“ไอ้บ้า ไอ้สารเลว”
เสียงเล็กบ่นใส่คนในโทรศัพท์ที่กดวางสายไปแล้ว
มีครั้งไหนบ้างที่เขาไม่ขู่เธอ เวลาแค่สามวันที่เธอจะได้เป็นอิสระก็ยังให้ไม่ได้ แล้วถ้าย้ายไปอยู่กับเขา เธอก็คงจะไร้ซึ่งความเป็นตัวของตัวเอง ไร้ความเป็นอิสรเสรี จะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตทุกครั้งอย่างนั้นหรือ ไหนบอกว่าอยากทำอะไรก็ทำ เวลาไหนที่เขาต้องการก็แค่รอขึ้นเตียง
เธอถอนหายใจอย่างเหลืออด แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเป็นคนเลือกเอง และก็รับเงินเขามาแล้ว
ชะเอมเก็บเสื้อผ้าและของใช้บางส่วนเสร็จ ก็เดินลงบันไดไปดูคิริณที่นอนหลับอยู่บนโซฟาไม้ เพียงแค่เห็นเศษเสี้ยวของใบหน้าหล่อ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็ต่างกันลิบลับกับไอ้ผู้ชายปากเก่งที่เอาแต่ขู่ผู้หญิง
พี่หมอของเธอยังคงเป็นคนที่มีความอบอุ่นและใจดีกับเธอที่สุด
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
คิริณปรือดวงตาขึ้นเพื่อปรับแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาภายในตัวบ้าน ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร แต่ก็มากพอให้รู้สึกว่านอนได้เต็มตื่น และระบายยิ้มตอบหญิงสาวที่นั่งมองมาทางเขา
“ครับ”
“จะกลับเลยไหมคะ เดี๋ยวชะเอมออกไปส่ง”
จากนี้คงต้องอยู่ห่างคิริณบ้าง เพราะไม่รู้ว่าสกายจะเอาจริงขึ้นมาหรือเปล่า เกิดถ้าเขาไม่ได้แค่ขู่แต่คิดจะทำร้ายผู้ชายที่เข้าใกล้เธอขึ้นมา ก็คงจะรู้สึกผิด
“พี่เพิ่งตื่นก็จะไล่กันเลยเหรอครับ ใจร้ายมากนะเรา”
“ปะ เปล่าค่ะ ชะเอมไม่ได้ไล่”
เธอก้มหน้าเจื่อนยิ้มเล็กน้อย
“นี่ก็ใกล้จะสามโมงแล้ว พี่กลับเลยดีกว่า จะได้ไปอาบน้ำเตรียมเข้าเวรดึกต่อ”
คิริณเห็นว่าสาวสวยที่อยู่ตรงหน้ามีท่าทีลำบากใจ เขาจึงไม่รบกวนเวลามากไปกว่านี้ ไว้วันหลังยังมีโอกาสเจอกันอีก
“ขอบคุณพี่หมออีกครั้งนะคะที่วันนี้ไปส่งยายเป็นเพื่อนชะเอม”
“พี่ยินดีครับ”
ชะเอมเดินออกไปส่งคิริณที่รถ หลังจากที่เขาขับออกไป ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็มองไปทั่วถนนบริเวณหน้าบ้านทั้งฝั่งซ้ายและขวา ไม่รู้ว่าสกายได้ส่งคนมาติดตามความเคลื่อนไหวของเธอแบบที่คิดหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่พบใครอยู่แถวนี้เลย
ชะเอมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าบ้าน
*****
@ สนามยิงปืน Sky Shooting Range
สกาย ชูตติง เรนจ์ เป็นสนามฝึกซ้อมยิงปืนขนาดใหญ่และมีสาขาอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทยโดยมีสกายเป็นเจ้าของ
สกายเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลคาเซียโน ตระกูลมาเฟียที่ติดอันดับหนึ่งในสามของผู้ทรงอิทธิพลอิตาลี แต่สาขาที่เขามักจะเข้ามาดูแลเป็นประจำนั่นก็คือกรุงเทพฯ และยังมีคฤหาสน์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามยิงปืนของเขาหนึ่งหลังเพื่อพักอาศัย
