ตอนที่ 28 คิดเห็น หลังจากรายงาน จางเคอรายงานเขาก็ก้มหน้าลง รอคำตอบจากอีกฝ่ายเงียบ ๆ “ข้าจะไปหานางเอง” พริบตาหลีเซียวหยวนก็หายไป ชั่วอึกใจชายหนุ่มก็มาปรากฏกายข้างหวังเว่ยซิน หญิงสาวกำลังนั่งเอนกายดูดวงตาบนท้องฟ้า นางไม่หันมามองผู้ที่มา..เพราะคาดเดาเอาไว้หลายส่วน..คนที่ส่งคนมาคุ้มครองย่อมหนีไม่พ้นหลีเซียวหยวน แต่เหตุใดยังไม่กระจ่างใจเท่าไรนักจึงเอ่ยถาม “ท่านมีเหตุใดอันใด ต้องคุ้มครองข้า” “ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถชิงตำแหน่งเจ้ายุทธภพมาอย่างราบรื่น” เกี่ยวข้องกับตำแหน่งเจ้ายุทธภพ “ท่านไม่มีคนของท่านหรือ เอ่อ...คนที่ทางการแอบสนับสนุน” เรื่องนี้...หลีเซียวหยวนไม่สะดวกใจที่จะกล่าว นับว่าเป็นความลับ หากเรื่องที่ราชสำนักสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เปิดเผยออกไป จะเป็นผลร้ายที่ไม่สามารถประเมินได้ คิ้วเรียวหงส์ของหวังเว่ยซินขมวดเข้า นางรู้สึกขุนเคืองที่หลีเซียวหยวนระมัดระวังแม้กระทั่งกับตัวเอง แม้ว่านางจะเข้าใจเหตุผล ตอนนี้นางนับว่าเป็นคนอื่น กระนั้นก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้น
ตอนที่ 29 ไม่เน้นตำแหน่ง พอรถม้าหรูหราคันใหญ่จอดนิ่งอยู่หน้าจวน คนเฝ้าประตูรีบกุลีกุจอเปิดแล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม“คารวะซื่อจือขอรับ” กู้ซวินหันมาพยักหน้าเล็กน้อย ในขณะที่ก้าวเดินเข้าไป บ่าวไพร่ที่กำลังทำงานเมื่อมองเห็นเด็กหนุ่มก็ต่างหยุดทำความเคารพกู้ซวินพลางเดินใจลอยเล็กน้อย เมื่อคืนสิ่งที่อาจารย์กล่าว ทำให้เขาเหมือนถูกสายฟ้าฟาดตัวชาไปทั้งตัว จนกระทั้งตอนนี้ในหัวก็ยังรู้สึกหนึบ ๆ “หากข้าจะกล่าวว่า..ช่วงหนึ่งปีแรกที่เจ้ามาอยู่เมืองหลวง...มารดาเจ้าถูกวิญญาณอื่นเข้าสิง เจ้าคิดเห็นเช่นไร” อาจารย์มิใช่คนพูดจาเหลวไหลหากไม่มั่นใจเกือบสิบส่วนไม่มีทางเอ่ยเช่นนี้แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงเหตุผลแม้กระทั่งตัวเขาเองก็รู้สึกแคลงใจกับการเปลี่ยนไปของมารดา ทว่าช่วงเวลาผ่านไป มารดาก็ยังคงเป็นมารดาเฉกเช่นเดิม ก็มีเพียงช่วงเวลานั้น ช่วงครึ่งปีแรก บ่าวรับใช้หน้าเรือนเห็นชายหนุ่มเดินมา ก็รีบออกไปต้อนรับ “ซื่อจือมาเยี่ยมคุณหนูสิบสามหรือเจ้าคะ” กู้ซวินพยักหน้า “พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง” “ปลอดภัยทั้งแม่และลูกเจ้าค่ะ ซ
