[12]
ร้าวราน
________
บ่ายแก่ๆ วันเดียวกัน
เงินสดมากกว่าห้าพันบาท ถูกวางลงตรงหน้าเวนิสา เธอยิ้มรับมันด้วยความยินดี ส่งมันเข้ากระเป๋าราวกับมีค่านับหมื่นนับแสน เรื่องไม่สบายใจทั้งหลายทั้งปวง เธอทิ้งไว้ที่คฤหาสน์ศิวเศขร ถึงทุกข์ใจอย่างไรก็ยังต้องทำมาหากิน เมื่อเช้าเกงานที่ห้างไปรอบหนึ่ง ตอนบ่ายเลยต้องหอบขนมมาส่งลูกค้า VIP เสียหน่อย
“รอบนี้สั่งเยอะเชียว” เธอท้วงลูกค้าอันดับหนึ่ง
“ก็ขนมพี่อร่อยนี่ครับ สาวออฟฟิศชอบเชียว มาซื้อเองบ้าง ฝากเพื่อนมาซื้อบ้าง เลยหมดไว” ปลายภูว่าแล้วยิ้ม มองพี่สาวคนเก่งที่วันนี้หน้าตาดูมีสีสันยิ่งกว่าเมื่อวาน
“กิจการรุ่งเรืองก็ดี ฉันจะได้เกาะร้านนายไปนานๆ”
“ยินดีครับ อ้อ...ไม่สบายหายแล้วเหรอ สีหน้าดูดีขึ้นนะ”
คนถูกถามยิ้มบางๆ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอก เมื่อวานยังตัวรุมๆ อยู่เลย
“ได้ยาดีละมั้ง”
“อา....พูดแบบนี้ผมคิดไกลนะเนี่ย ว่าแต่...พี่กับพี่ศศิน สนิทกันเหรอ เมื่อวานเห็นแกอุ
“งั้นก็คบกับเธอสิคะ” จู่ๆ เปลือกตาบางของเวนิสาก็เลิกขึ้นพร้อมกับเสียงเครือๆ ที่คล้ายตัดพ้อต่อว่า เธอฝืนยิ้มยินดีส่งให้แต่หัวใจปวดร้าวระบม“เอ้า...ไม่ได้หลับเหรอ”“ก็คงจะหลับ ถ้าพี่ไม่มาบ่นแง้วๆ ข้างหูฉัน” บอกแล้วจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเก้าอี้“งั้นเหรอ” ตอบแล้วลุกขึ้นยืน ไม่มีประโยชน์จะแก้ต่างในเมื่อถูกจับได้ขนาดนี้ ตีหน้ามึนทำไม่รู้ไม่ชี้ไปก็แล้วกัน“ถ้าอยากขอโทษก็ขอโทษสิคะ ฉันจะได้นอนซะที วันนี้เพลียมากเลย” บอกแล้วจะหันหลังให้แต่ถูกคนตัวโตช้อนร่างขึ้นสู่วงแขนหวืด...“เอ๊ะ...อะไร! ปล่อยนะ”“ไปนอนเตียงจะได้สบายๆ”เวนิสาคร้านจะต่อกร อยากทำอะไรก็ทำเถิด เธอเพลียร่างเกินจะกล่าวแล้วชายหนุ่มวางร่างหญิงสาวลงอย่างเบามือ หล่อนดูอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ด่าไม่ว่าเขาด้วยที่อุ้มหล่อนมา ปกติต้องส่งเสียงแวดๆ โวยวายบ้างล่ะหากเขาทำเรื่องขัดใจ“เธอ...อยากให้ฉันคบกับตะวันเหรอ” ถามเมื่อเอนกายลงนอนเคียงข้างเวนิสาเรียบร้อย หล่อนห
[12]ร้าวราน________บ่ายแก่ๆ วันเดียวกันเงินสดมากกว่าห้าพันบาท ถูกวางลงตรงหน้าเวนิสา เธอยิ้มรับมันด้วยความยินดี ส่งมันเข้ากระเป๋าราวกับมีค่านับหมื่นนับแสน เรื่องไม่สบายใจทั้งหลายทั้งปวง เธอทิ้งไว้ที่คฤหาสน์ศิวเศขร ถึงทุกข์ใจอย่างไรก็ยังต้องทำมาหากิน เมื่อเช้าเกงานที่ห้างไปรอบหนึ่ง ตอนบ่ายเลยต้องหอบขนมมาส่งลูกค้า VIP เสียหน่อย“รอบนี้สั่งเยอะเชียว” เธอท้วงลูกค้าอันดับหนึ่ง“ก็ขนมพี่อร่อยนี่ครับ สาวออฟฟิศชอบเชียว มาซื้อเองบ้าง ฝากเพื่อนมาซื้อบ้าง เลยหมดไว” ปลายภูว่าแล้วยิ้ม มองพี่สาวคนเก่งที่วันนี้หน้าตาดูมีสีสันยิ่งกว่าเมื่อวาน“กิจการรุ่งเรืองก็ดี ฉันจะได้เกาะร้านนายไปนานๆ”“ยินดีครับ อ้อ...