 LOGIN
LOGIN“ฝากเธอไว้ได้ไหมล่ะ?” ชายหนุ่มลองหยั่งเชิงหากเมวิกาเป็นคนหิวเงินเธอคงรีบกระโจนใส่
“ไม่เอา!!” เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ฉันกลัวหาย...แล้วไม่มีปัญญาหามาใช้คืนด้วย...มันเยอะเกินไป”
หญิงสาวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เธอส่ายหน้าจนผมกระจาย
“คุณรักษามันไว้ดีๆ ล่ะ”
หญิงสาวเตรียมหมุนตัวหนี
“ถ้าฉันจะอยู่อีกสักพัก...รอจนกว่าญาติจะมารับเธอคิดว่าไง?”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมีแต่น้ำเสียงเฉยชาตอบกลับมา
“มันแล้วแต่คุณ! ฉันไม่เกี่ยว”
หล่อนรีบเดินกลับเข้าห้องตัวเองไม่สนใจเงินเยอะๆ ที่หล่อนพูดถึงสักนิด นอกจากไม่สนใจเงินแล้วหล่อนไม่สนใจเขาด้วยนี่สิ มันทำให้หนุ่มเสน่ห์แรงเคือง!! หากแวซ็องคิดจะเด็ดปีกความผยองของหล่อนให้สมกับฉายา 'นักล่ามือทอง' เขาไม่ผิดใช่ไหม? ก็เมวิกายั่วยุให้สัญชาตญาณนักล่ามือฉมังของเขาตื่นเพลิดขึ้นมาเอง...มันช่วยไม่ได้
ชายหนุ่มเดินอ้อมไปหาป้าเจ้าของบ้าน ตอนนี้เขามีเงินทุนสำหรับการลวงล่อเมวิกา หล่อนไม่สนเงินเขาก็จะใช้อย่างอื่นแทน
เริ่มต้นที่ ‘ร่างกาย’ โดยเฉพาะดวงตา
แวซ็องจำได้ดี เขาเคยมองจนฝ่ายตรงข้ามละลายมาแล้ว นับประสาอะไรกับผู้หญิงอ่อนเดียงสาคนหนึ่งอย่าง ‘เมวิกา’ หล่อนไร้เดียงสาจนเขาได้กลิ่นบริสุทธิ์
“อ้าว...มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ? พ่อฝรั่ง”
นางรีบตะโกนถาม เมื่อผู้ชายแปลกหน้าคนเดิมเดินดิ่งตรงมาหา
แวซ็องส่งยิ้มให้ “ห้องพักยังพอมีเหลือไหมป้า?”
ชายหนุ่มพยายามสื่อสารเท่าที่ตัวเองพอทำได้และอีกฝ่ายเข้าใจ
สาวใหญ่ยังงงๆ แต่เมื่อชายหนุ่มพยายามพูดซ้ำ นางจึงเข้าใจ และรีบพยักหน้ารับ
“มีสิ...แต่ไม่กลับบ้านเหรอไงล่ะ?”
“รอคนมารับน่ะ” หากพากันสังเกตจะมองออกว่าชายหนุ่มพยายามวางตัวเหินห่าง เขาพูดไม่มีหางเสียง แต่เพราะเป็นคนต่างชาติที่พยายามพูดจึงถูกละเลยเรื่องนี้ไป
ห้องพักเก่าๆ สีซีดไม่พอ สีที่ทาไว้ยังกะเทาะล่อนเป็นรอยด่างทั่วทั้งผนังและฝ้าเพดาน หนุ่มติดหรูไฮโซตัวพ่อบิดมุมปากจนเบี้ยว เขาใช้ปลายเท้าเขี่ยฟูกนอนเก่าจนราขึ้นที่ผืนผ้า เพราะการผ่านช่วงเวลาแสนนานมาด้วยความรังเกียจ มันก็สมราคาสำหรับห้องพักแสนกระจอกในราคา1500 บาท สำหรับชายหนุ่มมันคือเศษเงิน แต่สำหรับคนอื่นๆ อีกหลายคนมันออกจะแพงไป
แวซ็องอยากโวย!!
เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องข่มใจทน...ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ ข่มกลั้นความไม่พอใจไว้ข้างใน
“พออยู่ได้ไหมล่ะ...เก่าไปสักนิดแต่ฉันก็คิดไม่แพงนะ”
ชายหนุ่มกัดฟันพูด “ได้...ถ้าจะช่วยเอาไอ้นั่นไปโยนทิ้งให้ด้วยล่ะก็ ฉันจะจ่ายล่วงหน้า3 เดือน” ชายหนุ่มชี้ไปที่ที่นอนที่ไม่ต่างอะไรกับกองเชื้อโรค เขาสุดกลั้นจริงๆ เมื่อมันอาจจะทำให้เขาคันคะเยอหากทิ้งตัวนอนบนนั้น
“ได้ไง...แล้วจะนอนตรงไหนกัน มันยังดีๆ อยู่เลย” นางพยายามท้วง ที่นอนเก่าก็จริงแต่สภาพยังพอนอนได้เอาผ้าสะอาดมาคลุมทับแค่นั้นก็ดูดีขึ้นมาล่ะ
ดวงตาคมดุหลุบลง เขาผ่อนลมหายใจช้าๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองโวยขึ้นมาจริงๆ เขากำลังของขึ้น “เดี๋ยวซื้อใหม่และฉันจะไม่นำมันกลับไปด้วย ช่วยเอาไปทิ้งไกลๆ ก็แล้วกัน” ข้อเสนอน่าสนใจ นางมีแต่ทางได้จึงพยักหน้าตกลง และรีบออกไปหาคนมาช่วยยกที่นอนออกไปตามความต้องการของเจ้าของห้องคนใหม่
ห้องเงียบกริบ เมื่อไร้เงาสิ่งมีชีวิต ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมดกหนา เขาบ่นพึมด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง “กูมาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ว่ะ”
นั่นสิ! เขามามัวทำอะไรอยู่ที่นี่ การซ่อนตัวจากดิดิเย่ร์ไม่ได้ทำยากเย็นเลย มีเงินก็สามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง ต่อให้มันจ้างพระเจ้า เขาก็จะจ้างพญามัจจุราชบังตา...แต่เขามัวมางมอะไรอยู่ที่นี่ เป็นผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องเป็นเมวิกาด้วยล่ะ!
ยัยนั่นมีอะไรดี? ...ทำไมต้องกระเหียนกระหือรือจะต้อง ‘ฟัน’ หล่อนให้ได้
แวซ็องย้อนถามตัวเอง เขาไม่เข้าใจตัวเองเท่าไรหรอก จะต้องมาทนอึดอัดลำบากใจอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร?
“คิดว่าจะอยู่ได้เหรอ?”
เสียงถามหวานจับจิต เสียงคนคุ้นๆ ที่เขาไม่คิดว่าหล่อนจะใส่ใจ
“ก็ไม่แน่ใจนะ”
ชายหนุ่มตอบตามจริง เขาหมุนตัวกลับมาพร้อมกับรีบกลืนน้ำลายลงคอ...หิว!! ท้องเขาร้องโครกครากเมื่อในมือของเมวิกามีจานข้าว เธอทำอาหารตอนไหนหว่า? กลิ่นของมันชวนกินมาก...อาจจะเป็นเพราะเขาหิว หรือไม่ก็คนเอามาให้ถูกใจ!
“คิดว่าคุณยังไม่กินข้าวเลยทำเผื่อ...” หญิงสาวยื่นจานข้าวให้ ไม่มีอะไรมากแค่ข้าวผัดผักเหลือๆ ใส่ไข่ใส่หมูพอให้มีคุณค่าทางอาหารเพิ่มขึ้น ไม่ได้หรูหราอะไรเลย
“ขอบใจ” ชายหนุ่มรับจานมาถือเขายิ้มแผล่ “ไม่มีแม้แต่โต๊ะนั่งกินข้าว อยากได้ของใช้หลายอย่างแต่คิดว่าไม่จำเป็นเมื่อฉันคงอยู่ไม่นาน...พอแนะนำได้ไหม...ว่าควรซื้ออะไรดี” ชายหนุ่มถามความเห็น เขาคงอยากให้เธอมีส่วนร่วม เมวิกาหมุนตัวกลับเธอพูดลอยๆ “เงินคุณมีเยอะแยะ จะเสียดายทำไมล่ะ”
แวซ็องแสยะยิ้ม หล่อนตีตัวออกหากทันตาเห็น “ก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี ไม่รู้จะซื้อที่ไหนด้วย...” ชายหนุ่มแสร้งโอดครวญ...
