“ทีนี้เจ้าก็อาบน้ำให้เราได้แล้วใช่ไหมฮะดียะห์ แต่ถ้าเจ้ายังขัดขืนไม่ทำตามที่เราต้องการ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเกิดขึ้นใหม่ ที่คราวนี้เราไม่รับประกันนะว่าจะหยุดยั้งอารมณ์ปรารถนาในกายได้หรือเปล่า” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและแหบพร่าดังข้างใบหูนุ่ม ถึงจะมีผ้าเนื้อหนาขวางกั้นอยู่ แต่ก็ยังกางกั้นความร้อนผ่าวจากปากหนาที่ขบเม้มติ่งหูไม่ได้ “ค่ะ...ค่ะ...”
Voir plus“โอ๊ย!!! มันจะตกอะไรกันนักกันหนานะ” ปิยาพัชรบ่นพึมพำด้วยเสียอารมณ์สุดๆ เมื่อมองผ่านกระจกหน้ารถไปยังเห็นสายฝนโปรยปรายลงมาเป็นสายอย่างไม่ยอมหยุด และมีแต่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ มือเล็กกำพวงมาลัยรถไว้แน่น พยายามประคองรถเต่าคันเล็กให้แล่นตรงไปข้างหน้าอย่างสุดความสามารถ
“เฮ้อ...รู้งี้ให้พี่มัดหวายมาส่งเสียก็ดี”
น้ำเสียงหวานนุ่มดังตามมาอีกระลอกด้วยความขลาดกลัว ด้วยเพราะเส้นทางสายนี้เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง เลยต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูง คิดแล้วเซ็งชะมัด งานไม่น่ามีคืนนี้เลย อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจสักอย่าง ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่บ่ายแล้ว
พี่มัดหวายที่บอกว่าต้องไปอบรมวิชาการก็ไม่ไป ดูซิ...จะแต่งตัวออกจากบ้านก็ต้องเป็นกางเกงยีนกับเสื้อยืด แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นชุดราตรีเอาระหว่างทาง แต่ถึงจะเปลี่ยนแล้วก็ยังต้องหาเสื้อตัวใหญ่มาคลุมไว้อยู่ดี เพราะยังกลัวว่าถ้าคนรู้จักเห็นแล้วนำไปฟ้องพี่สาว
ร่างบางสั่นเหมือนกับต้องลมพายุ คิดถึงใบหน้าพี่สาวได้ชัดเจนกระจ่างตาถ้าได้เห็นการแต่งตัวของเธอ ก็ขนาดว่าเป็นแค่เสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นใส่อยู่บ้าน พี่สาวยังมองตาเขียวเลย นี่ถ้าเห็นว่าเธอใส่เสื้อเกาะอกอีกละก็...โหยไม่อยากจะคิดเลย พายุคงลงจนบ้านแตกแน่นอน ทั้งเสียงบ่น คำเตือนคำสอนตามมาอีกกระบุงโต และสุดท้ายอย่าหวังว่าเธอจะได้ไปร่วมงานในคืนนี้ด้วย
ลิ้นเล็กๆ กระทุ้งกระพุ้งแก้ม สีหน้าเบื่อหน่ายระคนรักใคร่ ดวงตาเป็นประกายสดใส แม้ปากจะบอกว่ารำคาญแต่ใจกลับรักและผูกพัน เพราะกัญญาพัชรเป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นทั้งพี่สาวและเพื่อน คอยดูแลทุกข์สุขให้ตั้งแต่บิดาและมารดาเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ ตอนที่เธออายุได้เพียงแค่สิบสองปี
น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้า เหตุการณ์ร้ายในวันนั้นยังคงติดตรึงในสมองและหัวใจไม่เคยลืมเลือน แม่และพ่อวิ่งข้ามถนนมาเพื่อรับเธอกลับบ้าน แต่อยู่ดีๆ รถหกล้อคันโตก็แหกโค้งพุ่งจากฟากหนึ่งของถนนเข้าชนสองร่างอย่างจัง เสียงหวีดร้องของนักเรียนและผู้ปกครองหลายคนที่ได้เห็นดังลั่น เด็กหญิงตัวน้อยในชุดวอร์มสีเหลืองทองทรุดตัวลงบนพื้นเหมือนกับนกปีกหัก หลายปีที่นอนฝันร้ายน้ำตาไหลอาบแก้ม
