ตอนที่ 36 เปิดเผยเรื่องราวหลังจากที่ฟังวาจาของอาจารย์หงโจหวังเว่ยซินก็กระจ่างใจได้ไม่ยาก กล่าวให้ง่ายขึ้นหวังอี้อย่างต้องฝึกกล้ามเนื้อเล็กให้แข็งแรงขึ้นอีกทั้งยังอ่อนเยาว์เกินไปหรือที่นางเข้าใจคือน้องชายยังขาด วุฒิภาวะ ตารางการเรียนของหวังอี้หยางถูกปรับเปลี่ยน ช่วงเช้าจะเรียนเกี่ยวกับปรัชญาการเมืองการปกครอง การคำนวณในบางครั้ง ส่วนช่วงบ่ายฝึกใช้พู่กันทั้งการคัดอักษรและวาดภาพ โดยอาจารย์หงโจได้รับปากจะดูแลจัดการเรื่องนี้ เรื่องเรียนของหวังอี้หยางนับว่าราบรื่นยิ่งนัก หวังเว่ยซินรู้สึกวางใจได้หลายส่วน อีกทั้งการสร้างเรือนก็ใกล้จะเสร็จทำให้นางยิ่งอารมณ์ดี มีเวลาจัดการเรื่องการวางแผนการบริการจัดการโรงเตี๊ยม โดยไม่ทันได้สังเกตว่าช่วงนี้มีบุรุษผู้หนึ่งติดตามนางอยู่ “นายท่าน คุณชายกู้มารอพบท่านอยู่ที่จวนขอรับ” หลีเซียวหยวนหันมาพยักหน้าแล้วเร้นกายออกไปทันทีจวนผู้บัญชาการหลี เมื่อเห็นหลีเซียวหยวน กู้ซวินก็ลุกขึ้นคารวะ “ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”ชายหนุ่มโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง “มีความคืบหน้าหรือ”กู้ซวินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “โชค
ตอนที่ 36 ชีวิตใหม่แล้วนะหลังกู้ซวินกลับไป หลีเซียวหยวนก็ยกสุราดื่มเพียงลำพัง หวนคิดถึงตอนที่เจอกับหวังเว่ยซินครั้งแรกนางเข้ามาพูดคุยกับเขาก่อน แม้เขาจะมีรูปลักษณ์ที่สตรีจะชำเลืองมอง ทว่าด้วยกลิ่นอายเจ้าเล่ห์แฝงความเย็นชาร้ายกาจที่ประทับร่างมานาน ทำให้น้อยนักจะมีสตรีกล้าพูดคุยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายไม่ประมาทเขาเป็นคนมีสติปัญญาเฉียบแหลมสิ่งใดและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผ่านตาแล้วมักไม่ลืม ชายหนุ่มยิ้มอย่างใจลอยเอ่ยพูดกับอีกฝ่ายที่อยู่ในความคิด “แม้ข้าจะกล่าวว่าไม่จดจำเพียงหน้าตา...ย่อมหมายถึงลักษณะกริยา..มิใช่จดจำวิญญาณเสียหน่อย”น้ำเสียงของเขาแฝงความจนใจอยู่บ้าง เขาเป็นคนทำอะไรรอบครอบและระมัดระวังอยู่เสมอ กระนั้นเขาก็รู้ใจตนเอง ความรู้สึกให้ความสนใจอีกฝ่ายมิใช่เรียบง่ายอย่างคนทั่วไปและเหมือนเขาจะได้หลักฐานมาเพิ่มแล้ว “จางเคอ”“ขอรับนายท่าน”จางเคอชำเลืองมองหลีเซียวหยวนที่กำลังอารมณ์ดีด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดระคนแปลกใจ“เจ้าไปสืบผลการเรียนของหวังอี้หยางทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้มาอย่างละเอียด ... และมีหลักฐานด้วยยิ่งดี”แม้ภายนอกใบหน้าของจางเคอจะนิ่งราบเรียบ ทว่าภายในกลับป
