ยามเหม่า (05:00-06:59) สองสามีภรรยาตื่นขึ้นมาเตรียมตัวเข้าป่าทั้งสองถือตระกร้าขึ้นสะพายหลังคนละอัน
"อย่าอยู่ห่างจากข้า เจ้าอย่าลืม" หวังลี่หมิงเอ่ยย้ำกับภรรยาอีกครั้ง
"ขอรับ ข้าจะไม่อยู่ห่างท่านแม้แต่ก้าวเดียว" หลี่เฟินหนิงพยักหน้ารับสามี
สองสามีเดินทางเข้าป่า โดนเข้าไปลึกหน่อยเขตป่าบริเวณนี้ไม่มีชาวบ้านเข้ามาเพราะค่อนข้างลึกและอันตราย ในหมู่บ้านที่ทั้งสองอาศัยอยู่ไม่มีคนล่าสัตว์ส่วนมากไปทำงานรับจ้างมากกว่าส่วนหวังลี่หมิงนั้นมักจะเข้ามาล่าสัตว์ออกไปขายที่เหลาอาหารไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรับจ้างเพียงแต่ไม่มีใครจ้างเพียงเพราะเขามีหน้าตาอัปลักษณ์ ไอ้คนพวกนี้ช่างมีทัศนคติติดลบนัก หลี่เฟินหนิงได้แต่คิดในใจ
ระหว่างเดินสองสามีภรรยาก็กวาดตามองหาของที่จะสามารถนำไปกินได้ ตอนนี้ในตะกร้าของหลี่เฟินหนิงเต็มไปด้วยพริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว น่าแปลกที่มันมีวัตถุดิบประกอบอาหารไทยแต่ก็ช่างเถอะคงไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายมากกว่าเขาได้มาเกิดในร่างนี้ ณ ที่แห่งนี้แล้วล่ะ ตอนแรกหวังลี่หมิงก็บอกว่าวัตถุดิบที่เขาเก็บไปนั้นกินไม่ได้เถียงกันอยู่นานสุดท้ายหลี่เฟินหนิงก็ชนะ
"ท่านพี่ นั่นหมูป่านี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงชี้ไปที่สัตว์ตัวสีดำตัวค่อนข้างใหญ่ที่กำลังดมไปตามพื้นดิน
"เจ้าเงียบๆนะ" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยาพร้อมกับตั้งหน้าไม้ยกขึ้นเล็ง
พรึบ!
อี๊ดด!
ลูกดอกปักที่คอของหมูป่าพอดีมันวิ่งชนต้นไม้อย่างตกใจสักพักก็ล้มลง หวังลี่หมิงเดินเข้าไปดูเมื่อเห็นว่าหมูป่าตายสนิทแล้วจึงกวักมือเรียกภรรยาเข้ามาดู
"ตัวใหญ่อยู่นะขอรับ" หลี่เฟินหนิงบอกกับสามี
"อืม น่าจะได้หลายจิน" หวังลี่หมิงตอบภรรยา จากนั้นก็ลากหมูป่ามาชำแหละที่ลำธาร ขณะที่หวังลี่หมิงชำแหละหมูป่าหลี่เฟินหนิงก็นั่งรอตรงบริเวณขอนไม้พลางกวาดตาไปมา พลันสายตาไปสะดุดกับสิ่งหนึ่งที่แอบอยู่ตรงโคนต้นไม้ มีบริเวณนั้นมีหญ้าปกคลุมอยู่ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็ไม่เห็น หลี่เฟินหนิงจึงเดินไปดูด้วยความสงสัย
"นะ นี่มัน" หลี่เฟินหนิงเบิกตากว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่เจอ เห็ดหลินจือ! เห็ดหลินจือแดงที่แสนหายากราคาแพง หลี่เฟินหนิงค่อยๆเก็บเห็ดหลินจือมาวางไว้บนใบไม้ที่เด็ดมาอย่างระมัดระวัง
"ท่านพี่ ดูสิขอรับข้าเจออะไร" หลี่เฟินหนิงเดินไปหาหวังลี่หมิงที่แล่เนื้อหมูป่าเสร็จแล้ว แล้วนำสิ่งที่ตนได้มาให้สามีดู
"นะ นี่มันเห็ด เห็ดหลินจือแดง เจ้าไปเจอมันมาจากที่ใด" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยาด้วยความตื่นเต้น เห็ดหลินจือที่แสนหายากอยู่ตรงหน้าเขาถึง 6 ดอก