โชคดีที่มีพี่สาวที่ทั้งสวยและเก่ง ยืนหยัดเคียงข้างไม่ทอดทิ้งให้ต้องผจญกับความหวาดกลัวยามค่ำคืนเพียงลำพัง อีกทั้งยังทำหน้าที่แทนบุพการีได้ทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นกัญญาพัชรก็มีอายุเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้นเอง พี่สาวเคยพูดว่าจะออกจากโรงเรียนมาทำงานส่งเสียให้เธอเรียนจบตามประสงค์ของพ่อกับแม่ แต่เคราะห์ในครั้งนั้นก็ไม่หนักหนาเกินไป เมื่อมีคนเข้ามาช่วยให้การอุปการะ จนในที่สุดสองสาวก็ได้เรียนจนจบปริญญาสมดังตั้งใจ
สองมือเรียวกำพวงมาลัยรถไว้แน่น นอกจากคืนนี้จะเป็นคืนเดือนมืดแล้ว ฝนที่ตกพรำๆ อยู่เริ่มลงหนักขึ้นจนมองถนนแทบไม่เห็น และดีว่าไม่มีรถสวนมา แต่แล้ว...
“ว้าย!! ...”
เอี๊ยด!!
เท้าเล็กเหยียบลงไปบนเบรกเต็มแรง สองมือเย็นเฉียบกำพวงมาลัยรถแน่น หัวใจเต้นแรงเร็วเหมือนจะทะลุออกจากอก สลับไหววูบเหมือนคนกำลังจะเป็นลม ใบหน้าขาวสวยที่ตกแต่งไว้เป็นอย่างดีซีดเผือด ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามใบหน้า รถเต่าคันเล็กเลยถลาเกยขึ้นไปอยู่บนขอบถนน เหลือเพียงแค่ไม่ถึงฟุตรถคันเล็กก็จะพุ่งชนตนไม้เบื้องหน้า
ร่างบอบบางยังคงนั่งนิ่งลมหายใจหอบแรงอยู่อย่างนั้น แม้โทรศัพท์เครื่องเล็กในกระเป๋าจะส่งเสียงร้องดังถี่ๆ แต่ก็ไม่ได้เข้าในหูปิยาพัชรเลยสักนิด ดวงตากลมโตยังคงเบิกกว้าง มองไปด้านหน้าของรถจนแทบลืมหายใจ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามขมับ น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้าและเกือบจะไหลลงมาอาบแก้มอยู่แล้ว
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“คุณครับคุณ คุณครับ” มือใหญ่เคาะกระจกรถ แต่ดูเหมือนว่าคนที่นั่งอยู่ภายในจะช็อกจนไม่ได้ยินเสียง แสงไฟหน้ารถทำให้เห็นลางๆ ว่าคนที่นั่งอยู่นั้นตัวสั่น ร่างหนาใหญ่รีบเดินอ้อมไปยังอีกฝั่งประตู มือใหญ่พยายามดึงล็อกสลับกับเคาะกระจกรถ แต่ดูเหมือนว่าคนที่นั่งอยู่ในรถยังไม่ได้ยิน
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“คุณครับเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” อินซอฟเคาะกระจก ปากก็ร้องตะโกนถามไปอย่างเสียอารมณ์ คนยิ่งรีบๆ อยู่ลงมาช่วยก็บุญเท่าไหร่แล้ว นี่ถ้าเขาและนายไม่ผ่านมาทางนี้ สงสัยแม่สาวน้อยคนขับคงนั่งบื้ออยู่ในรถจนถึงเช้าเลยมั้ง
‘เป็นผู้หญิงขับรถคนเดียวค่ำๆ มืดๆ มันก็อันตรายอยู่แล้ว นี่ฝนก็ตกหนักอีกไม่รู้จะรีบไปธุระที่ไหน รอถึงพรุ่งนี้เช้าไม่ได้หรือไงกัน ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งนะ จะจับฟาดให้หลังลายเลย’
