หม่าเย่าเดินไปหยิบของในหีบออกมาให้หนานฟาหยางได้ชม มันเป็นลูกธนูผูกติดกับระเบิดอย่างแน่นหนา มีน้ำหนักพอดีที่ไม่เบาหรือไม่หนักจนเกินไป ตรงปลายชนวนทาด้วยน้ำมันเคลือบเอาไว้ เพื่อเวลาที่จุดไฟจะได้ติดง่าย และเวลาลูกธนูพุ่งออกไปไม่ทำให้ไฟดับกลางอากาศ
เดิมทีพวกเขาไม่รู้จักว่าเจ้าน้ำที่เรียกว่าน้ำมันมีกลิ่นฉุนนี้ นายหญิงบอกว่านางได้มาจากชาวต่างชาติที่นำของมาค้าขาย พอได้ทำการทดลองดูมันกลับติดไฟง่ายจริง
“เป็นของเล่นใหม่ที่นายหญิงนำมาให้พระองค์ลองใช้พ่ะย่ะค่ะ อีกไม่เกินห้าวันจะมีมาเพิ่มอีกห้าสิบเกวียน เพราะเดินทางลำบากและกลัวเป็นจุดสนใจ นายหญิงจึงให้แบ่งเป็นสองขบวน และทำทีเป็นขบวนสินค้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี แล้วนางมีอะไรฝากบอกข้าอีกหรือไม่”
“บอกเพียงว่าพระชายาสบายดีท่านอ๋องมิต้องเป็นห่วง”
“อืม พวกเจ้ามาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนก่อนเถิดข้าให้คนจัดที่พักไว้ให้แล้ว”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
“อาเล่อเจ้าได้สิ่งใดมา” หยุนชิงเห็นสาวใช้คนสนิทเดินถือตะกร้าใบใหญ่ เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี ร่างอุ้ยอ้ายที่ใหญ่โตเกินคำว่าครรภ์สาว ถามขึ้นอย่างสงสัย อะไรที่ทำให้สาวใช้นางเดินยิ้มหน้าบานมาได้ปานนั้น
“ท่านโอเว่นให้คนนำอาหารทะเลมาให้นายหญิงเจ้าค่ะ” อาเล่อนำของที่ได้มาเปิดให้ผู้เป็นนายดู
ของข้างในมีทั้งหมึก กุ้ง หอยเชลล์ ปู มีแต่ตัวโต ๆ อวบ ๆ ทั้งนั้น ของทุกอย่างยังดูสดใหม่ หยุนชิงเห็นแล้วน้ำลายไหล อยากจะเอาไปย่างแล้วทำน้ำจิ้มซีฟูดรสแซ่บ เย็นนี้ชวนพี่สาวทำกินดีกว่า
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้เดินยิ้มหน้าบานปานนั้น หรือว่าเจ้าคิดอะไรกับโอเว่นหรืออาเล่อ” หยุนชิงหรี่ตามองพร้อมกับยิ้มล้อเลียนอาเล่อ
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ ข้าเอาของไปเก็บในครัวดีกว่า” อาเล่อเมื่อโดนสายตาล้อเลียนของนายสาวถึงกับก้มหน้างุด รีบซ้อนแก้มแดง ๆ ของนางไว้ทันที
เมื่ออาเล่อเดินพ้นออกมาจากตรงนั้น หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบนำของทะเลไปเก็บไว้ชั้นใต้ดินที่ไว้เก็บของสดก่อน เพื่อไม่ให้ของเน่าเสียก่อนจะนำมาทำอาหาร หลังจากนั้นนางจึงปลีกตัวเข้าห้องไป
เมื่อปิดประตูและล็อกห้องอย่างแน่นหนา อาเล่อจึงนำเอากล้องส่องทางไกล ที่นางได้ขอซื้อมาจากท่านโอเวนออกมาดู เพียงนางใช้เจ้าสิ่งนี้ส่องออกไปก็จะเห็นสิ่งที่นางต้องการอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าระยะทางจะไกลไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ชัดก็ตาม