ตอนที่ 30 มีเคล็ดลับเช่นกัน แม้หวังเว่ยซินยังไม่ได้ลงไปร่วมการต่อสู้ แต่ได้เห็นฝีมือของเหล่าจอมยุทธก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตา ยิ่งพอใกล้เที่ยงยิ่งปรากฏยอดฝีมือที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เสียงโห่ก็แทบทำให้แผ่นดินสะเทือน ทว่า...กระนั้น เชี่ยเฉิงยังไม่ปรากฏตัว หวังเว่ยซินก็เริ่มหวั่นใจหากเฟยอิ่งปรากฏกายก่อน นางมิต้องเป็นเจ้ายุทธภพหรือ หญิงสาวกวาดตามองไปรอบ ๆ คาดเดาแผนการที่วางไว้ของแต่ละฝ่าย หากฝ่ายใดปรากฏกายขึ้นก่อนอาจจะสูญเสียกำลังในการต่อสู้ พวกเขาจึงเก็บคนสำคัญไว้สุดท้าย แต่เหมือนว่า...ตอนนี้ฝ่ายของสำนักเงาจันทราของเชี่ยเฉิงพ่ายแพ้ต่อคนของสำนักม่านตะวัน สตรีอีกคนที่แข็งแกร่งไม่ต่างจากเฟยอิง หวังเว่ยซินปรายตาหญิงสาวที่ยืนเด่นเฉิดฉายบนเวที ด้วยแววตายกย่องเป็นประกาย ชื่นชมพวกนางอย่างน่าทึ่งสตรีเหล่านี้ ล้วนน่านับถือ ต้องฝึกฝนเท่าไร มุ่งมั่นเท่าไร จึงได้เก่งกาจเพียงนี้ ขณะนั้นความขุ่นเคืองที่มีต่อเฟยอิงก็ลดน้อยลงนับว่าการเดินเกมหญิงงามของหลีเซียวหยวนไม่ผิดพลาด ไม่นานเชี่ยเฉิงก็ปรากฏกายบนเวทีเป็นคู่ต่อสู้ให้หญิงงามรู
ตอนที่ 31 ทำตามหน้าที่ ดวงตาของหวังเว่ยซินคล้ายมีเปลวไฟลุกโชน อารมณ์ของหญิงสาวขุ่นมัวสุดขีด อุตสาวางแผนเจ็บตัวให้สมจริงไปแล้ว การต่อสู้หลังจากนี้ก็ของจริงเช่นนั้น พริบตาหวังเว่ยซินก็พลิ้วกายวูบไหวไปมาบนเวที เพียะ!! ผลัวะ!! อั๊ก!! เชี่ยเฉิงถูกหวังเว่ยซินซ้อมจนร่างที่ยืนอยู่ซวนโซ ชายหนุ่มเอากระบี่ปักประครองตนเองแล้วตะโกนขึ้น “นังปีศาจ..!!” หวังเว่ยซินหยุดเคลื่อนไหวยืนนิ่งอยู่บนไม้ขอบเวที นางหรี่ตามองสภาพของอีกฝ่าย ด้วยแววตาผ่อนคลาย ได้ระบายโทสะทำให้หายใจคล่องขึ้น ส่วนหลีเซียวหยวนก็คลายมัดที่กำอยู่โดยไม่รู้ตัว “อย่าพึ่งตายนะ...ข้ายังไม่ได้เริ่มต้น” หวังเว่ยซินชัดกระบี่ออกไป พลิ้วไหวกายดุจสายลม ผู้คนเบื้องล่างเห็นเพียงประกายกระบี่มีเพียงพวกเหล่ายุทธภพที่มีฝีมือแก่กล้ามองเห็นสิ่งที่เคลื่อนไหว “นางกำลังทำอะไร” “ดูเหมือนว่า...จะกรีดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย” เมื่อนางหยุดการเคลื่อนไหว เสื้อผ้าของเชี่ยเฉิงก็ขาดกระจายออก “ว้าย!!” เสียงส
ตอนที่ 32 มิใช่ว่าจะดูไม่ออก ส่วนทางเวทีในขณะนั้น เฟยอิงปรากฏกายตามที่คาดหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งกระบวนท่าใบหน้าหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไอ้บ้านี้ ร่างกายภายในบอบซ้ำอย่างหนักแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว แต่ไม่ได้จะชนะ..แล้วให้คนเอ่ยเพราะ..