ไม่สบายหายแล้วเหรอ สีหน้าดูดีขึ้นนะ”คนถูกถามยิ้มบางๆ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอก เมื่อวานยังตัวรุมๆ อยู่เลย“ได้ยาดีละมั้ง”“อา....พูดแบบนี้ผมคิดไกลนะเนี่ย ว่าแต่...พี่กับพี่ศศิน สนิทกันเหรอ เมื่อวานเห็นแกอุ
บ้านศิวเศขรตุ้บ!ร่างงามถูกผลักลงบนเตียงอย่างไม่ปรานีนัก เวนิสานิ่วหน้าด้วยว่าเจ็บบั้นท้ายเหลือกำลัง เขาเป็นบ้าอะไรไปอีก ไม่เห็นหรือว่าเธออาการไม่ค่อยดี“ไม่ต้องสำออย มีความสุขนักเหรอกับการอ่อยผู้ชายไปทั่ว มีฉันคนหนึ่งไม่พอหรือไง!”เสียงห้วนๆ แข็งๆ ที่ตวาดออกมาทำเอาเวนิสาตาเบิกโต นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ “พูดอะไรของพี่ ฉันไม่สบายอยู่นะ อย่ามาหาเรื่องทะเลาะ”ศศินไม่ยอม ปีนขึ้นเตียงมาคร่อมร่างเวนิสาไว้“ไม่ต้องมาบ่ายเบี่ยง ใช่สินะ นายนั่นยังเด็ก คงชอบละสิ ได้กับมันหรือยังล่ะ”เผียะ!หนึ่งตบจากคนอ่อนแรงฟาดลงบนแก้มสากของศศิน ไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำร้ายเขา แต่พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ดูถูกเธอยังไม่พอ ดูถูกคนที่เธอรักเหมือนน้องชายด้วย เขาบ้าไปแล้วกระมังถึงได้คิดแต่เรื่องสกปรกอย่างนี้“นี่เธอ!? เธอตบฉันเหรอ”“ค่ะ สติมาหรือยังคะ ใช้สติหน่อย เลิกหึงแล้วพาลซะที”“เฮอะ! หึงเหรอ ฉันหึงเธอตอนไหนมิทราบ เราไม่ได้รักกันสักนิด!” พูดออกไปแล้วใจหล่นวูบ เห
“อ๊ะ...อย่า...นะ เอามือออก”“ชู่ว์...แบบนี้..ก็ดีแฮะ” ว่าพลางบดบี้ปลายนิ้วเรียวเข้ากับเกสรดอกรักผ่านกางเกงชั้นในตัวบาง บดคลึงมันเป็นวงกลมเร็วบ้างช้าบ้างสลับกัน ส่วนมือขวาที่ว่างอยู่ ดึงใบหน้างามเข้ามาหา เพื่อจุมพิตล่อลวงให้หล่อนคล้อยตามรสจุมพิตหวานๆ ที่ปะปนความเร่าร้อนกำลังเผาเวนิสาให้กลายเป็นเถ้า ขากางเกงของเธอถูกดึงให้ยืดจนสุด กางเกงชั้นในตัวจิ๋วถูกเกี่ยวให้หลีกจากตำแหน่งเดิม ก่อนที่ศศินจะทำบางอย่างที่ทำให้เธอต้องตะลึง เขางัดเอาบางสิ่งออกมาจากกางเกงของตัวเองโดยไม่ได้ถอดออก มันแข็งแกร่ง ผงาดง้ำและร้อนผ่าวพอๆ กับเนื้อตัวเขา“อื้อ...เจ็บ!” เธอร้องบอก วินาทีที่ความแข็งแกร่งแห่งชาย มุดเข้าหาความนุ่มอ่อนของอิสตรีทางขากางเกงที่เปิดอ้า ความแน่นและฝืดหนืดก็เข้าเล่นงาน มันมุดเข้ามาในร่างเธอช้าๆ ส่งความเจ็บปวดที่ปะปนความเสียวซ่านเข้ามาให้ แล้วนาทีถัดมา กายแกร่งแห่งชายก็บุกเข้ามาในโพรงเนื้อสาวได้สำเร็จ เธอจุกจนพูดไม่ออก มันแน่นไปหมด“โอ...วี...ดีเหลือเกิน อา...” ศศินครางระงม เพียงแค่ได้พบเจอความชุ่มชื้นในโพรงเนื้อนุ่