พ่อของเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลมาเฟียที่มีมาหลายชั่วอายุคน ส่วนแม่ของเขาเป็นคนไทยที่แต่งงานและอยู่กินกับผู้เป็นสามีที่นั่น สลับกับมาอยู่ไทยบ้างเป็นครั้งคราว
เขามีพี่ชายสายเลือดเดียวกันหนึ่งคน นั่นก็คือ ลีวายส์ ซึ่งตอนนี้เป็นเจ้าของธุรกิจจิลเวลรีอันดับต้น ๆ ของประเทศ
แต่สำหรับเขาและพี่ชายชอบบรรยากาศเมืองไทยมากกว่า จึงมาก่อตั้งธุรกิจและพักอาศัยกันอยู่ที่นี่ แต่ก็มีบินไปช่วยผู้เป็นพ่อดูแลธุรกิจที่อิตาลีบ้างเป็นครั้งคราว
“คนที่มันไปเฝ้าของเล่นของกูรายงานอะไรมาบ้าง”
สกายเอ่ยกับโฬม ซึ่งเป็นคนสนิทของเขาขณะที่นั่งอยู่ในห้องทำงานแบบเป็นส่วนตัว ลูกจ้างคนอื่น ๆ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่มย่ามได้ นอกจากแม่บ้านทำความสะอาด
“ผู้ชายคนนั้นกลับไปแล้วครับ” โฬมตอบผู้เป็นเจ้านาย
“กลับไปกี่โมง”
“บ่ายสามครับ”
เสียงถอนหายใจหนักดังออกมา ทำให้โฬมรู้ได้ทันทีว่าเจ้านายของเขากำลังเกิดความไม่พอใจ
“นายมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ครับ”
พอโฬมออกจากห้อง กำปั้นหนักของสกายก็ทุบลงบนโต๊ะทำงานเสียงดัง ดวงตาคู่คมเขม็งแข็งกร้าว
“กล้ามากนะชะเอม ฉันจะให้เวลาเธออีกแค่สองวัน หลังจากนั้นก็รอรับบทเรียนจากฉันได้เลย”
เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำ พร้อมกับมุมปากที่กระตุกยิ้มร้ายอย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
ไม่เคยมีหญิงบริการคนไหนที่รับเงินจากเขาไปแล้ว จะกล้าถือตัว และต่อรองกับเขาแบบนี้เลยสักราย
ชะเอมเป็นคนแรก และก็เป็นคนเดียวที่เขาซื้อในราคาแสนแพงและพามาอยู่ที่คฤหาสน์ส่วนตัว
*****
@ บ้านท้ายซอย
สองวันต่อมา
รถหรูสีดำติดฟิล์มกรองแสงหนาทึบจนมองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ในรถขับมาจอดหน้าบ้านเช่าที่อยู่ท้ายซอย
ชะเอมที่เตรียมเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นครบแล้วก็เดินถือกระเป๋ามายืนอยู่ตรงหน้าประตู หันมองเข้าไปในบ้านที่มีภาพความทรงจำยายหลานพูดคุยส่งเสียงหัวเราะกัน ก่อนจะถอนหายใจเอื้อมไปปิดประตูและล็อกกุญแจ
คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาชายแปลกหน้าที่สวมใส่ชุดสีดำทั้งตัวที่ยืนรออยู่ข้างรถ อายุของเขาก็คงจะประมาณเดียวกันกับผู้ชายที่ซื้อตัวเธอในมูลค่าสูง
“ผมชื่อโฬมครับ คุณสกายให้มารับคุณไปยังคฤหาสน์”
โฬมเอ่ยกับผู้หญิงของเจ้านายที่มีรอยยิ้มตอบเขาเล็กน้อย แต่ใบหน้าหวานกลับฉายแววหมองเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
ชะเอมพยักหน้ารับ โฬมก็เปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง ก่อนจะนำกระเป๋าไปใส่ไว้ที่กระโปรงหลังรถ แล้วขับรถมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของเจ้านาย
