Share

บทที่ 8

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-13 21:43:07

ยามอิ๋น (03:00-04:59) สองร่างที่นอนเปลือยเปล่ากอดกันอยู่ก็ตื่นขึ้น หลี่เฟินหนิงได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินอายแต่ในใจกับเข่นเคี้ยวสามีที่ทำให้เขาปวดเนื้อปวดตัวไปหมด

'ข้าเพิ่งรู้ว่าสามีเป็นคนกินจุเช่นนี้' หลี่เฟินหนิง

'ภรรยา ของข้าช่างเขินอายได้น่ารักยิ่งนัก' หวังลี่หมิง

แม้จะเขินอายมากเท่าใดแต่พวกเขาก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำ ทั้งสองลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัวของตนเองให้เรียบร้อยแล้วจึงพากันขนของขึ้นเกวียน สองสามีภรรยามาถึงแผงขายในยามเหม่า (05:00-06:59) ก็พบว่ามีผู้คนมารออยู่เต็มหน้าร้าน   ทั้งสองจึงรีบขนของลงจากเกวียนเพื่อตั้งร้าน

"มาแล้วเหรอ"

"พ่อค้าข้านึกว่าท่านจะไม่มาซะแล้ว"

"ทุกท่านใจเย็นๆก่อนนะขอรับ รอข้าตั้งร้านและย่างหมูสักครู่หรือหากใครมีธุระก็ไปทำก่อนได้ค่อยกลับมาซื้อนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกลูกค้าในขณะที่หวังลี่หมิงเริ่มก่อไฟ เมื่อเสร็จจึงให้หลี่เฟินหนิงนำหมูกับไก่มาย่างก่อนที่ตนจะขอตัวนำเกวียนไปจอดไว้ที่จอดเกวียน  ส่วนลูกค้าก็ไม่มีใครไปไหนเพราะกลัวว่าจะกลับมาซื้อไม่ทันพวกเขาจึงพากันเข้าแถวรอ   ผ่านไปสักพักหมูและไก่บางส่วนก็เริ่มสุกหลี่เฟินหนิงจึงให้หวังลี่หมิงที่กลับมาจากการนำเกวียนไปจอดแล้วมาดูแลเรื่องการย่างแทน ส่วนตัวเองก็มาทำหน้าที่รับลูกค้าที่ดูเหมือนว่าจะมารอนานแล้ว   เหตุที่มีลูกค้ามารอตั้งแต่เช้าเพราะเนื่องจากว่าเมื่อวานคนที่มาซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งไก่ปิ้งร้านนี้นำไปบอกต่อนั่นเอง

 

เหตุการณ์เมื่อวาน

"นั่นพวกเจ้าถืออะไรมารึ" 

"ข้าวเหนียวหมูปิ้งน่ะสิ เมื่อเช้ามีร้านเปิดใหม่มาขายอยู่หน้าตลาดพวกข้าจึงซื้อมากินดู"

"ใช่ ของข้าเป็นข้าเป็นข้าวเหนียวไก่ปิ้ง"

"ไหนๆ พวกเจ้าแกะให้ข้าดูหน่อย" ชายที่ไม่ได้ซื้อเอ่ยรบเร้าเพื่อนร่วมงาน เมื่อแกะออกก็ถึงกับตาเบิกกว้าง

"เพ้ย เหตุใดพวกเจ้าจึงมีเงินซื้อเนื้อมากขนาดนี้กันเล่า" ชายคนเดิมถึงกับตกใจอาหารจานเนื้อที่เพื่อนนำมา นี่มันข้าวกับหมูหกไม้  หมูหกไม้เชียวนะ!  อีกคนก็เป็นเนื้อไก่ที่ขนาดใหญ่กว่าเนื้อหมูตั้งสามไม้ 

"อาหารนี้ข้าซื้อมาเพียง 5 อีแปะเท่านั้น" 

"ส่วนของข้า 3 อีแปะ อาหารที่ร้านนั้นมีขายชุดเล็กกับชุดใหญ่ ชุดใหญ่คือแบบของเจ้านั่นได้หมูหรือไก่หกไม้ ส่วนชุดเล็กคือแบบของข้า"