และเย็นวันนี้หยุนชิงก็ได้กินอาหารทะเลย่างกลิ่นหอม พร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดสมใจ ถึงแม้ตนเองจะอายุครรภ์มากแล้วทำอะไรก็ไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อน แต่นางก็มีลูกมือฝีมือดีอย่างเช่นอาลี่ เจ้าตัวคงจะไม่รู้ตัวที่ไม่ว่าทำอาหารชนิดไหนไป รายนั้นทำออกมาได้ดีเชียวล่ะ
ในระหว่างรออาหารยกขึ้นโต๊ะหยุนชิงกลับเห็นเพียงอาลี่ ที่มัวแต่วุ่นวายกับการจัดสำรับอาหารให้กับทุกคน ปกติแล้วอาลี่จะมีลูกคู่อย่างอาเล่อคอยช่วยงานกันตลอดอยู่แล้ว แต่วันนี้อาเล่อหายไปไหนกัน
“อาลี่อาเล่อไปไหนหรือ เจ้าถึงได้ตั้งสำรับคนเดียว” หยุนชิงที่นั่งเย็บชุดเด็กอ่อนอยู่กับหนานเจียอี และบุตรสาวถามขึ้นอย่างสงสัย
“เห็นบอกว่าจะไปปลดทุกข์เจ้าค่ะ นายหญิงมีสิ่งใดจะให้ทำหรือเจ้าคะ ให้ข้าไปทำให้ก่อนหรือไม่”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกข้าเพียงถามดูเท่านั้น เจ้าไปทำงานต่อเถิด”
ริมแม่น้ำท้ายสวน
“ฮึบ ขึ้นมาได้สักทีมืดเช่นนี้ปีนลำบากนัก” วันนี้นางออกมาก่อนเวลาอาหารเย็น โดยบอกกับสหายรักอย่างอาลี่ว่าจะไปปลดทุกข์ และเป้าหมายของอาเล่อก็คือต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่ห่างจากริมน้ำไม่ไกลนัก
เวลานี้ของทุกวันคนผู้หนึ่งจะออกมาอาบน้ำทุกวันก่อนเวลาอาหาร ตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่นางจะเห็นเขามาเวลาเดิมที่เดิมตลอด อาเล่อเฝ้ามองทางเดินอยู่เพียงครู่ก็เห็นคนผู้นั้นเดินออกมาดั่งเช่นทุกวัน นางจัดเตรียมกล้องส่องทางไกลออกมาพร้อม ก่อนจะใช้ส่องมองไปยังทิศทางของเป้าหมาย
“อุ๊ย มาแล้ว ๆ ไหนขอข้าดูซิท่านทำอะไรอยู่”
เพียงนางส่องกล้องทางไกลออกไปยังเป้าหมาย ตากลมโตเบิกกว้างพร้อมกับทำท่าห่อปากทันที ภาพตรงหน้าคือ บุรุษผู้หนึ่งร่างกายกำยำ กำลังถอดชุดเพื่อลงไปอาบน้ำ เสื้อชั้นนอกถูกถอดออกตามด้วยเสื้อชั้นในสีขาว เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อแน่น ๆ ทั้งตัว ผิวสีขาว เมื่อยามกระทบโดนแสงจากดวงจันทร์ ทำให้เปล่งประกายน่าสัมผัส
ปราการชิ้นสุดท้ายได้ถูกถอดออก เผยให้เห็นบั้นท้ายขาวนวล ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เดินลงน้ำไปอย่างสบายใจ อาเล่อที่มองเห็นภาพอย่างชัดเจนทุกอย่างอยู่บนต้นไม้ บัดนี้ได้มีของเหลวสีแดงไหลออกทางจมูกอย่างไม่รู้ตัว ตั้งแต่บุรุษผู้นั้นปลดเสื้อด้านในสีขาวออก
“ขาว เนื้อแน่น ขอซบสักครั้งได้หรือไม่ แต่ทำไมข้ารู้สึกใจหวิว ๆ ชอบกล”
ฟิ้ววว
ตุ๊บ
แอ๊กก
“อ๊าก ก้นกบข้า” เมื่อหล่นถึงพื้นอาเล่อลูบบั้นท้ายตนเองปรอย ๆ ไม่น่ารนหาที่เลย ต่อไปข้าจะไม่ทำตัวเช่นนี้อีกแล้ว ดีเท่าไรแล้วที่นางไม่ตกลงมาคอหักตาย ช่างอันตรายจริง ๆ เปลี่ยนเป็นแอบหลังโขดหิน หรือไม่ก็พุ่มไม้ทึบ ๆ แล้วกัน
