เมืองหลวงแค้นเป่ยหลี่
"ฝ่าบาท ได้ข่าวของน้องบ้างหรือไม่" สตรีสูงศักดิ์ที่อยู่เหนือคนทั้งแผ่นดินเอ่ยตามบุตรชายที่ตอนนี้ครองตำแหน่งฮ่องเต้ปกครองแคว้น "มิมีผู้ใดพบเห็นผู้ที่มีลักษณะคล้ายน้องรองเลยพะยะค่ะเสร็จแม่" บุรุษที่อยู่ในชุดลายมังกรเอ่ยด้วยอ่อนใจ "นานมากแล้ว แม่ไม่รู้ว่าเยี่ยนเออร์จะเป็นเยี่ยงไรบ้าง" ไทเฮาเอ่ยขึ้นด้วยความเศร้าโศก เกือบยี่สิบปีแล้วที่เขาไม่รู้ว่าบุตรคนรองเป็นตายร้ายดีเช่นไร "เสด็จแม่อย่าได้กังวลพระทัย ลูกสัญญาว่าจะตามหาเยี่ยนเออร์จนกว่าจะพบ หากยังไม่พบลูกจะมิมีวันเลิกตามหาน้องพะยะค่ะ" เซียวเฟยหลงเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ "แม่เป็นห่วงน้องเหลือเกินฝ่าบาท" ไทเฮาพูดพลางน้ำตาคลอ ตั้งแต่โอรสคนรองหายไปนางรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากแต่จำต้องเข้มแข็งมิเช่นนั้นบัลลังค์โอรสองค์โตของนางอาจสั่นคลอนได้ "ท่านแม่โปรดถนอมพระวรกายเถิดพะยะค่ะ ไม่ใช่แค่ลูกที่ส่งคนออกตามหาน้อง ตอนนี้คนของน้องสามเองก็เริ่มตามหาน้องรองเช่นกัน" หน่วยเหยี่ยวดำที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นโดยชินอ๋องได้ไม่นานมากนักขึ้นชื่อเรื่องการสืบข่าว ยามนี้ปลอดภัยสงครามแล้วชินอ๋องจึงให้หน่วยเหยี่ยวดำเริ่มออกตามหาน้องชายของตนหวังพาหวนคืนสู่บ้านเกิด "แม่จะดูแลตัวเองเพื่อรอน้องของเจ้ากลับมา เราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง" แคว้นเป่ยหลี่ ถูกปกครองด้วยราชวงศ์ เซียว ฮ่องเต้องค์ก่อนมีนามว่า เซียวอี้ซวน อภิเษกสมรสกับคุณหนูตระกูลหาน นามว่า หานเสวี่ยอิง หรือก็คือองค์ไทเฮาในปัจจุบัน แม้พระองค์จะมีสนมมากมายแต่กลับมีพระโอรสที่เกิดจากฮองเฮาของพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นเหตุเพราะพระองค์นั้นไม่เคยมีคืนวสันต์กับสนมเหล่านั้นเลยเนื่องจากพระองค์ทรงมีใจรักฮองเฮาของพระองค์เพียงผู้เดียว ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระโอรสทั้งสิ้นสามคน นั่นก็คือ เซียวเฟยหลง โอรสองค์โตที่เป็นเอกบุรุษและเป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เซียวเฟยเยี่ยน โอรสคนรองที่เป็นเกอและหายสาปสูญไปตั้งแต่พ้นวัยปักปิ่นได้ไม่นาน คนสุดท้าย เซียวเฟยเทียน โอรสองค์สุดท้องเป็นเอกบุรุษ ดำรงตำแหน่งชินอ๋องแม่ทัพใหญ่ของแคว้น หลังจากพระโอรสองค์รองหายตัวไปทำให้ฮ่องเต้เซียวอี้ซวนเป็นกังวลจนถึงขั้นประชวร เพราะเซียวเฟยเยี่ยนนั้นเป็นบุตรที่พระองค์และทั้งสามคนนั้นรักเป็นอย่างมากด้วยว่าเป็นบุตรเกอเพียงคนเดียวทำให้ประคบประหงมมาเป็นอย่างดี หลังจากที่ฮ่องเต้เซียวอี้ซวนประชวรได้ซักพักใหญ่พระองค์ทรงทราบว่าพระวรกายของตนเองไม่อาจฝืนไปมากกว่านี้แล้วจึงตัดสินใจยกบัลลังค์ให้แก่โอรสองค์โตเพราะเกรงว่าจะมีการก่อกบฏจากเหล่าขุนนางที่คิดไม่ซื่อขึ้นเสียก่อน