"ถูกขนาดนั้นเชียวรึ" ชายคนเดิมถึงกับตลึง แม้ว่าเงินห้าอีแปะจะซื้อบะหมี่ได้หนึ่งชามแต่ในบะหมี่นั้นกลับได้เนื้อเพียงชิ้นเดียวแถมเป็นชิ้นเนื้อที่บางมาก แต่ดูอาหารจานเนื้อราคาห้าอีแปะกับสามอีแปะตรงหน้าเขาตอนนี้สิชาวบ้านอย่างพวกเขาสามารถแบ่งกินได้ตั้งสองมื้อ  ชายหนุ่ม หมายมั่นว่าพรุ่งนี้เขาจะไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งร้านนั้นให้ได้

 

"นี่เจ้าได้กินข้าวเหนียวหมูปิ้งร้านเปิดใหม่หรือยัง รสชาติดียิ่งนัก"

"จริงดังเจ้าว่า ทั้งถูกทั้งอร่อย"

"ตัวข้านั้นไม่ค่อยมีเงิน ปีนึงได้กินอาหารจานเนื้อเพียงหนึ่งครั้ง เมื่อวานข้าซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งชุดเล็กไปแบ่งกินกับหลานสองคนก็อิ่ม"  พูดคนในเมืองต่างพูดถึงเมนูแปลกใหม่ที่ทั้งอร่อยและราคาถูกทำให้ชาวบ้านที่ไม่มีเงินก็สามารถซื้ออาหารจานเนื้อกินได้ ทำให้หลายคนมารอซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งตั้งแต่เช้าเพราะกลัวว่าจะหมดก่อนเลยทีเดียว

 

กลับมาปัจจุบัน

หวังลี่หมิงย่างหมูปิ้งไก่ปิ้งมือระวิง ในขณะที่หลี่เฟินหนิงก็ต้องห่ออาหารให้ลูกค้าอย่างรวดเร็วเพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่รอนานจนพาลเกิดความโมโหเสียก่อน  ในขณะที่สองสามีภรรยากับลังวุ่นวายกับหน้าที่องตนอยู่นั้น ตรงแถวของลูกค้าก็กำลังเกิดความวุ่นวายเช่นกัน

"นี่แม่หญิง หากเจ้าต้องการซื้ออาหารร้านนี้เจ้าควรมาต่อแถว" ชายหนุ่มเอ่ยบอกคนที่กำลังเดินตรงไปที่แผงขาย

"เหตุใดข้าต้องต่อแถว" หลี่เจี่ยอิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ  นางเข้ามาในเมืองพบผู้คนมามายยืนต่อแถวนางจึงสอบถามพบว่าเป็นร้านขายอาหารจานเนื้อชื่อแปลกประหลาด เมื่อนางมองไปตรงแผงขายนางจึงได้เห็นว่าเป็นร้านของผู้ใด  นั่นมันญาติผู้น้องน่าชังกับสามีอัปลักษณ์ของมันมิใช่หรือ  เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงจะเดินไปหาทันทีแต่ดันมีบุรุษหนุ่มเอ่ยขวางนางไว้เสียก่อน

"เจ้าเห็นหรือไม่ว่าผู้อื่นเขากำลังต่อแถวกันอยู่ หากเจ้าต้องการซื้อก็จงไปต่อแถวเช่นผู้อื่นเถิด" บุรุษหนุ่มเอ่ยตอบ

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ใด ข้าคือญาติผู้พี่ของพ่อค้าผู้นั้นข้ามิจำเป็นต้องต่อแถวรอเช่นพวกเจ้า"  พูดจบหลี่เจี่ยอิงก็เชิดหน้าเดินตรงไปที่หน้าแผงขายทันที

"ข้าเอาข้าวเหนียวหมูสิบชุด ข้าวเหนียวไก่สิบชุด รีบเอามาให้ข้าโดยเร็ว" หลี่เจี่ยอิงสั่งพลางเชิดหน้าจนคนมองได้แต่คิดว่าคอนางผู้นี้จะเคล็ดหรือไม่