“ที่ตลาดมีทุกอย่างที่คุณต้องการ หากในกระเป๋าของคุณมีสตางค์”
หญิงสาวเดินต่อ เธอไม่ยี่หระหรอกหากเขาจะไม่พอใจ สิ่งที่เมวิกาควรทำ คือการอยู่ห่างๆ เขา เมื่อกลิ่นอันตรายร้องเตือนเสียงดังกระหึ่มในหัวของเธอ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดสั่งให้เธอทำเช่นนั้น...
ชายหนุ่มเดินตาม...หญิงสาวเหลียวกลับมามอง ก่อนจะรีบเบือนหน้าหลบ พร้อมกับก้าวเท้าให้เร็วขึ้น
เธอรีบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องพักตัวเอง เป็นทางเดียวที่แวซ็องยังฝ่าเข้าไปไม่ได้ ชายหนุ่มหยุดมองประตูห้องพักที่ปิดสนิทนิ่งๆ แล้วจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ทรุดนั่งบนแคร่ตัวเก่า แบ่งข้าวในจานให้ไอ้ตูบกินด้วย
“ดิเย่ร์มากินซะ...แบ่งกันกินนาโว้ย” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะสุนัขแสนรู้...เขาตักข้าวใส่ปากพลางเหลือบมองกระจกบานเกล็ด...ตรงจุดนั้นมีเงาคนรางๆ ยืนมองอยู่ มุมปากกระตุกยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น...
“พรุ่งนี้แกจะกินไก่อีกไหม...ฉันจะออกไปซื้อของ...แกไปกับฉันไหมล่ะ ฉันไม่มีเพื่อนแกก็รู้” พูดกับหมาแต่ทำไม? เมวิการู้สึกเหมือนถูกว่ากระทบ เธอแอบเบ้ปาก รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มีทางมองเห็น อดหมั่นไส้เขาไม่ได้จริงๆ ขนาดสุนัขอดโซยังหลงใหล...เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ชั่วโมง...ไอ้ตูบก็แปรพักตร์...หันไปสวามิภักดิ์คนแปลกหน้าเสียแล้ว ‘ไอ้เห็นแก่กิน!’
“ชิ!” หญิงสาวสะบัดหน้าให้ เธอคว้าผ้าขนหนูขึ้นพาดบ่า เพื่อจะอาบน้ำอาบท่าให้คลายร้อน เตรียมตัวนอนดีกว่า ไหนๆ ก็ได้หลับยาวๆ สักคืน
หญิงสาวพึ่งฉุกใจ เขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เมื่อมันมีขนาดใหญ่ขึ้นไม่คับติ้วเหมือนกับตอนเช้าที่เธอเห็นครั้งแรก
แวซ็องส่ายศีรษะ แม่สาวน้ำแข็งใจแข็งยิ่งกว่าหิน ไม่สนใจขนาดเขาเดินตามมาอ่อย...หากมัวตามตอแยหล่อนอยู่แบบนี้คืนนี้เขาคงได้นอนตากยุงกับนอนบนพื้นสกปรกเหมือนเดิม ชายหนุ่มรีบกิน...มีอีกหลายอย่างที่ควรทำ เขาเดินกลับไปที่ห้องพัก หลังจัดการข้าวในจานจนหมด แทบจะเลียจานเลยหากไม่รู้สึกน่ารังเกียจเกินไป
“หาคนทำความสะอาดห้องพักให้ฉันด้วยได้ไหมป้า...” เขากลับมาทันเวลา สาวใหญ่กำลังเกณฑ์คนยกที่นอนสุดโทรมออกไปจากห้อง
“ได้สิ...ว่าแต่จะไปไหนล่ะ?” ความสอดรู้อันเป็นนิสัยประจำตัวทำให้นางอดใจไม่ไหว เผลอตัวถามไปอีก
ชายหนุ่มยิ้ม “ว่าจะไปหาซื้อที่นอนแล้วก็เครื่องใช้บางอย่าง...มีร้านพอจะแนะนำได้ไหมล่ะ”
นางยิ้มกว้าง...พร้อมกับรีบจูงมือชายหนุ่ม ปากก็ร้องตะโกนเรียกใครบางคน “เขียวๆ เขียวโว้ย...กวาดห้องถูห้องนี้ให้หน่อย...เขาจ้าง เดี๋ยวกลับมาจ่ายค่าแรง...” ผู้หญิงหน้าตอบผมสีน้ำตาลอ่อนโผล่ออกมาจากห้องพักหลังริมสุด เธอยิ้มให้ชายหนุ่มแปลกหน้า “ได้ป้า...แค่กวาดกับ ถูเหรอ?”
