่อยากเชื่อว่าตัวเองพึ่งจะจับเงินมากมายขนาดนั้นมาหมาดๆ
“บัตรเบิดอะไรอยู่ครบไหมล่ะ ฉันจะพาเอาสตางค์ไปฝากให้...โอ๊ะ!! ไม่ทันแล้วสินะ ป่านนี้ธนาคารน่าจะปิด...เก็บดีๆ ล่ะอย่าให้ถูกฉกไปอีก"
“คงมีคนใจดีเอามันไปเลี้ยงแล้วมั้งคะป้า” เขาใจดีกับสัตว์ แต่ใจดำกับเธอจนอยากที่จะลืม“จริงเหรอ...บุญของมัน อย่าบอกนะว่าพ่อฝรั่งนั่นเอามันไปเลี้ยง อย่างนี้คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะอยู่คนล่ะซีกโลกแบบนี้”นางบ่นไปแกนๆ แล้วจึงเดินกลับไปประจำที่ตัวเอง ปล่อยให้เมวิกาเดินคอตกกลับห้องพักอย่างหงอยเหงาเธอทรุดตัวลง นั่งเอนกายลงนอน คู้เข่าขึ้นมากอดไว้พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ หลั่งริน“ไหนว่าจะไม่คิดถึงเขาไงเม”เสียงเครือสะอื้นต่อว่าตัวเอง มือที่กอดตัวเองไว้ไม่ได้อุ่นร้อนเหมือนที่เขาเคยกอด ตอนนี้เมวิกาหนาวจับขั้วหัวใจทางเดินของเธอกลับไปหม่นหมองเหมือนเดิม และดูท่าจะมืดมิดกว่าเดิมด้วยซ้ำ“เรายังโตมาแบบตัวคนเดียวได้เลย หากท้อง!! จะกลัวอะไรล่ะ เขายังมีเราอยู่ทั้งคน”สิ่งต่างๆ ในร่างกายที่เปลี่ยนไป มันย้ำให้เมวิการู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะอุบัติขึ้นมา เธอต้องตั้งสติจะมามัวจมอยู่กับความทุกข์ไม่ได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่ง เธอควานมือลงไปใต้หมอน เพื่อหยิบซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่สิ่งสุดท้ายที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นทิ้งไ
บทที่9.ฉาวโฉ่!! ออกัสตัสอินเตอร์เทรต...“หลุยส์...ตามมาดามโจนส์ให้ฉันหน่อยสิ!”เซดริกกดอินเตอร์คอมสั่งงานเลขานุการคู่ใจเสียงลั่น!!หนุ่มหล่อตาสีน้ำขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนขมวดคิ้ว ก่อนจะย้อนถามเสียงไม่ใคร่แน่ใจ“มาดามโจนส์แห่งปารีสเพรสน่ะเหรอครับ?”“อืม...ใช่...ขอด่วนด้วยนะ บอกหล่อนไปนะว่าฉันมีข่าวเด็ดสะเทือนปารีสจะให้ฟรี!!”เซดริกพูดไปยิ้มไป การยืมมือสื่อคือการดัดหลังพี่ชายได้อย่างชะงัด แถมมาดามแลงก้าก็ไม่กล้าโวยเพราะพี่ชายเขากับมารดารักหน้าตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด“ครับ” หลุยส์แม้จะงงแต่ก็รีบรับคำคนภายนอกมองเซดริกเป็นพ่อพวงมาลัย เขาไม่หนักแน่นดั่งเช่นพี่ชาย แต่หารู้ไม่...บุรุษผู้น้องนี่ล่ะตัวดี เขาเจ้าแผนการมากเล่ห์เหลี่ยม การเสี้ยมให้สองฝ่ายชนกันนั้นเซดริกถนัด แต่เขาก็รักพี่น้องไม่แพ้คนอื่นๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เซดริกลงมือทำมั่นใจได้ว่าเป็นเรื่องดีไม่เกิน1ชั่วโมงก็อตซิปชื่อดังของปารีสก็รีบสลัดงานรัดตัวทิ้ง บึ่งหน้าตั้งม