"ข้าเจออยู่ใต้ต้นไม้ระหว่างนั่งรอท่านพี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบสามี
"หนิงเอ๋อร์ เจ้าช่างโชคดียิ่งนักเห็ดหลินจือนี่ทั้งหายากและราคาแพง" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยา เขาเข้าป่ามาตั้งหลายคราไม่เคยเจอแต่พอหลี่เฟินหนิงเข้าป่ามาครั้งแรกกลับเจอโดยง่าย
"นี่ใกล้จะยามอู่แล้วเรากลับกันดีหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามผู้เป็นสามี ตอนนี้ท้องของเขาเริ่มหิวแล้ว
สองสามีภรรยาเดินทางกลับมาที่บ้านเนื่องจากบ้านของหวังลี่หมิงอยู่ท้ายหมู่บ้านติดกับป่าพอดีจึงไม่ต้องเดินผ่านบ้านเรือนผู้คน เมื่อมาถึงบ้านทั้งคู่ก็นำของไปเก็บจากนั้นหลี่เฟินหนิงก็มาเตรียมของสำหรับทำกับข้าว
"มีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยถามผู้เป็นภรรยา
"ท่านพี่ช่วยก่อไฟและหุงข้าวให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงหันไปบอกสามี
"ได้" หวังลี่หมิงรีบไปทำตามที่ภรรยาบอกทันที ส่วนหลี่เฟินหนิงก็หันมาเตรียมอาหารของตนเองต่อ เนื่องจากตอนนี้ปลายยามอู่แล้วหลี่เฟินหนิงจึงเลือกทำอาหารง่ายๆอย่างหมูคั่วพริกเกลือ หลี่เฟินหนิงหั่นหมูเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ซอยพริก กระเทียม และใบมะกรูด จากนั้นนำหมูลงกระทะใส่น้ำเปล่าเล็กน้อยเป็นการรวนหมูรวนไปสักพักน้ำมันในหมูก็เริ่มออกมารอจนหมูมีสีสวยแล้วจึงใส่พริก กระเทียม และใบมะกรูดที่ซอยไว้ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ หวังลี่หมิงช่วยภรรยายกหม้อข้าวและชามมาที่โต๊ะกินข้าวเมื่อนั่งประจำที่กันแล้วชายหนุ่มก็ลงมือชิมฝีมือของภรรยาทันที
"รสชาติดียิ่งนัก! หนิงเอ๋อร์เจ้าช่างมีฝีมือจริงๆ" หวังลี่หมิงลี่หมิงชื่นชอบอาหารที่ภรรยาทำมากถึงกับเติมข้าวไปสองถ้วย
"เอ่อ ท่านพี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยเรียกผู้เป็นสามีที่กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
"มีอันใดหรือ" หวังลี่หมิงเอ่ยถามผู้เป็นภรรยา
"พรุ่งนี้ท่านพี่เข้าเมือง ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ"
"ย่อมได้ พรุ่งนี้เราเข้าไปในเมืองด้วยกัน"
"ขอบคุณขอรับ"
"เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า เจ้าต้องการสิ่งใดขอเพียงให้บอกข้ายินดีทำให้เจ้า"
"ท่านพี่ช่างดีกับข้าเหลือเกินขอรับ" หลี่เฟินหนิงพูดกับสามีด้วยรอยยิ้ม
"เจ้าเป็นภรรยาข้า ข้าดีกับเจ้านั้นถูกต้องแล้ว" หวังลี่หมิงมองภรรยาด้วยความเอ็นดู ดูเหมือนว่าวันนี้ทั้งสองจะอิ่มเอมทั้งกายและใจ
วันรุ่งขึ้นยามเฉิน (07:00-08:59) สองสามีภรรยาก็เดินเท้าเข้ามาในเมืองเพราะไม่อยากนั่งเกวียนร่วมกับพวกชาวบ้านปากมากหากนั่งไปมิวานโดนพูดแขวะหรือไม่ก็ขอแบ่งเนื้อที่จะนำมาขายเป็นแน่ กว่าทั้งสองจะเดินมาถึงในเมืองก็ปาไปหนึ่งชั่วยามแล้วเพราะเนื้อหมูป่าที่จะนำมาขายนั้นหนักถึง 70 กงจิน(70 กิโลกรัม)ทำให้ต้องเดินบ้างหยุดพักบ้างเพราะหลี่เฟินหนิงสงสารคนที่แบก หวังลี่หมิงพาภรรยามาขายอาหารที่เหลาอาหารที่ตนมาส่งประจำ ร้านนี้เป็นร้านเดียวที่ไม่รังเกียจคนหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเขาแถมยังไม่กดราคาอีกด้วย
"หลงจู๊ขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยเรียก
"อ้าวอาลี่หมิง วันนี้ได้มีอันใดมาขายให้ข้ารึ" หลงจู๊รีบเดินมาหาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เรียกตน
"เนื้อหมูป่าขอรับ ท่านรับซื้อหรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยถาม
"ไอหยา รับๆได้มาเยอะเชียวดูท่าหมูป่าที่เจ้าเจอจะตัวใหญ่มาก" หลงจู๊พูดอย่างอารมณ์ดี
"ขอรับ"
"โอ้เนื้อหมูป่าหนัก 70 กงจิน ข้าให้กงจินละ 18 อีแปะ ทั้งหมดก็ 1 ตำลึงเงินกับ 260 อีแปะ พวกเจ้าพอใจหรือไม่" หลงจู๊เอ่ยถาม
"พะ พอใจขอรับ" หวังลี่หมิงรีบเอ่ยตอบ
"เอ้านี่เงิน" หลงจู๊ยื่นเงินให้กับหวังลี่หมิงก่อนที่ทั้งสองจะขอตัวลา สองสามีภรรยาเดินมาที่ร้านขายยาเพื่อที่จะขายเห็ดหลินจือที่เก็บมาได้
"พวกเจ้าต้องการรับอะไร" หลงจู๊ของร้านมองสองสามีภรรยาตั้งแต่หัวจรดเท้าดูจากการแต่งตัวคงจะไม่มีเงิน
"ข้าสองคนต้องการขายสมุนไพร ร้านของท่านรับซื้อหรือไม่" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบแม้ไม่ชอบสายตาที่มองอย่างดูถูกของอีกฝ่าย
"ร้านนี้ไม่รับสมุนไพรกระจอกๆของพวกเจ้า ไสหัวไปซะ" หลงจู๊ของร้านยาเอ่ยไล่อย่างหยาบคายทั้งสองจึงเดินออกจากร้าน
"ไม่เป็นไร ยังมีอีกร้าน" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยาแล้วพาเดินมาร้านขายยาอีกร้านซึ่งอยู่ไกลหน่อย
"สวัสดีขอรับ ต้องการซื้อยาหรือขายสมุนไพรขอรับ" หลงจู๊ของร้านเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง
"ข้าสองคนต้องการขายสมุนไพรขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบ
"ต้องการขายสมุนไพรชนิดใดข้าขอดูได้หรือไม่" หลงจู๊ถามขึ้น หลี่เฟินหนิงจึงหยิบเห็ดในตะกร้าที่มีผ้าปิดไว้ออกมาหนึ่งดอก
"สิ่งนี้ขอรับ" หลี่เฟินหนิงวางเห็ดหลินจือตรงหน้าของหลงจู๊
"ไอหยา สิ่งนี้ต้องให้เถ้าแก่เจ้าของร้านตีราคา เจ้าทั้งสองโปรดรอสักครู่" หลงจู๊พูดจบก็เดินหายไปหลังร้านสักพักก็เดินออกมาพร้อมมชายวัยกลางคน
"อาเฉินบอกว่าพวกเจ้าเอาเห็ดหลินจือมาขายรือ" เถ้าแก่เจ้าของร้านเอ่ยถาม
"ขอรับ"
"ไอหยา เห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่ขนาดนี้อายุน่าจะ 100 ปีได้ " เถ้าแก่ร้านยามองเห็ดตรงหน้าด้วยความพอใจ
"ไม่ทราบว่าท่านรับซื้อหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม
"ย่อมรับแน่นอน"