"หากเจ้าต้องการซื้อก็ไปต่อแถว  ท่านป้าต้องการรับอะไรดีขอรับ" หลี่เฟินหนิงที่จำได้ว่านี่คือหลี่เจี่ยอิง ญาติผู้พี่ในความทรงจำของหลี่เฟินหนิงคนเก่าเขาจึงไม่ใส่ใจและบอกปัดไป แล้วกลับมาสนใจลูกค้าตรงหน้า

"นี่เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าสั่งรึ" หลี่เจี่ยอิงตวาดเสียงดังจนผู้คนโดยรอบหันมามองและเริ่มซุบซิบกันว่า บุตรีบ้านใดกันหนอเหตุใดจึงมีกิริยาเช่นนี้

"ข้าบอกแล้วว่าหากเจ้าต้องการซื้อก็ไปต่อแถว" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกเสียงเรียบ

"ข้าไม่ต่อ เหตุใดข้าต้องไปต่อแถว  เจ้าเอาของตามที่ข้าสั่งมาให้ข้าประเดี๋ยวนี้" หลี่เจี่ยอิงเอ่ยเสียงดังลั่น นางต้องการกดข่มหลี่เฟินหนิงต่อหน้าคนจำนวนมากหวังให้อีกฝ่ายอับอาย โดยที่นางไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของนางต่างหากที่น่าอับอาย

"ได้ เช่นนั้นเจ้าก็จ่ายเงินมาข้าจึงจะเอาของให้เจ้า" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกเพื่อตัดปัญหา รีบเอาของให้ดีกว่านางจะได้รีบไป

"เหตุใดข้าต้องจ่าย ข้าจะนำอาหารนี่ไปให้ท่านย่าเจ้าจะเก็บเงินกับข้าได้อย่างไร" หลี่เจี่ยอิงเอ่ยบอก นางจะมีเงินจ่ายได้อย่างไรตอนนี้ครอบครัวตระกูลหลี่มีเงินเหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น

"ของซื้อของขายข้าจะให้เจ้าเอาไปโดยไม่จ่ายเงินได้อย่างไร หากเจ้าไม่มีเงินจ่ายก็เชิญออกไปเถิดตอนนี้มีผู้คนรอซื้ออีกมาก" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอก

"นี่ไอ้เกอนอกคอก ข้าบอกว่าข้าจะนำมันไปให้ท่านย่าเจ้าไม่เข้าใจรึ" หลี่เจี่ยอิงพูดอย่างโมโห

"ย่าก็ย่าเจ้าเกี่ยวอันใดกับข้าด้วยเล่า  ข้าตัดขาดจากตระกูลแล้วเจ้าลืมไปแล้วรึ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกเสียงเรียบ เขาเริ่มจะไม่สบอารมณ์แล้วนะ

"นี่เจ้า ไอ้คนอกตัญญู" หลี่เจี่ยอิงชี้หน้าหลี่เฟินหนิงด้วยความไม่พอใจ

"แม่นางเจี่ยอิง เจ้ากลับไปเสียเถิดอย่ามาก่อความวุ่นวายที่ร้านของพวกข้าเลย" หวังลี่หมิงเมื่อนำหมูขึ้นจากเตาหมดก็รีบมายืนข้างภรรยา พร้อมกับเอ่ยบอกคนตรงหน้า

"ไอ้คนอัปลักษณ์นี่มิใช่เรื่องของเจ้า" หลี่เจี่ยอิงตวาดลั่น

"เหตุใดจะมิใช่ ในเมื่อคนที่เจ้ายืนด่าอยู่นั้น คือภรรยาข้า" หวังลี่หมิงตอบเสียงนิ่ง เขาไม่พอใจอย่างมากที่อีกฝ่ายมาด่าภรรยาของเขา

"ได้ๆ  พวกเจ้าทุกคนรู้หรือไม่ ไอ้อัปลักษณ์กับไอ้เกอนอกคอกสองผัวเมียนี่มันเป็นตัวน่ารังเกียจ   พวกเจ้าดูใบหน้าของมันสิน่าขยักแขยงสิ้นดี พวกเจ้าไม่รังเกียจรึหากต้องซื้ออาหารของพวกมันไปกิน" หลี่เจี่ยอิงหันไปตะโกนบอกผู้คนที่กำลังรอซื้ออาหารที่ร้านของหลี่เฟินหนิงหวังจะให้ทุกคนรังเกียจไม่มาซื้อของร้านของญาติผู้น้องน่าชังนี่