“อย่าเดาส่งเดชว่ะ แกไม่รู้หรอกว่าฉันคิดอะไรอยู่...อย่าแส่!”เสียงตวาดขุ่นขวาง ดวงตาคมดุลุกโพลง...อารมณ์เดือดพล่านปานลาวาปากปล่องภูเขาไฟ พร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่งหากเกิดความไม่พอใจขึ้นมา...“โอ๊ะโอ!”เซดริกคอหด เขางอตัวลงและเบียดตัวเองกับเก้าอี้นั่ง ทำเหมือนกับว่ากลัวฤทธิ์เดชของแวซ็องเสียหนักหนา...แต่แววตาของหนุ่มรุ่นน้องกับเต้นระริก เหมือนกำลังขำขันอะไรบางอย่าง แววตาของเซดริกเปล่งแสงระยิบ เหมือนกับรู้ว่าสิ่งที่พี่ชายกำลังกังวลคือเรื่องอะไร?รอยยิ้มรู้ทันที่ผุดขึ้นมุมปากของน้องชาย แวซ็องต้องรีบเบือนหน้าหนี พร้อมกับรีบสะกดอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเองให้สงบลงโดยไว ก่อนที่ความจะแตก...และถูกกระแหนะกระแหนไปอีกนานแสนนาน“นายคิดอะไรกับหล่อนงั้นสิ?”อาการพี่ชายแปลกๆ เซดริกจึงอดถามไม่ได้แวซ็องหันขวับรู้สึกเหมือนงูพิษ ถูกตีที่ขนดหาง แววตาของเขาลุกโชน ก่อนจะมีเสียงกระซิบแหบแห้งดังตามมา “อย่าแส่เซดริก!! แกไม่รู้ตัวใช่ไหม...ว่าพูดอะไรออกมา”ผู้อ่อนอาวุโสกว่าไหวไหล่ เขาเบ้ปากก่อนตอบเสียงแข็ง “
แหงนเงยใบหน้ายอมรับรสจุมพิตแสนรัญจวน ที่ทำให้เธอหลงเคลิบเคลิ้ม เสนอสนองตอบรับรสจูบแสนหวานนั้น ไม่คิดแม้แต่จะต่อต้านหรือผลักไส แพขนตางามงอนหลุบปิดลง...ยอมแพ้อย่างราบคาบ ยอมศิโรราบให้แก่พายุสวาทหวานหวามที่พัดพาให้เธอล่องลอยไปยังดินแดนในห้วงฝัน“เมจ๋า ฉันไม่เคยจูบใครแล้วชื่นใจเหมือน...เมสักคน”เสียงแผ่วปร่ากระซิบบอกชิดริมหู หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับและครางสะอื้น เมื่อชายหนุ่มเริ่มปลุกปั่นเธอจนแทบจะดิ้นพล่านเพราะความซ่านสยิวเสียงครางแผ่วๆ ผสมกับเสียงหอบหายใจแรงๆ เมื่อคนทั้งคู่จมดิ่งในกองไฟแห่งความปรารถนา...กลิ่นเหงื่อเค็มๆ ลอยฟ่อง! กลิ่นคาวของความรัก แผ่กระจาย เสียงครางหวานแหลมทวีความดังขึ้น ทุกช่วงจังหวะที่เจ้าของร่างใหญ่ถาโถมเข้าใส่ เงาร่างกลางแสงสลัวๆ ที่แยงผ่านรอยแตก จึงมองเห็นเพียงร่างขาวโพลนโอบรัดกันแนบแน่นเหมือนดั่งเช่นสัตว์โลกทั่วไปที่กำลังเสพสังวาสกัน เพียงแต่ความมหัศจรรย์พันลึกของมนุษย์เป็นอะไรที่สุดจะหยั่งถึง มีความดุดันและอ่อนหวานอยู่ในที่ที่เดียวกัน...เพียงแค่มองเห็นผ่านตาแวบๆ ก็ชวนให้หัวใจกระเส่า ขนกายลุกซู่...เมวิกาแทบจะแดดิ้น