"เอ่อ เถ้าแก่รับซื้อจำนวนเท่าใดขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามอีกครั้ง
"ไอหยา ยังมีอีกรึ!" เถ้าแก่ถามด้วยความตื่นเต้น
"นี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงนำเห็ดหลินจือทั้งหมดออกมาวางตรงหน้าเถ้าแก่
"เจ้าสองคนช่างโชคดียิ่งนัก! บางคนหาแทบตายยังไม่เจอแต่พวกเจ้ากับมีมันถึง 6 ดอก บางดอกมีอายุ 3-400ปีเชียว ข้ารับซื้อทั้งหมดให้ราคาถึง 5000 ตำลึงทองเชียวนะ" เถ้าแก่เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ
"หะ ห้าพันตำลึงทองเลยรึขอรับ" หลี่เฟินหนิงและหวังลี่หมิงถึงกับตกใจกับราคาที่ขายได้
"แน่นอน เห็ดของพวกเจ้าทั้งสวยทั้งสมบูรณ์ข้าจะให้ราคาน้อยได้เยี่ยงไร" เถ้าแก่ตอบอย่างอารมณ์ดี
"ขอบคุณขอรับ" ทั้งสองคาระวะขอบคุณเถ้าแก่ร้านขายยา
"ไม่เป็นไรๆ เจ้าต้องการเป็นตั๋วเงินหรือเหรียญเล่า" เฒ่าแก่เจ้าของร้านเอ่ยถาม
"เอ่อ ข้าขอเป็นตั๋วเงิน 4449 ตำลึงทอง เป็นเหรียญ 500 ตำลึงทอง 9 ตำลึงเงิน กับ 1000 อีแปะได้หรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม
"ย่อมได้ เดี๋ยวข้าให้อาเฉินจัดการให้" เถ้าแก่ร้านขายยาตอบจากนั้นหลงจู๊ก็จัดการเรื่องเงินให้สองสามีภรรยา หวังลี่หมิงกับหลี่เฟินหหนิงจึงนำตั๋วเงินไปฝากไว้ที่ร้านฝากเงินใกล้ตลาด ก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปซื้อสิ่งของต่างๆ
เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงถูกพามาที่ตำหนักเยว่ซินที่ฮ่องเต้ได้พระราชทานให้ ตัวตำหนักค่อนข้างกว้างขวางกว่าตำหนักของเหล่าสนมเสียอีก ภายในประดับด้วยของล้ำค่างดงามวิจิตร ภายนอกร่มรื่นด้วยไม้นานาพันธุ์และหลากสีสันด้วยดอกไม้หากยาก อีกทั้งมีลำธารน้ำจำลองพร้อมกับสะพานข้ามเล็กๆอยู่ นับว่าเป็นตำหนักที่งดงามมากเลยทีเดียว หน้าตำหนักมีนางกำนัลที่รอรับใช้อยู่"ถึงแล้วพะยะค่ะ" หลีกงกงเอ่ยบอก"ขอบใจหลีกงกง" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอก"เป็นหน้าที่ของกะหม่อม พวกเจ้าดูแลองค์ชายและท่านชายให้ดี" หลีกงกงหันไปสั่งนางกำนัลทั้งสองคน"เจ้าค่ะ""องค์ชายหก ท่านชายเฝิง กระหม่อมขอตัวลา" หลีกงกงคำนับก่อนจะเดินออกไปจากตำหนัก"ถวายพระพรองค์ชายหก ท่านชายเฝิงเพคะ" นางกำนัลทั้งสองคนย่อคุกเข่าหนึ่งข้างเป็นการเคารพเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์"พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอก"ขอบพระทัยองค์ชายหก" นางกำนัลทั้งสองคนยืนขึ้นประสานมือไว้ด้านหน้าและก้มหน้าเล็กน้อย"พวกเจ้ามีชื่อว่าอันใดหรือ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถาม"ทูลองค์ชาย หม่อมฉันเจียวหลินเพคะ""หม่อมฉัน เจียวเจียวเพคะ""อ้อ" เซียวเฟินหนิงมองหน้าสามีเพราะไม่รู้ว่าต้องทำ