พูดได้ไหม กู้เฉียวจิงชำเลืองมองหวังเว่ยซินด้วยความระมัดระวัง แล้วพูดเสียงอ่อย ๆ “พี่สาว...ท่านอย่าตำหนิเลยนะ” หวังเว่ยซินหันมาอีกฝ่าย แววตาเรียบเฉย “ตอนนี้ดึกมากแล้ว ข้าเหนื่อยนัก...สมควรที่เจ้าจะกลับไปได้แล้ว...” เห็นอีกฝ่ายไม่โมโหกู้เฉียวจิงก็ผ่อนคลายลง ยิ้มละมุ่น “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพี่สาวแล้ว...แล้วถ้าเงินไม่พอมาหาข้านะ ข้ามีเยอะ” “รู้แล้ว...ไปได้แล้ว” น้ำเสียงหวังเว่ยซินแฝงความรำคาญพริบตากู้เฉียวจิงก็หายไป หวังเว่ยซินถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ข้ามิได้กลัวว่า หลีเซียวหยวนจะจับได้ ..แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร อธิบายได้แค่ไหน เรื่องเหล่านี้เป็นความลับของสวรรค์หรือเปล่า พูดไปจะมีผลดีหรือผลเสีย...แล้วจะถามตู้ยาได้อย่างไร” หญิงสาวเอนกายลงนอน “ช่างเถอะ...ถ้าเปิดเผยไม่ได้..ตู้ยาคงมีหนทางจัดการเอง...ข้ามิได้ตั้งใจเปิดเผยเสียหน่อยย่อมไม่ผิด” นางสลัดไล่ความกังวลไป พรุ่งนี้นางยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากจึงรีบหลับตานอนยามรุ่งอรุณ พระอาทิตย์ยังไม่ทอแสง หวังเว่ยซินล้างหน้าล้างตาเสร็จออกมาจากเรือนก็เห็น
คุยกัน จวนผู้บัญชาการหลี แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อีกทั้งขนมหวานพร้อมชาหอมกรุ่นชุมชื่นละมุนคอ ก็ไม่ทำให้หวังอี้หยางคลายความประหม่าในใจได้ หลีเซียวหยวนพยายามพูดคุยสร้างบรรยากาศ “ดูสีหน้าน้องชายใคร่ไม่สบายใจนัก.. ข้าทำอะไรผิดพลาดหรือทำสิ่งใดให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า” หวังอี้หยางส่ายหน้ารัว ๆ “ปะ เปล่าขอรับ...ข้าไม่เคยเป็นแขกจวนขุนนางมาก่อนเลยค่อนข้างจะประหม่าขอรับ” หวังอี้หยางคร่ำครวญในใจ แค่ขุนนางชั้นต่ำเฝ้าประตูจวนนายอำเภอเขาก็หวั่นเกรงไม่กล้าสบตา ตอนนี้เขาไม่ล้มลงสลบไร้สิ้นสติไปก็นับว่าเก่งกาจแล้ว หลีเซียวหยวนลอบถอนหายใจ การบ่มเพาะใครสักคนให้เต็มไปด้วยความภูมิฐานและเต็มเปี่ยมด้วยท่วงท่านักปราชญไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย จะต้องมีช่วงเวลาเคี่ยวกรำจนคร่ำกร้านจึงจะสามารถมีสติใช้ปัญญาที่มีในช่วงเวลายากลำบากใจได้ เห็นได้ว่า หวังอี้หยางยังห่างไกลคำว่าสุขุมรอบคอบอีกมากนักอีกไม่นานหวังเว่ยซินจะตามมา หลีเซียวหยวนจึงเอ่ยถามขึ้น “ข้าขอรบกวนเวลาน้องชายไม่นาน...ช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนที่เจ้าจะมีสติปัญญาเ