“มีอะไรหรือเปล่าอินซอฟ ใครเป็นอะไรบ้างไหม” ฟารฮานร้องถามลูกน้องมาจากในรถ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้อยากลงไปช่วยหรอก แต่เพราะมโนธรรมในใจมันดันชนะตัวเดวิล เลยบอกให้อินซอฟหยุดรถและลงไปทำการช่วยเหลือ
มือใหญ่เปิดดูแฟ้มเอกสารที่ได้รับแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี เดือนนี้ผลประกอบการของบริษัทได้กำไรเพิ่มจากสามเดือนที่แล้วถึงห้าเปอร์เซ็นต์ โครงการที่วางไว้ เปิดตลาดแห่งที่สองใกล้จะสำเร็จแล้ว ถ้าผลประกอบการของบริษัทเป็นแบบนี้อีกสักหกเดือน พี่ชายต้องอนุมัติให้เขาไปเปิดสาขาที่ประเทศบรูไนแน่นอน
“สงสัยยังช็อกครับนาย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตอบ” อินซอฟตะโกนตอบกลับไป ร่างหนาเดินไปหยุดหน้ารถตรงที่มีแสงไฟ สองมือโบกสะบัดหวังว่าคนที่อยู่ในรถจะเห็นสลับกับการวิ่งไปเคาะกระจก และดูเหมือนความพยายามจะเป็นผล ร่างเล็กที่นั่งอยู่ในรถมีอาการขยับเขยื้อนและตอบสนอง
“คุณ...คุณเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ต้องไปโรงพยาบาลไหม”
“คะ...” ปิยาพัชรที่ยังมีสีหน้างงๆ อยู่เริ่มมีสติขึ้นมาบ้างเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกจากด้านนอก ดวงตากลมโตยังคงเบิกกว้าง ใบหน้ายังคงซีดเผือด เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดเต็มมือและใบหน้า อีกทั้งมือเล็กก็เย็นเฉียบราวกับวางอยู่บนน้ำแข็ง จับล็อกประตูรถไว้แน่น
จากที่ดีใจว่ามีคนใจดีลงมาช่วยเหลือ แต่พอได้เห็นใบหน้าผู้มาให้ความช่วยเหลือที่รกครึ้มไปด้วยหนวดและเครา แล้วยังอยู่ในชุดแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นอีก ก็ทำให้ปิยาพัชรเกิดอาการหวาดกลัวซ้ำขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว มือที่ว่างอยู่รีบควานหาโทรศัพท์เครื่องเล็กที่เมื่อครู่เหมือนมันกำลังส่งเสียงร้องอยู่ด้วย แต่ตอนนี้กลับเงียบสนิท
“พาหม่อมฉันกลับมาอีกทำไม หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย คนหลอกลวง”“ถ้าไม่ใจร้ายและหลอกลวงอีก จะอยู่ด้วยไหมล่ะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและเว้าวอนทำเอาคนที่พยายามจะใจแข็งถึงกับสั่นระรัว ด้วยรู้ชะตาตัวเองดีตั้งแต่ถูกจับได้นั่นแหละว่าอาจหนีไม่พ้นอ้อมแขนใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต“จะรู้ได้ไง พระองค์จะไม่หลอกหม่อมฉันอีก ทั้งพี่ทั้งน้องช่างวางแผนและเจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่”“ใช้หัวใจแลกหัวใจไง”“เชอะ...คนอย่างองค์นาสเซอร์ ประมุขผู้ครองแคว้นซัลจาร์บาเมีย ชายหนุ่มที่มีผู้หญิงนับสิบอ๋อ...นับร้อยมากกว่าคอยถวายตัวเป็นข้ารองบาทน่ะหรือจะยอมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอย่างหม่อมฉันเพียงคนเดียว เชื่อตายละ” กัญญาพัชรยังคงปากแข็งแม้ใจจะยอมผ่อนตามไปเกือบจะครึ่งแล้ว“อ้าว...ทำไมล่ะ เราแตกต่างกับชายหนุ่มคนอื่นอย่างไร ถึงจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้น่ะ ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในชีวิตนะมัดหวาย สำหรับเราเมื่อเราพบคนที่ใช่ เราก็พร้อมที่จะหยุดทุกอย่างไว้ที่เธอคนนั้นเพียงคนเดียว และตอนนี้เราก็คิดว่าเราพบนางคนนั้นของเราแล้ว”หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะ นาสเซอร์หมายถึงเธอใช่ไหม ‘ไม่นะมัดหวาย แกอย่าลืมซิว่าเขาหลอกลว