"ท่านเจ้าเมืองมาพอดี สามีภรรยาสองคนนี้มาขัดขวางไม่ให้ข้านำบุตรสาวไปให้ท่านขอรับ" ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างนอบน้อม ท่านเจ้าเมืองหันไปมองทางด้านสองสามีภรรยาก็ต้องตกตะลึง ใบหน้างดงามนี่คืออันใดกัน เทพเซียนมาลงมาจากสวรรค์หรือ"เจ้าสนใจมาเป็นฮูหยินรองของข้าหรือไม่" เจ้าเมืองซานหลีใช้สายตาแทะโลมอย่างไม่ปิดปัง เฝิงลี่หมิงถึงกับกัดฟันกรอด"อย่ามายุ่งกับภรรยาข้า!" เฝิงลี่หมิงดึงภรรยามาหลบด้านหลังก่อนจะตวาดลั่นดวงตาจ้องเขม็งไปที่ชายตรงหน้าราวกับจะฆ่าทิ้งเสีย"เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้างั้นรึ! พวกเจ้าสั่งสอนมันเสียแล้วนำเกอผู้นั้นมาให้ข้า" เจ้าเมืองซานหลีหันไปสั่งมือปราบ เซียวเฟินหนิงถึงกับขมวดคิ้ว ไอ้แก่บ้ากามนี่มันถึงกับกล้าคิดจะฉุดภรรยาผู้อื่นต่อหน้าคนมากมายเชียวหรือ"หยุด! ท่านเจ้าเมือง นั่นภรรยาผู้อื่นนะขอรับ ท่านจะฉุดพรากภรรยาผู้อื่นเช่นนี้ไม่ได้!" นายอำเภอที่เหมือนจะหมดความอดทนกับเหตุการณ์เหล่านี้เอ่ยขึ้น"เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า! จัดการมัน" เจ้าเมืองซานหลีเอ่ยเหล่ามือปราบก็ตรงมาหาสองสามีภรรยาทันที"ท่านพี่ ดูเหมือนว่าเมืองซานหลีต้องการเจ้าเมืองใหม่เสียแล้ว" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอกสามี"พี่ก็ค
เพราะต้องอัญเชิญป้ายวิญญาณของมารดาและบิดาของเซียวเฟินหนิงไปที่เมืองหลวงสองสามีภรรยาจึงต้องจัดแบ่งงานให้กับคนงานอย่างชัดเจน ตอนนี้พวกเขารับคนในหมู่บ้านให้มาทำงานเพิ่มแล้วรวมถึงบิดาบุญธรรมอย่างท่านเจ้าเมืองก็สั่งให้คนมาคอยดูแลระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่"ระหว่างที่พวกข้าไม่อยู่ก็ให้พวกท่านก็ทำตามที่ข้าแบ่งหน้าที่ไว้ให้นะขอรับ" เฝิงลี่หมิงแม้จะได้รับบรรดาศักดิ์เป็นองค์ชายแต่เขาก็ยังคงพูดจานอบน้อมเช่นเดิม"การไปเมืองหลวงครั้งนี้อาจใช้เวลาร่วมเดือนหากพวกท่านมีปัญหาอันใดให้แจ้งกับท่านลุงเมิ่งได้เลยนะขอรับ เขาจะเป็นผู้ดูแลพวกท่านระหว่างที่ข้ากับท่านพี่ไม่อยู่" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอกแก่คนงาน "พะยะค่ะ" เหล่าคนงานเอ่ยรับมองดูเจ้านายทั้งสองด้วยสายตาที่ชื่นชม ดูสิจากเด็กน้อยที่ถูกครอบครัวขับไล่ออกจากตระกูลมาวันนี้ได้เป็นท่านชายองค์ชายเสียแล้ว ณ จวนเจ้าเมืองซานหลางเฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงอยู่ในชุดสีขาวจากผ้าไหมชั้นดีดูงดงามและสูงศักดิ์ปักลวดลายด้วยดิ้นเงิน เฝิงลี่หมิงสวมใส่หน้ากากครึ่งใบหน้าสีเงินที่ชินอ๋องประทานให้ยิ่งทำให้ดูสง่างามลึกลับน่าค้นหา ทั้งสองแม้อยากจะคุกเข่าคำนับลาบิดามารดาบุญธรรมเม
