"เฮ้ย ไอ้ธารพรุ่งนี้มีส่งรายงานนะเว้ย" ธาราพยักหน้าให้กับเพื่อนที่ตะโกนบอก เขาชื่อ ธารา อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษาเอกวิชาภาษาจีน ธาราเป็นคนชื่นชอบภาษาจีนและนิยายจีนอย่างมาก นอกจากเรียนแล้วเวลาว่างเขาก็จะทุ่มเทกับการอ่านนิยายชีวิตของเขาวนลูปอยู่อย่างนี้ไม่มีอะเรียนเปลี่ยน จนกระทั่ง
เอี๊ยดดด!!
โครม!!!
"กรี๊ด มีคนโดนรถชน"
"มีคนโดนรถชนรีบโทรเรียกรถพยาบาลเร็ว"
"ดูท่าแล้วไม่น่ารอด"
"น่าสงสารจังยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย"
"อึก" ร่างของธาราเต็มไปด้วยเหลือดนอดแผ่หลาอยู่ตรงฟุตบาทเมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งเสียหลักมาพุ่งชน ธารารู้สึกมึนงงร่างการปวดหนึบก็สติจะดับวูบไป
"ที่นี่ที่ไหน" ธารากวาดสายตารอบๆเห็นแต่เพียงความมืดมิด
"นี่เราตายแล้วเหรอ ฮึก" ความรู้สึกเศร้าตีตื้นขึ้นมาในอก เขายังมีความฝัน ยังมีสิ่งที่อย่างทำ ทำไมโชคชะตาถึงได้ใจร้ายนัก
"โอ๊ย!" ร่างของธาราทรุดลงกับพื้นมือกุมหัวด้วยอาการเจ็บปวด ภาพเหตุการณ์มากมายหลั่งไหลเข้ามาก่อนสติจะดับวูบไป
"อึก!" ธาราสลึมสลือลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดศีรษะ
"เฟินหนิงเจ้าฟื้นแล้ว!" ธารามองชายตรงหน้าที่พูดกับเขาอย่างดีใจก็รู้สึกสงสารนัก ใช่ ธารารู้แล้วว่าในตอนนี้เขามาเกิดใหม่ในโลกยุคจีนโบราณที่มีผู้ชายท้องได้ โดยผู้ชายท้องได้จะเรียกว่า เกอ ซึ่งเป็นเพศชายแต่รูปร่างบอบบางงดงามเยี่ยงเพศหญิง ส่วนสาเหตุที่ธาราสงสารคนตรงหน้าน่ะหรือ เพราะเหตุการณ์ที่เขาได้เห็นอย่างไรล่ะ
ร่างที่ธารามาเกิดใหม่นั้นมีนามว่า หลี่เฟินหนิง เป็นเพศเกอ บิดามารดานั้นเสียชีวิตเดิมทีอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าของบิดากับผู้มีศักดิ์เป็นย่านามว่า ซูฮวา และลุงกับป้าสะใภ้ นามว่า หลี่เหลียนเจี๋ย และนางไป๋ฮวา ซึ่งมี 2 คน บุตรชายมีนามว่า หลี่อู๋เจี๋ย บุตรสาวมีนามว่า หลี่เจี่ยอิง เดิมทีบ้านเก่าหลี่เฟินหนิงนั้นไม่ชอบนางเป็นอย่างมากจึงใช้งานสารพัด ครั้นเมื่อกี่เดือนบ้านสกุลหลี่เงินไม่พอสำหรับส่งหลี่อู๋เจี๋ยเข้าสำนักศึกษา นางไป๋ฮวากับสามีและบุตรจึงวางแผนจัดฉากโดยการเรียก หวังลี่หมิง ชายอัปลักษณ์ในหมู่บ้านมาดื่มสุราแล้วแอบใส่ยาปลุกกำหนัดให้ทั้งสองได้เสียกันโดยผู้มาพบทั้งสองนอนด้วยกันคือนางซูฮวาผู้เป็นย่า เดิมทีนางซูฮวาก็ไม่ชอบหลานเกอคนนี้อยู่ด้วยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทั้งด่าทอและทุบตี จนนางไป๋ฮวาเสนอให้แต่งหลี่เฟินหนิงออกไปโดยเรียกค่าสินสอดเป็นเงิน 5 ตำลึงเงินกับข้าวอีก 2 กระสอบ ซึ่งถือว่ามากโขสำหรับชาวบ้านทั่วไป