“นั่นใคร” หานลู่กำลังอาบน้ำอย่างสบายใจพอได้ยินเสียงดังมาจากทางต้นไม้ใหญ่ เขาต้องหันขวับไปมองทันที เขารู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เดินมายังริมแม่น้ำแต่พอมองหากลับไม่พบผู้ใด แต่ทำไมเขาถึงได้ขนลุกพิกลเช่นนี้กันนะ
“เหมียวววว”
“อ๋อ แมวหรอกหรือ”
แล้ววันงานบวงสรวงก็มาถึง ปะรำพิธีได้ถูกจัดขึ้น ณ ลานกว้างของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กลางลานมีแท่นพิธียกขึ้นสูงบนโต๊ะรูปมังกรเหยียบเมฆา มีผลไม้และอาหารมงคล ตรงกลางมีกระถางสำหรับปักธูปลวดลายอ่อนช้อย สถานที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างสวยงามงานนี้เจ้ากรมพิธีการได้หน้าไปเต็ม ๆ ต่างถูกชมจากผู้คนมิขาดปากแต่ผู้ที่รับหน้าที่สำคัญที่สุดในวันนี้กลับนั่งเหงื่อตกรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ คิดจะหนีงานดีหรือไม่ แต่เมื่อมองไปยังที่ประทับของฮ่องเต้ ใบหน้าที่คาดหวังของท่านแม่และท่านพ่อ ไหนจะท่านลุงฮ่องเต้อีกคน จะถอยก็มิได้จะเดินต่อก็ไม่ได้และแล้วพิธีสำคัญได้ถึงเวลาที่เหมาะสมชาวบ้านที่เข้ามารอชมอย่างคาดหวัง หวังเยี่ยนฟางแต่งตัวด้วยชุดสีแดงอลังการ เดินนวยนาดออกมายังหน้าแท่นพิธีก่อนสายตาจะมองไปรอบ ๆ นางไม่พบเหล่าพี่ชายพี่สาวแฝดสามและอ๋องน้อยพวกนั้นหายไปที่ใดกัน“แด่ท่านเทพพิรุณเทพแห่งสายฝนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ท่านได้โปรดทรงประทานหยาดฝนเพื่อดับทุกข์ร้อนของเหล่ามวลมนุษย์ด้วยเถิด” หวังเยี่ยนฟางกล่าวจบจึงได้ทำการปักธูปลงในกระถางทันใดนั้นเองท้องฟ้าแปรปรวนร้องสนั่นหวั่นไหว หมู่เมฆมืดครึ้มลมพัดแรง จนมงกุฎที่หวังเยี่ยนฟา
ในปีหนึ่งแคว้นหนานได้เกิดปัญหาภัยแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตรและใช้สำหรับอุปโภคบริโภคองค์ฮ่องเต้ทรงมองเห็นในความเดือดร้อนของพสกนิกร ทรงมีรับสั่งช่วยเหลือแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยลดความอดอยากของประชาชน แต่เมื่อนานวันเข้าภัยแล้งกลับไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นหัวข้อประชุมเช้าอันดุเดือดประจำท้องพระโรงคงจะหนีไม่พ้นเรื่องภัยแล้ง"ทูลฝ่าบาทหากเรายังคงเบิกจ่ายข้าวสารและตำลึงเงินอีกไม่เกินปีนี้ กระหม่อมเกรงว่าท้องพระคลังคงจะหมดในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมคลังกราบทูลถึงปัญหาที่เกิดขึ้น"ทูลฝ่าบาท จากที่กระหม่อมส่งคนออกสำรวจแหล่งน้ำทั่วแคว้น ปริมาณน้ำลดน้อยลงไปมากพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมโยธาก้าวออกมา ชี้แจงปัญหาที่ได้รับมอบหมายให้ออกสำรวจแหล่งน้ำ"มีผู้ใดจะเสนอความคิดในการแก้ปัญหาบ้างหรือไม่" หนานหยางจง เจ้าแห่งแคว้นถามขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองทั่วทั้งท้องพระโรง แต่ก็ไม่มีผู้ใดก้าวออกมาเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาอย่างเช่นเคยเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างมองหน้ากันไปมา แต่ละคนต่างก็หาทางออกไม่ได้ เนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่เคยเจอปีไหนเลย ที่ภัยแล้งจะหนั