“เออสิวะ...ห้องแค่นั้นจะทำอะไรได้ ล้างห้องน้ำให้ด้วยก็จะดี”
นางสั่งเสียงขุ่น ตวัดค้อนให้เมื่อมองเห็นสายตาของหญิงสาวทอดมองเลยไปทางด้านหลัง “อีนี่ไม่เข็ด...ยังคิดจะอ่อย สภาพยิ่งกว่าผีตายซาก” นางบ่นอุบ เขียวเป็นหญิงหม้าย ส่วนมากสามีทิ้งและมีลูกเป็นโขยง...อายุไล่เลี่ยกัน จนนางระอา
“จ้าป้า...”

“ดีๆ ฉันจะได้มีหลานเต็มบ้านไงสกาเล็ต” นางพูดพร้อมกับหัวเราะ “พาฉันไปนอนเถอะ อยู่ตรงนี้เดี๋ยวจะพลอยตาเป็นกุ้งยิง หนุ่มสาวสมัยนี้ชอบเล่นอะไรแผลงๆ”ดีนะที่มาดามแลงก้ารีบกลับเข้าไปด้านในเสียก่อน ไม่อย่างนั้นนางคงได้เห็นภาพสวีทหวานของเซดริก กับรำเพยเป็นแน่“ปล่อยค่ะคุณ!!” รำเพยกระโจนหนีออกมาจากห้องนอน หมู่นี้เซดริกไม่รู้เป็นอะไร เขากินจุบจิบ...ไม่เลือกเวลา และเธอเหนื่อยเพลียเกินกว่าจะทนไหวชายหนุ่มย่างสามขุมเข้าหาหญิงสาว ดวงตาของเขาพราวฉ่ำด้วยไฟปรารถนา จนรำเพยขนลุก ขนชัน!!“จะหนีไปไหนจ๊ะ ไม่รอดหรอก” เสียงแหบปร่าเพราะความปรารถนารุมเร้า“เซดริก รำเพยไม่ไหวแล้วนะคะ คุณจะหื่นไปถึงไหน?” หญิงสาวต่อว่าเสียงอุบอิบ ผิวแก้มร้อนฉ่า เพราะรู้ความนัยในสายตาของเขาดี“ไม่ดีเหรอไง...เธอก็รู้นะรำเพย ฉันกลัวไม่ทันพี่ชาย” ชายหนุ่มหอบหายใจแรงๆ ความปรารถนาอัดแน่นในอกจนแทบระเบิด มันเกิดขึ้นกับแม่สาวตัวเล็กนี่คนเดียว แค่อยู่ใกล้ๆ เขากลายเป็นคนบ้าพลังเต็มขั้น อยากจะฟัด!! อยากจะจับหล่อนฟาดแทนอาหาร จะล
บทที่20.ความรักเพรียกหา...แวซ็องสวมกอดเมวิกา มือของเขาวางอยู่บนหน้าท้องนูนนิดๆ ของเธอ พลางลูบไปมาเพื่อสัมผัสหนึ่งชีวิตเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในนั้น“ชีวิตคู่ของเรา จะรอดหรือไม่? ไม่ได้อยู่ที่คนภายนอกเลย มันขึ้นอยู่ที่ตัวเราสองคน ฉันสัญญานะเม...ฉันจะรัก และซื่อสัตย์กับเธอเพียงคนเดียว จะไม่ยอมให้อดีตย้อนกลับมาทำร้ายเราสองคนเด็ดขาด”มันไม่ใช่เพราะอารมณ์พาไป จนเขาอยากบอกรักเมวิกา แวซ็องมั่นใจว่า เขาสามารถบอกรักเธอได้ทุกๆ วันเมื่อแน่ใจว่าในหัวใจของเขา มีหญิงเดียวแค่นั้น คือ...เมวิกาเพียงผู้เดียว“เมเองก็ด้วยค่ะ เมจะจงรักภักดี และจะพยายามฝึกตัวเองให้เหมาะสมกับคุณ โดยไม่มีใครกล้าแย้ง หรือกังขา” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกกว้างของสามี พลางพึมพำตอบ เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยทุกครั้ง หากได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา“ไม่จำเป็นเลยเม...แค่เป็นเมเหมือนทุกวัน เท่านี้ก็พอแล้ว” ชายหนุ่มโยกตัวช้าๆ เขาคลี่ยิ้ม เมวิกาไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งเพิ่ม หล่อนมีดีในตัวเอง และเหมาะที่จะเคียงข้างเข