เมื่อถึงวันที่หลี่เฟินหนิงแต่งออกไปความโหดร้ายก็ไม่จบแค่นี้เมื่อนางซูฮวาให้ผู้นำหมู่บ้านมาทำหนังสือตัดขาด โดยระบุว่าต่อไปนี้หลี่เฟินหนิงไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสกุลหลี่ จะยากดีมีจนหรือจะทุกข์จะสุขก็ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน ผู้นำหมู่บ้านพยายามเกลี้ยกล่อมให้นางผู้เฒ่าหลี่ไตร่ตรองอีกทีแต่ก็ไม่เป็นผลสุดท้ายทั้งสองจึงได้หนังสือตัดขาดมาคนละฉบับ หลี่เฟินหนิงนั้นเกลียดสามีตนเป็นอย่างมากเพราะอีกฝ่ายมีหน้าตาอัปลักษณ์และทำให้ตนถูกญาติผู้น้องเยาะเย้ยว่าหาสามีทั้งทีแต่กลับหาดีได้เท่านี้ ได้สามีทั้งอัปลักษณ์ทั้งจน อีกทั้งยังทำให้ตนถูกตัดขาดจากตระกูล หลี่เฟินหนิงโยนความผิดทั้งหมดให้แก่หวังลี่หมิงผู้เป็นสามี จึงเอาแต่ด่าทอสามีทุกวัน จนท้ายที่สุดก็ทนความอัปยศไม่ไหวตัดสินใจโดดน้ำหวังฆ่าตัวตายแต่หวังลี่หมิงมาพบเข้าจึงช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ไม่สิ ไม่ทันเพราะหลี่เฟินหนิงคนเก่าได้ตายไปแล้ว
"หนิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดหรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยา แม้้อีกฝ่ายจะเอาแต่เกลียดชังด่าทอตนแต่เขาก็เข้าใจ ผู้ใดจะมาอยากแต่งงานกับคนที่ทั้งอัปลักษณ์และยากจน
"อะ เอ่อ ข้าไม่เป็นอันใดขอรับ" หลี่เฟินหนิงตอบผู้เป็นสามีอย่างขัดเขิน รอยปานสีดำบนใบหน้าด้านขวาไม่ได้ทำให้หวังลี่หมิงดูดีน้อยลงเลย ในสายตาของหลี่เฟินหนิงหรือก็คือธาราในตอนนี้แล้วมันดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
"เจ้าไม่อันใดก็ดีแล้ว ข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้าลำบากข้าสัญญาว่าจะพยายามหาของป่าล่าสัตว์ไปขายให้เจ้าสุขสบายขึ้น เจ้าได้โปรดอดทนสู้ไปกับข้าได้หรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยอ้อนวอนภรรยาแม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่หลี่เฟินหนิงไม่ด่าทอตน เขาเป็นบุรุษตัวคนเดียวญาติพี่น้องก็ตัดขาดเนื่องจากเขามีหน้าตาอัปลักษณ์ หลี่เฟินหนิงจึงเป็นครอบครัวเดียวของเขา
"ท่านพี่ ท่านไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น" หลี่เฟินหนิงรู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ แม้ว่าจะถูกหลี่เฟินหนิงคนเก่าด่าทอมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่เคยโกรธเคียง
"จะ เจ้าเรียกข้าว่าเยี่ยงไรนะ" หวังลี่หมิงถามด้วยความตกใจ
"ท่านพี่อย่างไรเล่า เราสองคนเป็นสามีภรรยากันควรเรียกแบบนี้ มิดีหรือ" หลี่เฟินหนิงตอบผู้เป็นสามีด้วยรอยยิ้ม