นังคนนั้นไม่ได้ แม้เฟยอิงจะสามารถเอาชนะได้ภายในหนึ่งฝ่ามือ กระนั้นทุกครั้งที่ลงมือนางกลับถอนกำลังภายในออกทั้งหมด หวังยืดการประลองให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สีหน้าที่นางแสดงออกมาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ลมหายใจหอบถี่ดั่งกำลังต่อสู้อย่างหนักหน่วง ทว่าก็มิใช่ว่าทุกคนจะดูไม่ออก เสิ่นเยี่ยหงเห็นสถานการณ์บนเวที ก็ถอนหายใจโล่งอก ใบหน้าองค์รัชทายาทเองก็ผ่อนคลายลงไปหลายส่วน หันมาถาม “หลีเซียวหยวนไปไหนเสียแล้ว” เสิ่นเยี่ยหงแค่นเสียงหัวเราะ “กระหม่อมคาดว่าน่าจะตามไปดูอาการของคุณหนูหวังผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทยิ้มพลางเอ่ย “อายุของหลีเซียวหยวนก็ควรออกเรือนแล้ว ได้ข่าวมงคลท่านได้บุตรสาวเพิ่มอีกคนแล้ว” เสิ่นเยี่ยหง พยักหน้าตอบ “
ตอนที่ 33 แลกเปลี่ยนความคิด จางฮูหยินเสร็จงานที่ก่อสร้างก็เดินกลับ ถึงเรือนตะวันก็คล้อยต่ำเหลือแสงสว่างอยู่รำไร นางจึงรีบหุ่งข้าวเตรียมมื้อเย็น จางฉือพึ่งกลับมาถึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในครัวจึงเอ่ยถาม “ท่านแม่พึ่งกลับมาหรือขอรับ” “จางฉือหรือลูก...ไปนั่งพักก่อน แม่ทำอาหารสักครู่” จางฉือ วางกระเป๋าตำราลงพลางพับแขนเสื้อขึ้น แล้วเดินเข้าไปในครัว จางฮูหยินเห็นบุตรชายก็เอ่ย “มิต้อง ๆ ตรงนี้ไม่มีอันใด กับข้าวมีแล้ว...แม่แค่ต้มข้าวเพิ่มเท่านั้น...ลูกไปล้างหน้าล้างตาเสียแล้วค่อยมาทานข้าวกัน” จางฉือ มองไปยังกล่องอาหารแล้วเดินไปนั่งข้างมารดา พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านแม่ต่างหากที่ต้องไปอาบน้ำ ข้าจะเป็นคนต้มข้าวเอง” จางฉือสบสายตามุ่งมั่นของบุตรชาย นางจึงจำยอม “ได้..เช่นนั้นแม่ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วจะกลับมาทานอาหารที่เจ้าเตรียมให้..อย่าลืมอุ่นน้ำแกงด้วยนะ” จางฉือยิ้ม “ขอรับ...ท่านแม่วางใจได้” จางฮูหยินอาบน้ำเสร็จก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุน นางรีบเดินแล
ตอนที่ 34 เงินจะหมดแล้ว นอกจากเรือนพักเล็กของเหล่าทาสที่สร้างก่อน ก็เป็นเรือนใหญ่ที่พักของหวังเว่ยซิน เหล่าทาสที่คาดเดาความยิ่งใหญ่ทั้งคฤหาสน์และโรงเตี๊ยมต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มเพราะที่นี่ต่อไปนี้จะเป็นที่พวกเขาได้อาศัยอยู่จวบจนชั่วชีวิต ทว่า แม้หวังเว่ยซินจะเป็นนายที่เพียบพร้อม ไม่ต่างจากสวรรค์ประทานมาให้ กระนั้นก็มิใช่จะไม่มีคนโง่ละโมบมาก ตัดสินใจหักหลังนาง ความจริงนี้หวังเว่ยซินรู้ดี นางมิได้เชื่อใจพวกเขาขนาดนั้น การปล่อยป่ะให้อิสระก็นับเป็นการคัดเลือกคนอย่างหนึ่ง วันนี้นางกับโจวชุนมาตรวจดูความคืบหน้าและยังมาสอดส่องเด็กรับใช้ให้หวังอี้หยางด้วย เสียงฮื้อฮากระซิบพูดคุยทำให้หวังเว่ยซินเงยหน้าขึ้นไปมอง “นั่นเป็นขบวนรถม้าจากจวนหงอี้กง...