เวลานี้สี่ทุ่มแล้ว แต่เวนิสาคนงามยังเดินทอดน่องอยู่ริมสนาม ตากน้ำค้างยามค่ำคืนพร้อมกับชื่นชมพระจันทร์ดวงโต โชคดีฝนไม่ตก พระจันทร์เลยได้อวดโฉมงดงาม ก่อนกลับเข้ามาที่บ้านวันนี้ มีสายโทรเข้ามารายงานทั้งจากโรงเรียนสอนทำอาหารและจากร้านเบเกอรี่ว่ามีผู้ชายไปถามหาเธอ ก็พอจะรู้ละว่าเป็นศศิน แต่มันเรื่องอะไรต้องมาตามจิกเธอเล่า
“อะแฮ่ม! จะนอนไหม ฉันจะล็อกประตู”
เสียงห้วนดังมาจากข้างหลัง บุรุษในชุดเสื้อคลุมสีกรมท่าเดินวางมาดเคร่งขรึมเข้ามาถามไถ่ ใบหน้าเขาเหมือนไม่สบอารมณ์นัก คงมีบางเรื่องให้เคืองใจกระมัง
หญิงสาวทำใจดีสู้เสือ อย่างน้อยเขาก็โทรหาเธอทั้งวัน ถือเสียว่าเขาเป็นฝ่ายง้อก่อนก็แล้วกัน
“ขอสิบนาทีค่ะ”
เขาพยักหน้าเออออ เดินมายืนข้างหล่อน ได้กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางผสมกับกลิ่นความชื้นจากต้นไม้ใบหญ้า พอได้มองใบหน้านี้ชัดๆ ก็ราวกับว่าความขุ่นเคืองใจทั้งหมดทั้งมวลได้สูญสลายไป
“เธอเล่นซ่อนแอบเหรอ หายไปทั้งวัน”
“แหม...ฉันก็มีธุระปะปังบ้างสิคะ”
“ธุระกับผู้ชายสินะ ผู้ชายอายุน้อยกว่าซะด้วย”
เวนิสามุ่นคิ้ว มองเขาอย่างค้นคว้า นี่เขาไปรู้ไปเ
[12]ร้าวราน________บ่ายแก่ๆ วันเดียวกันเงินสดมากกว่าห้าพันบาท ถูกวางลงตรงหน้าเวนิสา เธอยิ้มรับมันด้วยความยินดี ส่งมันเข้ากระเป๋าราวกับมีค่านับหมื่นนับแสน เรื่องไม่สบายใจทั้งหลายทั้งปวง เธอทิ้งไว้ที่คฤหาสน์ศิวเศขร ถึงทุกข์ใจอย่างไรก็ยังต้องทำมาหากิน เมื่อเช้าเกงานที่ห้างไปรอบหนึ่ง ตอนบ่ายเลยต้องหอบขนมมาส่งลูกค้า VIP เสียหน่อย“รอบนี้สั่งเยอะเชียว” เธอท้วงลูกค้าอันดับหนึ่ง“ก็ขนมพี่อร่อยนี่ครับ สาวออฟฟิศชอบเชียว มาซื้อเองบ้าง ฝากเพื่อนมาซื้อบ้าง เลยหมดไว” ปลายภูว่าแล้วยิ้ม มองพี่สาวคนเก่งที่วันนี้หน้าตาดูมีสีสันยิ่งกว่าเมื่อวาน“กิจการรุ่งเรืองก็ดี ฉันจะได้เกาะร้านนายไปนานๆ”“ยินดีครับ อ้อ...ไม่สบายหายแล้วเหรอ สีหน้าดูดีขึ้นนะ”คนถูกถามยิ้มบางๆ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอก เมื่อวานยังตัวรุมๆ อยู่เลย“ได้ยาดีละมั้ง”“อา....พูดแบบนี้ผมคิดไกลนะเนี่ย ว่าแต่...พี่กับพี่ศศิน สนิทกันเหรอ เมื่อวานเห็นแกอุ
บ้านศิวเศขรตุ้บ!ร่างงามถูกผลักลงบนเตียงอย่างไม่ปรานีนัก เวนิสานิ่วหน้าด้วยว่าเจ็บบั้นท้ายเหลือกำลัง เขาเป็นบ้าอะไรไปอีก ไม่เห็นหรือว่าเธออาการไม่ค่อยดี“ไม่ต้องสำออย มีความสุขนักเหรอกับการอ่อยผู้ชายไปทั่ว มีฉันคนหนึ่งไม่พอหรือไง!”เสียงห้วนๆ แข็งๆ ที่ตวาดออกมาทำเอาเวนิสาตาเบิกโต นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ “พูดอะไรของพี่ ฉันไม่สบายอยู่นะ อย่ามาหาเรื่องทะเลาะ”ศศินไม่ยอม ปีนขึ้นเตียงมาคร่อมร่างเวนิสาไว้“ไม่ต้องมาบ่ายเบี่ยง ใช่สินะ นายนั่นยังเด็ก คงชอบละสิ ได้กับมันหรือยังล่ะ”เผียะ!