"ดี ดียิ่งนัก ข้าดีใจที่เจ้ายอมรับข้า" หวังลี่หมิงตอบด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ถูกยอมรับจากใครสักคน
"ท่านพี่ ท่านบอกว่าท่านเข้าป่าหาของป่าและล่าสัตว์หรือ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม
"ใช่ มิใช่ว่าเจ้ารู้อยู่แล้วหรือ" หวังลี่หมิงถามอย่างสงสัย
"อะ เอ่อ เพราะข้าจมน้ำเลยทำให้หลงๆลืมๆไปบ้าง ท่านพี่โปรดอภัย" หลี่เฟินหนิงตอบอย่างตะกุกตะกัก
"พี่ไม่โทษเจ้า เจ้าคงอับอายมากที่ต้องมาแต่งงานกับคนอัปลักษณ์เช่นนี้" หวังลี่หมิงเอ่ยด้วยความเศร้าสร้อย
"ท่านพี่อย่าเศร้าไป ตอนนั้นเป็นเพราะข้ามัวแต่เศร้าเสียใจที่ถูกไล่ออกจากตระกูลจึงไม่ได้มองเห็นความดีของท่านพี่" หลี่เฟินหนิงเอ่ยปลอบผู้เป็นสามี
"ต่อไปนี้ข้าจะช่วยท่านพี่หาเงินเอง" หลี่เฟินหนิงพูดด้วยรอยยิ้ม
"เจ้าไม่ต้องลำบาก" หวังลี่หมิงรีบเอ่ยปฏิเสธทันที
"ข้ามิได้ลำบาก ท่านพี่เราเป็นสามีภรรยากันช่วยกันทำมาหากินนั้นถูกต้องแล้ว" หลี่เฟินหนิงบอกกับผู้เป็นสามี ยังไงเขาก็ไม่ยอมหรอก
"ถ้าเจ้ายืนกรานเช่นนั้นก็ตามใจ แต่อย่าทำจนตัวเจ้าต้องเหนื่อยเข้าใจหรือไม่" หวังลี่หมิงยอมตามใจภรรยา ยอมให้หลี่เฟินหนิงช่วยทำงานดีกว่าให้กลับไปเกลียดตน
"ขอรับท่านพี่"
"เจ้าหิวแล้วหรือไม่ เดี๋ยวพี่จะไปทำอาหารให้เจ้ากิน" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยาเพราะตอนนี้ปลายยามเซินแล้ว
"อะ เอ่อ ข้าทำเองดีกว่าขอรับ" หลี่เฟินหนิงตอบกลับ เพราะหวังลี่หมิงทำอาหารรสชาติแย่มากน่ะสิ จึงทำให้หลี่เฟินหนิงคนเก่าด่าอยู่หลายครั้ง แต่จะว่าไปหลี่เฟินหนิงคนเก่าก็ไม่ได้ทำอาหารอร่อยนะ แค่พอกินได้
"แต่เจ้ายังป่วยอยู่" หวังลี่หมิงรีบเอ่ยขัด
"ข้ามิเป็นอันใดแล้วขอรับ ถ้าท่านไม่ให้ข้าทำข้าจะไม่พูดกับท่านพี่อีก" หลี่เฟินหนิงเอ่ยขู่ ส่วนหวังลี่หมิงเมื่อได้ยินภรรยาพูดดังนั้นก็ไม่กล้าขัดทันที
หลี่เฟินหนิงเดินเข้ามาในครัวก็พบไข่ไก่และผักที่ถูกเก็บมาไว้ นึกขึ้นได้ว่าในความทรงจำหลี่เฟินหนิงคนเก่านั้นทั้งสองมักได้กินแต่่ผักกับไข่ ส่วนเนื้อสัตว์นั้นมีราคาแพงมาก ไม่ใช่แค่ครอบครัวของหวังลี่หมิงที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ แต่แทบทุกคนในหมู่บ้านแถบนี้เนื่องจากเนื้อสัตว์มีราคาแพง บ้านที่มีเงินหน่อยก็จะซื้อไก่ที่ราคาถูกกว่าเนื้อหมูอยู่มากแทน ส่วนปลาชาวบ้านไม่ค่อยนิยมกันกันเพราะมันคาวมาก สำหรับหลี่เฟินหนิงคนใหม่คนว่าคงจะทำไม่เป็นกันมากกว่า หลี่เฟินหนิงสำรวจดูห้องครัวก่อนจะตัดสินใจหุงข้าวกินกับไข่ต้ม ผักลวก และน้ำพริก ถึงนี่จะเป็นโลกยุคจีนโบราณแต่เขาก็เป็นคนไทยนะเฟ้ย ข้าวน้ำพริกผักต้มนี่มันอร่อยสุดๆนะว่าไม่ได้