"บังอาจ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าชินอ๋อง!! " เสียงขององครักษ์ประจำตัวชินอ๋องประกาศกร้าวสร้างความตกใจให้กับทุกคนที่พากันมาชมเหตุการณ์เมื่อรู้ว่าบุรุษที่มากับท่านเจ้าเมืองนั้นเป็นผู้ใด"กะ โกหก ชินอ๋องจะมาทำอะไรที่นี่และคงไม่แต่งงานธรรมดาเช่นนี้ เจ้าอย่ามาแอบบอ้าง" หลี่อู๋เจี๋ยพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อแม่ว่าชาสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้วก็ตาม ชินอ๋องยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกับม้วนกระดาษที่มีตรามังกรปิดผนึกอยู่"ฝ่าบาทมีราชโองการ พวกเจ้าคุกเข่าลง! " ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นก็พากันคุกเข่าลงทั้งสองข้าง"หลี่เฟินหนิงรับราชโองการ ทางราชสำนักสืบทราบมาว่า ฮูหยินน้อยเฝิง หลี่เฟินหนิง เป็นบุตรขององค์ชายรอง เซียวเฟยเยี่ยน ที่หายสาบสูญไปจึงนับว่ามีสายเลือดราชวงศ์ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งแต่งตั้งหลี่เฟินหนิงเป็น องค์ชายหกหลี่เฟินหนิง สามารถใช้แซ่เซียวได้ตามมารดาโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากสกุลเดิม พระราชทานผ้าไหมชั้นดี 20 หีบ ผ้าไหมปักดิ้นทอง 10 หีบ ไข่มุก สวรรค์ 10 หีบ ไข่มุกนิลกาฬ 20 หีบ เครื่องเพชร 5 หีบ ปิ่นทองคำแท้ 5 หีบ ปิ่นทองคำแท้ลวดลายหงส์ 1 หีบ เงินจำนวน 100,000 ตำลึงทอง คุณชายเฝ
ตำหนักชินอ๋องย้อนกลับไปก่อนฤดูหนาวจะมาเยือนจดหมายถึง ชินอ๋องเซียวเฟยเทียนถวายพระพรชินอ๋อง กระหม่อมได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าเมืองซานหลางให้เขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพระองค์ เมื่อไม่นานมานี้ท่านเจ้าเมืองได้ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีลอบทำร้ายแต่ได้มีบุรุษผู้หนึ่งให้ความช่วยเหลือ บุรุษผู้นั้นมีจุดเด่นคือปานสีดำขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าด้านขวาคราแรกท่านเจ้าเมืองเพียงรู้สึกซาบซึ้งใจจึงเชิญให้ชายผู้นั้นมาพบที่จวนเพื่อตอบแทนแต่ภายหลังฮูหยินเฝิงรู้สึกถูกชะตาทั้งยังเห็นใจที่สองสามีภรรยาถูกครอบครัวรังแกจึงรับชายผู้นั้นเป็นบุตรบุญธรรม ชายผู้นั้นมีภรรยาเป็นเกอคราเเรกที่ท่านเจ้าเมืองและฮูหยินได้พบใบหน้าของภรรยาชายผู้นั้นทั้งสองรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านั้นจึงรีบให้กระหม่อมเขียนจดหมายฉบับนี้ส่งถึงพระองค์ เกอผู้นั้นมีนามว่า หลี่เฟินหนิง บิดามีนามว่า หลี่อู๋ซิน ส่วนมารดามีนามว่า เซียวเฟยเยี่ยน เกอผู้นั้นบอกว่าบิดามารดาของตนได้เสียชีวิตลงตั้งแต่ตนเพิ่งมีอายุเพียงเก้าหนาว ที่สำคัญคือเกอผู้นั้นมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับองค์ชายรองถึงแปดส่วน ท่านเจ้าเมืองให้กระหม่อมบอกแก่ท่านอ๋องว่าหากต้องการมาพบเกอผู้นี้ก็ให้รอฤดูหนาวผ่านพ้