@ มหาวิทยาลัย1 ปีต่อมาเหล่ารุ่นน้องได้ยืนรายล้อมรุ่นพี่บัณฑิตที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี พร้อมกับร้องเพลงบูมกันดังกึกก้องไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ท่ามกลางสายตาของคนที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันรับปริญญาชะเอมอยู่ในชุดนักศึกษาที่สวมชุดครุยสีดำทับอีกชั้น ได้ยืนอยู่กลางวงล้อมของเหล่ารุ่นน้อง ทั้งร่วมร้องเพลงและขยับร่างกายเป็นจังหวะตามเนื้อเพลงที่ดังขึ้นหลังจากนั้นเธอก็ไปถ่ายรูปร่วมเฟรมกับเพื่อนรัก ผลัดกันแสดงความยินดี“ดีใจด้วยนะแก”“ยินดีกับแกเหมือนกันนะน้ำหวาน”“เรียนจบแล้วก็อย่าลืมเพื่อนอย่างฉันล่ะ” น้ำหวานทำหน้าหงอยเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเรียนจบแล้วคงจะได้เจอกันน้อยลง ด้วยอายุที่มากขึ้น และต่างคนก็ต้องไปทำหน้าที่ของตนเอง“จะลืมได้ยังไง แกเป็นเพื่อนรักของฉันนะ ฉันยังอยู่กรุงเทพฯ พักที่บ้านพี่สกาย ถ้ามีเวลาก็มาเจอกันบ่อย ๆ นะ”ขณะที่สองสาวกอดกัน ก็มีเสียงทุ้มดังอยู่ใกล้ ๆ และพอหันไปมองก็พบว่าเป็นธามไท หนุ่มเจ้าของโรงแรมที่พวกเธอไปฝึกงาน“ยินดีด้วยนะครับน้องน้ำหวาน น้องชะเอม”“ขอบคุณนะคะพี่ธามไท ว่าแต่มาแสดงความยินดีกับพวกเราสองคน ทำไมมีดอกไม้แค่ช่อเดียวคะ” ชะเอมเอ่ยทักทายหนุ่มรุ่นพี่ ก่อนจะเ
@ โรงแรมธามไทสกายขับรถมาส่งแฟนสาวด้วยตัวเอง วันนี้เธอต้องฝึกงานเป็นวันแรกในช่วงปิดภาคเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ได้ติดต่อโรมแรมของเพื่อน เพื่อขอให้แฟนสาวและเพื่อนรักของเธอมาฝึกงานที่นี่“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออกก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม แล้วโน้มตัวไปจูบที่แก้มของเขา“ปากด้วยสิครับ”จุ๊บ!“หนูไปก่อนนะคะ เดี๋ยวยัยน้ำหวานจะบ่นเอาว่ามาถึงช้า”ที่ช้าก็เพราะถูกเขาจับกินตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งบนเตียง ในห้องน้ำ จนได้อาบน้ำด้วยกัน กว่าจะแต่งตัวเสร็จแล้วลงมากินมื้อเช้า ก็ทำให้ออกจากบ้านช้ากว่าที่กำหนด“ครับ”สิ้นเสียงขานรับชะเอมก็เปิดประตูลงจากรถ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงประตูอีกฝั่งที่เปิดออก จึงรีบหันไปมองด้วยความสงสัย“พี่สกาย จะลงมาทำไมอีกคะ”“รีบไม่ใช่เหรอครับ เข้าไปข้างในสิ พี่แค่จะเข้าไปส่งเมีย”ชะเอมกระตุกยิ้มพร้อมกับมือที่โดนอีกฝ่ายกอบกุม แล้วพากันเดินเข้าไปในโรงแรมของเพื่อนแฟนหนุ่ม“ชะเอม”ทันทีที่น้ำหวานเห็นเพื่อนเดินเข้ามากับแฟน ก็โบกมือแล้วเอ่ยเรียกเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอหนุ่มรุ่นพี่ใจดีที่เป็นธุระเรื่องฝึกงานให้เธอกับชะเอม“สวัสดีค่ะพี่สกาย ห