“ไม่ใช่หรอกมัดหมี่ ถ้าเพียงแค่ความต้องการของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันว่าเขาไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก” ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่จับมือเล็กเรียวมาวางบนแผงอกกว้างตรงที่มีหัวใจกำลังเต้นอยู่“สิ่งที่ฉันทำด้วยความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจก็จริง แรกเริ่มมาจากเพียงแค่ความปรารถนาก็จริง แต่สิ่งหนึ่งนับจากวันแรกที่ฉันได้ครอบครองความบริสุทธิ์ของสาวน้อยคนนั้น มันเป็นคำสั่งมาจากหัวใจทั้งสิ้น” สองมือใหญ่จับรั้งใบหน้าขาวสวยให้จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ“ฉันอยากจะบอกให้มัดหมี่รู้เหมือนกัน ฉัน...รัก...มัดหมี่”ปิยาพัชรแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง หากว่าไม่ถูกจับรั้งไว้ศีรษะทุยคงจะส่ายบอกว่าไม่เชื่อและไม่จริง แต่คำพูดที่หนักแน่น ดวงตาที่มั่นคงดุจดังภูเขาหินที่ไม่อาจพังทลายลงมาได้ ไม่ว่าจะเจอพายุร้ายเพียงใดเป็นคำตอบที่ชัดเจน และที่สำคัญคือหัวใจของเธอมันก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดนั้นซะด้วยสองแขนเรียวโอบรอบกายแข็งแกร่ง “จริงๆ นะคะ คุณฟารฮานพูดจริงๆ นะคะ ไม่ได้หลอกให้มัดหมี่ดีใจเล่นนะคะ”“จริงซิ ฉันจะโกหกมัดหมี่ทำไมล่ะ เพราะรัก ฉันเลยต้องวางแผนการร้ายทุกอย่าง เพื่อส่งแม่สาวจอมหว
“แสดงว่าพวกนายรู้แผนการของเราทุกอย่างเลยใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวางตั้งแต่ต้น”“เอาเป็นว่าฉันจะเล่าให้เธอฟังวันหลังนะ แต่วันนี้ขอฉันลงโทษคนที่ทำให้ใจเสียก่อนละกัน”ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง “เสียใจด้วยนะอินซอฟ เผอิญว่าวันนี้เครื่องซักผ้ามันดันเกิดแอ๊กซิเดนท์ ทำงานไม่ได้อ่ะ”จันฑีราหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ยิ่งได้เห็นใบหน้าเสียอารมณ์ของอินซอฟก็ยิ่งอยากแกล้งยั่วเย้าให้หนักขึ้นอีก แต่รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เธอหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ย่อมจะต้องถูกเขาเอาคืนจนอาจจะลุกจากเตียงไม่ได้เพราะความเพลียมือเล็กจับแขนใหญ่วางยาวแนบไปกับพื้นเตียง พร้อมกับวางศีรษะลงไปนอนหนุน อีกมือก็จับแขนใหญ่มาพาดรอบเรือนกายเล็ก กายบางขยับจนแนบชิดกับเรือนกายใหญ่ นับจากวันนี้ชีวิตที่เคยมีเคยอยู่คนเดียวได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเติมเต็มด้วยความรักและความอบอุ่น“ขอบใจนะอินซอฟที่รักฉัน เมื่อก่อนที่ฉันเคยทำร้ายและทำไม่ดีกับนายไว้ ขอให้นายยกโทษและให้อภัยฉันด้วยนะ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้ฉันจะทำตัวดีๆ และรักนายให้มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำ
“จะไปไหนล่ะมัดหมี่...” แขนแข็งแกร่งสอดเข้าระหว่างเอวเล็กคอดและดึงเข้าหาตัว ศีรษะทุยโน้มลงกระซิบเบาๆ ข้างใบหูนุ่ม น้ำเสียงกึ่งกระเซ้าและยั่วเย้า“รู้ไหมว่าโทษของคนที่คิดหนีฉันน่ะมันร้ายแรงมากนะ”“ปล่อยน้องสาวฉันนะนายฟารฮาน” แม้จะห้อยต่องแต่งอยู่บนร่างสูงใหญ่ แต่กัญญาพัชรก็ไม่วายส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ฟารฮาน สองมือยันแผ่นหลังกว้างเพื่อจะได้นำเอาตัวเองลงไปขัดขวาง“ฉันว่าเธอเอาตัวให้รอดพ้นจากพี่ชายฉันก่อนดีกว่านะมัดหวาย ก่อนที่จะมาช่วยเหลือคนอื่นเขาน่ะ” ฟารฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงเป็นจังหวะ“ไปกันเถอะมัดหมี่ เรามีเรื่องที่จะต้องคุยเหมือนกัน”“ว้าย!!” สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายลอยขึ้นจากพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำอะไรก็ไม่รู้คุณฟารฮานน่ะ”“ก็พาคนที่กล้าหนีฉันไปลงโทษไง” ใบหน้าคมโน้มลงจนจมูกโด่งคมประชิดติดแก้มนุ่ม“บ้า...” ปิยาพัชรส่งค้อนให้คนพูดวงโตด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงฟารฮานไม่ได้โกรธเคืองเธอแม้แต่น้อยนิด อาจมีน้อยใจบ้าง แต่ถ้าอธิบายให้ฟังเขาก็พร้อมที่จะเข้าใจ“โว้ย...ปล่อยฉันนะคนบ้า คนเฮ็งซวย ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง รัง
ยามราตรีที่ท้องฟ้ามีแสงดาวส่องนำทาง สามร่างเดินตามกันไปอย่างรีบเร่ง โดยมีร่างสูงโปร่งเดินนำและร่างบอบบางอีกสองร่างเดินตามไปติดๆ ศีรษะทุยสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวา ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้จะรู้ว่าคืนนี้นาสเซอร์ ฟารฮาน และอินซอฟกำลังอยู่ร่วมการประชุมในการกำหนดนโยบายของแคว้นว่าจะให้เดินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่ใครจะรู้เล่าเกิดว่าคนหนึ่งคนใดเกิดสงสัยในพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ และกระซิบกระซาบที่เธอและน้องๆ ทั้งสองคนมีมีหลายครั้งที่ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันไปจะเอ่ยปากถามสองสาวที่ตามมาด้วยว่าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะตามเธอไปน่ะ แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยของสองสาวก็ทำให้พูดไม่ออก ใจจริงกัญญาพัชรไม่ได้อยากชวนปิยาพัชรและจันฑีราหนีไปด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของสองสาว ที่ไม่รู้ว่าจะต้องโดนหางเลขจากคนที่ไม่หวังดีด้วยเมื่อไหร่ มันก็ทำให้เธอต้องคะยั้นคะยอชักแม่น้ำทั้งห้าให้สองสาวเดินทางหลบหนีกลับบ้านด้วย อีกทั้งเมื่อน้องสาวทั้งสองคนรู้ว่าเธอจะหนีกลับ ทั้งสองก็ไม่ยอมให้เธอต้องเดินทางเพียงลำพังปิยาพัชรและจันฑีราเดินตามกัญญาพัชรไปด้วยใจที่เจ็บปวดและหวาดกลัว