หลี่เฟินหนิงนำพริกสด หัวหอม กระเทียมไปคั่วจนสุกจากนั้นจึงนำมาตำ เครื่องปรุงรสมีไม่มากเขาจึงใส่แค่เกลือลงไป ตำทุกอย่างให้เข้ากันจนละเอียดจากนั้นตักใส่ถ้วยดินเผาขนาดเล็กรอไว้
หลี่เฟินหนิงลงมือต้มไข่เสร็จแล้วจึงลวกผัก ใส่เกลือเล็กน้อยระหว่างลวก พอทุกอย่างเสร็จข้าวก็สุกพอดี เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วจึงเดินไปเรียกหวังลี่หมิง
"นี่คืออันใดหรือหนิงเอ๋อร์" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยาเมื่อเห็นอาหารที่ไม่เคยเห็นอยู่ในถ้วยขนาดเล็ก
"สิ่งนี้เรียกว่าน้ำพริกขอรับ นำมากินกับข้าวร้อนและไข่ต้ม ผักต้มรสชาติดีนัก เดี๋ยวข้าจะกินให้ท่านดู" หลี่เฟินหนิงตอบพร้อมกับสาธิตการกินให้ดู หวังลี่หมิงเห็นดังนั้นจึงทำตาม
"รสชาติดียิ่งนัก!" หวังลี่หมิงเอ่ยอย่างตื่นเต้น น้ำพริกนี่มีรสชาติเผ็ดและเค็มนิดหน่อยกินกับผักต้มไข่ต้มและข้าวร้อนๆนี่เข้ากันยิ่งนัก ปกติหวังลี่หมิงได้กินแต่ผัดผัดหรือผักต้มกับข้าวเปล่ารสชาติจืดชืด
"พรุ่งนี้ท่านพี่จะเข้าป่าหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามเขาเองก็อยากเข้าไปดูในป่าด้วย
"อืม พี่ว่าจะเข้าไปล่าสัตว์มาขายเสียหน่อย" หวังลี่หมิงตอบตอนนี้ที่บ้านของเขาเหลือเงินไม่ถึงร้อยอีแปะ
"ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ"
"ไม่ได้! ในป่าอันตรายพี่ให้เจ้าไปไม่ได้" หวังลี่หมิงเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง
"ท่านพี่ขอข้าไปด้วยเถอะ ข้าสัญญาว่าจะไม่เป็นภาระท่าน" หลี่เฟินหนิงยังคงไม่ละความพยายาม
"พี่ไม่ได้มองเจ้าว่าเป็นภาระเพียงแต่ในป่านั้นเต็มไปด้วยอันตรายและสัตว์ดุร้าย พี่กลัวว่าเจ็าจะได้รับบาดเจ็บ" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยาเสียงอ่อน
"ท่านพี่ข้าสัญญาว่าจะระวังตัว เห็นเยี่ยงนี้ข้าวิ่งเร็วนักนะขอรับ ให้ข้าไปด้วยเถอะน้า" หลี่เฟินหนิงขอร้องสามีด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
"เฮ้อ ก็ได้แต่เจ้าต้องรับปากว่าจะเชื่อฟังพี่" หวังลี่หมิงเอ่ยกับภรรยาอย่างอ่อนใจ
"ข้ารับปากขอรับ" จากนั้นสองสามีภรรยาก็กินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
วันต่อมาเฝิงลี่หมิงก็ยังมีอาการเช่นเดิม แต่เซียวเฟินหนิงเองก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติเขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลียและง่วงงุนอยู่ตลอดเวลา จะว่าพักผ่อนน้อยก็ไม่น่าใช่เพราะเมื่อวานตนกับสามีก็พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ "ท่านพี่ไหวหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีที่มีใบหน้าซีดเซียวจากการลุกขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่เช้า"หนิงเออร์~" เฝิงลี่หมิงรีบเข้าไปสวมกอดภรรยาอย่างออดอ้อนทันที"เป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ" "พี่รู้สึกพะอืดพะอมและเวียนหัว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยาพลางซุกไปที่ลำคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นกายของคนรัก"เช่นนั้นข้าจะพาท่านพี่ไปหาหมอดีหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีแต่อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้า"ไม่เอา แค่กอดเจ้าอยู่แบบนี้พี่ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"ท่านพี่รอสักประเดี๋ยวนะขอรับ" เซียวเฟินหนิงคิดบางอย่างได้เกี่ยวกับอาการของผู้เป็นสามีประกอบกับอาการอ่อนเพลียและง่วงงุนของตนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที"เจ้าจะไปที่ใด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามพลางช้อนตามองภรรยา"ข้าจะเข้าไปในมิติท่านเทพขอรับ ข้าคิดว่าพอจะรู้สาเหตุการป่วยของท่านพี่แล้วเพียงแต่ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถ
เหลาอาหารซูเหอเปิดได้ไม่นานก็เต็มไปด้วยบรรดาลูกค้าเต็มร้านด้วยว่าราคาอาหารเป็นที่จับต้องได้ทุกชนชั้นและที่เหลาอาหารมีกฎสำคัญที่ว่าลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง เศรษฐีหรือว่าคนธรรมดาก็คือลูกค้าเหมือนกันและจะต้องถูกปฏิบัติเหมือนกัน นั่นจึงทำให้เหลาอาหารแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกชนชั้นและสร้างความอิจฉาให้แก่คนที่ทำกิจการเดียวกัน"เสี่ยวเออร์ ข้าขอต้มยำกุ้ง กุ้งผัดพริกเกลือ ปลาผัดฉ่า" "ได้ขอรับ""เสี่ยวเออร์ ของข้าขอปลานึ่งมะนาว ปลา สามรส หมึกผัดไข่เค็ม""ได้ขอรับ""ข้าเอาต้มยำหัวปลา ต้มยำกุ้ง หมูมะนาว แล้วก็น้ำชา"เสียงสั่งอาหารเซ็งแซ่พร้อมกับบรรดาเสี่ยวเออร์ที่วิ่งสุ่นสร้างความคึกคักให้แก่เหลาอาหารซูเหอไม่น้อย ลูกค้าหลายคนต่างตื่นตาตื่นใจกับอาหารของร้านที่ไม่เคยเห็นอีกทั้งรสชาติยังอร่อยจัดจ้านทำให้แต่ละวันเหลาอาหารซูเหอทำกำไรได้หลายร้อนตำลึงเลยทีเดียว"ลูกค้ามีการตำหนิอันใดมาบ้างหรือไม่" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามหลงจู๊ร้าน"ไม่มีขอรับ ลูกค้าต่างชื่นชมว่าเหลาอาหารของเรารสชาติดียิ่งนักขอรับ" หลงจู๊ร้านเอ่ยตอบ"ดี หากลูกค้ามีสิ่งใดต้องการให้ปรับปรุงต้องรีบแจ้งข้าหรือฮูหยิน
