เมื่อส่งของเสร็จแล้ว เธอก็ไปซื้อขนมที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้งมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ ล่าเถียว ปลาเผ็ดปรุงรส ตีนไก่ดองพริก ถั่ว ขนมปังกรอบ ลูกอมรสนมกระต่ายขาว...อมยิ้ม ช็อกโกแลต วุ้นแช่เย็น ขนมบุกหม่าล่า...เธอซื้อเต็มรถเข็นสามคันรวดพนักงานของซูเปอร์มาร์เก็ตช่วยยกของใส่ท้ายกระบะให้เธอ ยังมีรองเท้าหนึ่งร้อยคู่ที่มั่วฝานอยากได้เธอเดินเข้าร้านค้าออฟฟิเชียลร้านหนึ่ง ซื้อรองเท้าผู้ชายหกสิบคู่ โดยเลือกรองเท้าที่มีลวดลายสีสันมากที่สุด ราคาแพงที่สุดซื้อรองเท้าผู้หญิงสี่สิบคู่ โดยเลือกรองเท้าผ้าใบสวมใส่สบาย สีขาว...ซื้อถุงเท้าคละสีสองร้อยคู่เนื่องจากเย่มู่มู่ซื้อสินค้าจำนวนมาก พนักงานจึงยิ้มไม่หุบผู้จัดการร้านแถมถุงเท้าผู้หญิงหนึ่งร้อยคู่ ชุดกีฬาหนึ่งเซต กระเป๋าสะพายไหล่หนึ่งใบ กระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ และรองเท้าแตะฤดูร้อนสองคู่...รถกระบะได้บรรทุกเต็มอัตราอีกครั้งเธอขับรถไปยังสถานที่ปลอดคน ทำการถ่ายโอนของในรถ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมด เจ้าของโรงงานรองเท้าผ้าโทรหาเธอ แจ้งว่าสินค้ามาถึงเมืองของเธอแล้วสายเรียกเข้าจากโรงงานเหล็กแผ่นกันกระสุนเพิ่งดัง รถบรรทุกของพวกเขาก็ขับ
เฉินขุยพูดไม่ทันจบบท ขนมและลูกกวาดก็ร่วงลงมารอบแจกันอีกมากมาย...ปริมาณและความหลากหลายมีมากกว่าที่ให้เด็ก ๆ เมื่อวานหางตาของเฉินขุยยังมีคราบน้ำตา ริมฝีปากกล่าวขอบคุณต่อท่านเทพมือเปิดเป็ดรมควันห่อหนึ่งและหักขาเป็ดลิ้มรสชาติโดยไม่ให้เสียเวลาจู่ ๆ รูม่านตาของเขาก็ขยายกว้าง โห อร่อยมากจริง ๆ!เขาหักขาเป็ดอีกข้างหนึ่งให้ฮูหยินทีแรกฮูหยินไม่ยอมกิน แต่เฉินขุยยัดใส่ที่มือนางนางใช้แขนเสื้อปิดปากแล้วชิมคำหนึ่งรสชาติเข้มข้น หมักด้วยเครื่องเทศหลายชนิดอร่อยมาก!เป็นรสอร่อยที่พ่อครัวหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่ก็ไม่สามารถทำได้!อาหารมาก่อน เฉินขุยยัดเป็ดรมควันสองห่อให้ฮูหยินโดยไม่สนใจว่าจ้านเฉิงอิ้นยังอยู่ ตีนไก่ไร้กระดูกหนึ่งห่อ ไข่นกกระทาหนึ่งห่อเมื่อเห็นว่าเขากระทำการเหิมเกริม ฮูหยินรีบกล่าวห้ามแต่จ้านเฉิงอิ้นกลับพูด “ยังมีอีกมาก ให้เด็ก ๆ กินเถอะ!”เฉินขุยตะคอกฮึ่ม “ท่านเทพมอบทั้งหมดนี้ให้มั่วฝาน เมื่อวานมั่วฝานเอาลูกอมไปแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้พวกเราเอากลับสองสามห่อ ถือว่าเท่าเทียมกัน”หลังจากพูดจบ เฉินขุยหยิบเนื้อแดดเดียว หมูแผ่น ถั่วธัญพืชอีกสองสามห่อ...ให้ฮูหยินอ้อมอกของฮูหยิ