แม้ถึงคราวผลัดเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่แต่สิ่งที่ยังคงมีรับสั่งเฉกเช่นเดิมแม้เวลาจะผ่านมานานจนถึงปัจจุบันก็คือ "ตามหาน้องชายของเจิ้นให้เจอ แม้ต้องว่าต้องตามหาทั่วหล้าหรือเหลือเพียงป้ายวิญญาณก็ต้องพาน้องชายของเจิ้นกลับมาที่วังหลวงให้ได้ " หมู่บ้านเซียนซาน "ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่ว่าเราล้อมรั้วที่ดินดีหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามความเห็นสามี "ดีสิ เจ้าต้องการล้อมที่ตรงไหนบ้างเล่า" หวังลี่หมิงก็ยังคงตามใจภรรยาเช่นเคย "ข้าต้องการล้อมรั้วที่ดินทั้งหมดขอรับ รวมถึงบ้านของเราด้วย" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบ "ได้สิ ว่าแต่เจ้าต้องการรั้วแบบใดหรือ" "ข้าต้องการรั้วอิฐขอรับ" หลี่เฟินหนิงต้องการรั้วที่มีความแข็งแรงทนทานหน่อยและคนนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ "เช่นนั้นพรุ่งนี้ขายของเสร็จเราไปสอบถามช่างในเมืองกัน" หวังลี่หมิงเอ่ยบอก หากต้องการสร้างรั้วที่เป็นอิฐต้องไปจ้างช่างในเมืองเท่านั้นชาวบ้านธรรมดาไม่สามารถทำได้ "ขอรับ อ้อ ข้าอยากได้คนงานมาขุดดินสำหรับทำสวนและขุดบ่อน้ำด้วยขอรับ" หลี่เฟินหนิงนึกขึ้นได้ก็รีบเอ่ยบอก "ถ้าทำแปลงผักเราจ้างคนในหมู่บ้านดีหรือไม่ ชาวบ้านจะได้มีรายได้" หวังลี่หมิงออกความเห็น ชาวบ้านนั้นหมู่บ้านเซียนซานนั้นค่อนข้างยากจนแร้นแค้นเป็นอย่างมาก หลี่เฟินหนิงได้ยินดังนั้นก็มองสามีด้วยรอยยิ้ม "มีอันใดหรือ เหตุใดเจ้าถึงมองพี่เช่นนี้" หวังลี่หมิงที่เห็นภรรยามองตนเองด้วยสายตาชื่นชมจึงอดที่เอ่ยถามออกไปไม่ได้ "ท่านพี่ช่างเป็นคนจิตใจดีนักขอรับ แม้ว่าหลายคนในหมู่บ้านไม่ชอบท่านแต่ท่านพี่ยังหยิบยื่นโอกาสหารายได้ให้แก่พวกเขา" หลี่เฟินหนิงมองสามีด้วยรอยยิ้มภูมิใจ "พี่เพียงเข้าใจคนที่ไม่มีจะกินเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับโอกาสที่พี่หยิบยื่นให้หรือไม่" หหวังลี่หมิงไม่เคยคิดแค้นคนที่รังเกียจตนเองเลยสักนิด "ถ้าเขาไม่รับเราไม่จ้างคนอื่นก็ได้ขอรับ" หลี่เฟินหนิงไม่ได้สนใจพวกชาวบ้านปากมากพวกนั้นอยู่แล้ว ไม่อยากได้เงินก็ไม่ต้องมาทำสิ "เช่นนั้นพี่จะไปหาท่านลุงจางให้รับสมัครคนงานไว้ให้" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยา จะว่าจ้างคนในหมู่บ้านจำนวนมากคงต้้องให้ผู้นำหมู่บ้านประกาศหาให้ "ขอรับ ข้าจะทำอาหารเย็นรอนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกสามี อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากบ้านไป หลี่เฟินหนิงจึงลุกขึ้นเดิเข้าครัว วันนี้เขาคิดจะทำข้าวผัด กินกับผัดผักบุ้งและน้ำพริกกะปิ โดยเริ่มจากตำน้ำพริกกะปิก่อน