หนึ่งตบจากคนอ่อนแรงฟาดลงบนแก้มสากของศศิน ไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำร้ายเขา แต่พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ดูถูกเธอยังไม่พอ ดูถูกคนที่เธอรักเหมือนน้องชายด้วย เขาบ้าไปแล้วกระมังถึงได้คิดแต่เรื่องสกปรกอย่างนี้“นี่เธอ!? เธอตบฉันเหรอ”“ค่ะ สติมาหรือยังคะ ใช้สติหน่อย เลิกหึงแล้วพาลซะที”“เฮอะ! หึงเหรอ ฉันหึงเธอตอนไหนมิทราบ เราไม่ได้รักกันสักนิด!” พูดออกไปแล้วใจหล่นวูบ เห
“อ๊ะ...อย่า...นะ เอามือออก”“ชู่ว์...แบบนี้..ก็ดีแฮะ” ว่าพลางบดบี้ปลายนิ้วเรียวเข้ากับเกสรดอกรักผ่านกางเกงชั้นในตัวบาง บดคลึงมันเป็นวงกลมเร็วบ้างช้าบ้างสลับกัน ส่วนมือขวาที่ว่างอยู่ ดึงใบหน้างามเข้ามาหา เพื่อจุมพิตล่อลวงให้หล่อนคล้อยตามรสจุมพิตหวานๆ ที่ปะปนความเร่าร้อนกำลังเผาเวนิสาให้กลายเป็นเถ้า ขากางเกงของเธอถูกดึงให้ยืดจนสุด กางเกงชั้นในตัวจิ๋วถูกเกี่ยวให้หลีกจากตำแหน่งเดิม ก่อนที่ศศินจะทำบางอย่างที่ทำให้เธอต้องตะลึง เขางัดเอาบางสิ่งออกมาจากกางเกงของตัวเองโดยไม่ได้ถอดออก มันแข็งแกร่ง ผงาดง้ำและร้อนผ่าวพอๆ กับเนื้อตัวเขา“อื้อ...เจ็บ!” เธอร้องบอก วินาทีที่ความแข็งแกร่งแห่งชาย มุดเข้าหาความนุ่มอ่อนของอิสตรีทางขากางเกงที่เปิดอ้า ความแน่นและฝืดหนืดก็เข้าเล่นงาน มันมุดเข้ามาในร่างเธอช้าๆ ส่งความเจ็บปวดที่ปะปนความเสียวซ่านเข้ามาให้ แล้วนาทีถัดมา กายแกร่งแห่งชายก็บุกเข้ามาในโพรงเนื้อสาวได้สำเร็จ เธอจุกจนพูดไม่ออก มันแน่นไปหมด“โอ...วี...ดีเหลือเกิน อา...” ศศินครางระงม เพียงแค่ได้พบเจอความชุ่มชื้นในโพรงเนื้อนุ่
หนึ่งชั่วโมงให้หลังปลายภูลุกมายืนมองวิวอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงไฟหลากสีข้างนอก บอกให้รู้ว่าเวลานี้มืดค่ำมากแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่านั่นไม่มีผลต่อรวีกานต์ หล่อนยังคงหลับอยู่ หลับไปราวชั่วโมงได้แล้วกระมัง“อือ...ทำไม...เพดานมันหมุนได้นะ เจ๊...เจ๊หวาน...ช่วยฉันด้วย” แม่เมรีเปล่งเสียงเรียกคนที่คิดว่าอยู่ในบ้านหลังน้อย ทว่าไร้เสียงโต้ตอบ เธอค่อยๆ ลุกนั่ง ขยี้ตาแรงๆ เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างหน้าต่าง “หือ? ฉันมาอยู่นี่ได้ไง”“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ สร่างหรือยัง สร่างแล้วจะได้กลับ” บอกหล่อนเสียงห้วน มือสองข้างซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง พยายามเก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้ในนั้นรวีกานต์ทำหน้างอ อะไรของเขาล่ะ เธอสิ เธอต้องเป็นคนโกรธ ยังไม่ได้เอาคืนเลยที่บังอาจจูบเธอคราวก่อน“ปวดหัว” เธอว่า“ไม่แปลกนี่ กินเข้าไปทำไมตั้งเยอะ แถมยังขึ้นรถไฟฟ้ามาได้ น่าทึ่งจริงๆ”“ฉันเนียนไง โอย...