ห้องประชุมชั้น 58 ของราเมียส กรุ๊ปเงียบกริบเสียจนได้ยินเสียงพลิกหน้ากระดาษ
อลิสแตร์นั่งหัวโต๊ะในชุดสูทเข้ารูปสีดำสนิท เนกไทด์ผูกเรียบ มือวางอยู่บนเอกสารตรงหน้า ในขณะที่สายตาคมสีเทาเหยียบเย็นกวาดมองทั่วโต๊ะอย่างไม่ละสาย
ฝั่งตรงข้ามคือผู้จัดการแผนกการตลาด แผนกสินทรัพย์ และผู้บริหารสาขาหลายประเทศที่กำลังเหงื่อตกอยู่ในเก้าอี้ตัวหรู
คิมหันต์เดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมแฟ้มข้อมูลชุดใหม่ วางลงตรงหน้าประธานก่อนจะกระซิบเบา ๆ
“อันนี้ตัวเลขเดือนก่อนครับ รายการหายไป 2% จากคาดการณ์ในอินเดีย และเกาหลีใต้”
อลิสไม่ตอบอะไรทันที เขาเพียงแค่เปิดแฟ้ม ปลายนิ้วไล่ผ่านตัวเลขเรียงอย่างช้า ๆ จนกระทั่งหยุดที่บรรทัดหนึ่ง
เพียงแค่เขาเงยหน้าขึ้น—บรรยากาศทั้งห้องก็เหมือนหยุดหายใจ
“คุณลี…”
เขาเอ่ยชื่อซีอีโอฝั่งเกาหลีอย่างเฉียบขาด
“ในไตรมาสที่แล้ว คุณรับปากผมเรื่อง Conversion Rate ว่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 18% …แต่ที่ผมเห็นคือ 12.6%”
เสียงเขานิ่ง แต่ทุ้มต่ำจนสั่นสะเทือนในอก ลลิลที่นั่งอยู่ด้านหลังซ้ายของเขาเงยหน้าจากไอแพดทันที เธอกำลังจดทุกคำที่เขาพูด แต่หัวใจดันเต้นแรงกับ ‘พลังควบคุมทุกอย่าง’ ของชายตรงหน้ามากกว่า
“มันไม่ใช่เรื่องแปลกครับท่านประธาน...สถานการณ์ตลาด—”
ผู้บริหารเกาหลียิ้มเกร็ง
“ผมไม่ซื้อข้ออ้างจากสถานการณ์”
เสียงของอลิสตัดคำอย่างไร้เยื่อใย
“ผมซื้อ ‘ความรับผิดชอบ’ …และถ้าคุณไม่มีมัน ผมจะหาคนที่มีมาแทนคุณ”
เงียบ
แม้แต่เสียงแอร์ก็เหมือนเบาลง
ลลิลเผลอกลืนน้ำลาย เหงื่อเม็ดเล็กเกาะขมับ เธอพยายามพิมพ์บันทึกประชุมต่อ แต่ดันหลุดคิดในใจขึ้นมาว่า...
‘...นี่เหรอ ผู้ชายที่ควบคุมทุกอย่างด้วยคำพูดเดียว’
อลิสแตร์ยังคงประชุมต่อไปอย่างไร้ความปรานี ทุกการถามเจาะเหมือนมีมีดตัดฉากโกหกออกเป็นชิ้น ๆ จนไม่มีใครกล้าขยับตัวเกิน 5 องศา
คิมหันต์ทำหน้าที่เหมือนมือขวาที่รู้ใจ รวบเอกสาร วางข้อมูลเสริม ส่งสัญญาณทางสายตาอย่างเงียบ ๆ
บางครั้งเขาเอียงหน้ามองลลิลอย่างพินิจ ก่อนจะยกยิ้มเล็ก ๆ แบบคนที่มีความลับอะไรบางอย่าง
เมื่อการประชุมจบลงในอีก 40 นาทีให้หลัง อลิสแตร์ลุกจากเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ขณะเดินผ่านลลิลเขาปรายตามองเล็กน้อย เขาก้าวพ้นประตูห้องประชุมออกไปเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
ลลิลกำลังจะลุกขึ้นตาม คิมหันต์เอ่ยเสียงเรียบจากด้านหลัง
“บอสให้คุณตามไปที่ห้องชั้นบนครับ”
“คะ?”