ตอนที่ 0 ความเดิมชาติที่แล้ว หวังเว่ยซินในชาติที่แล้ว ทะลุมิติเข้าในนิยายอยู่ในร่างของกู้เฉียวจิงฮูหยินเอกของแม่ทัพบูรพาเสิ่นเยี่ยหงพร้อมมีบุตรด้วยกันสองคน ในวันที่เกิดใหม่พร้อมภารกิจตู้ยาวิเศษ เกิดเรื่องราวมากมายจนกระทั่งนางหลงรักบุตรชายและบุตรสาวทั้งสองคนมากไม่อาจจะตัดใจจากไป ทว่านางไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเสิ่นเยี่ยหงแม้แต่น้อยอีกทั้งคนที่บุรุษรักก็ไม่ใช่นาง หากฝืนรักฝืนอยู่ด้วยกันย่อมมีปัญหามากมายตามมาที่หลัง จนกระทั้งทำภารกิจที่ห้าสำเร็จ นางได้รับรางวัลเป็นพรสามประการและยังค้นพบอีกว่าตั้งแต่แรกที่นางมาอยู่ที่นี่...เจ้าของร่างเดิมกู้เฉียวจิงยังอยู่กับนาง เป็นหนึ่งร่างสองวิญญาณ กู้เฉียวจิง เจ้าของร่างเดิมไม่ได้คิดจะทวงร่างคืน เพราะหากไม่มีหวังเว่ยซินที่เข้ามาอยู่ในร่างแทนแม้กระทั่งชีวิตของบุตรชายก็ไม่อาจจะรักษาเอาไว้ได้ บุญคุณครั้งนี้แค่ร่างกายนางยินดีที่จะมอบให้ นางจึงมาขอพรหนึ่งข้อเพื่อไปเกิดใหม่ ทำให้หวังเว่ยซิน ผุดวาบความคิดหนึ่งขึ้นมา ความตั้งใจเดิมของนาง คืออยากออกจากจวนหงอี้โหว อยากหย่า เพียงแต่นางไม่อาจตัดใจทำร้ายจิตใจเด
ตอนที่ 1 ฮูหยินกู้...ถามข่าวท่านทุกวันคนเฝ้าหีบสมบัติซูซูมองเด็กสาวประครองหีบขึ้นมา เมื่อเปิดดูข้างในก็เจอตั๋วเงินหลายแผ่นพร้อมเครื่องประดับจำนวนหนึ่ง เด็กสาวดวงตาโตเจิดจ้าใต้แสงดาว ได้ยินเสียงนางพึมพำ“เงินของข้า เงินของข้า”นางประคองหีบออกมาอย่างประคบประหงม ลุกขึ้นปัดฝุ่นเล็กน้อยแล้วหันมากล่าว “ซูซู ขอบคุณท่านมากนะที่เฝ้าให้ข้า ข้าไปล่ะ”ในขณะที่กำลังจะทะยานออกไป ซูซูก็เอ่ย“คุณหนูช้าก่อน” จากนั้นก็ไปขวางหน้าเด็กสาว เห็นสีหน้าที่ดูแตกตื่นแววตาสังหารประกายวาบขึ้น นางก็รีบอธิบาย “ป่ะ...เปล่า ข้ามิได้ห้ามที่ท่านจะนำหีบไป เพียงแต่ฮูหยินสั่งเอาไว้ หากท่านมาก็ให้เชิญท่านไปพบ”เด็กสาวพยักหน้าเข้าใจยิ้มตอบ “ฝากบอกนางว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เอาไว้ทุกอย่างลงตัวแล้วข้าจะไป”หวังเว่ยซินกำลังจะก้าวเท้าออกไปก็ถูกซูซูขวางอีกรอบ “คุณหนูจะบอกข้าได้หรือไม่...ว่าท่านพักอยู่ที่ใด เผื่อหากว่าฮูหยินถามข้าจะได้มีข้อมูล...เอ่อ..ฮูหยินถามข่าวท่านทุกวันเลยนะเจ้าคะ สีหน้านางดูเป็นกังวลและห่วงใยท่านมาก” แววตาของหวังเว่ยซินมีประกายอบอุ่นขึ้นมา นางคลี่ยิ้มตอบ “ข้าถูกนำมาขายที่หอซิงเซียง ต