"เหตุใดพวกข้าต้องรังเกียจด้วยเล่า สตรีที่ทำตัวเช่นเจ้ามากกว่าที่น่ารังเกียจ"

"ใช่ๆ มีปานแล้วอย่างไร อัปลักษณ์แล้วอย่างไร พวกเขาหาได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใดไม่"

"คนที่น่ารังเกียจคือเจ้าต่างหากเล่า"

"ข้าไม่อยากคิดเลยว่าผู้ใดจะกล้าแต่งนางเข้าตระกูล"

"ข้าเห็นกิริยานางแล้วรู้ได้ทันที คนเราหาได้ควรมองกันที่ภายนอก"

"เจ้าออกไปจากตรงนี้ซะ คนอื่นเขาจะซื้อของ"

"ไปๆ" 

"พะ พวกเจ้า ฮึ่ย! " เสียงก่นด่าทำให้หลี่เจี่ยอิงรับไม่ได้รีบกระแทกเท้าเดินออกไปทันที  ชาวบ้านในเมืองพวกเขามิได้สนว่าผู้ใดจะมีหน้าตาเช่นไรขอแค่คนผู้นั้นไม่ใช่คนชั่วก็เพียงพอแล้ว อีกอย่างร้านของสองสามีภรรยาขายอาหารทั้งราคาถูกและอร่อยทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถกินเนื้อได้บ่อยขึ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหตุใดพวกเขาต้องรังเกียจด้วย

"ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะขอรับที่เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้" หวังลี่หมิงและหลี่เฟินหนิงโค้งตัวเพื่อขออภัยเหล่าลูกค้า

"มิเป็นไรหรอกพ่อค้า นั่นไม่ใช่ความผิดของพวกท่าน"

"ใช่ๆ เป็นความผิดของสตรีหน้าหนาผู้นั้นต่างหาก"

"มิเป็นไรข้ารอซื้อได้"

"ขอบคุณพวกท่านที่เข้าใจ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะแถมให้พวกท่านคนละหนึ่งไม้แทนการขอโทษก็แล้วกัน   ส่วนคนที่ซื้อไม่ทันข้าจะให้ลงชื่อไว้แล้วข้าจะนำมาแถมให้ในวันพรุ่งนี้นะขอรับ"  หลี่เฟินหนิงพูดจบเหล่าลูกค้าก็เฮลั่นดีใจกันใหญ่ที่จะได้ของแถวมาตั้งหนึ่งไม้  การขายวันนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะเกิดเรื่องวุ่นวาย แต่สุดท้ายของที่เตรียมมาก็หมดลงอยู่ดี

 

บ้านตระกูลหลี่

"ฮึก ฮืออ " 

"โถ่ อิงเออร์หลานย่า" นางซูฮวาปลอบหลานรักพลางรู้สึกโกรธไอ้เกอนอกคอกนั่นที่บังอาจมาทำให้หลานของตนร้องไห้

"ข้า ข้าเพียงแต่อยากนำอาหารจานเนื้อมาให้ท่านย่าได้กิน แต่ข้ามิมีเงินเห็นว่าคนที่ายนั่นเป็นเฟินหนิงข้าเลยเอ่ยบอกว่าจะนำอาหารนี้มาให้ท่านย่า เพราะท่านย่ามิได้กินเนื้อมานานแล้วไม่คิดว่านอกจากเฟินหนิงจะเรียกเก็บเงินกับข้าแล้วยังด่าท่อให้ชาวบ้านหัวเราะเยาะข้าอีก ฮือออ" หลี่เจี่ยอิงร้องไห้พลางใส่ร้ายหลี่เฟินหนิงว่าตนเป็นผู้ถูกอีกฝ่ายรังแก