หลี่เฟินหนิงนำกะปิไปย่างไฟจากนั้นนำพริกขี้หนูใส่ลงไปในครกหนึ่งกำมือเต็มๆ ใส่กระเทียม น้ำตาลลงไปโขลกทุกอย่างพอหยาบๆแล้วจึงใส่กะปิที่ย่างแล้วลงไปโขลกทุกอย่างให้เข้ากันอีกครั้งจึงเทน้ำอุ่นลงไปให้พอดีกับสัดส่วนของเครื่องที่โขลกไว้ตบท้ายด้วยการบีบมะนาวและคนทุกอย่างให้เข้ากัน ต่อมาก็ลงมือทำข้าวผัด เขาหั่นหมูเป็นชิ้นๆตามด้วยมะเขือเทศและผักคะน้า จากนั้นก็นำกระทะขึ้นตั้งไฟใส่น้ำมันรอให้ร้อนแล้วจึงใส่กระเทียบสับหยาบลงไปเมื่อกระเทียมเริ่มส่งกินหอมจึงใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้สุกตามด้วยไข่ไก่อีกสองฟอง ยีไข่ให้แตกแล้วจึงใส่ข้าวยสวยที่กินไม่หมดในตอนเที่ยงลงไปปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน ผัดทุกอย่างให้เข้ากันแล้วจึงใส่ผักคะน้าและมะเขือเทศลงไปผัด รอจนผักคะน้าสุกก็เป็นอันเสร็จ อย่างสุดท้ายคือผัดผักบุ้ง หลี่เฟินหนิงเลือกจะปรุงผักบุ้งตั้งแต่ยังไม่นำลงไปผัดเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ผักสุกจนเกินไป อีกทางหนึ่งหวังลี่หมิงก็เดินเท้าไปที่บ้านผู้นำหมู่บ้านซึ่งก็ได้รับสายตารังเกียจและคำนินทาเช่นเคยแต่เขาก็ไม่สนใจยังคงเดินไปที่บ้านของผู้นำหมู่บ้านต่อ "ท่านลุงจางขอรับ อยู่ หรือไม่ขอรับ" หวังลี่หมิงตะโกนเรียกผู้นำอยู่หน้าบ้าน "นี่เจ้ามาทำไมอีก" นางจางหวินได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจึงออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ถามด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจทันที "ข้ามาหาท่านลุงจางขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยบอกด้วยท่าทางนอบน้อมเช่นเดิม "เจ้ามีธุระอันใดเล่า" นางจางหวินเอ่ยถาม แม้จะไม่ชอบหน้าแต่ความอยากรู้อยากเห็นนั้นมีมากกว่า "ข้าจะพูดคุยเรื่องว่าจ้างชาวบ้านน่ะขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบ "เจ้าจะจ้างงานชาวบ้านรึ" นางจางหวินถามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลจะมีเงินถึงขนาดจ้างคนงาน แล้วมาแจ้งผู้นำหมู่บ้านเช่นนี้นั่นหมายความว่าต้องการจ้างหลายคนมิใช่หรือ แต่เมื่อนึกได้ว่าก่อนหน้านั้นสองสามีภรรยานั่นซื้อเกวียนไปแล้วก็เริ่มคิดว่าสองคนนี้คงจะมีเงินไม่น้อยเลยทีเดียว "ใช่ขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบโดยไม่สนใจท่าทีของคนตรงหน้า "รอสักประเดี๋ยว ข้าจะไปตามตาแก่นั่นมาให้" เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีเงินนางจางหวินก็เปลี่ยนท่าทีเป็นมิตรในทันที คนมีเงินมีทองนางควรผูกมิตรไว้วันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบากคิดได้ดังนั้นจึงรีบไปตามสามีมาให้บุรุษหนุ่มทันที "มีอะไรหรือลี่หมิง" จางเหว่ยที่ถูกภรรยาไปตามก็เดินออกมาพบหวังลี่หมิงที่หน้าบ้าน "ข้าต้องการคนงานไปขุดแปลงผักและขุดบ่อน้ำนะขอรับ ข้าจึงมาขอให้ท่านลุงจางช่วยประกาศหาชาวบ้านที่สนใจให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยบอกจุดประสงค์ของตนเองทันที "ได้สิ ว่าแต่เจ้าจะจ้างพวกเขาเท่าใดเล่าข้าจะได้แจ้งแก่คนที่สนใจ" จางเหว่ยไม่ได้แปลกใจที่หวังลี่หมิงต้องการจ้างคนเพราะเจ้าตัวเพิ่งจะซื้อที่ดินจำนวนมากไป แต่การจ้างงานก็ควรที่จะให้ค่าแรงที่สมเหตุสมผล "ข้าให้วันละ 30 อีแปะขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบด้วยท่าทีสบายๆ "30 อีแปะเชียวรึ! " สองสามีภรรยาถึงกับต้องใจกับค่าจ้างนั่นมันมากกว่ารับจ้างในเมืองเสียอีก หากไปรับจ้างในเมืองนั้นยังได้เพียง 20 อีแปะเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกอยากผูกมิตรของนางจางหวินเพิ่มขึ้นอีก "ขอรับ" "เช่นนั้นย่อมมีคนสนใจแน่ เดี๋ยวข้าจะจัดการบอกชาวบ้านให้แล้วเจ้าค่อยมากคัดคนเอาเองก็แล้วกัน " จางเหว่ยเอ่ยบอก "ขอบคุณท่านลุงจางมากขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยบอก คนตรงหน้า "ไม่เป็นไรๆ อย่างไรมันก็เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องคอยช่วยเหลือลูกบ้าน" จางเหว่ยตอบกลับ "เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อนนะขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยลาแล้วรีบเดินกลับบ้านเพราะมีภรรยาคนงามรอกินข้าวอยู่ "ท่านพี่กลับมาแล้วหรือขอรับ ข้าทำอาหารเสร็จพอดี" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกสามีในขณะที่นำอาหารจานสุดท้ายวางลงบนโต๊ะกินข้าว "กลิ่นหอมเสียจริง ภรรยาของพี่ช่างเก่งนัก" หวังลี่หมิงพูดหยอดภรรยาทันที "ท่านพี่ก็ " หลี่เฟินหนิงรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนจนแทบแตก "หึหึ แล้วนี่เจ้าทำสิ่งใดให้พี่กินหรือ" หวังลี่หมิงมองอาหารหน้าตาแปลกประหลาดก่อนจะถามภรรยาเช่นเคย "อันนี้เป็นข้าวผัดขอรับ อันนี้เป็นผัดผักบุ้งกับน้ำพริกกะปิกินกับข้าวผัดอร่อยมากนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงรีบนำเสนอเมนูอาหารให้สามีฟัง "เหตุใดน้ำพริกนี่ถึงกลิ่นแรงเช่นนี้" เมื่อตักน้ำพริกกะปิเข้้ามาใกล้หวังลี่หมิงก็ได้กลิ่นกะปิ "กลิ่นกะปิน่ะขอรับ ถึงจะกลิ่นแรกไปหน่อยแต่รวฝสชาติดีนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกสามี "อื้ม เป็นจริงดังเจ้าว่า" เมื่อตักเข้าปากก็พบว่าน้ำพริกกลิ่นแรงนี้รสชาติไม่ได้แย่ เมื่อกินกับข้าวผัดก็เข้ากันได้ดียิ่ง อาหารวันนี้ถูกหวังลี่หมิงซัดหมดเช่นเคยสร้างความสุขใจให้แก่คนทำยิ่งนัก  ยังไม่ได้แก้คำผิด วันต่อมาเฝิงลี่หมิงก็ยังมีอาการเช่นเดิม