ระหว่างที่หญิงสาวยังลังเลอยู่ แวซ็องเองเป็นฝ่ายรอไม่ไหว เขารั้งเธอเขามาในวงแขนและมอบจุมพิตหวานฉ่ำให้หล่อนเสียเอง ทั้งสองคนหลงเพลิดอยู่ในห้วงปรารถนา จนร่ำๆ จะเกินเลย เมื่ออารมณ์พาไป มือใหญ่เคลื่อนที่เหมือนงูเลื้อย...ลูบคลำหญิงสาวด้วยใจพิศวาส“พอค่ะ พอนะคะ!!”เมื่อริมฝีปากร้อนผ่านเคลื่อนที่ลงต่ำๆ เมวิกาจึงมีเวลารวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงไป กลับคืนมาทัน เธอวิงวอนเขาเสียงหวานพร่า จนชายหนุ่มต้องยอมอ่อนให้...เขายังมีเวลาเหลือ ครั้งนี้เขาจะปล่อยเธอไปก่อน แต่หลังจากนั้นเธอจะต้องกลับมาชดเชยให้ เขาเกินคุ้ม!!“ได้เลยเม...รีบไปรีบกลับนะ ฉันรออยู่”ชายหนุ่มเอ่ยย้ำ เขายอมรามือให้ ปล่อยเธอออกไปทำงานเฉกเช่นคนอื่นๆเมวิกาลนลานก้าวลงจากเตียง เรียวขาเพรียวสั่นระริก...มันอ่อนแรงเสียแทบจะทรงตัวไม่อยู่“ให้ช่วยไหมทูนหัว”เสียงกระเซ้าของผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียง แววตาของเขาเต้นระริก มันฉ่ำเยิ้มจนเธอผวา กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ก้าวออกจากห้องพัก หากเธอหันหลังกลับแล้วถลาเข้าหาอ้อมแขนแข็งแรงนั่นอีกครั้งหญิงส
ชายหนุ่มวางถุงอาหารมื้อเช้าไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ข้างที่นอน เขาหย่อนตัวลงนั่งพร้อมทั้งรวบกอดเมวิกาไว้ในอ้อมแขน... “นึกว่าฉันชิ่งไปแล้วสินะ?” ชายหนุ่มพูดกลั้วเสียงหัวเราะ มันยังไม่ถึงเวลานั้นสักหน่อย ตอนนี้เขากำลังหลงเมวิกาหัวปัก จะให้ทิ้งเธอไปตอนนี้เสียดายแย่...“...” ไม่มีเสียงตอบกลับแต่ร่างอวบอุ่นซุกตัวในอ้อมแขนของเขา เธอสอดมือโอบรัดรอบเอว เหมือนลูกนกที่หลงรังฝากตัวกับผู้ปกครองคนใหม่“หึๆ” ชายหนุ่มโยกตัวไปมา ปลอบประโลมหล่อน “แบบนี้คิดว่าจะมีแรงไปทำงานไหมล่ะ...เครื่องฉันร้อนง่ายเธอก็น่าจะรู้นะเม” เสียงของแวซ็องแหบปร่า...เขาซุกใบหน้ากับพวงผมยาวสยาย สูดกลิ่นหอมๆ ปนกลิ่นเหงื่อจางๆ ของเธอจนชุ่มปอด...หญิงสาวรีบผลักอกของเขาแรงๆ แต่เหมือนจะช้าไป ไฟปรารถนาของแวซ็องถูกจุดขึ้นมาเสียแล้ว เมื่อกลิ่นหอมหวานลอยยั่วเย้าอยู่แค่ปลายจมูก“โทร. ลางานได้เลยจ้ะ เพราะเธอหมดแรงยืนแน่ๆ”ชายหนุ่มกระซิบบอกชิดริมใบหู เขาผลักเมวิกาจนหงายหลังพร้อมกับโถมเข้าใส่ โดยที่เมวิกาทำได้แค่กะพริบตาปริบๆ เพราะไม่เคยห้ามได้หากแวซ็องเ