"หนอย ไอ้เกอนอกคอกมันกล้าถึงเพียงนี้เชียวรึ!" นางซูฮวาพูดออกมาอย่างโมโห

"ท่านแม่  ไอ้เกอนั่นทำเช่นนี้มันไม่เห็นหัวท่านแม่เลยนะเจ้าคะ" นางไป๋ฮวารีบยุแยงแม่สามี

"รอให้พ่อสามีเจ้ากลับมาก่อนแล้วเราค่อยจัดการมัน เป็นแค่ลูกไอ้เกอแพศยากล้ามารังแกหลานข้าอย่างไรมันก็ต้องเห็นดีกัน" นางซูฮวาเอ่ยถึงสามีที่ไปทำงานต่างเมืองไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับนางจึงต้องอดทนรอไปก่อน มิวายพาลด่าไปถึงมารดาของหลี่เฟินหนิงอย่างเกลียดชังโดยนางไม่รู้เลยว่าหากนางตรองดูหรือเอะใจสักนิดนางจะเห็นได้ว่าเกอที่นางด่าว่าเเพศยาและน่ารังเกียจนั้นมีแซ่เดียวกับคนที่อยู่เหนือผู้คนในแคว้นแห่งนี้

 

 

ยังไม่ได้แก้คำผิด

 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 35 (จบ)

    วันต่อมาเฝิงลี่หมิงก็ยังมีอาการเช่นเดิม แต่เซียวเฟินหนิงเองก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติเขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลียและง่วงงุนอยู่ตลอดเวลา จะว่าพักผ่อนน้อยก็ไม่น่าใช่เพราะเมื่อวานตนกับสามีก็พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ "ท่านพี่ไหวหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีที่มีใบหน้าซีดเซียวจากการลุกขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่เช้า"หนิงเออร์~" เฝิงลี่หมิงรีบเข้าไปสวมกอดภรรยาอย่างออดอ้อนทันที"เป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ" "พี่รู้สึกพะอืดพะอมและเวียนหัว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยาพลางซุกไปที่ลำคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นกายของคนรัก"เช่นนั้นข้าจะพาท่านพี่ไปหาหมอดีหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีแต่อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้า"ไม่เอา แค่กอดเจ้าอยู่แบบนี้พี่ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"ท่านพี่รอสักประเดี๋ยวนะขอรับ" เซียวเฟินหนิงคิดบางอย่างได้เกี่ยวกับอาการของผู้เป็นสามีประกอบกับอาการอ่อนเพลียและง่วงงุนของตนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที"เจ้าจะไปที่ใด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามพลางช้อนตามองภรรยา"ข้าจะเข้าไปในมิติท่านเทพขอรับ ข้าคิดว่าพอจะรู้สาเหตุการป่วยของท่านพี่แล้วเพียงแต่ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 34

    เหลาอาหารซูเหอเปิดได้ไม่นานก็เต็มไปด้วยบรรดาลูกค้าเต็มร้านด้วยว่าราคาอาหารเป็นที่จับต้องได้ทุกชนชั้นและที่เหลาอาหารมีกฎสำคัญที่ว่าลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง เศรษฐีหรือว่าคนธรรมดาก็คือลูกค้าเหมือนกันและจะต้องถูกปฏิบัติเหมือนกัน นั่นจึงทำให้เหลาอาหารแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกชนชั้นและสร้างความอิจฉาให้แก่คนที่ทำกิจการเดียวกัน"เสี่ยวเออร์ ข้าขอต้มยำกุ้ง กุ้งผัดพริกเกลือ ปลาผัดฉ่า" "ได้ขอรับ""เสี่ยวเออร์ ของข้าขอปลานึ่งมะนาว ปลา สามรส หมึกผัดไข่เค็ม""ได้ขอรับ""ข้าเอาต้มยำหัวปลา ต้มยำกุ้ง หมูมะนาว แล้วก็น้ำชา"เสียงสั่งอาหารเซ็งแซ่พร้อมกับบรรดาเสี่ยวเออร์ที่วิ่งสุ่นสร้างความคึกคักให้แก่เหลาอาหารซูเหอไม่น้อย ลูกค้าหลายคนต่างตื่นตาตื่นใจกับอาหารของร้านที่ไม่เคยเห็นอีกทั้งรสชาติยังอร่อยจัดจ้านทำให้แต่ละวันเหลาอาหารซูเหอทำกำไรได้หลายร้อนตำลึงเลยทีเดียว"ลูกค้ามีการตำหนิอันใดมาบ้างหรือไม่" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามหลงจู๊ร้าน"ไม่มีขอรับ ลูกค้าต่างชื่นชมว่าเหลาอาหารของเรารสชาติดียิ่งนักขอรับ" หลงจู๊ร้านเอ่ยตอบ"ดี หากลูกค้ามีสิ่งใดต้องการให้ปรับปรุงต้องรีบแจ้งข้าหรือฮูหยิน