รถบรรทุกคันใหญ่สามคันมีหม้อไฟอุ่นเอง ไส้กรอกรมควัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำแร่...ซาลาเปา แพนเค้กต้นหอมอย่างละห้าแสนชิ้น!เสื้อกันกระสุน แผ่นเหล็กกันกระสุนหนึ่งหมื่นห้าพันชุด!รองเท้าผ้าห้าหมื่นคู่!เมื่อเฉินขุยเห็นจำนวนของบนกระดาษแผ่นเล็ก นิ้วมือพลางสั่นไม่หยุดเขาดีใจเป็นอย่างมาก“ดีจริง ๆ ท่านแม่ทัพ เสบียงอาหารพวกนี้บวกกับเสบียงอาหารที่ท่านเทพส่งมาเมื่อสองวันก่อน สามารถเลี้ยงทหารและชาวบ้านทั้งเมืองได้เป็นปีกว่า!”เขาอยากรู้มากว่าเสื้อเกราะกันกระสุนและแผ่นเหล็กกันกระสุนเป็นของลักษณะอย่างไรสามารถป้องกันการยิงทะลุจากลูกธนูได้จริงหรือไม่?หากแผ่นเหล็กกันกระสุนแข็งดั่งหินผา เช่นนั้นทหารที่ไม่มีเสื้อเกราะก็ปกป้องหัวใจได้เมื่ออยู่ในสนามรบก็สามารถมีชีวิตรอดกลับมาของสิ่งนี้สำคัญมากและจำเป็นมากในกองทัพจ้านเฉิงอิ้นเร่งเร้า “รีบไป คลังสรรพาวุธและโกดังเสื้อเกราะกันกระสุนต้องปิดไม่ให้ผู้ใดเห็น ในเมืองยังมีสายลับ ต้องระวังให้มาก!”เฉินขุย “ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”เขาเดินออกไปพร้อมกับองครักษ์อย่างรวดเร็วจ้านเฉิงอิ้นมองรองเท้า ถุงเท้า ขนม และสายตาสุดท้ายตกที่รองเท้าแตะ
รองเท้าส่งมาให้แล้วห้าหมื่นคู่ ทั้งหมดสองพันห้าร้อยลังใส่ไว้เต็มพื้นที่กระโจมใหญ่ เมื่อไม่มีที่วาง กล่องลังจึงกลิ้งออกมาจากข้างในกระโจมจำนวนไม่น้อยทหารสิบนาย มีแต่มั่วฝานที่ไม่อยู่...ตั้งแต่หยิบขนมและรองเท้าที่จวนเฉินขุยไปเขาก็ไม่กลับค่ายทหารอีกเลยเฉินอู่มองกล่องลังรองเท้าแต่ละลังด้วยสายตาแดงก่ำนี่มันคือรองเท้าทั้งนั้น!รองเท้าหลายคู่ของเขาขาดรุ่ยหมดแล้ว ทั้งซ่อมและเย็บ ผิวรองเท้าก็ปะแล้วหลายชั้นรองเท้าผ้าใบที่ท่านเทพส่งมาเมื่อวานล้ำค่าเกินไป เขารู้สึกเสียดายที่จะใส่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ท่านเทพส่งรองเท้าใหม่มาให้อีกเขาแกะลังอย่างอดรนทนไม่ไหวรองเท้าผ้าสีน้ำเงินกรมท่าปักลายดอกไม้งามหนึ่งคู่ปรากฏขึ้นในสายตาผิวรองเท้าทำจากผ้าฝ้ายหนา ด้านในรองเท้าบุด้วยแผ่นรองรองเท้าหนึ่งชั้น พื้นรองเท้ามียางนุ่มกันลื่น...เขาถอดรองเท้าเกี๊ยะออกแล้วลองสวมรองเท้าผ้าสบายมาก เบากว่ารองเท้าที่ท่านเทพให้เมื่อวานนี้อีกเขาเดินไปมาสองสามก้าวและยังกระโดดอีกสองสามครั้ง“รองเท้าคู่นี้ดี ใส่สบายพอดีเท้า”“ท่านแม่ทัพ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากีฬาหรือรองเท้าผ้า ก็ใส่สบายกว่ารองเท้าเกี๊ยะของพวกเราทั้งนั