ใช่หรือไม่” คนงานอีกคนพยักหน้า “ใช่แล้ว...ว่าแต่พวกเขาจะไปที่ใด” อีกคนเริ่มเอ่ยพูด ด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า “ข้ารู้...” “รู้ก็พูดสิ...จะมัวอวดอ้างอันใด” พวกเขาต่างใจจดจ่อรอฟัง อีกคนอดทนไม่ไหวก็เอ่ยปากเร่ง “แล้ว..อย่างไร พวกเขาจะไปที่ใด”
ตอนที่ 35 ต้องใช้เวลา โจวชุนหลังจากคัดเด็กที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมกับน้องชายของตนเอง เมื่อคัดเลือกมาได้สองคน จึงเดินออกมาตามหา หวังเว่ยซิน ให้นางช่วยตรวจสอบคนอีกครั้ง “พี่สาว ... ข้าตัดสินใจเลือกเด็กได้แล้ว” หวังเว่ยซินหันมามองเด็กชายสองคนเบื้องหน้า ร่างกายสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณดูสดใสขึ้นผิดจากหลายวันก่อน แสดงว่าพวกพอรู้จักดูแลตนเองได้ดีในระดับหนึ่ง นับว่าใช้ได้ “พวกเจ้าชื่ออะไร” “ผู้น้อย...อี้ซิงขอรับ” “ผู้น้อย..จางถงขอรับ” “อี้ซิง จางถง...ข้าจะให้เจ้าสองคนเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายคุณชายรองหวังอี้หยาง พวกเจ้ายินดีหรือไม่” เด็กน้อยทั้งสองคนรีบคุกเข่า “ผู้น้อยยินดีติดตามรับใช้คุณชายรองขอรับ” น้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน หวังเว่ยซินพยักหน้าพอใจ “เช่นนั้นก็ไปเก็บข้าวของ กลับไปกับข้า” เด็กชายทั้งสองรับคำรีบกุลีกุจอวิ่งกลับไป หวังเว่ยซินหันมายิ้มกับโจวชุน “แล้วเจ้าเล่า? เลือกสาวใช้ได้หรือยัง” โจวชุนส่ายหน้า “มิต้องหรอกเจ้าค่ะ เอาไว้ย้ายมาอยู่ที่นี่คัดเลือกตอนนั้นยั
ตอนที่ 47 มาขอซื้อคน จือซื่อยืนส่งบุตรสาวและบุตรชายขึ้นรถม้าไปคนละคัน ความรู้สึกอิ่มเอิบใจเอ่อล้นร้อนผ่าวขึ้นมาที่ดวงตา นางยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่หางตาเบา ๆ โจวชุนที่ยืนอยู่เคียงข้างรู้สึกไม่แตกต่าง มือที่จบแขนของ จือซื่อพลางแน่นขึ้นแล้วกล่าว “ท่านแม่บุญธรรมเข้าไปข้างในเถอะเจ้าค่ะ” จือซื่อพยักหน้าพลางพูดขึ้น “ข้าไม่คาดคิดมาก่อน...ว่าทั้งสองคนจะเติบโตขึ้นงดงามเพียงนี้ หากบิดาของทั้งสองคนยังอยู่คงจะดีใจไม่น้อย” จือซื่อลอบถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ตอนสูญเสียบิดาบุญธรรมของเจ้า ชีวิตข้าเหมือนฟ้าถล่มลงไม่ผิดและมันก็ถล่มอีกครั้งตอนซินเอ๋อร์ถูกขายออกไป...หากกล่าวว่าชีวิตในตอนนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่ผิดสักนิด” โจวชุนฟังพลางสะอื้นในใจ “เจ้าค่ะท่านแม่บุญธรรม ข้าเองก็ได้มาเจอพวกท่านก็เหมือนเกิดใหม่เช่นกัน” ทั้งสองสบตากันควงแขนกันเดินเข้าเรือน หอซิงเซียง หวังเว่ยซินเดินลงจากรถม้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อหอนางโลมด้านหน้า ทุกครั้งที่ต้องมาเจรจาซื้อคนนางจะรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก นางถอนหายใจระบายเฮือกใหญ่