“ข้อหนึ่งหนูขอไปเกิดแบบโตเป็นผู้ใหญ่ค่ะ คือหนูไม่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกแล้วค่ะ”อืม ข้อนี้ไม่ยากถือว่ายังให้ได้อยู่“ข้อสองหนูขอคนรักสักคนที่รักหนูคนเดียวไม่นอกใจค่ะ”ข้อนี้ก็ยังถือว่าง่ายไม่พิเศษอะไรนังหนูนี่ช่างมักน้อยซะจริง“และข้อสุดท้ายหนูขอความทรงจำเดิม และความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างของชาติเดิมค่ะ”“ได้ถ้าอย่างนั้นเจ้าตามข้ามา” ยายเมิ่งตอบตกลงทุกเงื่อนไขที่ขอมาอย่างไม่ต้องคิด เพราะคำขอแต่ละข้อไม่ได้ถือว่าผิดต่อศีลธรรมอันใดแต่ก่อนจะให้เด็กสาวผู้นี้ลงไปเกิดนางอยากจะเอ่ยปาก พูดอะไรสักอย่างกับสตรีน้อยผู้นี้สักหน่อย“เดี๋ยวก่อนนังหนูเรื่องคนที่ทำให้เจ้าตาย เจ้าก็ให้อภัยเขาเถอะคนผู้นั้นไม่ได้ตั้งใจ อย่าแช่งกันอีกเลยสำนึกผิดไม่ทัน”สตรีผู้นั้นตอบรับด้วยสีหน้างุนงง แต่ก็ช่างเถอะไม่รู้เรื่องอันใดก็ดีแล้วกรี๊ดดดดดตู้มมมม"อภัยให้ข้าเถอะนังหนูเจ้าลีลาเกินไป หากเจ้าอยู่นานกว่านี้เห็นทีข้าจะโดนจับได้" แล้วยายเมิ่งก็เดินจากไปเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน"อยากเรียกข้าว่าป้าดีนักขอสักทีเถอะ" ว่าจะไม่ทำอันใดแล้ว คำก็ป้าสองคำก็เรียกป้าแค่ถีบตกบ่อยังน้อยไปหลังจากนั้นข้าคิดว่าชีวิตจะสงบสุขส
ข้ามีนามว่าหวังเยี่ยนฟางเป็นบุตรสาวคนเล็กของบ้านตระกูลหวัง ทุกคนในบ้านต่างรักและตามใจข้าเป็นที่สุด ข้าคือสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อเพราะแม้ว่าท่านพ่อดื่มยาห้ามบุตรที่มีฤทธิ์แรงที่สุด แต่ตัวข้าหวังเยี่ยนฟางผู้นี้สามารถฝ่ายาห้ามบุตรมาเกิดได้ฮะฮ่าทุกคนต่างเอ่ยชมความสามารถของท่านพ่อหวังอี้หลินมิได้หยุด เขาคือสุดยอดแห่งบุรุษของแคว้นเป็นลูกรักของเทพพระเจ้า บางคนร่ำรวยอำนาจล้นฟ้าหรือแข็งแกร่งเพียงใด ก็ยังไม่สามารถมีบุตรได้ดั่งใจสั่งเช่นท่านพ่อของข้าได้ แต่ก็นะคนเหล่านั้นพูดเกินจริงไปมากโข เป็นเพราะข้าผู้นี้อยากมาเองต่างหากหากจะถามว่าข้าผู้ที่มีรูปโฉมงดงามราวกับเทพเซียน พูดจาไพเราะราวกับนกน้อยร้องรับอรุณยามเช้า ความสามารถหรือก็มิแพ้ใคร รูปร่างสูงโปร่งอกเป็นอกเอวเป็นเอว ข้าผู้นี้มีนามว่า เมิ่ง เมิ่ง หรือก็คือยายเมิ่งที่เหล่ายมโลกเรียกขานกัน หุ หุอะ แฮ่ม เอาล่ะกล่าวชมตนเองมามากพอแล้ว ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ย้อนไปเมื่อกาลก่อน"เมิ่ง เมิ่ง เจ้าฟังข้าก่อน งานข้ายุ่งมากไปกับเจ้ามิได้จริง ๆ อย่าโกรธข้าเลยนะ" ผู้คุมนรกชั้นอเวจีคอยควบคุมเหล่าวิญญาณชั้นเลว ชดใช้บาปกรรมโ