เพียงควักเงินครอบครัวออกมาและเหลือสำหรับค่าเดินทางกลับบ้านเกิดเล็กน้อย ก็สามารถปิดเรื่องกินเนื้อคนได้ครอบครัวผู้เสียหายจะได้รับค่าชดเชยเป็นข้าวสารยี่สิบชั่งหนึ่งถุง แป้งสิบชั่งหนึ่งถุงเสบียงอาหารเหล่านี้ ทุกคนในครอบครัวสามารถกินได้ถึงสามเดือน ดังนั้นย่อมไม่มีการก่อเรื่องอีกเรื่องดังกล่าวก็สามารถข้ามผ่านไปได้อาหลี่คิดว่าเจ้าหนุ่มเว่ยกวงผู้นี้เป็นคนมีความสามารถให้เขาอ่านตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ หนังสือเทพข้ามกาลเวลาสามชุดที่ท่านเทพส่งมาให้ในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่วัน เว่ยกวงอาศัยความมีคารมคมคายและเสน่ห์ส่วนตนตั้งหลักในจวนแม่ทัพได้อย่างมั่นคงแม่ทัพสั่งให้เถียนฉินส่งรองเท้ากลับมาหนึ่งลัง เถียนฉินรู้สึกว่าหนึ่งลังไม่เพียงพอสำหรับเด็กกำพร้าเหล่านั้นเขาหยิบไปสองกล่องลังเมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพ เขาเห็นเว่ยกวงยืนอยู่ที่ประตูจึงมอบกล่องลังให้กับเขา“ข้างในเป็นรองเท้า เจ้าให้ทุกคนไปแบ่งกัน แต่ละคนหยิบคนละหนึ่งคู่ ส่วนที่เหลือนำไปเก็บที่ห้องโกดัง”เว่ยกวงมองรองเท้าแล้วมองเท้าของตนเอง เขาไม่ได้สวมรองเท้ามานานมากแล้วเหยียบบนทรายร้อนทุกวัน จนฝ่าเท้าขึ้นตุ่มที่แข็งและหนาเขาเป็นเด็กกำ
เมื่อเริ่มแจกรองเท้า บรรดาทหารผ่านศึกและทหารใหม่ก็เข้าแถวรับรองเท้าจ้านเฉิงอิ้นเห็นว่าข้างใต้แจกันมีกระดาษ“หมั่นโถวห้าแสนลูก แพนเค้กต้นหอมห้าแสนชิ้นมาถึงแล้ว ข้าเตรียมส่งลงไป”จ้านเฉิงอิ้นเขียนลงด้านหลังกระดาษ “โปรดรออีกเวลาหนึ่งถ้วยชา”หมั่นโถวและแพนเค้กต้นหอมเป็นอาหารปรุงสุก เขาต้องวางไว้ในยุ้งฉางที่อยู่ใกล้ห้องครัวสองสามนาทีผ่านไป หมั่นโถวกับแพนเค้กต้นหอมที่แช่แข็งแล้วจำนวนมากก็ไหลลงมาจำนวนเยอะเกินไป ไม่สามารถวางทั้งหมดในยุ้งฉางได้เฉินขุยเอาผ้าใบกันน้ำปิดคลุมและส่งทหารมาเฝ้าก่อนจากไป เขาหยิบแพนเค้กต้นหอมหนึ่งห่อกัดเข้าไปหนึ่งคำ กลิ่นหอมเข้มข้นของต้นหอมแตกกระจาย“ท่านแม่ทัพ แพนเค้กต้นหอมหอมมาก!”“ข้าแนะนำให้ทหารนำติดตัวสองห่อเวลาออกรบ พกน้ำอีกสองขวด เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วไม่สามารถกลับมาได้ทันการณ์ จะได้ไม่หิวตายในเวลาสั้น ๆ”จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ดี เจ้าให้คนนำไปแจกจ่ายซะ”เฉินขุยฉีกยิ้มเริงร่า “ขอรับ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”เมื่อก่อนเวลาท่านเทพส่งหมั่นโถวกับแพนเค้กต้นหอมให้หนึ่งล้านชิ้น พวกเขาก็อาจตะลึงครู่หนึ่งช่วงนี้เสบียงอาหารที่ท่านเทพให้มีจำนวนมากเกินไป จน
