“ไม่เจอกันนานปิ่นก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ”
“ทำเป็นมาชมแก้วก็สวยเหมือนเดิม ผิวขาวขึ้นเยอะดูดีเชียว”
“เด็กผู้หญิงคนนั้นลูกสาวเธอเหรอ”
“ลูกสาวฉันเองชื่อเมย์ นี่เพิ่งจะเรียนจบมา ก็มาช่วยส่งขนมเห็นว่ากำลังหางานประจำอยู่”
“แกน่ารักดีนะ มีน้ำใจสวยเหมือนแม่ตอนเป็นสาวๆ เลย”
“แล้วแก้วล่ะมีลูกหรือเปล่า”
“มีลูกชายหนึ่งคน ตอนนี้ทำงานที่บริษัทแทนพ่อเขา น่าจะเป็นรุ่นพี่ของหนูเมย์หลายปีอยู่”
“มีลูกชายก็สบายเลยสิ”
“แต่ถ้ามีลูกสาวก็น่าจะดีกว่านะ ลูกชายไม่ค่อยนุ่มนวลเลยสู้หนูเมย์ก็ไม่ได้”
“รายนี้ดื้อไม่ยอมคน ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ พยายามกลบความอ่อนแอไม่ให้ใครเห็นเพราะโตมาโดยไม่มีพ่อ เลยอยากปกป้องเราน่ะ”
“น่ารักดีนะ ตอนลงไปช่วยเราก็มีแค่ร่มคันเดียว พอพวกนั้นไปตัวสั่นเชียวแต่ก็เดินมาหาเรา น่าชื่นชมจริง ๆ” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นคุณหญิงแก้วฤดีก็อดชื่นชมไม่ได้ ทั้งที่กลัวแต่ก็ไม่ถอยหนี
“นี่แก้วกินอะไรมารึยัง อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับนะ”
“ดีเหมือนกันจะได้กินไปคุยไปด้วย”
“ถ้าไม่รังเกียจก็พักด้วยกันที่นี่ได้นะ มีเรื่องเมาท์เยอะแยะเลย”
“ไม่รังเกียจเลย ดีใจมากกี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้ จำได้ว่าตอนนั้นตั้งท้องอ่อน ๆ แล้วสามีต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศเลยไม่ได้บอกปิ่นก่อน”
“เกือบ สามสิบห้าปี” ปิ่นอนงค์บอก
“ขอโทษนะ ตอนนั้นมันฉุกละหุกไปหมดเลย ไม่ได้บอกปิ่นก่อน คงผิดหวังในตัวเรามากเลยใช่มั้ย ที่อยู่ ๆเราก็หายไปแบบนั้น”
“ไม่เลย ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ก็ขอแค่ให้เธอปลอดภัยไม่เป็นอะไร และตอนนี้เธอกลับมาหาเราอย่างปลอดภัยก็ดีมากแล้ว”
สองสาวรุ่นใหญ่พูดคุยกันเสียงดังสนุกสนาน ดังออกไปด้านนอก นานเท่าไหร่แล้วที่เมธาวีไม่ได้ยินเสียงมารดาของตัวเองหัวเราะพูดคุยกับคนอื่น เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงรีบเก็บของและเข้าไปภายในบ้านเพื่อสอบถามความเป็นมา
“คุยอะไรกันอยู่คะ หัวเราะเสียงดังเชียว”
ปิ่นอนงค์แนะนำบุตรสาวให้เพื่อนรักได้รู้จัก พร้อมเล่าวีรกรรมสมัยเรียนของทั้งคู่ให้เมธาวีฟังด้วย ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เรียนประถมและโตมาด้วยกัน ก่อนแยกจากกันไปหลายปีจนได้กลับมาพบกันอีก
เมธาวียิ้มหวานให้หญิงวัยกลางคนที่พูดคุยกับเธอและมารดาอย่างไม่รังเกียจ ดูจากรถที่ขับเสื้อผ้าที่สวมใส่ผู้หญิงคนนี้น่าจะไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป ตั้งแต่บิดาเสียเธอไม่เคยเห็นมารดายิ้มหัวเราะแบบนี้เลยสักครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
หนึ่งเดือนต่อมา…..