ร่างของหญิงสาวถูกอุ้มคีบเอวขณะที่ริมฝีปากก็บดจูบกันอย่างเร่าร้อน และวางลงข้างโต๊ะสนุกเกอร์ เท้าแตะพื้นโน้มตัวคว่ำหน้านอนบนนั้น แอ่นก้นงามให้เขากระแทกร่องสาวจากทางด้านหลัง“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า... พี่สกาย”เสียงร้องครางดังระงมของทั้งคู่ประสานกันลั่นห้อง เขาได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มกินดุ กินโหด เพราะฉะนั้นน้ำเดียวไม่เคยพอ“อ่า... เมียพี่ตอดดีมาก”“อื้อ จะ จุก ซี้ด...”“พี่ขออีกน้ำนะครับ”ปัก ปัก ปัก!!!คนทั้งสองผลัดเปลี่ยนกันมอบบทรัก จนกระทั่งน้ำสีขาวขุ่นหลั่งออกมาเป็นครั้งที่สาม สกายก็อุ้มหญิงสาวมานั่งอยู่บนตักตรงโซฟาดังเดิมเพื่อพักให้หายเหนื่อย“ขอบคุณนะคะที่พายายมาอยู่ด้วย”“เราขอบคุณพี่หลายรอบแล้วนะ”เอ่ยพลางยื่นมือหนาเชยปลายคางของหญิงสาวให้เงย ก่อนจะก้มลงไปจูบแผ่วเบา ทำเอาคนโดนจูบคลี่ยิ้มเขิน“ก็พี่แสนดีแบบนี้ไงล่ะคะ ให้ขอบคุณวันละล้านรอบก็ยังตอบแทนไม่หมดเลย”“ไม่ต้องล้านรอบหรอก ตอบแทนเป็นตัวกับหัวใจวันละน้ำสองน้ำก็พอ”“คนบ้า”หญิงสาวคลี่ยิ้มส่งสายตามองค้อนให้คนเจ้าเล่ห์ พูดดีด้วยหน่อยไม่ได้ ต้องวกเข้าเรื่องสิบแปดบวกตลอดทั้งสองต่างจ้องตาและหลุดยิ้มออกมา พักกันพอหายเหนื่อย สกายและชะเอมก็พากันไปยั
@ โรงพยาบาลสามทุ่มของวันนี้ยายของหญิงสาวจะเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ เมื่อช่วงพลบค่ำได้ตรวจเลือดและสภาพร่างกายโดยรวมแล้วมีความพร้อมทุกอย่างปรียานุชแม่ของสกายได้จัดการติดต่อกับทางโรงพยาบาลทั้งสองแห่งเรื่องการผ่าตัด เพราะหัวใจที่นำออกมาแล้วนั้น จำเป็นต้องนำไปปลูกถ่ายให้กับยายของชะเอมโดยด่วน จะให้มีเรื่องผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด“เจอกันอีกแล้วนะพ่อหนุ่ม”ผู้เป็นยายเอ่ยทักทายสกายทันทีที่เห็นเด็กทั้งสองเดินเข้าไปหาในห้องพักผู้ป่วย ทำเอาชะเอมงุนงงว่าไปรู้จักกันตอนไหน เพราะเธอไม่เคยพาแฟนหนุ่มมาเยี่ยมยายเลยสักครั้ง“ยายรู้จักพี่สกายด้วยเหรอคะ”“รู้จักสิ เขาก็เคยมาเยี่ยมยาย”ชะเอมยังไม่อยากคาดคั้นสิ่งที่อยากรู้ในตอนนี้ เลยได้แต่คลี่ยิ้มส่งกำลังใจให้ผู้เป็นยาย สักพักก็มีพยาบาลและเจ้าหน้าที่เวรเปลมาพายายไปที่ห้องผ่าตัด“หนูจะรออยู่ตรงนี้นะคะ”หญิงสาวที่จับมือของยายมาตลอดทางก็ปล่อยมือออกเพราะเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยไม่ได้ สกายจึงโอบไหล่พาชะเอมไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดผู้เป็นยายเข้าไปได้ไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งออกมาจากลิฟต์ ในมือยังถือกระติกสี่เหลี่ยม เข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็วหัวใจข