ตอนที่ 46 กำลังเติบโตหลีเซียวหยวนจ้องมองหวังเว่ยซินด้วยสายตาวูบไหว หญิงสาวเหลือบมองออกไปข้างนอกกลบเกลื่อนเอ่ย“ดึกมากแล้ว ข้าควรจะกลับเสียที”หลีเซียวหยวนหันไปพยักหน้าบอกคนเรือ พร้อมหันมากล่าวกับหวังเว่ยซิน“พรุ่งนี้คงจะมีคนจำนวนไม่น้อยมาติดต่อเรื่องการเป็น แม่ครัว เรือนหลังที่เช่าเองก็มีองค์รักษ์เบาบาง ให้คนของข้าไปเพิ่มดีหรือไม่”หวังเว่ยซินส่ายหน้า “ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้าน มิต้องการคุ้มครองมากมาย อีกอย่างข้าได้ว่าจ้างคนของสำนักคุ้มภัยไปแล้ว” “ตามใจเจ้า แต่หากต้องการคนเพิ่มอย่าได้เกรงใจข้าเด็ดขาด”“ได้”เรือแล่นมาถึงฝั่ง หลีเซียวหยวนจูงมือหญิงสาวเดินขึ้นรถม้าเมื่อทั้งสองนั่งลงเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เอ่ยพูดขึ้นอีก“เจ้ามิกลัวสายลับแฝงเข้ามากับกลุ่มทาสหรือ”หวังเว่ยซินเอื้อมมือนวดหัวคิ้วหลีเซียวหยวนเบา ๆ “หยุดขมวดคิ้วได้แล้ว โรงเตี๊ยมข้ามิได้มีความลับอันใดไม่ต้องระวังมากมาย เหตุใดท่านจึงดูกังวลเกินเหตุเช่นนี้”หลีเซียวหยวนโอบอุ้มหวังเว่ยซินขึ้นมานั่งบนตัก เอาหัวซุกบนเรือนผมเอ่ยพูดน้ำเสียงราบเรียบ “ตั้งแต่แรกที่คิดว่าเป็นเจ้าที่อยู่ในร่างของหวังเว่ยซิน ข้าคิดว่าตนเอง
ตอนที่ 45 กลัดกลุ้มพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าทอประกายแสงแดงเรือง ๆ หวังเว่ยซินยืนอยู่ระเบียงเรือเงยหน้ามองหมู่นกที่กำลังบินกลับรัง แผ่นฟ้ากว้างใหญ่ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง นางหันมาสบตาหลีเซียวหยวนใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ่ย“ไม่น่าเชื่อ ว่าท่านจะมีมุมเช่นนี้”“ทุกอย่างเรียนรู้กันได้” น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของหลีเซียวหยวน ทำให้หวังเว่ยซินหันมองชายหนุ่มปราดหนึ่งแล้วเบือนหน้าออกไปทางแม่น้ำพูดขึ้น“ท่านหยุดทำท่าทางประจบประแจงได้หรือไม่ ข้ารู้สึกอึกอัด..อีกอย่างหากท่านยิ้มเช่นนี้ เป็นผู้อื่นอาจจะรู้สึกผวาไปแล้ว” หลีเซียวหยวนเลิกคิ้วสูงส่งให้ดูพิลึกกว่าเดิม “ข้าเป็นเช่นนั้นหรือ”หวังเว่ยซินพยักหน้ากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่ยั้งไมตรี “ใช่!” เห็นใบหน้าหวังเว่ยซินเต็มไปด้วยความขบขันการกระทำของตนเอง หลีเซียวหยวนแค่นเสียงหัวเราะแห้ง ๆ ขยับพัดในมือแล้วกระแอมเบา ๆ น้ำเสียงค่อนข้างท้อแท้ใจ “เฮอะ!!...ถึงกระนั้นทำให้เจ้าเบิกบานใจก็นับว่าข้าทำสำเร็จไปแล้ว” ชายหนุ่มรู้สึกเคอะเขินเบือนหน้าหนี หวังเว่ยซินระบายยิ้มทั่วใบหน้ารู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งใจพลางปรายตามองดูเหล่าบ่าวไพร่ที่กำลังจั