แต่เซียวเฟินหนิงเองก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติเขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลียและง่วงงุนอยู่ตลอดเวลา จะว่าพักผ่อนน้อยก็ไม่น่าใช่เพราะเมื่อวานตนกับสามีก็พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ "ท่านพี่ไหวหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีที่มีใบหน้าซีดเซียวจากการลุกขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่เช้า"หนิงเออร์~" เฝิงลี่หมิงรีบเข้าไปสวมกอดภรรยาอย่างออดอ้อนทันที"เป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ" "พี่รู้สึกพะอืดพะอมและเวียนหัว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยาพลางซุกไปที่ลำคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นกายของคนรัก"เช่นนั้นข้าจะพาท่านพี่ไปหาหมอดีหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีแต่อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้า"ไม่เอา แค่กอดเจ้าอยู่แบบนี้พี่ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"ท่านพี่รอสักประเดี๋ยวนะขอรับ" เซียวเฟินหนิงคิดบางอย่างได้เกี่ยวกับอาการของผู้เป็นสามีประกอบกับอาการอ่อนเพลียและง่วงงุนของตนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที"เจ้าจะไปที่ใด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามพลางช้อนตามองภรรยา"ข้าจะเข้าไปในมิติท่านเทพขอรับ ข้าคิดว่าพอจะรู้สาเหตุการป่วยของท่านพี่แล้วเพียงแต่ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถ
เหลาอาหารซูเหอเปิดได้ไม่นานก็เต็มไปด้วยบรรดาลูกค้าเต็มร้านด้วยว่าราคาอาหารเป็นที่จับต้องได้ทุกชนชั้นและที่เหลาอาหารมีกฎสำคัญที่ว่าลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง เศรษฐีหรือว่าคนธรรมดาก็คือลูกค้าเหมือนกันและจะต้องถูกปฏิบัติเหมือนกัน นั่นจึงทำให้เหลาอาหารแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกชนชั้นและสร้างความอิจฉาให้แก่คนที่ทำกิจการเดียวกัน"เสี่ยวเออร์ ข้าขอต้มยำกุ้ง กุ้งผัดพริกเกลือ ปลาผัดฉ่า" "ได้ขอรับ""เสี่ยวเออร์ ของข้าขอปลานึ่งมะนาว ปลา สามรส หมึกผัดไข่เค็ม""ได้ขอรับ""ข้าเอาต้มยำหัวปลา ต้มยำกุ้ง หมูมะนาว แล้วก็น้ำชา"เสียงสั่งอาหารเซ็งแซ่พร้อมกับบรรดาเสี่ยวเออร์ที่วิ่งสุ่นสร้างความคึกคักให้แก่เหลาอาหารซูเหอไม่น้อย ลูกค้าหลายคนต่างตื่นตาตื่นใจกับอาหารของร้านที่ไม่เคยเห็นอีกทั้งรสชาติยังอร่อยจัดจ้านทำให้แต่ละวันเหลาอาหารซูเหอทำกำไรได้หลายร้อนตำลึงเลยทีเดียว"ลูกค้ามีการตำหนิอันใดมาบ้างหรือไม่" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามหลงจู๊ร้าน"ไม่มีขอรับ ลูกค้าต่างชื่นชมว่าเหลาอาหารของเรารสชาติดียิ่งนักขอรับ" หลงจู๊ร้านเอ่ยตอบ"ดี หากลูกค้ามีสิ่งใดต้องการให้ปรับปรุงต้องรีบแจ้งข้าหรือฮูหยิน