ตอนที่ 2 เกิดใหม่อีกครั้งเวลาก็ผ่านไปสามปี รถม้าจวนหงอี้กงเคลื่อนผ่านพร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา “นี่...รู้ไหมฮูหยินหงอี้กง จัดหาอนุให้กับท่านหงอี้กงอีกแล้วนะ ...ได้ยินว่าเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มงดงามที่สุดที่หอซิงเซียงอุตสาหามาได้ แต่จวนหงอี้กงก็ยังมาแย่งคนไป” “จริงหรือ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูตื่นเต้นประหลาดที่สุด ทำให้คนเล่ายิ่งรู้สึกสนุกอยากเล่าต่อ “แน่นอน...ข้าได้เห็นกลับตา ว่าไปแล้วก็อิจฉาหงอี้กงยิ่งนัก ได้ฮูหยินที่ใจกว้างดั่งมหาสมุทรเช่นนี้ หากเป็นข้าก็อยากจะกลับเรือนทุกวัน” “คริ คริ” เสียงสตรีผู้หนึ่งหัวเราะขบขันพลางกล่าว “ท่านมีเงินเลี้ยงพวกนางหรือข้าได้ยินว่า ฮูหยินหงอี้กงใช้เงินเดือนละหลายหมื่นตำลึงหมดไปกับอาภรณ์เครื่องประดับของเหล่าอนุเชียวนะ” บุรุษผู้นั้นรู้สึกเสียหน้าระคนละอาย ตอนนี้แค่นี้ภรรยากับบุตรสองคนก็แสนอัตคัดจะมีปัญญาที่ไหนไปเลี้ยงอนุเพิ่มบุรุษผู้หนึ่ง หมุนจอกชาในมือไปมาคิดไปแล้วก็แปลกใจดูเหมือนว่า อยู่ ๆ เขาก็ตัดใจจากกู้เฉียวจิงได้ จวนหงอี้กงในส่วนฮูหยินอันดับหนึ่งที่ทุกคนให้ตำแหน่งมา
ตอนที่ 3 บทบาทต่อไป...พี่สาวจอหงวน “คุณหนูหวัง...ถึงโรงเตี๊ยมแล้วขอรับ” เสียงพ่อบ้านเฉิงเอ่ยเรียกอยู่นอกรถม้าด้วยเสียงนอบน้อม พอหวังเว่ยซินเลิกผ้าม่านออกมา ก็เจอป้ายขนาดใหญ่หอสุราชิงเห่อ โรงเตี๊ยมใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง หวังเว่ยซินถอนหายใจ มิต้องสงสัย คงไม่ได้เริ่มต้นแบบชีวิตสตรีชาวบ้านทั่วไปเสียแล้ว นางก้าวลงรถม้า พ่อบ้านเฉิงก็เอ่ยบอก “นี่คือเอกสารของท่านขอรับ เมื่อสักครู่คนเอามาส่งแล้ว” “รบกวนแล้ว ขอบคุณพ่อบ้านเฉิงมาก” “มิกล้า มิกล้า โรงเตี๊ยมนี้ท่านจะอยู่กี่คืนก็ได้ขอรับ ข้าได้สั่งเถ้าแก่เอาไว้ ให้ไปเก็บที่จวน” หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ จากนั้นก็เอ่ย “ท่านพ่อบ้านมีภารกิจมากมาย ขอมิอาจรบกวนนาน ส่งข้าเท่านี้พอ” พ่อบ้านเฉิงถูกกำชับว่าอย่าขัดใจคนเบื้องหน้าเด็ดขาด ก็รีบขานรับทันที “มิกล้า มิกล้า เช่นนั้นบ่าวขอตัว” “เดินทางดี ๆ เจ้าค่ะ” จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็มารับหน้าต่อ “คุณหนูเชิญด้านในเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านจะไปยังห้องพักหรือว่านั่งผ่อนคลายที่ระเบียงชั้นสองก่อนดีเจ้าคะ” “ข
คุยกัน จวนผู้บัญชาการหลี แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อีกทั้งขนมหวานพร้อมชาหอมกรุ่นชุมชื่นละมุนคอ ก็ไม่ทำให้หวังอี้หยางคลายความประหม่าในใจได้ หลีเซียวหยวนพยายามพูดคุยสร้างบรรยากาศ “ดูสีหน้าน้องชายใคร่ไม่สบายใจนัก.. ข้าทำอะไรผิดพลาดหรือทำสิ่งใดให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า” หวังอี้หยางส่ายหน้ารัว ๆ “ปะ เปล่าขอรับ...