ตอนที่ 44 ใจเต้นหวังอี้หยางยืนมองตามหลังหวังเว่ยซินไปจนกระทั่งลับสายตา พอเดินกลับไปในเรือนฝีเท้าก็ไปอยู่ตรงหน้าโต๊ะอักษรเด็กชายเพ่งมองอักษรที่ตนคัดเสร็จ แววตาสดใสที่เคยไร้เดียงสากลับซ่อนเร้นความนัยแฝงมากมาย ภายในใจของเด็กหนุ่มครุ่นคิดลึกซึ้งหลากหลายเรื่องราวมากกว่าเด็กแปดขวบทั่วไปหวังเว่ยซินเปิดประตูเรือนออกมาก็เจอกับรถม้าคันหรูหราจอดอยู่เบื้องหน้า จางเคอเมื่อเห็นหวังเว่ยซินก็โค้งศีรษะคารวะ องค์รักษ์ผู้หนึ่งเอาตั่งเตี้ยวางเสร็จจางเคอก็เลิกผ้าม่านขึ้นกล่าว“เชิญคุณหนูหวังขอรับ”หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเข้าไปก็เห็นหลีเซียวหยวนนั่งเด่นตระหง่านอยู่ภายในรถม้า ชายหนุ่มยิ้มกรุบกริบกลิ่นอายเต็มไปด้วยไมตรีหาใช่ผู้บัญชาการหลีผู้เย็นชาอย่างเช่นเคย หวังเว่ยซินหลุบตาต่ำลงพลางส่ายหน้าจนใจเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งลงเรียบร้อยแล้ว หลีเซียวหยวนก็ยกจอชารินให้อีกฝ่ายแล้วพูดขึ้น“ข้าเห็นว่าเจ้าวิ่งวุ่นไปทั่วเมืองหลวง มิเหนื่อยหรือ”หวังเว่ยซินรับน้ำชามาดื่ม จิบเบา ๆ พูดตอบ“หากข้าจะเหน็ดเหนื่อย...ก็เพราะถูกผู้อื่นคอยจับตาเสียมากกว่า” หลีเซียนหยวนยิ้มยอมรับ“ข้าเพียงแค่ทำตามหน้าที่ เรื่องร
ตอนที่ 43 เปิดเผยกลับมาถึงเรือนหวังเว่ยซินก็เดินไปหาหวังอี้หยางที่ห้องคัดอักษร จางถง อี้ซิงลุกขึ้นคารวะกล่าว“คุณหนูใหญ่”หวังเว่ยซินพยักหน้าพลางก้าวฝีเท้าเข้าไป หวังอี้หยางได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมาลุกขึ้นเดินออกมาหาพี่สาว“ท่านพี่...วันนี้เหน็ดเหนื่อยหรือไม่”หวังเว่ยซินส่ายหน้าใบหน้าระบายยิ้ม “ไม่เลย...งานสนุกเสียอีก..แล้วเจ้าเล่า”หวังอี้หยางยิ้มตอบ “เช่นกันขอรับ...พี่สาวท่านดูสิ ข้ากำลังคัดอักษรอยู่ ลายมือของข้าดีขึ้นมากแล้วขอรับ”หญิงสาวหันหน้ามไปมองอักษรทันที ดวงตางามประกายวาวขึ้น งดงามแฝงความหนักแน่น “อืม...งดงามมากอี้หยางเจ้าช่างมีพรสวรรค์เสียจริง”หวังอี้หยางก้มหน้ายิ้ม หวังเว่ยซินพินิจดูน้องชายอยู่ครู่ตั้งแต่ที่เดินเข้ามานางก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องชายแล้ว แววตาดูมีสุขุมเยือกเย็นขึ้นมาจาง ๆ และทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษร จากคำกล่าวลายมือคือหน้าต่างของจิตใจ ไม่ผิดแม้แต่น้อย หญิงสาวเอื้อมมือไปตบที่ไหล่ของเด็กชายแล้วพูดขึ้น “เจ้าอยากไปเรียนที่สำนักศึกษาหรือ”“ขอรับ...ข้าเองก็อยากจะไปเรียนรู้ประสบการณ์ข้างนอก...ทว่าท่านอาจารย์หงอยากให้รออีกส