จ้านเฉิงอิ้นดีใจเช่นกัน ผลลัพธ์ของเสื้อเกราะกระสุน ดีเกินกว่าที่เขาคาดไว้แผ่นเหล็กสองแผ่น สามารถช่วยชีวิตของทหารในจำนวนที่นับไม่ถ้วนได้“แพร่คำสั่งลงไป ทหารที่บุกโจมตีเมืองตอนเย็น มารับเสื้อเกราะกันกระสุนคนละหนึ่งตัว”เหอหง เฉินจวิ้นหลินที่เป็นคนนำทัพ ใบหน้าเผยความดีใจพร้อมกับคุกเข่าครึ่งตัวและคารวะ“ขอรับ ท่านแม่ทัพพวกเราจะกลับมาพร้อมกับชัยชนะ”จ้านเฉิงอิ้นเดินมาถึงข้าง ๆ พวกเขาและตบไหล่ของพวกเขาอย่างหนักแน่นตอนเย็นเป็นศึกหนัก สองศึกที่ปะทะเมื่อคืนพวกเขาได้รับชัยชนะเพราะอาศัยระเบิดระเบิดถูกใช้จนหมด ตอนเย็นจึงจำต้องสู้อย่างหนักหน่วงโดยไร้อาวุธเสริมจ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ดี ตอนเย็นกลับมาพร้อมกับชัยชนะ ข้าจะปรึกษากับท่านเทพ มอบรองเท้ากีฬาให้คนละหนึ่งคู่เป็นรางวัล”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”พวกเขานำคนไปรับเสื้อเกราะกันกระสุนเวลาผ่านไปไม่นาน เสบียงอาหารสี่ล้านชั่งก็มาถึงเหล่าทหารได้ยินสี่ล้านชั่ง ครั้งนี้ช่างเป็นจำนวนมากมายมหาศาลยิ่งนัก มากกว่าครั้งที่แล้วเสียอีกแม่ทัพหลายคนดีใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ดวงตากลับแดงก่ำพวกเขามีชีวิตรอดจากสภาพที่หิวโหยเหลือเพียงลมหายใจโรยรินจนมาถึงวันที่โก
หลังจากที่จ้านเฉิงอิ้นตัดสินใจออกรบด้วยตนเอง เหล่าแม่ทัพก็กล่าวห้ามไม่ควรเกิดอุบัติเหตุใดกับจ้านเฉิงอิ้นหากเขาเสียชีวิต จะไม่มีผู้ใดติดต่อกับท่านเทพได้อีกสิ่งที่ท่านเทพมอบให้กองทัพตระกูลจ้านจะหยุดลงทันทีพวกเขาไม่อาจลงเดิมพันสิ่งนี้ได้!ตรงหว่างคิ้วของจ้านเฉิงอิ้นเผยความโอหังของวัยหนุ่ม“ข้าออกศึกตั้งแต่อายุสิบหก ร่วมรบในสงครามนับไม่ถ้วน”“และวันนี้พวกเราพึ่งได้เพียงระเบิด ในฐานะผู้นำทัพ ข้ายิ่งควรทำตัวให้เป็นแบบอย่าง”“ออกศึกฆ่าศัตรู ข้าจะหลบอยู่ข้างหลังได้อย่างไร!”“วางใจเถิด มีเสื้อเกราะกันกระสุนกับชุดเกราะ ข้าไม่เป็นอะไรแน่”ทุกคนยังอยากกล่อมห้าม เฉินอู่เฉินขุยจึงห้ามพวกเขาแม่ทัพมีประสบการณ์ออกรบมากกว่าของพวกเขานำมารวมกันอีก เขาคือหนิงกวนโหว บรรดาศักดิ์ได้มาด้วยผลงานการรบของตนเองต่อให้จำนวนคนต่างกันมาก~อาวุธล้ำหน้ากว่า เผ่าหมานไม่มีผู้นำทัพ กองทัพตระกูลจ้านก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้“ขอรับ ท่านแม่ทัพ พวกเราจะรอท่านกลับมาพร้อมกับชัยชนะ!”เหล่าทหารคุกเข่าลง “ท่านแม่ทัพ พวกเราจะรอท่านกลับมาพร้อมกับชัยชนะ!”จ้านเฉิงอิ้นตะโกนสนั่นเสียง “ดี!”เขาเปลี่ยนเสื้อเกราะกันกระสุน