มาดามแลงก้าเห็นด้วย นางใส่ชุดพวกนี้ทีไร ต้องนอนซมเป็นอาทิตย์เพราะร่างกายอ่อนล้า ไม่รู้เป็นอะไรสิเล่า พอจัดงานราตรีใหญ่ๆ ก็มักจะขนชุดแบบนี้มาอวดประชันกัน สวยก็จริงแต่หนักเกินกว่าคนอายุมากจะทานไหวเมวิกากับรำเพยหันหน้ามายิ้มให้กัน...สองสาวผุดลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับเดินมาหยุดตรงหน้ามาดามแลงก้ารอยยิ้มสนุกๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก งานนี้มาดามโจนส์ได้ภาพข่าวมาประโคมให้ลั่นเมืองแน่...“คุณแม่เคยเดินชมร้านรวงแถวๆ นี้ทั้งหมดบ้างไหมคะ?”มาดามแลงก้าขมวดคิ้ว นั่นสิ นางไม่เคยเดินเที่ยวชมแฟชั่นบนถนน…นานมากแล้วสิ!!ชองป์เอลิเซ่!! ได้รับขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก เป็นถนนในเขตที่ 8 ของกรุงปารีส เป็นย่านการค้าที่ประกอบด้วยโรงละคร ร้านค้าเสื้อผ้าหรูหรา สองข้างทางมีต้นเซสนัดปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ภาพบรรยากาศเก่าย้อนเข้ามาในความคิด สมัยสาวๆ นางไม่เคยพลาดที่จะเดินย่ำเท้าเพื่อสอดส่องหาเสื้อผ้าสวย สไตล์แปลกตามาสวมใส่ นางเลิกทำแบบนั้นไปตั้งแต่ตอนไหนกัน? มาดามแลงก้ายิ้มกว้าง...นึกสนุกขึ้นมาเมื่อตามความคิดของว่าที่ศรีสะใภ้ทั้ง2คนทัน&ldquo
มาดามแลงก้าไม่ได้แจงบอกความต้องการจริงๆ สองสาวนี่ไม่เสียแรงที่นางสั่งสอน...รถยนต์ประจำที่มาดามแลงก้าใช้ยามออกไปภายนอกบ้าน จอดเทียบหน้าโถงประตู นางเดินนำสองสาว มีสายตาของเหล่าบริวารแอบมองและคอยลุ้นระทึก!!ร้านตัดเสื้อเจ้าดัง!! ได้ต้อนรับการมาเยือนของมาดามแลงก้า พร้อมกับหญิงสาวสองนาง ที่ความงดงามไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แม้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแสนจะธรรมดา แต่ออร่าของสองสาว ก็ยังผ่องจนมิสซิสแองเจลีต้องรีบถลาเข้ามาต้อนรับด้วยตัวเอง!!“อุ้ยตาย!! มาดาม มีอะไรให้แองเจลีรับใช้คะ” มีใครบ้างในปารีสไม่รู้จักมาดามแลงก้า หล่อนร่ำรวยและมีลูกชายสุดหล่อ2 คน ผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนในปารีสอยากเสนอตัวให้ ไม่เว้นแม้แต่ตัวมิสซิสแองเจลีเอง“มาดูชุดราตรีสำหรับงานกลางคืนน่ะ”มาดามแลงก้าตอบอย่างไว้ตัว นางคลี่พัดเล็กๆ ในมือขึ้นโบกพัดลมให้ตัวเอง เมื่อสายตาของมิสซิสแองเจอลีเขม้นมองอย่างจริงจัง...เจ้าของร้านหรูขมวดคิ้วแน่น นางแหล่มองสองสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไม่มีการแนะนำตัวในสถานะของสองนาง แต่มิสซิสแองเจลีแ