ปวดหัว” เอ่ยพลางหันมองรอบตัว ที่นี่ไหนกันล่ะ“ห้องพักเจ้าของร้าน ปลอดภัยน่า” เอ่ยเหมือนรู้ว่
[11]คนปากดี ขี้หึง เอาแต่ใจ___________ย้อนกลับมาที่สถานีรถไฟฟ้า รวีกานต์กระดกเบียร์จนเกลี้ยงแล้วทิ้งกระป๋องเปล่าลงถังขยะ ใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหาเธอ เหมือนยืนรอที่ป้ายรถเมล์อยู่นานแล้วด้วย น่าแปลกไหมเล่าที่เขามีฝาแฝด มีร่างสูงโปร่งซ้อนทับกันถึงสามร่าง และพวกเขากำลังเดินตรงมาทางนี้“นี่นาย...มีฝาแฝดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย งงแฮะ” บอกว่างงแต่แจกยิ้มหวานเรี่ยราดปลายภูส่ายหน้าระอา นึกว่าจะได้คุยกันอย่างปกติ แต่ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ รวีกานต์ไปดื่มมาหรือ นี่ยังไม่ถึงสองทุ่มด้วยซ้ำ“ตะวัน เมาเหรอ”“ม่าย...ใครเมายะ! ฉันแค่จิบๆ” แก้ต่างแล้วยิ้มหวานอีกรอบ ดวงตาเริ่มปรือ จากที่ฝืนสังขารขึ้นรถไฟฟ้ามาจนสุดสายก็เริ่มอ่อนเปลี้ยเพลียแรง“จิบบ้าจิบบออะไร กลิ่นเบียร์หึ่งขนาดนี้”“โอ๊ย...เป็นพ่อหรือไงนะ ขึ้นเสียงอยู่ได้ น่ารำคาญ” ทำเบะปากใส่เด็กน้อยร่างสูง ก่อนจะผลักเขาออกเพื่อเดินไปโบกรถแท็กซี่ปลายภูคว้าหมับเข้าที่เอวคอด
ศศินแม้ยังหน้าบึ้งหน้าบูด แต่ก็ยอมหยิบช้อนมาตักโจ๊กเข้าปาก ใช้มือซ้ายถือช้อนเพราะมือขวาซ่อนไว้ใต้โต๊ะ เขาดึงมือของเวนิสามากุมอย่างเอาแต่ใจ และนั่นราวกับว่าได้รับยาขนานเอกที่ช่วยทำให้ความขุ่นเคืองสูญสลายมื้อเช้าวันนี้จบลงด้วยความสำเร็จของเวนิสา หญิงสาวลุกจากมาเมื่อนาฬิกาบอกเวลาใกล้เจ็ดโมง เธอมีนัดที่ห้าง V&V ตอนแปดโมง ช่วงเช้าเธอต้องเข้าแนะนำตัวกับผู้บริหารที่เกี่ยวข้องพร้อมกับมารดาของเธอ สิบโมงมีนัดกับบิดาของปลายภูเรื่องคดีความของมารดา มันคงกินเวลาช่วงเช้าของเธอไปจนหมด ส่วนช่วงบ่ายมีประชุมใหญ่เรื่องงานบริการของห้าง V&V สรุปว่าวันนี้เธอคงยุ่งทั้งวัน“วี! วีนัส!”“คะ?”เธอขานรับอย่างงงๆ อยู่ข้างรถ เธออาจสายเอาได้หากขึ้นรถช้ากว่านี้สักนาที“นี่! ไม่คิดจะลาฉันเลยเหรอ ฉันไปตั้งสองวันนะ”บุรุษหน้าหล่อแต่อารมณ์ไม่โสภา เดินเข้ามาหาเรื่องหญิงสาว“แค่สองวันต่างหาก อะไรของพี่ แปลกๆ นะคะ”“เธอนั่นแหละแปลก ปกติตามก้นฉันยิกๆ วันนี้เป็นอะไร ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว โกรธฉันเรื่องรวีกานต