โครม..
“แม่!!...” เสียงร้องดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมารดาล้มหมดสติลงต่อหน้าต่อตา ขณะที่ทั้งสองเตรียมเต้าหู้นมสดขึ้นรถส่งลูกค้าตามปกติ เมื่อตั้งสติได้เมธาวีรีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที
“ใครคือญาติคุณปิ่นอนงค์ครับ”
“ฉันเองค่ะ คุณหมอแม่หนูอาการเป็นยังไงบ้างคะ”
“คนไข้เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วนะครับ อาการเริ่มจะรุนแรงขึ้นในระยะหลัง ที่หมดสติไป หมอคาดว่าน่าจะเกิดจากการพักผ่อนน้อย ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะเป็นอันตรายต่อคนไข้มากครับ”
“โรคหัวใจเหรอคะ แม่เป็นโรคหัวใจ” เมธาวีทวนคำเพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อน
“ช่วงหลังมานี้คนไข้มีอาการผิดปกติอะไรบ้างไหมครับ”
ใบหน้าสวยครุ่นคิดก่อนตอบ
“ช่วงนี้แม่บ่นว่าเหนื่อยบ่อยค่ะ และจะนอนไว”
“ต้องบอกตามตรงว่า อาการของคนไข้ค่อนข้างรุนแรงหมอต้องส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลหลักที่กรุงเทพฯ เพราะเครื่องมือที่นั่นจะครบครันมากกว่า และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็จะสูงกว่ามากด้วย ญาติติดปัญหาตรงไหนมั้ยครับ ถ้าหมอจะส่งตัวคนไข้ไป”
“ต้องรักษายังไง รักษานานแค่ไหนคะคุณหมอ”
“ต้องรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนใส่ลิ้นหัวใจเทียม ทดแทนลิ้นหัวใจเดิมครับ ส่วนระยะเวลาหมอบอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองด้วย แต่ถ้าจะไม่รักษาหมอไม่แนะนำเพราะเป็นอันตรายถึงชีวิตคนไข้ได้”
“การผ่าตัดมีความเสี่ยงมากมั้ยคะคุณหมอ มีโอกาสที่จะผิดพลาดได้มั้ย”
“มีความเสี่ยงครับ แต่โอกาสสำเร็จมีมากกว่า ยิ่งส่งตัวไปไว ยิ่งมีโอกาสที่จะรักษาได้ไวขึ้น”
“แล้วค่ารักษาละคะคุณหมอ แพงมากไหมคะ”
“พูดตามตรงก็ค่อนข้างสูงมากครับ เพราะเป็นเครื่องมือพิเศษเฉพาะทางและต้องใช้คุณหมอที่เก่งเฉพาะด้านด้วย แต่โอกาสที่คนไข้จะรอดก็มีโอกาสมากขึ้นครับ”
“หมายความว่าถ้าไม่ส่งแม่ไป แม่จะตายเหรอคะ”
“จากที่หมอตรวจถ้าไม่รีบรักษาโอกาสรอดมีน้อยครับ”
“เมย์ขอปรึกษาญาติก่อนนะคะ แล้วจะให้คำตอบ”
“ขอคำตอบก่อน18:00น. วันนี้ได้ไหมครับ คือหมอติดต่อโรงพยาบาลทางโน้นไว้แล้ว หากญาติคนไข้ตกลงทางโรงพยาบาลจะส่งตัวผู้ป่วยไปที่นั่นทันที ยิ่งตัดสินใจได้ไวก็ยิ่งเป็นผลดีกับผู้ป่วยเอง”
“ค่ะ” มืดแปดด้านมันเป็นเช่นนี้เองสินะ ตอนนี้เธอไม่มีญาติที่ไหนที่เป็นที่พึ่งพิงได้เลยสักคนเดียว ในหัวตอนนี้คือจะหาเงินที่ไหนมาเพื่อที่จะรักษาแม่ เธอจะทำอย่างไรทำไมโชคชะตาถึงได้ใจร้ายกับเธอนักนะ