“ตอนนี้เลยครับ” เขายิ้มเล็กน้อย แต่แววตาไม่ใช่เล่น
...
ภายในห้องทำงานส่วนตัวของอลิสแตร์
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้ซีดาร์และกระดาษใหม่ยังอวลอยู่ในอากาศ
ลลิลยืนตรงประตู มือถือไอแพดไว้แน่นแนบกับตัวราวกับมันจะช่วยป้องกันได้ อลิสแตร์ยืนหันหลังให้เธอ มองวิวตึกสูงผ่านกระจกแบบไม่หันมามอง
เสียงเขานุ่มลึกก็จริง แต่ไม่เปิดโอกาสให้ลลิลคัดค้าน
“เตรียมตัวให้พร้อม เย็นนี้เราจะเดินทางไปภูเก็ต”
“คุณต้องติดตามผมไปพบคู่ค้า และเซ็นสัญญาภาคสนามกับ The Leviathan Group”
ลลิลเผลอกะพริบตา
“ไปภูเก็ต...คืนนี้เลยเหรอคะ?”
เขาหันมาช้า ๆ ดวงตาสีเทาคมกริบคู่นั้นจ้องเธอเหมือนจะอ่านทุกอณูบนใบหน้า
“มีอะไรที่คุณไม่เข้าใจ?”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ...” เธอส่ายหน้าน้อย ๆ พยายามตั้งหลัก
อลิสแตร์เดินเข้ามาใกล้อีกนิด หยุดอยู่ตรงหน้าเธอในระยะที่ลมหายใจของเขาแทบจะรินรดใบหน้ากัน
นิ้วเรียวยาวหยิบแฟ้มเอกสารจากมือเธอ แล้วโน้มหน้าต่ำลงนิด...จนสายตาอยู่ระดับเดียวกัน
“เลขาส่วนตัวของผม...ต้องพร้อมเสมอ ไม่ว่าในห้องประชุม หรือบนเครื่องบินส่วนตัว”
คำว่าส่วนตัวถูกเน้นเสียงแผ่วเบาจนขนลลิลลุกซู่ เธอกลืนน้ำลายอีกรอบ...เลือดฝาดแล่นขึ้นมาที่ใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
อลิสแตร์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ก่อนตวัดสายตามาที่เธออีกครั้ง
“ไทเลอร์จะไปรับคุณที่เพนต์เฮ้าส์ตอนสี่โมง”
“จัดกระเป๋าเฉพาะที่จำเป็น...และเตรียมชุดสำหรับเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนค่ำในวันพรุ่งนี้ด้วย”
เขาบอกเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมของเขากลับสั่นไหวระริก ก่อนจะหายไปภายใต้ใบหน้าเย็นชา
ลลิลเบิกตากว้าง ก่อนจะขมวดคิ้วบางด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวนะคะ...แล้ว ‘ชุด’ ที่ว่าจะให้ฉันใส่ไปงานเลี้ยง ต้องเป็นแนวไหนเหรอคะ? เพราะถ้าฉันเตรียมผิดธีมแล้วคุณไปมองบนใส่กลางโต๊ะอาหาร ฉันคงหงายหลังตายก่อนเซ็นเอกสารแน่ ๆ”
เธอพูดรวดเดียวจบพร้อมจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่องในระดับหนึ่ง แม้ในใจจะเริ่มสั่น ๆ เหมือนกันก็ตาม
อลิสแตร์ชะงักนิดเดียวก่อนยกยิ้มมุมปาก — ยิ้มที่เหมือนคนเห็นเหยื่อตอบโต้แล้วถูกใจ
“คุณไม่ต้องกังวลถึงขนาดนั้น”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่มีประกายบางอย่างในดวงตาที่ชัดเจนว่าเขากำลังเล่นกับไฟ
“แค่เลือกเดรสที่ใส่แล้วคุณมั่นใจ...และสามารถเดินเคียงข้างผมได้โดยไม่อายใครก็พอ”
เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ราวกับจงใจปล่อยให้คำพูดนั้นแทรกเข้าไปในความคิดของเธอ
“ไม่โป๊...แต่ต้องมีแรงดึงดูดพอให้ผู้ชายในห้องเหลียวมอง”
“แต่สายตาของคุณ...ต้องมองแค่ผม”