"อั๊กกก" ไม่ได้การแล้วมันช่างทรมานยิ่งนัก คงต้องหาอะไรที่ทำให้เขาหายจากอาการนี้หยงเจาฝืนทนพยายามลุกขึ้นยืนให้มั่น แต่ด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรงทำให้เซถลาชนเข้ากับโต๊ะกลางห้องจนกวาดเอาถ้วยน้ำชาร่วงลงกับพื้น"ท่านหยงเจาเป็นอะไรหรือเจ้าคะ ท่านรออยู่นี่ก่อนข้าจะไปตามหมอให้" อาลี่ที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินเสียงดังจากห้องของชายหนุ่ม จึงรีบเดินเข้ามาดู ไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้น หากเมื่อเดินเข้ามาสิ่งที่เห็นทำให้นางยิ่งตกใจ"ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบออกไปเถิดข้าขอร้อง" ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว หากช้ากว่านี้คงได้หน้ามืดล่วงเกินสตรีที่หลงรักตรงหน้าแน่"ทะ ท่านเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนบอกข้าสิ" เพราะความเป็นห่วงอาลี่จึงไม่ยอมขยับไปไหนยาที่หยงเจาได้รับในปริมาณมาก ทำให้ชายหนุ่มครองสติไม่ได้แล้ว เขาคว้าคอหญิงสาวโน้มลงมาพร้อมกับจุมพิตอันร้อนแรงอาลี่พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของชายหนุ่มได้ จากขัดขืนในตอนแรกกลับกลายเป็นคล้อยตาม จนนางได้ตกเป็นของหยงเจาในคืนนั้น"ข้าจะรับผิดชอบเจ้า" หยงเจายังคงยืนยันคำเดิม เพราะตั้งแต่รู้สึกตัวตื่น เขาพยายามจะหว่านล้อมให้ร่างบางตรงหน้ายินยอม แต่นางก็ใจแข็งเหลือเกิน
"หาา! นี่ท่านยังเกี้ยวอาลี่ไม่สำเร็จอีกหรือ จิ๊ก จิ๊ก ช่างไร้ฝีมือ" อาเล่อมองหน้าหยงเจาอย่างดูแคลน ขนาดว่านางเปิดโอกาสให้อยู่กันลำพังบ่อยครั้งก็ยังทำไม่สำเร็จ"แล้วเจ้าเล่าเกี้ยวหานลู่สำเร็จแล้วหรือ ทำมาเป็นเย้ยข้า" ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ"ข้าไม่อยากจะคุย ข้ากับท่านหานลู่ตกลงศึกษาดูใจกันแล้วเจ้าค่ะ ไม่แน่ปลายปีนี้อาจจะมีข่าวดี" อย่างหลังไม่เป็นความจริงสักนิด นางก็แค่ใส่สีตีไข่เข้าไปให้ดูเหนือกว่าเท่านั้นเอง"จริงหรือ ข้าขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้หรือไม่" นางช่างเก่งกาจ"เรื่องเช่นนี้ขึ้นอยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนเจ้าค่ะ มิใช่เรื่องที่จะสอนได้โดยง่าย" นางลงทุนไปตั้งเยอะยังได้เพียงแค่ศึกษาดูใจเลย"ถ้าเจ้ามีแผนอะไรดี ๆ แนะนำข้าทีเถิด" ตนได้ลองมาหลายวิธีแล้ว สาวเจ้ายังไม่แม้แต่จะใจอ่อนเลย จะล้มเลิกไม่ตามเกี้ยวต่อก็ไม่ได้ ก็คนมันรักไปหมดใจแล้วจะให้ทำเช่นไร โอ๊ย ข้ากลุ้ม"อย่างนี้ดีหรือไม่ คืนนี้พวกท่านเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่ต้องห่วงเรื่องอาลี่ข้าจะเป็นธุระให้เอง" อาเล่อพอจะรู้ว่าสหายผู้นี้มีใจให้กับท่านหยงเจาไม่มากก็น้อย และท่านหยงเจาก็ใจตรงกันอีกด้วย แล้วเพราะอะไรสหายรักถึงได้ไม่ใจอ