“นายตายแน่!”“พวกนายกดเขาเอาไว้ จางเชา เอาไม้เบสบอลของนายมาให้ฉัน ให้ฉันตีขาเขาให้หักก่อน!”ผู้ชายร่างสูงใหญ่สี่คนเข้ามาก่อน ขณะเตรียมลงมือกดเขาเอาไว้ทันใดนั้น หลูซีที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกก็กระโดดเตะขึ้นมาเตะในคราเดียวกระเด็นไปสี่คนใช่แล้ว!เขาเตะทีเดียวกระเด็นไปทั้งสี่คน!สี่คนนั้นถูกเตะไปบนผนังก่อนจะกลิ้งลงมา เนื่องจากมีคนหนึ่งไปตกกระทบกับอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ล้มลงบนพื้นโครมคราม ๆหลังพวกเขากลิ้งไปรอบหนึ่ง ก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกสี่คน มีสามคนที่หมดสติไปคนหนึ่งนอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นผมเหลืองกับจางเชาที่เหลือเห็นอุบัติเหตุตรงหน้า ก็อึ้งกิมกี่ไปจางเชาที่ถือไม้เบสบอลอยู่ตาลายไปเลย เขากล่าวทั้งตัวสั่นเทิ้มว่า “อวี้เฟิง ไม่ถูกต้องสิ ไป...”อวี้เฟิงรั้งตัวจางเชาที่คิดจะหนีเอาไว้ ก่อนจะแย่งไม้เบสบอลมา“ตั้งแต่ฉันโตมาจนป่านนี้ ยังไม่ได้เคยกลัวใคร วันนี้เขาต้องตาย!”เขาถือไม้เบสบอลเดินเข้าไปไม้เบสบอลยังไม่ทันตีถูกหลูซี ก็ถูกเขาหักแขนในมุมที่แสนเจ้าเล่ห์ ด้วยความเร็วสูงสุดเคร้ง~ไม้เบสบอลหล่นลงมาอวี้เฟิงกอดแขนพลางถอยหลังหลายก้าว กำลังครวญครางด้วยความเจ็บปวด “
เศรษฐินีคนหนึ่งเดือดดาลจนด่าทอเย่มู่มู่“ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าว่าลูกหลานตระกูลเราสมควรถูกตี เขาเป็นเด็กดีเชื่อฟังที่สุด ตอนนี้เขานอนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอยังมาใส่ร้ายเขาอีก!”“ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย เธอกับน้องชายเธอ อย่าคิดจะอยู่ที่เมืองหลวงเลย!”นายธนาคารผลักแว่นตรงหว่างคิ้ว มองประเมินใบหน้าและเรือนร่างของเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายสายตาตกไปบนขาเรียวยาวของเธอเขาเผยรอยยิ้มเย็นเยียบออกมา “คืนนี้เธอไปหาห้องรับรองมาห้องหนึ่ง ขอโทษขอโพยฉันอย่างจริงใจ บางทีฉันอาจจะปล่อยเธอกับน้องชายเธอไปก็ได้!”ทันใดนั้นหลูหมิงก็กระชากคอเสื้อของนายธนาคารขึ้นมา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างดุเดือดรุนแรงว่า “เจ้ามองอะไร มองตรงไหน?”เย่มู่มู่พูดห้าม “หลูหมิง ปล่อย…”สายตาของเขาพลันปรากฏเครื่องสังหารออกมา พร้อมปล่อยมือในทันใดเมื่อผู้ปกครองคนอื่น ๆ เห็นดังนั้น ผู้ที่ทำร้ายคนอื่นยังกล้าอวดดีแบบนี้อีก ช่างทำให้พวกเขาเปิดโลกจริง ๆแต่ไหนแต่ไรมามีแต่พวกเขาที่ข่มขู่คนอื่นมิหนำซ้ำยังไม่เคยถูกคนข่มขู่มาก่อนเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่าเป็นเพียงคนธรรมดาไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งทำเอาพวกเขาเดือดดาลจนควัน