เมืองหลวงแคว้นเป่ยหลี่"หนิงเออร์ส่งจดหมายมาว่าเยี่ยงไรบ้าง" โอรสสวรรค์ตรัสถามพระอนุชาร่วมอุทร"ทูลฝ่าบาท หนิงเออร์บอกว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการปล้นเสบียงเกิดขึ้นที่เมืองซานหลาง ตอนนี้ทางฝั่งหนิงเออร์จับโจรเหล่านั้นได้แล้วเจ้าเมืองเฝิงคงหรันได้ทำการไต่สวนพวกโจรต่างสารภาพว่าถูกจ้างและข่มขู่มาจากบุคคลนิรนามให้ออกปล้นชาวเมืองเพื่อสร้างความปั่นป่วนและลอบสังหารองค์ชายหกและท่านชายเฝิงเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าทั้งสองสิ้นพระชนม์จากการถูกปล้นพะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ทางนั้นคงเริ่มแล้ว" โอรสสวรรค์ตรัสพลางถอนหายใจ"กระหม่อมคาดว่าพวกเขาจะลงมือในงานเทศกาลล่าสัตว์ที่จะถึงนี้พะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลสิ่งที่ตนเองคิด"เจิ้นก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น" โอรสสวรรค์ตรัสอย่างเห็นด้วย งานเทศกาลล่าสัตว์เป็นช่วงที่มือสังหารแฝงตัวมาได้ง่ายเพราะต่างก็มีหลายคนเข้าร่วม"กระหม่อมจะเพิ่มจำนวนองครักษ์เงาให้เฝ้าระวังพะยะค่ะ" "อืม อย่าลืมส่งไปอารักขาไทเฮาและฮองเฮา" "พะยะค่ะ เอ่อ หนิงเออร์ส่งของมาให้ฝั่งเราด้วยพะยะค่ะ" ชินอ๋องเอ่ยทูลเมื่อนึกขึ้นได้ว่านอกจากจดหมายแล้วยังมีหีบขนาดใหญ่หลายหีบ"คือสิ่งใดหรือ" ฮ
กลางดึกสงัดท่ามกลางความเงียบในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนซึ่งแต่งกายมิดชิดปกปิดใบหน้าย่องมาที่บ้านหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบเพียงแต่ไม่ได้ทำอะไรก็ล่าถอยไปรุ่งเช้าวันใหม่สองสามีภรรยาตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วสองสามีภรรยาก็พากันเดินขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังตัวเมือง รถม้าคันงามมาจอดที่หน้าจวนของท่านเจ้าเมืองบ่าวเฝ้าประตูก็รีบเปิดให้เข้าไปทันที"คาระวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงคำนับ"ได้ยินว่าพวกเจ้าสองคนสามารถหาแหล่งน้ำได้" เฝิงคงหรันเอ่ยถาม"ขอรับ ข้าสองคนได้ซื้อเครื่องมือจากชาวตาสีฟ้ามันสามารถหาแหล่งน้ำใต้ดินได้ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเลือกที่จะโกหกออกไปเช่นนั้น เพราะคนในยุคนี้มักจะตื่นตาตื่นใจกับสินค้าของชาวต่างชาติอยู่แล้ว"ข้าเคยได้ยินว่าพวกชาวตาสีฟ้ามักจะมีของแปลกประหลาดมาขายและใช้งานได้ดี เห็นทีคงจะเป็นเรื่องจริง" เฝิงคงหรันพูดอย่างตื่นเต้น"อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องเครื่องมือนี้นะขอรับ ให้คนของเราที่ไว้ใจได้เป็นผู้ที่ใช้สิ่งนี้หาแหล่งน้ำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้ หลังจากที่หาแหล่งน้ำให้ชาวเมือ
หลังจากพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จสองสามีภรรยาก็พากันเดินกลับมาที่บ้านของตน ดูเหมือนว่าปัญหาครั้งนี้ใหญ่เกินไปยากที่จะแก้ไข เขาไม่สามารถทำฝนเทียมได้เหมือนยุคที่เขากลับมา เฮ้อ~"อย่ากังวล" เฝิงลี่หมิงลูบหัวภรรยาที่นั่งถอนหายใจ"ข้าไม่รู้ว่าช่วยพวกเขาอย่างไรดี" เซียวเฟินหนิงเอ่ย ไม่รู้ว่าในมิติจะมีของที่ช่วยแก้ปัญหาได้หรือเปล่า"ช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอแล้ว มันมิใช่หน้าที่ของเจ้าด้วยซ้ำที่ต้องแก้ปัญหา" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยา เขาไม่ชอบที่ภรรยาของเขามีเรื่องกังวลใจ"ปัญหาครั้งนี้หนักหนานัก ท่านพ่อคงกังวลใจไม่น้อย ทางวังหลวงเองก็มีเรื่องวุ่นวายข้าเกรงว่าหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น" หากขาดแคลนน้ำและอาหารผู้คนคงล้มตายเป็นจำนวนมากแน่"เราไม่สามารถช่วยได้ทุกคนหรอกนะหนิงเออร์ หากว่ามีการสูญเสียเกอดขึ้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า" เฝิงลี่หมิงกุมมือคนรัก"ข้ารู้ขอรับ เพียงแต่ข้านั้นมีมิติวิเศษติดตัวข้าคิดว่าในมิติอาจจะมีของวิเศษที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้" เซียวเฟินหนิงเอ่ยกับสามี"ปล่อยให้ทางการแก้ปัญหาก่อนเถิด หากพวกเขาทำไม่ได้จริงๆเราค่อยหาวิธีช่วยเหลือ บอกตามตรงว่า
"องค์ชายหก ท่านชาย ได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ""ท่านพ่อ อย่าทำเยี่ยงนี้ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงรีบเข้าไปพยุงเฝิงคงหรันให้ลุกขึ้น"พ่อละเลยหน้าที่ปล่อยให้นายอำเภอยักยอกเสบียง หากเจ้าสองคนไม่ไปเจอเหล่าผู้อพยพคงพากันอดตายเป็นแน่" เฝิงคงหรันพูดอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านพ่อนะขอรับ เราทุกคนต่างรู้ว่าท่านพ่อทำงานหนักทุกวันออกหาซื้อเสบียงมาช่วยเหลือทุกคน หากจะมีคนผิดก็คือนายอำเภอที่โลภมากผู้นั้น" เซียวเฟินหนิงเอ่ย"หนิงเออร์พูดถูกขอรับ คนชั่วช้าผู้นั้นต่างหากที่ผิด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบ้าง"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่หากว่าพ่อตรวจสอบให้ดีกว่านี้..." "มิมีผู้ใดไม่เคยผิดพลาดขอรับ ตอนนี้ท่านพ่อได้สั่งลงโทษคนผิดแล้วตอนนี้เราควรเอาเวลาไปคิดว่าจะช่วยเหลือผู้อพยพอย่างไรต่อดีกว่าขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยตัดบท ตอนนี้ชีวิตของผู้คนย่อมมาก่อน"เช่นนั้นเราก็ไปคุยกันที่จวนเถิด" เฝิงคงหรันเอ่ยบอก ทั้งสามคนจึงเดินทางไปที่จวนเพื่อพูดคุยหารือกันจวนท่านเจ้าเมือง"ตอนนี้เสบียงของพวกเจ้ามีมากน้อยเพียงใด" เฝิงคงหรันเอ่ยถามบุตรชายและลูกสะใภ้"มีมากพอจะให้ผู้อพยพได้กิน 3-4 เดือนขอรับ แต่