งานช่วงค่ำกรวัฒน์ยืนแนะนำแขกที่สนใจดอกไม้ที่เขาเพาะ ทั้งที่เป็นงานที่เขาชอบ แต่เขากลับไม่มีสมาธิอยู่กับงานตรงหน้าเลย เพราะใจจดจ่ออยู่แต่กับคนตัวเล็กที่ยืนคุยกับลูกค้าเขามองเธอที่สวยโดดเด่นกว่าบรรดาสาว ๆ ที่อยู่ในงาน เธอสวยจนดึงดูดสายตาทุกคนในงานให้หันไปสนใจที่เธอคนเดียวได้ ช่วงเช้าว่าหนุ่ม ๆ มาวอแวเธอเยอะแล้ว ช่วงเลิกงานยิ่งเยอะกว่าเดิม เพราะคนที่มางานช่วงเช้า ถ่ายรูปเธอไปลงโซเชียล จนมีหลายคนตามมายิ่งเห็นเหล่าหนุ่ม ๆ รายล้อมจนทำให้มองไม่เห็นคนตัวเล็ก เขาก็ทนไม่ไหว เดินพุ่งตรงไปหาเธอแล้วจูงมือพาเธอเดินออกมาจากวงล้อมนั้นทันที โดยไม่แคร์สายตาใครต่อใคร ปล่อยให้พนักงานของเขาดูแลลูกค้าต่อ“คุณกรทำอะไรคะ” เมธาวีถามเสียงขุ่น ที่จู่ ๆ เขาก็ลากเธอออกมา“ผมจะพาคุณกลับบ้าน” เขาบอกเสียงเครียด“ทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น”“คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักเถอะ” เมธาวีเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ“แต่นี่งานวันสุดท้ายแล้วนะคะ อีกไม่กี่ชั่วโมงงานก็จบแล้วจะได้พักพร้อมคนอื่น”“แต่ผมทนไม่ไหวแล้
“เมย์เป็นแฟนจริง ๆของผมได้มั้ย”“เดี๋ยวก่อน คุณรู้ตัวรึเปล่าเนี่ย ว่ากำลังพูดอะไรออกมา”“รู้สิ มีสติครบสามสิบสองถ้วน ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกที ผมก็รักคุณหมดใจไปแล้ว” ให้ตายเถอะนี่เขาสารภาพรักเธอหน้าห้องน้ำเนี่ยนะ“แล้วคุณล่ะ รู้สึกยังไงกับผม” เมธาวีพยายามกันตัวออกจากอ้อมกอดเขา“อยู่นิ่ง ๆแบบนี้ก่อน” เขาบอกเสียงนุ่ม ใบหน้าหญิงสาวร้อนผ่าว รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ถ้าจะบอกไปตามตรงว่าเธอเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน มันจะไวไปมั้ยนะไม่รู้ว่าเริ่มต้นเมื่อไหร่เหมือนกัน รู้ตัวอีกทีเธอก็ตกหลุมรักเขาให้แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มีผลต่อเธอทั้งนั้น“เมย์คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบไป”เมธาวีสะบัดศีรษะไปมา เขาปล่อยเธอเป็นอิสระ“คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย” ปากบางเม้มแน่นเข้าหากัน ใบหน้าก้มต่ำ หลบตาไม่มองคนถาม“ขอเวลาให้ฉันคิดหน่อยค่ะ มันเร็วเกินไปที่จะให้คำตอบคุณตอนนี้”“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าคุณแดงมาก”