“อ้าว...พี่มัดหวายหลับแล้วละแก” ปิยาพัชรที่เล่าเรื่องของตัวเองจ๋อยๆ ด้วยความดีใจและสุขล้นหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าลง เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สาวฟังแทบทั้งหมด ยกเว้นเรื่องที่เธอตกเป็นของฟารฮานแล้วและเรื่องถูกปองร้ายหมายเอาชีวิต“ใจเย็นๆ นะแก ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานอินซอฟจะต้องหาคนที่คิดร้ายกับแกเจอ” จันฑีรายกมือขึ้นตบบ่ากว้างของเพื่อนรักเบาๆ เธอเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าปิยาพัชร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ากัญญาพัชรมีอาการดีขึ้น ความเหนื่อยจากการเดินทางไกลก็เริ่มประท้วง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าหาวหวอดๆ ดวงตาก็เริ่มที่จะหรี่ลง“ฉันไม่ไหวแล้วแก ขอนอนกอดพี่มัดหวายก่อนนะ” ร่างบอบบางคลานขึ้นไปบนเตียงนอนใหญ่ เอนตัวนอนแนบชิดร่างกัญญาพัชร“เฮ้ย...ไม่เอาซิแก ฉันนอนด้วย” ปิยาพัชรบอก เพราะเธอก็เหนื่อยและเพลียเหมือนกัน ร่างบอบบางรีบเอนตัวลงอิงแอบแนบซบกับร่างพี่สาว แขนเรียวยาวพาดไปโอบร่างโปร่งไว้ แต่ด้วยความไม่ระมัดระวังทำให้ปลายมือไปถูกเอาที่บาดแผล ทำให้คนที่หลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ และเจ็บปวดเล็กน้อย“ขอมัดหมี่นอนด้วยนะพี่มัดหวาย คิดถึง อยากนอนกอดพี่” ปิยาพัชรบอกเสียงหว
“ยานี่จะช่วยให้เจ้าดีขึ้นและหายดีในเร็ววันนะ” แม้จะไม่หมดทั้งถ้วยแต่ยาที่เข้าไปจะทำการขับพิษที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายกัญญาพัชรให้ออกมาอย่างช้าๆ และหมดในที่สุด มือใหญ่ปิดปากเรียวยาวไม่ให้หญิงสาวพ่นยากลับออกมาจนกว่ายาทั้งหมดจะหายเข้าไปในกาย“อือ...” สองมือเล็กเรียวยกขึ้นจิกทึ้งดึงมือใหญ่ออกจากใบหน้า เจ็บจนน้ำตาเล็ดออกมาจากกระบอกตากับเรี่ยวแรงที่ชายหนุ่มกดลงไป และยังฝืดๆ และเหม็นเน่ากับสิ่งที่ได้ไหลเข้าสู่ร่างกาย“อดทนนิดมัดหวาย อีกไม่นานเจ้าก็หายแล้วคนดี ยานี้จะเป็นยารักษาให้เจ้าหายจากอาการบาดเจ็บและพิษร้ายที่เข้าสู่ร่างกายนะคนดี”“พิษร้ายหรือเพคะ หมายความว่า...”“ใช่ คมมีดที่บาดลงไปในเนื้อของเจ้าอาบด้วยยาพิษร้ายแรง ถ้าเป็นเราอาจจะเพียงแค่หมดแรง จนกลายเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิตได้ แต่กับเจ้ามันทำให้เจ้าเกือบจะจากเราไปตลอดชีวิต...รู้ไหม”“แต่หม่อมฉันว่ามันก็คงดีกว่าตื่นมาเป็นตัวตลก เป็นผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งในสายตาของพระองค์ไม่ใช่หรือเพคะ” กัญญาพัชรเอ่ยถามอย่างน้อยอกน้อยใจ หลายครั้งที่เธอลืมตาตื่นมาแล้วก็มีเพียงแค่ความเงียบของห้อง และยังมีคนแปลกหน้าที่คอยทำอะไรกับร่างกายก็ไม่รู้ จับพ