ข้าไม่เคยเป็นแขกจวนขุนนางมาก่อนเลยค่อนข้างจะประหม่าขอรับ” หวังอี้หยางคร่ำครวญในใจ แค่ขุนนางชั้นต่ำเฝ้าประตูจวนนายอำเภอเขาก็หวั่นเกรงไม่กล้าสบตา ตอนนี้เขาไม่ล้มลงสลบไร้สิ้นสติไปก็นับว่าเก่งกาจแล้ว หลีเซียวหยวนลอบถอนหายใจ การบ่มเพาะใครสักคนให้เต็มไปด้วยความภูมิฐานและเต็มเปี่ยมด้วยท่วงท่านักปราชญไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย จะต้องมีช่วงเวลาเคี่ยวกรำจนคร่ำกร้านจึงจะสามารถมีสติใช้ปัญญาที่มีในช่วงเวลายากลำบากใจได้ เห็นได้ว่า หวังอี้หยางยังห่างไกลคำว่าสุขุมรอบคอบอีกมากนักอีกไม่นานหวังเว่ยซินจะตามมา หลีเซียวหยวนจึงเอ่ยถามขึ้น “ข้าขอรบกวนเวลาน้องชายไม่นาน...ช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนที่เจ้าจะมีสติปัญญาเ
พูดได้ไหม กู้เฉียวจิงชำเลืองมองหวังเว่ยซินด้วยความระมัดระวัง แล้วพูดเสียงอ่อย ๆ “พี่สาว...ท่านอย่าตำหนิเลยนะ” หวังเว่ยซินหันมาอีกฝ่าย แววตาเรียบเฉย “ตอนนี้ดึกมากแล้ว ข้าเหนื่อยนัก...สมควรที่เจ้าจะกลับไปได้แล้ว...” เห็นอีกฝ่ายไม่โมโหกู้เฉียวจิงก็ผ่อนคลายลง ยิ้มละมุ่น “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพี่สาวแล้ว...แล้วถ้าเงินไม่พอมาหาข้านะ ข้ามีเยอะ” “รู้แล้ว...ไปได้แล้ว” น้ำเสียงหวังเว่ยซินแฝงความรำคาญพริบตากู้เฉียวจิงก็หายไป หวังเว่ยซินถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ข้ามิได้กลัวว่า หลีเซียวหยวนจะจับได้ ..แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร อธิบายได้แค่ไหน เรื่องเหล่านี้เป็นความลับของสวรรค์หรือเปล่า พูดไปจะมีผลดีหรือผลเสีย...แล้วจะถามตู้ยาได้อย่างไร” หญิงสาวเอนกายลงนอน “ช่างเถอะ...ถ้าเปิดเผยไม่ได้..ตู้ยาคงมีหนทางจัดการเอง...ข้ามิได้ตั้งใจเปิดเผยเสียหน่อยย่อมไม่ผิด” นางสลัดไล่ความกังวลไป พรุ่งนี้นางยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากจึงรีบหลับตานอนยามรุ่งอรุณ พระอาทิตย์ยังไม่ทอแสง หวังเว่ยซินล้างหน้าล้างตาเสร็จออกมาจากเรือนก็เห็น
ตอนที่ 36 ชีวิตใหม่แล้วนะหลังกู้ซวินกลับไป หลีเซียวหยวนก็ยกสุราดื่มเพียงลำพัง หวนคิดถึงตอนที่เจอกับหวังเว่ยซินครั้งแรกนางเข้ามาพูดคุยกับเขาก่อน แม้เขาจะมีรูปลักษณ์ที่สตรีจะชำเลืองมอง ทว่าด้วยกลิ่นอายเจ้าเล่ห์แฝงความเย็นชาร้ายกาจที่ประทับร่างมานาน ทำให้น้อยนักจะมีสตรีกล้าพูดคุยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายไม่ประมาทเขาเป็นคนมีสติปัญญาเฉียบแหลมสิ่งใดและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผ่านตาแล้วมักไม่ลืม ชายหนุ่มยิ้มอย่างใจลอยเอ่ยพูดกับอีกฝ่ายที่อยู่ในความคิด “แม้ข้าจะกล่าวว่าไม่จดจำเพียงหน้าตา...