ลลิลอ้าปากค้าง
“คุณ—…”
“และเมื่อคุณพบคู่ค้า...” เขาพูดต่อทันที ราวกับไม่เปิดช่องให้ต่อล้อต่อเถียง
“แค่ยืนข้างผม จับประเด็นให้ทัน จดทุกอย่างที่พูด และห้ามพูดมากกว่าคำว่า ‘ยินดีที่ได้พบค่ะ’ จนกว่าผมจะสั่ง”
ดวงตาคมวาวสบตาเธอแน่นิ่ง ก่อนจะเอียงหน้าเล็กน้อย
“เข้าใจไหม คุณเลขา”
ลลิลกลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนพยักหน้า แต่ก็ยังกล้าถามอีก
“แล้วถ้ามีใครถาม...ว่าฉันเป็นอะไรกับคุณ ฉันควรตอบว่ายังไงดีคะ?”
คำถามนั้นทำให้อลิสแตร์ยิ้มออกมาอีกครั้ง—คราวนี้แววตาในรอยยิ้มนั้น...ดูเหมือนจงใจมากขึ้น
เขาก้าวเข้ามาอีกนิด ลดเสียงลงเป็นกระซิบ
“ตอบไปตามใจคุณสิ...”
“แค่แน่ใจว่า ถ้าจะโกหก...ต้องโกหกให้เนียน และไม่มีใครจับได้”
พูดจบเขาก็กวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะย้ำว่า
“ขอแค่อย่าทำผมขายหน้าก็พอ”
ลลิลขมวดคิ้ว ก่อนยิ้มแห้ง ๆ แบบไม่ซ่อนความหมั่นไส้เลยแม้แต่น้อย
“ถ้าอย่างนั้น...ฉันจะทำให้ดูดีที่สุดเท่าที่คุณต้องการเลยก็ได้ค่ะ”
เธอพูดเสียงหวาน ดวงหน้าใสซื่อเกินเหตุ ก่อนจะแบฝ่ามือตรงหน้าเขาอย่างไม่อ้อมค้อม
“แต่ของแบบนี้...มันต้องมีการลงทุนนะคะ ท่านประธาน”
น้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แววตาของเธอคือประกายแสบซ่าแบบชัดเจน
อลิสแตร์ชะงักไปครู่เดียว ก่อนริมฝีปากหยักจะยกยิ้มขึ้นช้า ๆ
ดวงตาเทาคมวาวอย่างคนเริ่มสนุกกับเกมตรงหน้าเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท
...แล้วหยิบบัตรเครดิตสีดำเงาระดับพรีเมี่ยมที่สุดออกมา — ไม่มีตัวเลข ไม่มีชื่อบัตร แค่เพียงเห็นขอบทองบาง ๆ และตราสัญลักษณ์...ลลิลก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่บัตรธรรมดาแน่
เขาวางบัตรใบนั้นลงบนฝ่ามือเธออย่างนุ่มนวล แต่ยังไม่ทันที่เธอจะขอบคุณหรือแซวอะไรสักคำ ...มือของเขากลับจับข้อมือเธอไว้แน่น แล้วดึงเธอเข้ามาใกล้—เร็วเกินกว่าที่เธอจะตั้งตัวทัน
ร่างบางของลลิลปะทะเข้ากับอกแกร่งของเขาเต็ม ๆ เธอสะดุ้ง เสียงหัวใจตัวเองดังจนกลัวเขาจะได้ยิน
อลิสโน้มหน้าเข้ามา กระซิบเสียงพร่าชิดใบหู
“ผมจะรอดูผลงานของคุณ...คืนพรุ่งนี้”
เสียงแผ่วต่ำลากยาวของคำว่า คืนพรุ่งนี้ ทำให้เธอถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะผละออก ยิ้มบาง ๆ แล้วหมุนตัวเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทิ้งให้ลลิลยืนตัวแข็ง หน้าร้อนเห่อ...พร้อมบัตรเครดิตดำที่ยังวางอยู่ในมือเหมือนของร้อน
“อะไรกันเนี่ย...” เธอบ่นเบา ๆ ทั้งอาย ทั้งมึน ทั้งขนลุก
ไม่รู้ว่าคืนนั้นเธอจะได้โชว์ ‘ผลงาน’ ที่ว่านั่นในงานเลี้ยง...หรือในห้องพักโรงแรมกันแน่