@ ทะเลชะเอมถูกแฟนหนุ่มจูงมือเข้าไปยังร้านอาหารริมทะเลแห่งหนึ่ง ทั้งสองเข้าไปนั่งที่โต๊ะแล้วเปิดดูเมนูเพื่อสั่งอาหาร“พามากินข้าวไกลจังเลยนะคะ”“เราเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาด้วยกัน พี่เลยอยากพาเธอมาเปิดหูเปิดตา เผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้น”“ขอบคุณนะคะ ตอนนี้หนูรู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ” เธอยิ้มให้กับคนตรงหน้าทั้งสองนั่งรออาหารไม่นานก็มีพนักงานเดินมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ หลังจากนั้นสกายก็พาชะเอมไปที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับชายทะเล เปิดประตูออกมานั่งเล่นรับลม และลงเล่นน้ำทะเลที่ด้านหน้าได้เลย“คืนนี้นอนกันที่นี่นะ”ชะเอมที่กำลังแง้มผ้าม่านมองดูคลื่นของน้ำทะเลก็หันมาถามกลับ“แต่เราไม่ได้เอาเสื้อผ้ามานะคะ”“พี่เตรียมมาให้แล้วครับ”“ไปแอบเตรียมมาตอนไหนคะ หนูไม่เห็นพี่หิ้วกระเป๋าลงมาจากห้องเลย”“ถ้าเห็นจะเรียกว่าแอบเหรอ”ชายหนุ่มกระตุกยิ้มหย่อนก้นลงนั่งที่ปลายเตียง จับหญิงสาวนั่งลงบนตักแล้วสวมกอดเธอทางด้านหลัง เกยปลายคางลงที่ไหล่บาง เอ่ยกระซิบข้างใบหู“เราจะทำอะไรดี”“ไปเดินเล่นกันไหมคะ”“ดูแดดสิครับ เดี๋ยวผิวเมียพี่ก็เสียหมด เรามานอนพักกันดีกว่า”“ว้าย พี่สกาย ไม่เอา นี่มันกลางวันอยู่เลยนะคะ”เสียงหว
ชะเอมกดเบอร์โทรออกไปหาเพื่อน และทันทีที่น้ำหวานรับสายก็ส่งเสียงเอ็ดเธอด้วยความเป็นห่วง“แกไปอยู่ไหนมา ฉันติดต่อไม่ได้เลย รู้ไหมว่ามีคนเป็นห่วง ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน คิดว่าแกคงจะเกิดเรื่องขึ้นแน่ ๆ ถึงได้หายไปเลย สรุปมันเกิดอะไรขึ้นบอกฉันมาเดี๋ยวนี้”“เอาทีละคำถามได้ไหม ฉันฟังไม่ทัน”“ก็ฉันเป็นห่วงแกนี่ เล่นหายออกไปแล้วให้คนอื่นมาบอก ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย”“แกตั้งสติก่อนนะ เมื่อวานฉันถูกคุณอคิณจับตัวไป”“คุณอคิณ ทำไมต้องจับตัวแกไปด้วย ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก ไอ้ปีศาจในคราบนักบุญ หน้าหล่อเสียเปล่าแต่สันดานแย่สุด ๆ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ฉันน่าจะผลักให้ตกเรือตั้งแต่ไปช่วยน้ำท่วม”น้ำหวานรู้สึกโกรธแทนเพื่อน และโมโหตัวเองด้วยที่หลงไหลเพียงหน้าตาหล่อเหลา โดยไม่รู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริง“เอาน่า อย่าโมโหไปเลย ตอนนี้ฉันปลอดภัยแล้ว พี่สกายเป็นคนไปช่วย”“พี่สกาย พี่รถสปอร์ตที่แกแอบชอบน่ะเหรอ นั่นไง ฉันคิดไว้แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องชอบแกเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยงชีวิตไปช่วยแกทำไม แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใช่ไหม”“ฉันอยู่โรงพยาบาล”“นี่มันทำแกเจ็บถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ”“เป