ย่อมหมายถึงลักษณะกริยา..มิใช่จดจำวิญญาณเสียหน่อย”น้ำเสียงของเขาแฝงความจนใจอยู่บ้าง เขาเป็นคนทำอะไรรอบครอบและระมัดระวังอยู่เสมอ กระนั้นเขาก็รู้ใจตนเอง ความรู้สึกให้ความสนใจอีกฝ่ายมิใช่เรียบง่ายอย่างคนทั่วไปและเหมือนเขาจะได้หลักฐานมาเพิ่มแล้ว “จางเคอ”“ขอรับนายท่าน”จางเคอชำเลืองมองหลีเซียวหยวนที่กำลังอารมณ์ดีด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดระคนแปลกใจ“เจ้าไปสืบผลการเรียนของหวังอี้หยางทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้มาอย่างละเอียด ... และมีหลักฐานด้วยยิ่งดี”แม้ภายนอกใบหน้าของจางเคอจะนิ่งราบเรียบ ทว่าภายในกลับป
ตอนที่ 36 เปิดเผยเรื่องราวหลังจากที่ฟังวาจาของอาจารย์หงโจหวังเว่ยซินก็กระจ่างใจได้ไม่ยาก กล่าวให้ง่ายขึ้นหวังอี้อย่างต้องฝึกกล้ามเนื้อเล็กให้แข็งแรงขึ้นอีกทั้งยังอ่อนเยาว์เกินไปหรือที่นางเข้าใจคือน้องชายยังขาด วุฒิภาวะ ตารางการเรียนของหวังอี้หยางถูกปรับเปลี่ยน ช่วงเช้าจะเรียนเกี่ยวกับปรัชญาการเมืองการปกครอง การคำนวณในบางครั้ง ส่วนช่วงบ่ายฝึกใช้พู่กันทั้งการคัดอักษรและวาดภาพ โดยอาจารย์หงโจได้รับปากจะดูแลจัดการเรื่องนี้ เรื่องเรียนของหวังอี้หยางนับว่าราบรื่นยิ่งนัก หวังเว่ยซินรู้สึกวางใจได้หลายส่วน อีกทั้งการสร้างเรือนก็ใกล้จะเสร็จทำให้นางยิ่งอารมณ์ดี มีเวลาจัดการเรื่องการวางแผนการบริการจัดการโรงเตี๊ยม โดยไม่ทันได้สังเกตว่าช่วงนี้มีบุรุษผู้หนึ่งติดตามนางอยู่ “นายท่าน คุณชายกู้มารอพบท่านอยู่ที่จวนขอรับ” หลีเซียวหยวนหันมาพยักหน้าแล้วเร้นกายออกไปทันทีจวนผู้บัญชาการหลี เมื่อเห็นหลีเซียวหยวน กู้ซวินก็ลุกขึ้นคารวะ “ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”ชายหนุ่มโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง “มีความคืบหน้าหรือ”กู้ซวินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “โชค
ตอนที่ 35 ต้องใช้เวลา โจวชุนหลังจากคัดเด็กที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมกับน้องชายของตนเอง เมื่อคัดเลือกมาได้สองคน จึงเดินออกมาตามหา หวังเว่ยซิน ให้นางช่วยตรวจสอบคนอีกครั้ง “พี่สาว ... ข้าตัดสินใจเลือกเด็กได้แล้ว” หวังเว่ยซินหันมามองเด็กชายสองคนเบื้องหน้า ร่างกายสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณดูสดใสขึ้นผิดจากหลายวันก่อน แสดงว่าพวกพอรู้จักดูแลตนเองได้ดีในระดับหนึ่ง นับว่าใช้ได้ “พวกเจ้าชื่ออะไร” “ผู้น้อย...อี้ซิงขอรับ” “ผู้น้อย..จางถงขอรับ” “อี้ซิง จางถง...