ตอน: ย้ายบ้านแล้ว แต่ยังย้ายบนเตียงไม่พอหลังจากงานแต่งงานสุดเรียบหรูริมทะเลอลิสแตร์กับลลิลไม่ได้จัดทริปฮันนีมูนอะไรหรูหราให้เวอร์วัง เพราะเขาเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่ง…ที่เธอไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดเดียว“เอ่อ...นี่มันไม่ใช่คอนโดของเรานี่คะ?”ลลิลยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าตึก Penthouse ใจกลางลอนดอน ที่ปิดล้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับทำเนียบขาวอลิสแตร์แค่ปรายตามองเธอ แล้วพูดนิ่ง ๆ“นี่บ้านเรา”“ย้ายบ้านโดยที่ไม่ได้ถามลินเลยเหรอคะ?”เขาหันมามองเธอช้า ๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู“ก็ในเมื่อ...ฉันอยากย้ายมาใช้ชีวิตกับเมียทุกตารางเมตรจะต้องถามทำไม?”ลลิลหน้าแดงซ่านทันที...และยังไม่ทันตั้งสติได้—เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นในอ้อมแขน แล้วพาเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น!—คืนนั้น ห้องนอนใหม่หรูหราระดับ President Suite ก็ได้กลายเป็นสนามรบรักขนาดย่อมอีกครั้ง“บะ…บอส เดี๋ยวก่อนค่ะ ลินยังไม่ได้จัดของเลย!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจัด...ให้หมดทุกท่า”เขายิ้มร้ายก่อนจะกดร่างเธอลงบนเตียงขนาด King Size ที่เพิ่งปูใหม่เอี่ยม เสื้อคลุมไหมของเธอถูกปลดออกในชั่วพริบตา เนื้อตัวเปลือยเปล่าสะท้อนกับไฟในห้องที่หรี่ลงอย่างพอดิ
ณ มหาวิทยาลัย R.C.U. (Royal Commerce University) – คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (IB) ชั้นปีที่ 4แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านบางของห้องสัมมนาขนาดกลาง โต๊ะไม้เรียงเป็นระเบียบสำหรับแขกรับเชิญพิเศษที่นั่งอยู่แถวหน้า...และหนึ่งในนั้นคือเขาอลิสแตร์ ราเมียสCEO หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษแห่ง Ramius Group ผู้มาในฐานะกรรมการรับฟังหัวข้อเสนอทุนวิจัยร่วมต่างประเทศเขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูป ปลดกระดุมสูทตัวนอกอย่างเป็นกันเอง ข้างกายมีคิมหันต์ เลขาหนุ่มหน้าหวาน ยืนเงียบขรึมเหมือนเงาตามตัว — ในสายตาอาจดูเหมือนมาเพื่อตรวจงานปกติแต่...ไม่ใช่เลยเขาแค่ ‘เบื่อ’ และบังเอิญผ่านมาที่นี่...จนกระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจเขาทันที“ลลิล คหบดีวัฒน์ค่ะ — โปรเจกต์ที่ลินจะเสนอวันนี้ คือ ‘AI Ethics กับความเปราะบางของข้อมูลในโลกทุน’”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งชัดเจน มั่นใจ น้ำเสียงไม่ได้หวานเลี่ยน แต่มีจังหวะราวกับแกรนด์เปียโนที่กลั่นจากสมองดวงตาของเขาเงยขึ้น…แล้วนิ่งค้างไปชั่วขณะสาวร่างเล็กผิวขาวจัด ผูกผมหางม้าต่ำเรียบร้อย สวมสูทนักศึกษาสีกรมแบบเรียบที่สุด แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นเกินใคร โดยเฉพาะสัดส่วนที่โตเกินร่าง