เมืองหลวงแคว้นเป่ยหลี่"หนิงเออร์ส่งจดหมายมาว่าเยี่ยงไรบ้าง" โอรสสวรรค์ตรัสถามพระอนุชาร่วมอุทร"ทูลฝ่าบาท หนิงเออร์บอกว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการปล้นเสบียงเกิดขึ้นที่เมืองซานหลาง ตอนนี้ทางฝั่งหนิงเออร์จับโจรเหล่านั้นได้แล้วเจ้าเมืองเฝิงคงหรันได้ทำการไต่สวนพวกโจรต่างสารภาพว่าถูกจ้างและข่มขู่มาจากบุคคลนิรนามให้ออกปล้นชาวเมืองเพื่อสร้างความปั่นป่วนและลอบสังหารองค์ชายหกและท่านชายเฝิงเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าทั้งสองสิ้นพระชนม์จากการถูกปล้นพะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ทางนั้นคงเริ่มแล้ว" โอรสสวรรค์ตรัสพลางถอนหายใจ"กระหม่อมคาดว่าพวกเขาจะลงมือในงานเทศกาลล่าสัตว์ที่จะถึงนี้พะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลสิ่งที่ตนเองคิด"เจิ้นก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น" โอรสสวรรค์ตรัสอย่างเห็นด้วย งานเทศกาลล่าสัตว์เป็นช่วงที่มือสังหารแฝงตัวมาได้ง่ายเพราะต่างก็มีหลายคนเข้าร่วม"กระหม่อมจะเพิ่มจำนวนองครักษ์เงาให้เฝ้าระวังพะยะค่ะ" "อืม อย่าลืมส่งไปอารักขาไทเฮาและฮองเฮา" "พะยะค่ะ เอ่อ หนิงเออร์ส่งของมาให้ฝั่งเราด้วยพะยะค่ะ" ชินอ๋องเอ่ยทูลเมื่อนึกขึ้นได้ว่านอกจากจดหมายแล้วยังมีหีบขนาดใหญ่หลายหีบ"คือสิ่งใดหรือ" ฮ
กลางดึกสงัดท่ามกลางความเงียบในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนซึ่งแต่งกายมิดชิดปกปิดใบหน้าย่องมาที่บ้านหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบเพียงแต่ไม่ได้ทำอะไรก็ล่าถอยไปรุ่งเช้าวันใหม่สองสามีภรรยาตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วสองสามีภรรยาก็พากันเดินขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังตัวเมือง รถม้าคันงามมาจอดที่หน้าจวนของท่านเจ้าเมืองบ่าวเฝ้าประตูก็รีบเปิดให้เข้าไปทันที"คาระวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงคำนับ"ได้ยินว่าพวกเจ้าสองคนสามารถหาแหล่งน้ำได้" เฝิงคงหรันเอ่ยถาม"ขอรับ ข้าสองคนได้ซื้อเครื่องมือจากชาวตาสีฟ้ามันสามารถหาแหล่งน้ำใต้ดินได้ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเลือกที่จะโกหกออกไปเช่นนั้น เพราะคนในยุคนี้มักจะตื่นตาตื่นใจกับสินค้าของชาวต่างชาติอยู่แล้ว"ข้าเคยได้ยินว่าพวกชาวตาสีฟ้ามักจะมีของแปลกประหลาดมาขายและใช้งานได้ดี เห็นทีคงจะเป็นเรื่องจริง" เฝิงคงหรันพูดอย่างตื่นเต้น"อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องเครื่องมือนี้นะขอรับ ให้คนของเราที่ไว้ใจได้เป็นผู้ที่ใช้สิ่งนี้หาแหล่งน้ำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้ หลังจากที่หาแหล่งน้ำให้ชาวเมือ
หลังจากพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จสองสามีภรรยาก็พากันเดินกลับมาที่บ้านของตน ดูเหมือนว่าปัญหาครั้งนี้ใหญ่เกินไปยากที่จะแก้ไข เขาไม่สามารถทำฝนเทียมได้เหมือนยุคที่เขากลับมา เฮ้อ~"อย่ากังวล" เฝิงลี่หมิงลูบหัวภรรยาที่นั่งถอนหายใจ"ข้าไม่รู้ว่าช่วยพวกเขาอย่างไรดี" เซียวเฟินหนิงเอ่ย ไม่รู้ว่าในมิติจะมีของที่ช่วยแก้ปัญหาได้หรือเปล่า"ช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอแล้ว มันมิใช่หน้าที่ของเจ้าด้วยซ้ำที่ต้องแก้ปัญหา" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยา เขาไม่ชอบที่ภรรยาของเขามีเรื่องกังวลใจ"ปัญหาครั้งนี้หนักหนานัก ท่านพ่อคงกังวลใจไม่น้อย ทางวังหลวงเองก็มีเรื่องวุ่นวายข้าเกรงว่าหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น" หากขาดแคลนน้ำและอาหารผู้คนคงล้มตายเป็นจำนวนมากแน่"เราไม่สามารถช่วยได้ทุกคนหรอกนะหนิงเออร์ หากว่ามีการสูญเสียเกอดขึ้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า" เฝิงลี่หมิงกุมมือคนรัก"ข้ารู้ขอรับ เพียงแต่ข้านั้นมีมิติวิเศษติดตัวข้าคิดว่าในมิติอาจจะมีของวิเศษที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้" เซียวเฟินหนิงเอ่ยกับสามี"ปล่อยให้ทางการแก้ปัญหาก่อนเถิด หากพวกเขาทำไม่ได้จริงๆเราค่อยหาวิธีช่วยเหลือ บอกตามตรงว่า
"องค์ชายหก ท่านชาย ได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ""ท่านพ่อ อย่าทำเยี่ยงนี้ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงรีบเข้าไปพยุงเฝิงคงหรันให้ลุกขึ้น"พ่อละเลยหน้าที่ปล่อยให้นายอำเภอยักยอกเสบียง หากเจ้าสองคนไม่ไปเจอเหล่าผู้อพยพคงพากันอดตายเป็นแน่" เฝิงคงหรันพูดอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านพ่อนะขอรับ เราทุกคนต่างรู้ว่าท่านพ่อทำงานหนักทุกวันออกหาซื้อเสบียงมาช่วยเหลือทุกคน หากจะมีคนผิดก็คือนายอำเภอที่โลภมากผู้นั้น" เซียวเฟินหนิงเอ่ย"หนิงเออร์พูดถูกขอรับ คนชั่วช้าผู้นั้นต่างหากที่ผิด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบ้าง"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่หากว่าพ่อตรวจสอบให้ดีกว่านี้..." "มิมีผู้ใดไม่เคยผิดพลาดขอรับ ตอนนี้ท่านพ่อได้สั่งลงโทษคนผิดแล้วตอนนี้เราควรเอาเวลาไปคิดว่าจะช่วยเหลือผู้อพยพอย่างไรต่อดีกว่าขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยตัดบท ตอนนี้ชีวิตของผู้คนย่อมมาก่อน"เช่นนั้นเราก็ไปคุยกันที่จวนเถิด" เฝิงคงหรันเอ่ยบอก ทั้งสามคนจึงเดินทางไปที่จวนเพื่อพูดคุยหารือกันจวนท่านเจ้าเมือง"ตอนนี้เสบียงของพวกเจ้ามีมากน้อยเพียงใด" เฝิงคงหรันเอ่ยถามบุตรชายและลูกสะใภ้"มีมากพอจะให้ผู้อพยพได้กิน 3-4 เดือนขอรับ แต่