การแจกจ่ายอาหารจากสองสามีภรรยายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าหิมะจะตกลงมาอีกครั้ง ซึ่งวันนี้เองก็เช่นกัน เพียงแต่วันนี้เขาเห็นว่าดูเหมือนจะมีชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นมาด้วยหลี่เฟินหนิงจึงเดินเข้าไปสอบถามกลุ่มชาวบ้านที่เพิ่งลงมาจากเกวียน"พวกท่านมาทำอันใดกันหรือขอรับ" หลี่เฟินหนิงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายตากวาดดูชาวบ้านราวๆ 30 กว่าคนกับเกวียนสี่เล่มมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่"พวกเราได้ยินมาว่าหมู่บ้านนี้แจกจ่ายอาหาร พวกเราจึงรวมเงินกันจ้างเกวียนเพื่อมาดูเจ้าค่ะว่าพอจะมีอาหารปันให้พวกเราบ้างไหม" สตรีวัยกลางคนถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พวกเธอเป็นคนต่างหมู่บ้านไม่รู้ว่าจะได้รับอาหารที่แจกหรือไม่แต่นี่เป็นทางรอดระหว่างรอความช่วยเหลือจากทางการผู้ใหญ่นั้นยังพออดทนได้แต่เด็กและคนแก่นี่สิ"พวกท่านมาจากต่างหมู่บ้านกันหรือขอรับ แล้วเดินทางมาไกลหรือไม่" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม"ใช่เจ้าค่ะ หมู่บ้านของพวกเราอยู่ห่างไป 10 ลี้ลึกเข้าไปในหุบเขาทำให้การช่วยเหลือจากทางการมาช้ากว่าหมู่บ้านอื่น" สตรีวัยกลางคนอีกคนตอบ"ไกลอยู่นะขอรับ แล้วพวกท่านทราบได้อย่างไรขอรับว่าที่นี่มีอาหารแจกชาวบ้าน" "มีคนจากหมู่บ้านนี้นำอาหารไปให้ญาติที
เฝิงลี่หมิงกับหลี่เฟินหนิงพากันเดินเท้ามาที่บ้านของผู้นำหมู่บ้าน ระหว่างทางก็ได้เห็นชาวบ้านที่เริ่มออกมากวาดหิมะและพูดคุยกัน ชาวบ้านหลายคนต่างมองว่าสองสามีภรรยานั้นจะเดินไปที่ใด เมื่อเห็นว่าทั้งสองไปหยุดที่หน้าบ้านของผู้นำหมู่บ้านก็หันมาพูดคุยเรื่องอื่นต่อ ผู้ใดจะกล้าไปยุ่งเรื่องของบุตรบุญธรรมของท่านเจ้าเมืองกันเล่า"คาระวะท่านป้าจาง ท่านลุงจางอยู่หรือไม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามนางจางเหม่ยที่กำลังกวาดหิมะอยู่ลานหน้าบ้าน"อยู่ๆ เจ้าสองคนมีธุระอันใดเล่า" นางจางเหว่ยที่ตอนนี้เปลี่ยนท่าทีต่างจากเมื่อก่อนจนสองสามีภรรยาได้แต่แปลก"ข้ากับภรรยาจะมาพูดคุยเรื่องทำอาหารแจกชาวบ้านน่ะขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"เช่นนั้นพวกเจ้าก็เข้ามาพูดคุยกันในบ้านเถิด อากาศข้างนอกหนาวเย็นประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา" นางจางเหว่ยรีบเชิญทั้งสองคนเข้ามาบ้านทันที"อ้าวลี่หมิง เฟินหนิง เจ้าสองคนมีอันใดหรือ" เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบกับจางเหว่ย"คาระวะท่านลุงจางขอรับ" สองสามีทำการคำนับผู้อาวุโสกว่าทันที"ที่ข้าสองคนมาวันนี้เพราะมีเรื่องให้ท่านลุงจางช่วยขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอก"เรื่องอันใดรึ" จางเหว่ยถามอย่างสงสัย ยังมีเรื่อง