ตอนที่ 42 ถือฐานะอะไร จางเคอเป็นผู้ดูแลหวังอี้หยางกลับเรือน จางถง อี้ซิงที่กำลังรออยู่เมื่อเห็นรถม้าคันใหญ่คันเดิมพวกเขาก็ยืนขึ้นทันที พอรถจอดสนิทม่านรถม้าก็ถูกเลิกขึ้น หวังอี้หยางกระโดดลงจากรถด้วยใบหน้าระบายยิ้มจาง ๆ ให้กับบ่าวทั้งสองจากนั้นก็หันไปโค้งศีรษะกล่าวขอบคุณจางเคอด้วยความนอบน้อม ท่าทีประหม่าลดลงไปมากแต่กระนั้นก็ยังขาดราศีคุณชายจากสกุลใหญ่ “คุณชายรองกลับมาแล้ว เช่นนั้นข้าไปเรียนฮูหยินก่อนนะขอรับ” หวังอี้หยางพยักหน้าพลางชำเลืองมองตามรถม้าที่มาส่งจากนั้นก็หันไปเห็นสายตาของเพื่อนบ้านข้างเคียงที่เต็มไปด้วยความสนใจใคร่อยากรู้ ป้าผู้หนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอดทนไม่ไหว “คุณชายรองหวัง...ท่านสนิทกับผู้รองบัญชาการหลี? ”แววตาของหวังอี้หยางฉายความงุนงง“ก็รถม้าคันนั้นเป็นของตระกูลหลีไม่ใช่หรือ...องค์รักษ์ที่มาส่งท่านก็เป็นคนสนิทของท่านบัญชาการหลี...เหตุใดท่านจึงทำหน้าเช่นนี้จะอ้างว่าไม่ทราบหรือ”ในการเรียน...สมองของหวังอี้หยางถูกเติมไปด้วยความรู้และปรัชญามากมายอย่างไม่สะดุด...ทว่ากลับขาดเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คนรวมทั้งการแสดงออกที่ถูกต้องตามระดับขั้นและฐ
ตอนที่ 41 เข้าถึงได้ทุกคน หวังเว่ยซินพอกลับถึงเรือนก็ระงับสติได้แล้ว นางยืดตัวตรงขึ้น ไม่อยากให้ตนเองผิดแปลก ลองอะแอ่มเบา ๆ ปรับโทนเสียง พอรู้สึกว่าพร้อมแล้วก็ตรงไปยังเรือนของมารดา จางฮูหยิน โจวชุน ทุกคนล้วนอยู่พร้อมหน้าที่นั้น “พี่สาวท่านกลับมาแล้ว...ท่านทานมื้อเที่ยงมาแล้วหรือยัง ทานด้วยกันหรือไม่” โจวชุนรีบเอ่ยถาม หวังเว่ยซินเดินเข้ามาใกล้นั่งลงข้างมารดาปรายตามองกับข้าวพูดขึ้น “ยังไม่ได้ทาน อาหารมื้อนี้คือส่วนที่ซื้อมาเมื่อเช้านี้หรือเจ้าคะ” จางฮูหยินพยักหน้าตอบ “เจ้าค่ะ...ท่านมาก็ดีแล้ว พวกเราจะได้ช่วยกันตัดสินใจ” จือซื่อยิ้มกล่าวต่อ “ร้านค้าแผงลอยที่จางฮูหยินพาไป ล้วนสะอาดสะอ้าน รสชาติถูกปาก แต่ว่า...ซินเอ๋อร์มันจะเหมาะกับโรงเตี๊ยมของลูกหรือ” หวังเว่ยซินยิ้มพลางกล่าว “เหมาะสิเจ้าคะ ทั้งโรงเตี๊ยมและอาหารล้วนเป็นสิ่งที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้ทุกคนเข้าถึง” จางฮูหยินเบิกตามองกว้าง “โรงเตี๊ยมที่กำลังสร้าง ขนาดไม่ใช่เล็ก ๆ ยังตกแต่งสวนดอกไม้ขนาดใหญ่... คุณหนูใหญ่ท่านมิใช่สร้างเพื่อรับรองคนชั้นสูงหรือเ