“แหนะๆ ยังจะคุณท่าน ฉันได้ยินอีกครั้ง...ฉันจะถือว่าหล่อนรังเกียจฉันนะย่ะ” มาดามแลงก้าสอดเสียงแข็ง แม่สะใภ้คนโตแสนเจียมตัว ยังเรียกนางด้วยสรรพนามเดิมๆ นับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเมวิกายิ้มแหย...แต่สามีหนุ่มเกือบหัวเราะบทนางพญาจะยอมลงให้ ก็ลงเสียง่ายๆ ทั้งที่ต่อต้านมาตั้งนานสองนาน“ชิ!! แกกำลังนินทาแม่ในใจ ...ไม่ต้องมาเถียงแม่มองตาแก...ก็รู้แล้ว” นางหันไปว่ากระทบบุตรชาย เพราะแววตาของแวซ็องพราวระยิบระยับ“โธ่!! แม่ครับ...ใครจะกล้า”“อย่ามาทำเป็นปากดีหน่อยเลย...ทั้งแกแล้วก็ไอ้แสบนั่น ล้วนแล้วแต่ชอบขัดใจและก็ตะแบงเถียงฉัน”สองหนุ่มลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปทรุดนั่งเบื้องหน้ามาดามแลงก้าพร้อมกับก้มลงกราบที่ตักของนาง“ผมรักแม่ครับ...แต่บางอย่างที่ผมขัดคำสั่งแม่ เพราะผมจนใจจริงๆ” แวซ็องรีบกล่าวแก้ มีเรื่องเดียวที่เขาขัดคำสั่งมารดา คือเรื่องของเมวิกา“ถึงผมจะเถียงกับแม่บ่อยๆ แต่ผมก็ยังรักแม่เหมือนเดิม...ไม่เคยเปลี่ยนนะครับ”เซดริกรีบแย้ง!! เขายิ้มเผล่ก่อนที่จะก้มกราบบนตั
บทที่19.นางพญายอมยกธงมาดามแลงก้านั่งนิ่งๆ นางตรึกตรองเรื่องของศรีสะใภ้ทั้งสองอีกครั้ง ต่อให้นางต่อต้านหัวชนฝา...ไอ้ลูกชายหัวดื้อทั้งสองคนก็คงไม่ฟัง...เหมือนเดิม...เมื่อเธอเลี้ยงบุตรชายทั้งคู่มาด้วยสองมือตัวเอง...มีหรือจะไม่รู้ใจไอ้ตัวแสบ เห็นๆ อยู่ว่าทั้งสองคน ‘รัก’ เมียจนหน้ามืด ทางที่ดี...นางควรคล้อยตามและหาทางแก้ทีหลังมันคงไม่ทำให้ ‘ออกัสตัส’ ล่มจมหรอกมั้ง!!แค่ยอมรับลูกสะใภ้ต่ำศักดิ์เข้ามาในตระกูล!!อีกอย่างมีลูกสะใภ้หัวอ่อนมันก็ดีอีกแบบ...นางจะได้ควบคุมได้...ไม่ปวดหัวเพราะความมากเรื่อง...มองๆ ดูแล้วศรีสะใภ้ทั้งสองคน ออกจะรักและเทิดทูนบุตรชายของนางเป็นอย่างดี...แบบนี้คงไม่ยากหากจะขัดเกลาเสียใหม่...เอาให้หาข้อติไม่ได้เวลาพาออกงานในสังคม...เพื่ออนาคตตอนที่สองนางเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ สองสาวจะเป็นหลังบ้านที่มั่นคง เข้มแข็ง สามารถประคับประคองครอบครัวไปได้ตลอดรอดฝั่ง...“มันก็ดีกว่าลูกท่าน หลานเธอ ที่เห็นๆ อยู่แหละน่า ถึงจะมาจากตระกูลสูง...แต่มารยาทไม่ไหว”มา