หลังเหตุการณ์ลอบสังหารและการล่มสลายของกลุ่มไฮดราผ่านไปเพียงสองเดือน—ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่ลลิลจะตั้งตัวทันเธอแทบจะลืมความระห่ำของคืนวันนั้นไปหมดแล้ว...เพราะผู้ชายคนนั้น—บอสของเธอ—จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วเกินคาดอลิสแตร์พาคุณหญิงทัชชญาไปสู่ขอลลิลถึงเรือนไม้สักของตระกูลคหบดีวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่และนั่นเป็นครั้งแรกที่คุณสุรพงศ์กับคุณหญิงอมรา—บิดามารดาของเธอ ได้พบกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่สามีแห่งชาติ’ ของอังกฤษเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าการหมั้น ก็คือความจริงที่ว่า...คุณหญิงทัชชญา และคุณหญิงอมรา เคยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ลอนดอนเมื่อหลายสิบปีก่อน—เรื่องสู่ขอจึงกลายเป็นเพียงการระลึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนอย่างเป็นทางการเท่านั้น“แม่จะถือว่านี่เป็นพรหมลิขิตของพวกหนูสองคนแล้วกันนะลูก”ประโยคนั้นจากแม่ของเธอ ทำให้ลลิลแทบจะหลบสายตาอลิสแตร์ทั้งงานแม้เรื่องหัวใจจะดูอบอุ่นราบรื่นแต่เรื่องโลกในเงามืด...กลับยังคงเป็นไฟที่ยังไม่มอดจากรายงานลับที่คิมหันต์เอามาเล่าให้เธอฟัง—ไวรัสที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปฝังในเซิร์ฟเวอร์หลักของไฮดรา ได้ทำลายทุกเครือข่าย ทุกข้อมูล ทุกเซลล์ของโครงการนั้นอย่า
📍Safehouse ริมทะเล – 00:17 น.คลื่นซัดชายฝั่งอย่างราบเรียบ เสียงกระทบทรายแผ่วเบาเหมือนกล่อมเมืองให้หลับใหล...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในอาคารหลังเก่า ทาสีดำด้านซ่อนตัวหลังแนวสนชายหาดในห้องประชุมชั้นล่างที่ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแสงไฟนีออนดวงเดียวส่องลงบนโต๊ะโลหะรูปวงกลม เฮราในชุดรัดรูปสีดำสนิท นั่งไขว่ห้างอยู่หัวโต๊ะ ดวงตาสีเขียวอ่อนของเธอสะท้อนจอแผนที่ดิจิทัลเบื้องหน้าฝั่งตรงข้ามคือ ฮันส์ – มือสังหารเยอรมัน ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยโดนแดด ผมหยักศกสีบลอนด์อ่อนกับรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่ข้างแก้มยังเป็นลายเซ็นความตายของเขา“วิลล่าของเขา มีระบบเฉพาะป้องกันทุกทางเข้าออก…” เฮราเอ่ยเสียงเรียบ“แค่ขอให้เขาออกมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ นั่นคือโอกาสของเรา”ฮันส์จุดบุหรี่เงียบ ๆ“อลิสแตร์ต้องตายก่อนที่ไฮดรา เฟสสองจะถูกเปิดเผย”เฮราวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะ ก่อนเลื่อนหน้าจอไปยังภาพของลลิล—หญิงสาวผิวขาวในเดรสยาวบนชายหาดดวงตาเธอเย็นเยียบขึ้นทันที“และเธอคนนี้...คือจุดอ่อนของเขา”ฮันส์กระตุกยิ้ม เหมือนเสือที่ได้กลิ่นเลือด“งั้นแผน A กำจัดอลิสแตร์ แผน B จับตัวผู้หญิงไว้เป็นตัวประกัน ...ไม่ว่าแผนไหน เราก็ชนะ”เฮ