หนึ่งชั่วโมงให้หลังปลายภูลุกมายืนมองวิวอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงไฟหลากสีข้างนอก บอกให้รู้ว่าเวลานี้มืดค่ำมากแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่านั่นไม่มีผลต่อรวีกานต์ หล่อนยังคงหลับอยู่ หลับไปราวชั่วโมงได้แล้วกระมัง“อือ...ทำไม...เพดานมันหมุนได้นะ เจ๊...เจ๊หวาน...ช่วยฉันด้วย” แม่เมรีเปล่งเสียงเรียกคนที่คิดว่าอยู่ในบ้านหลังน้อย ทว่าไร้เสียงโต้ตอบ เธอค่อยๆ ลุกนั่ง ขยี้ตาแรงๆ เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างหน้าต่าง “หือ? ฉันมาอยู่นี่ได้ไง”“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ สร่างหรือยัง สร่างแล้วจะได้กลับ” บอกหล่อนเสียงห้วน มือสองข้างซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง พยายามเก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้ในนั้นรวีกานต์ทำหน้างอ อะไรของเขาล่ะ เธอสิ เธอต้องเป็นคนโกรธ ยังไม่ได้เอาคืนเลยที่บังอาจจูบเธอคราวก่อน“ปวดหัว” เธอว่า“ไม่แปลกนี่ กินเข้าไปทำไมตั้งเยอะ แถมยังขึ้นรถไฟฟ้ามาได้ น่าทึ่งจริงๆ”“ฉันเนียนไง โอย...ปวดหัว” เอ่ยพลางหันมองรอบตัว ที่นี่ไหนกันล่ะ“ห้องพักเจ้าของร้าน ปลอดภัยน่า” เอ่ยเหมือนรู้ว่
[11]คนปากดี ขี้หึง เอาแต่ใจ___________ย้อนกลับมาที่สถานีรถไฟฟ้า รวีกานต์กระดกเบียร์จนเกลี้ยงแล้วทิ้งกระป๋องเปล่าลงถังขยะ ใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหาเธอ เหมือนยืนรอที่ป้ายรถเมล์อยู่นานแล้วด้วย น่าแปลกไหมเล่าที่เขามีฝาแฝด มีร่างสูงโปร่งซ้อนทับกันถึงสามร่าง และพวกเขากำลังเดินตรงมาทางนี้“นี่นาย...มีฝาแฝดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย งงแฮะ” บอกว่างงแต่แจกยิ้มหวานเรี่ยราดปลายภูส่ายหน้าระอา นึกว่าจะได้คุยกันอย่างปกติ แต่ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ รวีกานต์ไปดื่มมาหรือ นี่ยังไม่ถึงสองทุ่มด้วยซ้ำ“ตะวัน เมาเหรอ”“ม่าย...ใครเมายะ! ฉันแค่จิบๆ” แก้ต่างแล้วยิ้มหวานอีกรอบ ดวงตาเริ่มปรือ จากที่ฝืนสังขารขึ้นรถไฟฟ้ามาจนสุดสายก็เริ่มอ่อนเปลี้ยเพลียแรง“จิบบ้าจิบบออะไร กลิ่นเบียร์หึ่งขนาดนี้”“โอ๊ย...เป็นพ่อหรือไงนะ ขึ้นเสียงอยู่ได้ น่ารำคาญ” ทำเบะปากใส่เด็กน้อยร่างสูง ก่อนจะผลักเขาออกเพื่อเดินไปโบกรถแท็กซี่ปลายภูคว้าหมับเข้าที่เอวคอด