ณ งานจัดแสดงสินค้าย่านบางนา วันนี้กรวัฒน์พาเมธาวีมาดูที่จัดดอกไม้ในงานแสดงพันธุ์ไม้ต่าง ๆที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี เขาตั้งใจจะเอาพรรณไม้ที่เพราะเองมาแสดงที่นี่ เนื่องจากเป็นงานใหญ่เลยต้องลงมาดูด้วยตนเอง“ฉันพึ่งเคยมาตอนที่มันโล่งแบบนี้ครั้งแรกเลยค่ะ ปกติแค่มาเดินดูงานที่เขาจัดเสร็จแล้ว”“แสดง3-7วันแต่เราต้องเตรียมงานกันเป็นเดือน ๆ” เธอรู้เพราะเธอได้ช่วยตั้งแต่ขั้นตอนแรก และครั้งนี้เธออาสาออกแบบบูธแสดงสินค้าด้วยตัวเอง“ฉันจะทำให้เต็มที่ไม่ให้คุณผิดหวัง”“ผมจะรอดูนะ” เขาไม่ได้คาดหวังให้เธอทำอลังการอะไร แค่ให้ออกมาตามแบบที่วางไว้ก็โอเคแล้ว เพราะเขาเช่าพื้นที่เยอะที่สุด หวังให้ทุกคนเห็นสิ่งที่เขาพยายามทุ่มเทมานานหลายปี ที่ผ่านมา ทำงานทั้งวันจนลืมไปเลยว่าเขาและเธอยังไม่ได้กินอะไรเลย บ้างานด้วยกันทั้งคู่“เมย์คุณหิวหรือเปล่า”“ยังค่ะ” จ๊อกก สิ้นเสียงใส ๆ ท้องเจ้ากรรมก็ดังประท้วงต่อหน้าทำเธอเขินเลย เขามองยิ้ม ๆด้วยความเอ็นดู“ผมหิวแล้วเราไปหาอะไรกินกันก่อน ชั้นล่างมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่” บอกพร้อมเดินนำเธอไป แล้วต้องเจอคนที่ไม่อยากเจอ “เฟอรี่!” กรวัฒน์อุทานออกมาเบา ๆ ตั้งใจจะพาเมธาวีหลบแต่ไม่ทัน ถ
“ก็หัวเราะมึงสิวะไอ้กร ชอบเขาขนาดนี้ยังมามัวเก๊กอยู่นั่นแหละ”“ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”“เออสิ ถามจริงเคยบอกชอบเขาไปหรือยัง”“ไม่เคย แต่กูก็ทำให้เขารู้นะ”“โธ่ ไอ้พ่อพระ มัวแต่รอให้เขาคิดได้เอง ไม่ทันกินกันพอดี ของแบบนี้มันต้องชัดเจนไปเลย บอกเขาไปเลย”“กูกลัวเมย์ไม่ได้คิดแบบกู”“มึงเชื่อกู ชอบก็ไปแสดงความเป็นเจ้าของให้คนอื่นได้รู้ เดินหน้าจีบไปเลยจะได้ไม่ต้องมานั่งเครียดแบบนี้”เขายอมรับว่าหงุดหงิด ไม่สบายใจที่ปล่อยให้เธอไปคนเดียว แต่จะให้เขาคอยตามเธอตลอดในฐานะอะไรล่ะ เขาคิดก่อนจะนึกขึ้นได้ แฟนกำมะลอไง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้น ไวเท่าความคิดตอนนี้เขามาอยู่ที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วและภาพที่เขาเห็นยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปอีก แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ เมธาวียืนคุยกับไอ้หมอหนุ่มนั่น กรวัฒน์ไม่รอช้าเดินกึ่งวิ่งไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นทันที“เมย์”“พี่กร มาได้ยังไงคะ” หลังตกลงเป็นแฟนกำมะลอเพื่อความสมจริง เธอและเขาต้องเปลี่ยน