📍หาดส่วนตัว – ภูเก็ต เวลา 10:38 น.คลื่นทะเลสาดซัดฝั่งอย่างเนิบช้า แสงแดดอุ่น ๆ ส่องกระทบเม็ดทรายระยิบระยับ เสียงนกทะเลแว่วเบา ๆ คลอไปกับเสียงหัวเราะของหญิงสาวคนหนึ่งที่เล่นน้ำอยู่ห่างจากฝั่งไม่ไกลนักอลิสแตร์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ริมชายหาด สวมแว่นกันแดดสีชาแบรนด์ดัง ใบหน้าเรียบขรึม ในมือถือแก้วน้ำมะพร้าวเย็น ๆ ที่เขายังไม่ได้แตะ...เพราะสายตาเขา จับจ้องอยู่ที่คน ๆ เดียวลลิลกำลังหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินลุยน้ำทะเลที่ซัดสาดเป็นระลอกเล็ก ๆ รอบข้อเท้าบิกินี่สีแดงสดเข้ารูป โอบแนบผิวขาวผ่องตัดกับแสงแดด และผ้าซีทรูเนื้อบางสีขาวสะอาดที่ผูกไว้ลวก ๆ รอบเอว ถูกลมทะเลพัดปลิวไหวจนทำให้ใจเขาแทบหยุดเต้นไหล่เปลือยระยิบระยับด้วยหยดน้ำ ผิวที่กระทบแสงแดดสว่างขึ้นอีกระดับ จนไม่ว่าใครเดินผ่าน—ก็ต้องเหลียวมอง…และนั่นแหละ ปัญหาเขาขบกรามแน่น ไม่ดื่มแม้แต่น้ำมะพร้าวในมือ เพราะสมองเขามัวแต่คิดว่า—เธอกำลังโดนใครมองอยู่บ้าง?ไอ้ผ้าบาง ๆ นั่น มันกั้นอะไรได้บ้างวะ!!คนที่ควรเห็นเธอในสภาพนี้...ควรมีแค่เขามั้ยวะ?เขายื่นแก้วน้ำมะพร้าวให้บัตเลอร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังศาลาไม้ หยิบเสื้อคลุมชายยาวเนื้อบางติดมืออ
ภายในห้องทำงานไม้เก่าแก่ของคฤหาสน์ริมหน้าผา กลิ่นกระดาษเก่าและควันบุหรี่กลิ่นคลาสสิคลอยแผ่วในอากาศ หน้าต่างเปิดออกสู่ทะเล เสียงคลื่นซัดโขดหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนเสียงลมหายใจของอดีตที่ยังไม่ยอมจางเซอร์ไคล์นั่งลงหลังโต๊ะไม้โอ๊คเก่า อลิสแตร์ยืนอยู่ตรงข้าม คิมหันต์ยืนพิงผนังเงียบ ๆ รอคอยความจริงที่กำลังจะได้รับรู้“ไม่คิดเลย…ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง”เซอร์ไคล์พูดขึ้นในที่สุด เสียงแหบต่ำผ่านลำคอที่กร้านกรำด้วยเวลาอลิสแตร์ไม่ตอบ…เพียงสบตาเขานิ่งเซอร์ไคล์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาสีเทาอ่อนของเขาคล้ายกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง…ที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว“พ่อกับวินเซนต์เป็นเพื่อนกัน...ไม่สิ มากกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ”“เราคือ ‘เงา’ ที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน...ในนาม MI6”เสียงจุดไฟแช็กดังเบา ๆ ก่อนเขาจะจุดบุหรี่ แล้วพ่นควันบาง ๆ ขึ้นฟ้า ควันนั้นลอยตัดแสงไฟสีอุ่นในห้องราวกับฉากหนังเก่า“เราสองคนเริ่มจากภารกิจเล็ก ๆ ...ล้วงข้อมูลในเบลเกรด ไล่ล่าหัวหน้าขบวนการค้าอาวุธในเบอร์ลิน แต่เมื่อ ‘โครงข่ายไร้เงา’ โผล่ขึ้นมา MI6 ก็รู้...ว่าเราไม่ได้เจอแค่ศัตรูธรรมดาอีกต่อไป”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง“ไฮดราโปรเจก