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 33

    เมืองหลวงแคว้นเป่ยหลี่"หนิงเออร์ส่งจดหมายมาว่าเยี่ยงไรบ้าง" โอรสสวรรค์ตรัสถามพระอนุชาร่วมอุทร"ทูลฝ่าบาท หนิงเออร์บอกว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการปล้นเสบียงเกิดขึ้นที่เมืองซานหลาง ตอนนี้ทางฝั่งหนิงเออร์จับโจรเหล่านั้นได้แล้วเจ้าเมืองเฝิงคงหรันได้ทำการไต่สวนพวกโจรต่างสารภาพว่าถูกจ้างและข่มขู่มาจากบุคคลนิรนามให้ออกปล้นชาวเมืองเพื่อสร้างความปั่นป่วนและลอบสังหารองค์ชายหกและท่านชายเฝิงเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าทั้งสองสิ้นพระชนม์จากการถูกปล้นพะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ทางนั้นคงเริ่มแล้ว" โอรสสวรรค์ตรัสพลางถอนหายใจ"กระหม่อมคาดว่าพวกเขาจะลงมือในงานเทศกาลล่าสัตว์ที่จะถึงนี้พะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลสิ่งที่ตนเองคิด"เจิ้นก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น" โอรสสวรรค์ตรัสอย่างเห็นด้วย งานเทศกาลล่าสัตว์เป็นช่วงที่มือสังหารแฝงตัวมาได้ง่ายเพราะต่างก็มีหลายคนเข้าร่วม"กระหม่อมจะเพิ่มจำนวนองครักษ์เงาให้เฝ้าระวังพะยะค่ะ" "อืม อย่าลืมส่งไปอารักขาไทเฮาและฮองเฮา" "พะยะค่ะ เอ่อ หนิงเออร์ส่งของมาให้ฝั่งเราด้วยพะยะค่ะ" ชินอ๋องเอ่ยทูลเมื่อนึกขึ้นได้ว่านอกจากจดหมายแล้วยังมีหีบขนาดใหญ่หลายหีบ"คือสิ่งใดหรือ" ฮ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 32

    กลางดึกสงัดท่ามกลางความเงียบในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนซึ่งแต่งกายมิดชิดปกปิดใบหน้าย่องมาที่บ้านหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบเพียงแต่ไม่ได้ทำอะไรก็ล่าถอยไปรุ่งเช้าวันใหม่สองสามีภรรยาตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วสองสามีภรรยาก็พากันเดินขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังตัวเมือง รถม้าคันงามมาจอดที่หน้าจวนของท่านเจ้าเมืองบ่าวเฝ้าประตูก็รีบเปิดให้เข้าไปทันที"คาระวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงคำนับ"ได้ยินว่าพวกเจ้าสองคนสามารถหาแหล่งน้ำได้" เฝิงคงหรันเอ่ยถาม"ขอรับ ข้าสองคนได้ซื้อเครื่องมือจากชาวตาสีฟ้ามันสามารถหาแหล่งน้ำใต้ดินได้ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเลือกที่จะโกหกออกไปเช่นนั้น เพราะคนในยุคนี้มักจะตื่นตาตื่นใจกับสินค้าของชาวต่างชาติอยู่แล้ว"ข้าเคยได้ยินว่าพวกชาวตาสีฟ้ามักจะมีของแปลกประหลาดมาขายและใช้งานได้ดี เห็นทีคงจะเป็นเรื่องจริง" เฝิงคงหรันพูดอย่างตื่นเต้น"อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องเครื่องมือนี้นะขอรับ ให้คนของเราที่ไว้ใจได้เป็นผู้ที่ใช้สิ่งนี้หาแหล่งน้ำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้ หลังจากที่หาแหล่งน้ำให้ชาวเมือ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 31

    หลังจากพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จสองสามีภรรยาก็พากันเดินกลับมาที่บ้านของตน ดูเหมือนว่าปัญหาครั้งนี้ใหญ่เกินไปยากที่จะแก้ไข เขาไม่สามารถทำฝนเทียมได้เหมือนยุคที่เขากลับมา เฮ้อ~"อย่ากังวล" เฝิงลี่หมิงลูบหัวภรรยาที่นั่งถอนหายใจ"ข้าไม่รู้ว่าช่วยพวกเขาอย่างไรดี" เซียวเฟินหนิงเอ่ย ไม่รู้ว่าในมิติจะมีของที่ช่วยแก้ปัญหาได้หรือเปล่า"ช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอแล้ว มันมิใช่หน้าที่ของเจ้าด้วยซ้ำที่ต้องแก้ปัญหา" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยา เขาไม่ชอบที่ภรรยาของเขามีเรื่องกังวลใจ"ปัญหาครั้งนี้หนักหนานัก ท่านพ่อคงกังวลใจไม่น้อย ทางวังหลวงเองก็มีเรื่องวุ่นวายข้าเกรงว่าหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น" หากขาดแคลนน้ำและอาหารผู้คนคงล้มตายเป็นจำนวนมากแน่"เราไม่สามารถช่วยได้ทุกคนหรอกนะหนิงเออร์ หากว่ามีการสูญเสียเกอดขึ้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า" เฝิงลี่หมิงกุมมือคนรัก"ข้ารู้ขอรับ เพียงแต่ข้านั้นมีมิติวิเศษติดตัวข้าคิดว่าในมิติอาจจะมีของวิเศษที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้" เซียวเฟินหนิงเอ่ยกับสามี"ปล่อยให้ทางการแก้ปัญหาก่อนเถิด หากพวกเขาทำไม่ได้จริงๆเราค่อยหาวิธีช่วยเหลือ บอกตามตรงว่า

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 30

    "องค์ชายหก ท่านชาย ได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ""ท่านพ่อ อย่าทำเยี่ยงนี้ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงรีบเข้าไปพยุงเฝิงคงหรันให้ลุกขึ้น"พ่อละเลยหน้าที่ปล่อยให้นายอำเภอยักยอกเสบียง หากเจ้าสองคนไม่ไปเจอเหล่าผู้อพยพคงพากันอดตายเป็นแน่" เฝิงคงหรันพูดอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านพ่อนะขอรับ เราทุกคนต่างรู้ว่าท่านพ่อทำงานหนักทุกวันออกหาซื้อเสบียงมาช่วยเหลือทุกคน หากจะมีคนผิดก็คือนายอำเภอที่โลภมากผู้นั้น" เซียวเฟินหนิงเอ่ย"หนิงเออร์พูดถูกขอรับ คนชั่วช้าผู้นั้นต่างหากที่ผิด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบ้าง"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่หากว่าพ่อตรวจสอบให้ดีกว่านี้..." "มิมีผู้ใดไม่เคยผิดพลาดขอรับ ตอนนี้ท่านพ่อได้สั่งลงโทษคนผิดแล้วตอนนี้เราควรเอาเวลาไปคิดว่าจะช่วยเหลือผู้อพยพอย่างไรต่อดีกว่าขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยตัดบท ตอนนี้ชีวิตของผู้คนย่อมมาก่อน"เช่นนั้นเราก็ไปคุยกันที่จวนเถิด" เฝิงคงหรันเอ่ยบอก ทั้งสามคนจึงเดินทางไปที่จวนเพื่อพูดคุยหารือกันจวนท่านเจ้าเมือง"ตอนนี้เสบียงของพวกเจ้ามีมากน้อยเพียงใด" เฝิงคงหรันเอ่ยถามบุตรชายและลูกสะใภ้"มีมากพอจะให้ผู้อพยพได้กิน 3-4 เดือนขอรับ แต่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status