ข้าจะให้เจ้าสองคนเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายคุณชายรองหวังอี้หยาง พวกเจ้ายินดีหรือไม่” เด็กน้อยทั้งสองคนรีบคุกเข่า “ผู้น้อยยินดีติดตามรับใช้คุณชายรองขอรับ” น้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน หวังเว่ยซินพยักหน้าพอใจ “เช่นนั้นก็ไปเก็บข้าวของ กลับไปกับข้า” เด็กชายทั้งสองรับคำรีบกุลีกุจอวิ่งกลับไป หวังเว่ยซินหันมายิ้มกับโจวชุน “แล้วเจ้าเล่า? เลือกสาวใช้ได้หรือยัง” โจวชุนส่ายหน้า “มิต้องหรอกเจ้าค่ะ เอาไว้ย้ายมาอยู่ที่นี่คัดเลือกตอนนั้นยั
ตอนที่ 34 เงินจะหมดแล้ว นอกจากเรือนพักเล็กของเหล่าทาสที่สร้างก่อน ก็เป็นเรือนใหญ่ที่พักของหวังเว่ยซิน เหล่าทาสที่คาดเดาความยิ่งใหญ่ทั้งคฤหาสน์และโรงเตี๊ยมต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มเพราะที่นี่ต่อไปนี้จะเป็นที่พวกเขาได้อาศัยอยู่จวบจนชั่วชีวิต ทว่า แม้หวังเว่ยซินจะเป็นนายที่เพียบพร้อม ไม่ต่างจากสวรรค์ประทานมาให้ กระนั้นก็มิใช่จะไม่มีคนโง่ละโมบมาก ตัดสินใจหักหลังนาง ความจริงนี้หวังเว่ยซินรู้ดี นางมิได้เชื่อใจพวกเขาขนาดนั้น การปล่อยป่ะให้อิสระก็นับเป็นการคัดเลือกคนอย่างหนึ่ง วันนี้นางกับโจวชุนมาตรวจดูความคืบหน้าและยังมาสอดส่องเด็กรับใช้ให้หวังอี้หยางด้วย เสียงฮื้อฮากระซิบพูดคุยทำให้หวังเว่ยซินเงยหน้าขึ้นไปมอง “นั่นเป็นขบวนรถม้าจากจวนหงอี้กง...ใช่หรือไม่” คนงานอีกคนพยักหน้า “ใช่แล้ว...ว่าแต่พวกเขาจะไปที่ใด” อีกคนเริ่มเอ่ยพูด ด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า “ข้ารู้...” “รู้ก็พูดสิ...จะมัวอวดอ้างอันใด” พวกเขาต่างใจจดจ่อรอฟัง อีกคนอดทนไม่ไหวก็เอ่ยปากเร่ง “แล้ว..อย่างไร พวกเขาจะไปที่ใด”
ตอนที่ 33 แลกเปลี่ยนความคิด จางฮูหยินเสร็จงานที่ก่อสร้างก็เดินกลับ ถึงเรือนตะวันก็คล้อยต่ำเหลือแสงสว่างอยู่รำไร นางจึงรีบหุ่งข้าวเตรียมมื้อเย็น จางฉือพึ่งกลับมาถึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในครัวจึงเอ่ยถาม “ท่านแม่พึ่งกลับมาหรือขอรับ” “จางฉือหรือลูก...ไปนั่งพักก่อน แม่ทำอาหารสักครู่” จางฉือ วางกระเป๋าตำราลงพลางพับแขนเสื้อขึ้น แล้วเดินเข้าไปในครัว จางฮูหยินเห็นบุตรชายก็เอ่ย “มิต้อง ๆ ตรงนี้ไม่มีอันใด กับข้าวมีแล้ว...แม่แค่ต้มข้าวเพิ่มเท่านั้น...ลูกไปล้างหน้าล้างตาเสียแล้วค่อยมาทานข้าวกัน” จางฉือ มองไปยังกล่องอาหารแล้วเดินไปนั่งข้างมารดา พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านแม่ต่างหากที่ต้องไปอาบน้ำ ข้าจะเป็นคนต้มข้าวเอง” จางฉือสบสายตามุ่งมั่นของบุตรชาย นางจึงจำยอม “ได้..เช่นนั้นแม่ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วจะกลับมาทานอาหารที่เจ้าเตรียมให้..อย่าลืมอุ่นน้ำแกงด้วยนะ” จางฉือยิ้ม “ขอรับ...ท่านแม่วางใจได้” จางฮูหยินอาบน้ำเสร็จก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุน นางรีบเดินแล