นักเรียนทั้งหกคนไม่ได้อยู่ที่นี่ คาดว่าคงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว“แจ้งตำรวจ! เรื่องนี้ต้องแจ้งตำรวจ! นักเรียนแบบนี้โรงเรียนจะปล่อยไว้ไม่ได้!”“ใช่! กล้าดียังไงมาทำร้ายลูกฉันจนเข้าโรงพยาบาล แค่ติดคุกยังน้อยไป ต้องประหารชีวิต!”“แล้วผู้ปกครองของเด็กคนนั้นล่ะ? ทำไมยังไม่มา? ฉันสงสัยว่าโรงเรียนนี้กับผู้ปกครองของมันต้องมีตกลงอะไรกันลับหลังแน่ ๆ ไม่งั้นเด็กแบบนี้จะถูกส่งเข้ามาเรียนได้ยังไง!”เด็กสาวที่อยู่ข้าง ๆ หลูซีถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความร้อนใจ“หลูซี นายพูดอะไรหน่อยสิ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ พวกนั้นเริ่มก่อนต่างหาก!”“เหวินเหลียนเยว่ ฉันขอเตือนเธอว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เด็กหกคนนั้นยังนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล ผลที่ตามมามันไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเหวินอย่างเธอจะรับไหวหรอกนะ!”ขณะที่เย่มู่มู่กำลังจะผลักประตูเข้าไป ก็พอดีกับที่จางเฉินซีโทรศัพท์เข้ามา“เจ้านาย แผนธุรกิจปล่อยจรวดนั่นดูไปถึงไหนแล้ว?”“ตอนนี้ฉันไม่มีเวลา หลูซีมีเรื่องที่โรงเรียน!”จางเฉินซีโพล่งขึ้นมาด้วยความโมโห “อะไรนะ! ใครมันกล้าทำร้ายน้องชายฉัน! เขาอยู่โรงเรียนไหนครับ ส่งที่อยู่มาเลย!”เย่มู่มู่ส่งที่อยู่ไปให้ วางสาย
วันรุ่งขึ้น เย่มู่มู่ออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปรับรถบ้านมือสอง แต่เพิ่งลงมาชั้นล่างก็ถูกจางเฉินซีขวางทางไว้เขายังอยู่ในชุดนอน หาวหวอด ๆ พลางยื่นเอกสารแผนธุรกิจของบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสองสามแห่งให้เย่มู่มู่ดูเขาบอกว่ามองเห็นศักยภาพของบริษัทเหล่านี้มากแต่ในช่วงแรกจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเย่มู่มู่ลองพลิกดูแผนของบริษัทหนึ่งผ่าน ๆ... โครงการปล่อยจรวด...เธอทำหน้าสุดจะเอือมระอา ชี้มาที่ตัวเอง “นายดูฉันเหมือนคนที่มีปัญญาจะลงทุนกับจรวดส่วนตัวหรือไง?”“บริษัทนี้ไม่แพงจริง ๆ นะ รอบแรกใช้เงินแค่หนึ่งหมื่นล้านเอง!”น้ำเต้าหู้ที่เย่มู่มู่เพิ่งดื่มเข้าไปแทบจะพุ่งออกมาจางเฉินซีพยายามโน้มน้าวต่อ “ผมมองเห็นอนาคตของโครงการนี้จริง ๆ นะ คุณลองคิดถึงอีลอน มัสก์ดูสิ โครงการดาวเทียมสตาร์ลิงก์ของเขาประสบความสำเร็จขนาดไหน ตอนนี้เขาเริ่มเดินหน้าโครงการย้ายถิ่นฐานไปดาวอังคารแล้วด้วยซ้ำ ถ้าคุณยังไม่รีบเข้ามาในแวดวงนี้ตอนนี้ มีหวังตามเขาไม่ทันแน่ ๆ!”ในบัญชีของเย่มู่มู่ตอนนี้มีเงินอยู่แค่หนึ่งหมื่นห้าพันล้านเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเงินที่ได้จากการขายของเก่าให้ผู้อาวุโสสามท่านเมื่อสองวันก่อนส่วนเงินที