"ไอ้ลูกอกตัญญู หากเจ้าไม่ยอมให้เงินและสะเบียงกับพวกข้าเช่นนั้นเจ้าก็มิต้องใช้แซ่หวังอีก" หวังหยวนคุนพูดอย่างโมโห"บุตรชายของข้าคงไม่กล้าใช้แซ่หวังอันสูงส่งของเจ้าหรอก" เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองพบเป็นบุรุษวัยกลางคนแต่งกายด้วยผ้าไหมชั้นดีดูภูมิฐาน เมื่อผู้นำหมู่บ้านเห็นว่าเป็นผู้ใดก็รีบทำการคำนับทันที"ข้าน้อย จางเหว่ย ผู้นำหมู่บ้านเซียนซาน คาระวะท่านเจ้าเมืองขอรับ" "ตามสบายเถิดท่านผู้นำจาง" เฝิงคงหรันพูดอย่างเป็นกันเอง เหล่าชาวบ้านเมื่อทราบว่าผู้ที่มาเป็นใครก็ต่างพากันตกใจและสงสัยว่าเหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงมาอยู่ที่นี่"คาระวะท่านพ่อขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับหลี่เฟินหนิงทำการคำนับบุรุษผู้น่าเกรงขาม คำที่ใช้เรียกยิ่งสร้างความตกใจตะลึงให้แก่ชาวบ้านและครอบครัสตระกูลหวัง"ท่านพ่องั้นหรือ""เหตุใดทั้งสองถึงเรียกท่านเจ้าเมืองว่าท่านพ่อเล่า""ท่านพ่อมีธุระอันใดหรือขอรับถึงได้มาถึงที่นี่" เฝิงลี่หมิงไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบของชาวบ้านแต่อย่างใด เขาเอ่ยถามธุระของพ่อบุญธรรมทันที"มารดาของเจ้าให้พ่อมาดูว่าบ้านของเจ้าเป็นเช่นไร ฤดูหนาวนี้จะอยู่ได้หรือไม่นางเป็นห่วงเกรงว่าเจ้ากับสะใภ้จะลำบาก" เ
เมื่อฤดูหนาวมาถึงการเก็บเกี่ยวก็เสร็จสิ้นพอดีตอนนี้สองสามีภรรยากำลังจ่ายค่าแรงวันสุดท้ายให้กับเหล่าคนงานก่อนที่หิมะเเรกจะมาเยือน เหล่าคนงานต่างพากันเหงาหงอยเพราะคิดว่าพวกเขาจะไม่ถูกจ้างอีกเลยแต่ก็เข้าใจเพราะที่ผ่านมารายได้จากการทำงานที่นี่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้ลำบาก"ท่านใดรับเงินไปแล้วรอสักครู่นะขอรับ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับพวกท่าน" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกคนงานก่อนที่พวกเขาจะเดินกลับไป คนงานจึงอยู่รอฟังและได้แต่หวังว่าสองสามีภรรยาจะบอกว่าจะจ้างพวกเขาหลังจากฤดูหนาวผ่านพ้นไป เพื่อจ่ายค่าแรงให้คนงานครบทุกคนเฝิงลี่หมิงจึงพูดขึ้น"ทุกท่านครับ ข้ารู้ว่าทุกท่านกำลังกังวลว่าข้ากับภรรยาจะเลิกจ้างพวกท่านข้าจึงอยากอธิบายว่าข้าจะหยุดจ้างงานแค่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้นขอรับ เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไปข้าจะให้ทุกท่านกลับมาทำงานอีกครั้ง" สิ้นประโยคเหล่าคนงานก็ต่างส่งเสียงเฮด้วยความดีใจที่พวกเขายังจะได้ทำงานกับนายจ้างดีๆเช่นนี้"เรื่องต่อไปคือข้าอยากจะขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจทำงานให้ข้า""เจ้าไม่ต้องขอบใจพวกข้าหรอกหวังลี่หมิง ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกเจ้าสองคนที่ให้งานพวกข้าอีกทั้งยังเลี้ยงอาหารดีๆให้พวกข้าไ