จะไม่เอ่ยถาม เสียงเอ่ยเรียกที่เต็มไปด้วยพลังโทสะผุดขึ้น“จางเคอ!!” สิ้นเสียงพริบตาก็มีบุรุษผู้หนึ่งยืนประสานมือเยื้องหญิงสาวไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยถามเขาก็รีบกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “คุณหนูหวัง...คุณชายรองอยู่ที่จวนผู้บัญชาการขอรับ” ด้วยการนำทางของจางเคอไม่มีใครขัดขวางหวังเว่ยซิน นางเร่งฝีเท้าเข้าไปในเรือนรับรองไม่ทันไรก็เห็นน้องชายนั่งร่วมโต๊ะกับหลีเซียวหยวนในกลางเรือนรับรอง หลายอย่างในใจยังไม่จัดการ แม้ว่านางจะรู้ว่าหลีเซียวหยวนคงรู้อะไรมาน้อย ทว่าในตอนนี้นางยังไม่อยากจะพูดอะไรจึงอยากจะหลบไปก่อน“ไม่ต้องให้คนของท่านต้องลำบาก พวกข้าจะกลับกันเอง”กระนั้นเหมือนชายหนุ่มจะไม่ยินยอม เมื่อหวังอี้หยางก้าวเท้าพ้นสายตาไป คนในเรือนรับรองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หวังเว่ยซินไม่ทันระวังตนเองพริบตาก็ถูกหลีเซียวหยวนเข้ามาประชิดโอบเอวนางเข้ามาแนบอก นางได้แต่เอามือดันอีกฝ่ายเอาไว้แล้วพูดขึ้น“ท่านปล่อยข้าก่อน”หลีเซียวหยวนไม่เพียงไม่ปฏิบัติตาม เข้ายังโอบกอดนางแน่นขึ้นแล้วซุกหัวเข้าไปในเรือนผม เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแฝงออดอ้อนจือความตัดพ้อ“ขอเพียงเจ้าพยักหน้าว่าใช่หรือ
คุยกัน จวนผู้บัญชาการหลี แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อีกทั้งขนมหวานพร้อมชาหอมกรุ่นชุมชื่นละมุนคอ ก็ไม่ทำให้หวังอี้หยางคลายความประหม่าในใจได้ หลีเซียวหยวนพยายามพูดคุยสร้างบรรยากาศ “ดูสีหน้าน้องชายใคร่ไม่สบายใจนัก.. ข้าทำอะไรผิดพลาดหรือทำสิ่งใดให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า” หวังอี้หยางส่ายหน้ารัว ๆ “ปะ เปล่าขอรับ...ข้าไม่เคยเป็นแขกจวนขุนนางมาก่อนเลยค่อนข้างจะประหม่าขอรับ” หวังอี้หยางคร่ำครวญในใจ แค่ขุนนางชั้นต่ำเฝ้าประตูจวนนายอำเภอเขาก็หวั่นเกรงไม่กล้าสบตา ตอนนี้เขาไม่ล้มลงสลบไร้สิ้นสติไปก็นับว่าเก่งกาจแล้ว หลีเซียวหยวนลอบถอนหายใจ การบ่มเพาะใครสักคนให้เต็มไปด้วยความภูมิฐานและเต็มเปี่ยมด้วยท่วงท่านักปราชญไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย จะต้องมีช่วงเวลาเคี่ยวกรำจนคร่ำกร้านจึงจะสามารถมีสติใช้ปัญญาที่มีในช่วงเวลายากลำบากใจได้ เห็นได้ว่า หวังอี้หยางยังห่างไกลคำว่าสุขุมรอบคอบอีกมากนักอีกไม่นานหวังเว่ยซินจะตามมา หลีเซียวหยวนจึงเอ่ยถามขึ้น “ข้าขอรบกวนเวลาน้องชายไม่นาน...ช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนที่เจ้าจะมีสติปัญญาเ