ส่วนหวงกงกงซึ่งเป็นหัวหน้าของขันทีน้อยทั้งสองนั้น ได้รับปันส่วนข้าวสารถึงสิบชั่ง แป้งสาลีห้าชั่ง น้ำมันหนึ่งถัง เกลือสองห่อ และผักแห้งอีกหนึ่งชั่ง... ทั้งสามคนดีใจจนออกนอกหน้า รีบก้มคำนับขอบคุณซ้ำ ๆพวกเขาเดินออกจากห้องหนังสืออย่างมีความสุข ไปเข้าแถวเพื่อรอรับข้าวสารวันนี้มีผู้มาแลกข้าวสารจากการสังหารศัตรูจำนวนมาก แถวยาวเหยียดออกไปหลายลี้เหล่าทหารกองทัพธงเหลืองแต่ละคนล้วนตื่นเต้นยินดี พวกเขาเพิ่งจะรู้ว่า การติดตามกองทัพตระกูลจ้านนั้นทำให้ไม่อดอยากจริง ๆรางวัลที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้เช่นนี้ ดีกว่าการฟังมู่ฉีซิวขายฝันในทุก ๆ วันเป็นไหน ๆแต่ทหารเก่าของกองทัพตระกูลจ้านกลับไม่สนใจการรับข้าวสารอีกต่อไปแล้วพวกเขาต่างนำไปแลกเป็นสบู่หอม รองเท้า พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ แผงไฟโซลาร์เซลล์...และของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้งานได้จริงเหล่านี้!ขณะที่จ้านเฉิงอิ้นกำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือ เถียนฉินก็เดินเข้ามา ประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ซาเทียนอี้ยินยอมสวามิภักดิ์แล้ว ไม่ทราบว่าท่านจะจัดการเขาอย่างไรดีขอรับ?”ซาเทียนอี้คนผู้นี้ นับว่ามีความกล้าหาญและยังซื่อสัตย์จ้านเฉิงอิ้นม
จ้านเฉิงอิ้นอ่านสาส์นลับจบแล้วก็เผามันทิ้งอาจเป็นเพราะเคยอ่านสาส์นลับที่ฮ่องเต้น้อยมีพระประสงค์จะลอบสังหารเขามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จิตใจของเขาจึงสงบนิ่งราวกับผิวน้ำ ไม่ไหวติงแม้แต่น้อยหลังจากเผาทำลายแล้ว เขาก็เอ่ยถามคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“บัดนี้เผ่าหมานสิ้นซากไปแล้ว ทั้งสองท่านจะกลับไปถวายรายงานที่วังหลวงเมื่อใดหรือ?”ทันใดนั้น หวงกงกงก็ทรุดกายลงคุกเข่า โขกศีรษะคำนับจ้านเฉิงอิ้นทันที“ท่านแม่ทัพใหญ่ บ่าวกลับไปไม่ได้อีกแล้วขอรับ! ขอท่านโปรดเมตตารับบ่าวไว้ด้วยเถิด ต่อให้ต้องเป็นข้ารับใช้ปรนนิบัติท่าน บ่าวก็ยอมขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้วถาม “ฝ่าบาทก็ไม่ได้ทรงเอาความอันใดกับท่านหวงกงกง ท่านกลับไปถวายรายงานในวังได้ตามสบายเถิด”“ไม่ได้ขอรับ ไม่ได้เลย! ท่านแม่ทัพไม่ทราบว่าในเมืองหลวงตอนนี้วุ่นวายเพียงใด แม้ปัญหาเผ่าหมานจะคลี่คลายแล้ว และเมืองตงโจวจะว่างลง แต่ระยะทางสองร้อยลี้จากตงโจวไปยังเมืองหลวงนั้น ตลอดเส้นทางล้วนเต็มไปด้วยโจรผู้ร้ายที่ปล้นชิงเพื่อความอยู่รอดเต็มไปหมดขอรับ!”“เมื่อกลับถึงเมืองหลวงก็ยังมีกลุ่มผู้ก่อจลาจลอีกมากมาย พวกบ่าวที่เป็นเพียงขันทีสามคน จะไปต้านทานได้อย่างไร