เวลาในการประกวดจะอยู่ที่ 72 ชั่วโมง และดอกไม้ที่นำมาใช้ต้องอยู่ต่อไปได้ ถึง 7 วัน ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายมาก เป็นการประกวดที่ใช้เวลายาวนาน และยังเปิดให้ประชาชนเข้าชมถ่ายรูปและร่วมโหวตให้คะแนนแก่ผู้เข้าแข่งขันได้หลังตกแต่งเสร็จเป็นการประกวดที่ได้โชว์ทั้งความสามารถของผู้เข้าแข่งขัน และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ทุกคนได้เข้ามาชม เกิดเป็นแหล่งการค้าให้พ่อค้าแม่ค้าได้มาตั้งแผงขายอาหารให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมงานอีกด้วย หลายวันมานี้เมธาวีตั้งใจแสดงฝีมือของตนออกมาอย่างเต็มที่ เธอใช้ชีวิตทั้งวันอยู่ที่หน้างาน จนผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจและพร้อมเปิดให้ทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมได้ที่สำคัญหญิงสาวไม่ลืมที่จะเดินทางไปขอบคุณธนนท์ ที่เขาช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์ที่ขาดไปให้ จนเธอได้สานฝันของตัวเองได้สำเร็จ“คุณเมย์เข้าใจผิดแล้วครับ คนที่จัดการเป็นธุระเรื่องหาฉากมา ไม่ใช่ผมแต่เป็นไอ้กร ผมแค่เป็นคนเอามาส่งให้เท่านั้น หากจะขอบคุณควรไปขอบคุณคนนั้น”“คุณกรเหรอคะ”“ใช่ครับมันโทรให้ผมรีบเอามาให้คุณเมย์ ก่อนมันไปตรวจเมล็ดพันธุ์ที่ญี่ปุ่น” ริมฝีป
“ว้าย..”“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมเดินไม่ดูทาง” เสียงดุเข้มต่อว่า พร้อมกับสำรวจร่างกายหญิงสาวจนทั่ว“คุณมาได้ยังไง” ดวงตาวาวถามกลับอย่างสงสัย “ผมก็มาเยี่ยมคุณน้าแทนคุณ เห็นช่วงนี้คุณยุ่งทั้งวันผมกลัวคุณน้าจะเหงา” หลายวันมานี้เธอยุ่งมากกลับบ้านดึกทุกวัน“ขอบคุณนะคะ” ท่าทีอ่อนลงเมื่อได้ฟังเขาพูด เธอมัวแต่ยุ่งกับเรื่องอื่นจนละเลยแม่ตัวเอง เห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเธอแล้วเขาก็ถอนใจ“ผมไม่ได้จะต่อว่าคุณ ให้รู้สึกผิดนะผมแค่..”“เรื่องจริงค่ะ ฉันละเลยแม่ไปจริง ๆ” เธอบอกเสียงเศร้าพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า เขาเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกผิดที่พูดแรงไป“เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ”“ครับ” เขาบอกพร้อมกับจับมือเธอดึงหลบรถอีกคัน ก่อนจะจูงมือเดินเข้าไปด้วยกัน เมธาวีแอบหวั่นไหวเธอลอบมองเขาแล้วเผลอยิ้มหลายรอบท่าทางมีความสุขของทั้งสอง อยู่ในสายตาของคุณหมอหนุ่มที่เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี“เมย์มาเยี่ยมคุณป้าเหรอ”“อืม”“ดีเลยเราก็จะไปเยี่ยมคุณป้าพอดี ไปพร้อมกันมั้ย” พูดขณะที่สายตามองมือเธอที่ถูกเขากุมไว้ไม่ยอมปล่อย เห็นดังนั้นกรวัฒน์จึงดึงเอวบางกระชับเธอเข้ามาหาตัว“คุณหมอไม่ต้องทำงานเหรอครับ พวกเราไม่อยากรบกวน จริงมั้ยที่