ตอนที่ 32 มิใช่ว่าจะดูไม่ออก ส่วนทางเวทีในขณะนั้น เฟยอิงปรากฏกายตามที่คาดหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งกระบวนท่าใบหน้าหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไอ้บ้านี้ ร่างกายภายในบอบซ้ำอย่างหนักแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว แต่ไม่ได้จะชนะ..แล้วให้คนเอ่ยเพราะ..นังคนนั้นไม่ได้ แม้เฟยอิงจะสามารถเอาชนะได้ภายในหนึ่งฝ่ามือ กระนั้นทุกครั้งที่ลงมือนางกลับถอนกำลังภายในออกทั้งหมด หวังยืดการประลองให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สีหน้าที่นางแสดงออกมาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ลมหายใจหอบถี่ดั่งกำลังต่อสู้อย่างหนักหน่วง ทว่าก็มิใช่ว่าทุกคนจะดูไม่ออก เสิ่นเยี่ยหงเห็นสถานการณ์บนเวที ก็ถอนหายใจโล่งอก ใบหน้าองค์รัชทายาทเองก็ผ่อนคลายลงไปหลายส่วน หันมาถาม “หลีเซียวหยวนไปไหนเสียแล้ว” เสิ่นเยี่ยหงแค่นเสียงหัวเราะ “กระหม่อมคาดว่าน่าจะตามไปดูอาการของคุณหนูหวังผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทยิ้มพลางเอ่ย “อายุของหลีเซียวหยวนก็ควรออกเรือนแล้ว ได้ข่าวมงคลท่านได้บุตรสาวเพิ่มอีกคนแล้ว” เสิ่นเยี่ยหง พยักหน้าตอบ “
ตอนที่ 31 ทำตามหน้าที่ ดวงตาของหวังเว่ยซินคล้ายมีเปลวไฟลุกโชน อารมณ์ของหญิงสาวขุ่นมัวสุดขีด อุตสาวางแผนเจ็บตัวให้สมจริงไปแล้ว การต่อสู้หลังจากนี้ก็ของจริงเช่นนั้น พริบตาหวังเว่ยซินก็พลิ้วกายวูบไหวไปมาบนเวที เพียะ!! ผลัวะ!! อั๊ก!! เชี่ยเฉิงถูกหวังเว่ยซินซ้อมจนร่างที่ยืนอยู่ซวนโซ ชายหนุ่มเอากระบี่ปักประครองตนเองแล้วตะโกนขึ้น “นังปีศาจ..!!” หวังเว่ยซินหยุดเคลื่อนไหวยืนนิ่งอยู่บนไม้ขอบเวที นางหรี่ตามองสภาพของอีกฝ่าย ด้วยแววตาผ่อนคลาย ได้ระบายโทสะทำให้หายใจคล่องขึ้น ส่วนหลีเซียวหยวนก็คลายมัดที่กำอยู่โดยไม่รู้ตัว “อย่าพึ่งตายนะ...ข้ายังไม่ได้เริ่มต้น” หวังเว่ยซินชัดกระบี่ออกไป พลิ้วไหวกายดุจสายลม ผู้คนเบื้องล่างเห็นเพียงประกายกระบี่มีเพียงพวกเหล่ายุทธภพที่มีฝีมือแก่กล้ามองเห็นสิ่งที่เคลื่อนไหว “นางกำลังทำอะไร” “ดูเหมือนว่า...จะกรีดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย” เมื่อนางหยุดการเคลื่อนไหว เสื้อผ้าของเชี่ยเฉิงก็ขาดกระจายออก “ว้าย!!” เสียงส