“มัดหมี่ทำใจดีๆ และฟังฉันให้ดีนะ” ร่างหนานั่งลงหน้าปิยาพัชรด้วยร้อนรนกระวนกระวายใจและหวาดหวั่น กลัวหญิงสาวจะรับไม่ได้กับข่าวที่จะได้ยินต่อไปนี้ แต่ถึงจะกลัวเพียงใดเขาก็จำเป็นต้องบอกให้หญิงสาวได้รับรู้ สองมือใหญ่จับรั้งมือเล็กเรียวและบีบเบาๆ“ค่ะ มีอะไรหรือคะคุณฟารฮาน” หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเหลือเกิน แล้วเมื่อครู่อินซอฟที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็มีสีหน้าไม่แตกต่างกันเลยสักนิด“เราต้องเดินทางไปแคว้นซัลจาร์บาเมียอย่างด่วนที่สุด”“อืม...ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่คะ คุณฟารฮานเป็นคนที่นั่น เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านก็ไม่เห็นแปลก”ปิยาพัชรตอบกลับ แม้จะใจหายๆ ที่ต้องจากชายหนุ่มไป แต่ก็เข้าใจว่ากัญญาพัชรอาจจะทำงานเสร็จแล้ว หรือไม่ฟารฮานก็ต้องเดินทางไปเพราะงาน แต่เขาจะต้องกลับมาอีก“ไม่ใช่อย่างนั้นนะมัดหมี่...มัดหวายบาดเจ็บ”“พะ...พี่มัดหวายบาดเจ็บ” สองมือเรียวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งยื่นไปจับแขนใหญ่และเขย่าแรงๆ“ตอนนี้พี่มัดหวายเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหน ใครเป็นคนทำ และบาดเจ็บได้ยังไง มีใครดูแลพี่มัดหวายอยู่” หญิงสาวถามยาวน้ำเสียงสั่นเทาน้ำตาอุ่นร้อนไหลอา
“แน่ใจหรือองค์ประมุขนาสเซอร์ ว่าพระองค์จะเอาชีวิตรอดจากคนของเราได้น่ะ ในเมื่อตอนนี้คนของเราล้อมสถานที่จัดงานในวันนี้ไว้หมดแล้ว” เจ้ากรมมหาดไทยเอ่ยถาม ถึงแม้แผนการที่วางไว้จะผิดพลาดไปบ้าง แต่ยังไงเขาก็ยังมีไม้ตายซ่อนอยู่และนาสเซอร์ก็คิดไม่ถึงแน่“ได้ซิท่านเจ้ากรมมหาดไทย” ชายหนุ่มที่เข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหลายคนที่ถูกมัดและลากมาเป็นพรวน“ตอนนี้ข้างนอกนั้น คนที่ท่านวางไว้ถ้าไม่ตายก็หลบหนีไป บ้างก็ถูกจับอย่างเจ้าพวกนี้ไง” กาซิมเอ่ยพูดอย่างหัวเสีย เพราะคนที่หายไปบางคนจะเป็นตัวการใหญ่ๆ นับรองจากเจ้ากรมมหาดไทยและเจ้ากรมการคลังเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังเชื่อว่าเจ้าพวกนั้นจะต้องคอยแอบซุ่มอยู่เพื่อที่จะทำให้แผนการสำเร็จลง อาจไม่ใช่วันนี้แต่ก็เชื่อว่าในไม่นานแน่ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไปเขาและทุกคนที่ยังจงรักภักดีจะต้องตามจับตัวมาลงโทษได้“นาสเซอร์ระวัง...” มือเรียวข้างหนึ่งผลักร่างหนาใหญ่ให้ออกห่างและเอาตัวเองเข้าไปรับปลายมีดแหลมคมที่พุ่งมาจากผู้หญิงร่างอวบอัดซึ่งยืนอยู่ในระยะกระชั้นชิดและอีกมือก็สวนหมัดหลุนๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะหันตัวหลบแล้วแต่ปลายมีดก็ยังถากแขนเรียวยาวไปแต่กัญญาพัชรก็ไม่มี
Commentaires