ทำได้เพียงนำเข้าจากประเทศรอบ ๆ ไม่กี่แห่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ สิ่งของที่ปล้นชิงมาได้จึงมีความหลากหลายปะปนกันไป แต่กลับเป็นของที่ใช้งานได้จริง ทว่าสิ่งของเหล่านี้กลับกลายเป็นโบราณวัตถุของเย่มู่มู่ไปเสียทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น!เสบียงที่ได้มาครั้งนี้ไม่เพียงแต่มีทองคำ เงิน และของมีค่ามากมายเท่านั้น แต่ยังมีของประดับตกแต่งสวยงามต่าง ๆ เครื่องสัมฤทธิ์ และของประดับที่ทำจากไม้ มีครบครันทุกอย่าง!เมื่อเห็นโบราณวัตถุจำนวนมหาศาลเช่นนี้ เธอก็อดประหลาดใจไม่ได้!มีจำนวนราว ๆ ห้าร้อยหีบเห็นจะได้มากเกินไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าพวกคนเถื่อนจะปล้นชิงของในแคว้นต้าฉี่ไปได้มากมายถึงเพียงนี้จากนั้น เย่มู่มู่ก็ได้ยินเสียงจากฝั่งของจ้านเฉิงอิ้นเป็นเสียงแหลมเล็กคล้ายขันที “ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพใหญ่ บัดนี้เผ่าหมานถูกปราบจนราบคาบแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถคุกคามดินแดนต้าฉี่ของเราได้อีกต่อไป นี่นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง บ่าวจะรีบนำความกลับไปทูลรายงานฝ่าบาท พระองค์จะต้องทรงพระเกษมสำราญเป็นแน่!”“ท่านแม่ทัพใหญ่รอฟังข่าวดีเรื่องการเลื่อนยศศักดิ์ได้เลยขอรับ!”ผู้บัญชาการลั่วเองก็ดีใจจนออกนอกหน้า นี่เป็นครั้งแร
พวกเขาทั้งหมดกลับมาถึงคฤหาสน์ในเวลาอาหารค่ำพอดีเย่มู่มู่บอกให้หลูซีกับหลูหมิงทานอาหารเย็นให้เสร็จก่อน ถึงจะยอมให้พวกเขาดูข้อความในกระดาษที่อยู่ในแจกันทั้งสองจึงรีบจัดการอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็วที่สุดแล้วเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้เย่มู่มู่ขึ้นไปชั้นบนทั้งสามคนนั่งลงในห้องนั่งเล่นภายในห้องของเย่มู่มู่ เธอหยิบเอากระดาษโน้ตจำนวนมากออกมาจากแจกันแล้วทั้งสามก็เริ่มอ่านข้อความเหล่านั้นด้วยกันเป็นบันทึกที่จ้านเฉิงอิ้นเขียนเล่าถึงความเป็นไปของสงครามกับเผ่าหมานอันที่จริง ชัยชนะในศึกครั้งนี้แทบจะไม่มีอะไรพลิกผันทุกคนต่างรู้ดีว่ากองทัพตระกูลจ้านจะต้องเป็นฝ่ายชนะทว่ากำลังพลของฝ่ายตรงข้ามก็มีไม่น้อย ทั้งยังมีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ ทำให้พวกเขายังพอมีโอกาสอยู่บ้างแต่ใครเลยจะคาดคิดว่า พายุฝนห่าใหญ่เพียงครั้งเดียวจะเปลี่ยนสถานการณ์รบไปโดยสิ้นเชิง!จ้านเฉิงอิ้นขอบคุณเย่มู่มู่ที่ส่งพายุฝนมาให้ในจังหวะสำคัญที่สุดเพราะฝนที่โหมกระหน่ำครั้งนี้นี่เอง ที่ทำให้ดินระเบิดที่พวกเผ่าหมานฝังไว้ใต้ดินเปียกโชกไปทั้งหมดพวกเผ่าหมานรู้วิธีใช้ดินระเบิด แต่ไม่เข้าใจเรื่องวัตถุดิบและการบำรุงรักษาในยามปกติ
เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล