LOGIN“คุณชายขอรับ นายท่านบอกว่าจะให้นายท่านรับภรรยาขอรับ”
พ่อบ้านโจวพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า เมื่อนึกถึงการที่ผู้เป็นนาย มีสตรีมาคอยดูเอาใจใส่
“หึๆ ใครกันจะมายอมทิ้งทั้งชีวิต ให้กับคนพิการเยี่ยงข้าเล่า หรือท่านลุงเบื่อหน่ายที่จะดูแลข้าแล้ว” ในตอนท้ายประโยค ชายหนุ่มแสร้งเย้าพ่อบ้านโจว
“ข้าน้อยย่อมไม่เคยเบื่อหน่ายคุณชายขอรับ ส่วนว่าที่ฮูหยินน้อยนั้น คือท่านแม่ทัพหญิงลั่วคังอันขอรับ”
พ่อบ้านโจวแม้จะรู้ว่าคือคำหยอกเย้า แต่เขาก็ไม่เคยคร้านที่จะตอบกลับ ในทุกครั้งว่าเขายินดีเป็นที่สุด ต่อการดูแลนายน้อย
ทว่าสำหรับชายหนุ่มบนเตียง เมื่อได้ยินชื่อของคนที่เขาคะนึงหา ชายหนุ่มกำผ้าปูที่นอนแน่น เพื่อลดความตื่นเต้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่สตรีมากด้วยสามารถ อีกทั้งรูปโฉมงดงามขนาดนั้น จะโน้มกายลงมาร่วมหมอนกับคนไร้ค่าเยี่ยงเขา
“นางคงคิดจะใช้ข้า เป็นเพียงตัวช่วยกระมัง”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อนึกถึงความเป็นจริง ว่าอ๋องจิ้งหยวน มีคนรักเป็นบุตรตรีรองเจ้ากรมการคลัง ข่าวที่บุตรสาวสกุลแม่ทัพ เลือกที่จะหันหน้าเข้าสู่เส้นทางทหาร หลังปักปิ่นเพียงข้ามวันเท่านั้น พร้อมทั้งประกาศตัดสัมพันธ์กับจวนอ๋อง
เมื่ออ๋องจิ้งหยวนไม่ยอมรามือ นางจึงคิดเลือกเขามาเป็นตัวช่วย หากจะกล่าวว่านางเห็นแก่ตัว ก็คงไม่ผิดสักนิด หาไม่แล้วสตรีที่มีเพียบพร้อมในทุกด้านเยี่ยงนาง จะเลือกเขา...ที่เป็นแค่คนพิการไปทำไมกัน
“แล้วอย่างไรขอรับ หากเรามองให้เป็นผลประโยชน์ เรื่องนี้นับว่าดีไม่น้อย อีกอย่างใช่ว่าเราเป็นฝ่ายไปทาบทาม แต่เป็นแม่ทัพชราเดินทางมาเอ่ยปากด้วยตนเอง”
พ่อบ้านโจวกลับมองในทางที่ดี เพราะการมีกองกำลังของแม่ทัพลั่วหนุนหลัง คุณชายของเขา ก็ไม่ต้องกังวลถึงอำนาจในมือจะสั่นคลอน
“ทำไมต้องเป็นข้า”
ชายหนุ่มยังมองไม่เห็นถึงความเป็นไปได้ ที่หญิงสาวจะเจาะจงมาที่ตัวเขา หรือนางเห็นว่าเขาจะควบคุมได้ง่ายอย่างนั้นหรือ!
“ท่านแม่ทัพลั่วบอกว่ามีเพียงคุณชายเท่านั้น ที่คู่ควรต่อการเดินเคียงข้างนางขอรับ”
“ฮึ! นางกำลังมองข้าเป็นตัวตลก” ชายหนุ่มทำเสียงในลำคอ อย่างประชดประชันตนเอง
“คุณชายคือว่าที่ผู้นำตระกูล มีตรงไหนที่ด้อยกว่านางเล่าขอรับ”
“ใช่! มีตรงไหนเจ้าด้อยไปกว่านางกัน! คนไร้ค่ากับสตรีที่ทำตัวไร้ความเป็นกุลสตรี ก็เหมาะสมกันดี”
น้ำเสียงเยาะหยันปนถากถาง ดังขึ้นจากด้านหน้าประตู ก่อนที่พ่อบ้านโจวจะหันไปมองผู้มาใหม่ ด้วยสายตาตำหนิ แต่ก็ไม่คิดเอ่ยสิ่งใด เพราะคนเยี่ยงคุณชายรอง สมควรต้องเผชิญบทเรียนที่สาสมกว่านี้
“มารดาเจ้าไม่เคยสอนหรือ ว่าการเข้าห้องผู้อื่น ต้องทำสิ่งใดก่อน และที่สำคัญนางไม่เคยบอกเจ้าหรืออย่างไร ว่าอย่าได้แทรกการสนทนาของใคร ช่างไร้มารยาทนัก!”
หยางเหยาเกอ ตำหนิน้องชายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ และนั่นทำให้สตรีผู้ที่เพิ่งก้าวมาถึงหน้าห้องนอน ถึงกับมีสีหน้าบูดบึ้ง หากไม่เพราะห่วงบุตรชายสุดที่รัก นางจะไม่ก้าวมาเหยียบที่นี่เลย
“จะมากไปแล้วนะเหยาเกอ! เจ้ากำลังด่าข้าที่เป็นมารดาหรืออย่างไร”
หยางฮูหยิน ตวาดบุตรชายคนโต ด้วยน้ำเสียงที่ชวนแสบแก้วหูนัก ยิ่งนางเห็นดวงตาที่มืดบอด ทว่ายังคงสุกใสราวกับมันไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้คนกล่าวขาน นางยิ่งชิงชังเจ้าของเรือน จนแทบอยากจะย้อนเวลากลับไป แล้วเลือกกำจัดบุตรชายคนนี้เสียตั้งแต่ในครรภ์
“นั่นสิขอรับท่านแม่ เหยาเกอไม่มีความเคารพต่อท่านแม่เลยนะขอรับ”
หยางเฮ่อหลง รีบพูดสนับสนุนมารดา พร้อมกับทำสีหน้าเยาะหยันพี่ชายพิการ
“หึๆ แล้วสิ่งที่ข้าพูด ตรงไหนบ้างที่มันไม่จริงขอรับ ในเมื่อตัวท่านก็ไม่ยินดีให้ข้าเรียกแม่ จะให้ข้าเอ่ยนามท่านออกมาเลยหรือขอรับ และสิ่งที่เขาทำ มันใช่คนที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีแล้วเช่นนั้นรึ! ขอรับ”
“ไอ้สวะ!”
ผั๊วะ! สิ้นคำของหยางเฮ่อหลง ร่างสูงก็เซล้มก้นกระแทกพื้น จากหมัดหนักๆ ของพ่อบ้านโจว
“ลูกแม่! โจวเชา! เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าทำร้ายคุณชายรอง ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาจับตัวเจ้าไพร่ชั้นต่ำโจวเชา ไปโบยให้ตาย!”
หยางฮูหยินตวาดพ่อบ้านโจวเสียงดังลั่น อย่างไม่คิดสำรวมกิริยา ก่อนจะตะโกนเรียกบ่าวไพร่นอกเรือน ให้มาพาตัวโจวเชาไปลงโทษ
“ใครกล้า!”
น้ำเสียงทรงอำนาจดังขึ้น จากเบื้องหลังฮูหยินน้อยหยาง และนั่นทำให้ใบหน้างามเชิดขึ้นสูง เมื่อคนที่คานทุกอำนาจของนางปรากฏตัวขึ้น
“โจวเชา สมควรได้รับมันเจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
ฉีเหนียงเหนียง หันกลับไปเผชิญหน้ากับพ่อสามี ที่ก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นเยียบ และนั่นทำให้หยางเฮ่อหลงรีบลุกขึ้น ไปยืนแอบอยู่หลังมารดา
“พี่สะใภ้มานั่นแล้วเจ้าค่ะ ท่านป้าท่านแม่” เพียงก้าวพ้นเขตเรือน เข้าไปในส่วนของสวนดอกไม้ เสียงของหยางหลิวหลีก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ลั่วคังอัน ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินเข้าไปหาทุกคน “คังอันเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ลั่วฮูหยินรีบเดินเข้ามาถามบุตรสาว ด้วยเห็นว่าอยู่ๆ คนเป้นลูกก้หายไปนาน หากเพียงแค่ล้างหน้าล้างตา ก็ควรกลับมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังเห็นคนของท่านหญิงหลิว วิ่งวุ่นราวกำลังตามหาใครอยู่ “ข้าเพียงออกไปเดินดูรอบๆ เรือนเพื่อผ่อนคลายเล็กน้อยเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้าต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง” แม่ทัพสาวไม่ได้บอกถึงความจริงใดๆ เพราะมันมิใช่สิ่งจำเป็น และนางรู้ว่ามารดาเอง ก็คงจะพอรู้ถึงเหตุผลที่นางยกมาอ้างแล้ว “เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คงเพราะเมื่อคนนอนดึก ต้องตื่นแต่เช้าอีกในวันนี้ เจ้าคงเพลียสินะ เช่นนั้นเรากลับกันเลยดีไหม” หยางฮูหยินเอ่ยชักชวนสะใภ้กลับจวนเสีย นางเองก็ไม่ได้สนุกนัก ที่ต้องมานั่งฟังคนคอยเหน็บแนม เรื่องที่นางได้ไม้ใหญ่เช่นสกุลลั่ว มาเป็นที่ยึดเหนี่ยว “หากท่านแม่กับน้องหญิงอยากที่จะกลับ ข้าก็มิได้ขัดข้องเ
“อื้อ...ข้าชอบเจ้าที่แข็งแกร่งเยี่ยงนี้ โอ้ย!”ทว่ายังไม่ทันได้ทำสิ่งใดต่อ ร่างอิ่มของท่านหญิงหลิวก็ลงไปกองอยู่กับพื้น เมื่อนางถูกผลักออกจากตักของลั่วคังอัน จนเสียหลักล้มลงกับพื้น นั่นทำให้ท่านหญิง ตวัดสายตาคาดโทษแม่ทัพสาว ที่บังอาจปฏิเสธนางอย่างไม่คิดใยดีลั่วคังอันรีบลุกพรวดขึ้นในทันที หลังจากที่ผลักคนบนตักออกไปได้แล้ว ลั่วคังอันก้าวตรงไปที่ประตู เพื่อจะออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด กึก! กึก! มือหยาบพยายามดันประตูให้เปิดออก ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ นั่นแสดงว่ามันถูกลงดานจากด้านนอกนั่นเอง ลั่วคังอันขบกรามแน่น ก่อนจะขยับถอยห่างจากประตูออกมาเล็กน้อย แล้วยกเท้าขึ้นถีบประตูเต็มแรง ปัง! ประตูบานใหญ่เปิดออกกว้างและนั่นทำให้สาวใช้ของท่านหญิง ที่รออยู่ด้านนอกถึงกับตกใจสุดขีด ที่อยู่ๆ ประตูก็เปิดออก ทั้งที่พวกนางปิดเอาไว้เป็นอย่างดี ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ก่อนที่ทุกคนจะพากันก้มหน้านิ่ง เมื่อเห็นสายตาดุดันของผู้ที่ก้าวออกมายืนมองพวกนาง อยู่ที่หน้าประตูห้องแม่ทัพสาวกวาดสายตามองคนเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกขยะแขยงสิ้นดี ก่อนที่นางจะเดินจากไป โดยไม่สนใจเสียงเรียกจากคนภายในห้อง บ้าบอเกินไปแล
“ขะ...ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ถ้าอย่างไร ข้าขอตัวไปล้างหน้าล้างตาสักครู่ก่อนนะเจ้าคะ พอดีข้ารู้สึกว่าอากาศมันอบอ้าวไปสีกหน่อย”แม่ทัพสาวจำต้องเอ่ยปาก เมื่อร่างกายของนาง มันกำลังร่ำร้องให้ถูกสัมผัส ยิ่งมือนุ่มนิ่มของท่านหญิงหลิว วนเวียนกับใบหน้านางไม่ห่าง ความร้อนรุ่มในกาย ยิ่งปะทุรุนแรงขึ้นมากเท่านั้นต่อให้ใครจะไม่เชื่อว่าวันนี้ อากาศอบอ้าวจนไม่สบายตัว นั่นก็ปัญหาของคนเหล่านั้น แต่ปัญหาของนาง คือร่างกายที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน มิอาจรอช้าไปมากกว่านี้ได้แล้ว หาไม่คงเกิดเรื่องไม่เหมาะสมขึ้นได้“เช่นนั้นข้าพาเจ้าไปดีกว่า เพราะอย่างไรวันนี้ข้าก็คือผู้ดูแลงาน”ท่านหญิงหลิว รีบเสนอการช่วยเหลือในทันที ด้วยข้ออ้างเรื่องการเป็นผู้นำงานเลี้ยง ตัวแทนขององค์หญิงใหญ่ และนั่นทำให้ลั่วคังอันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เพราะนางไม่อาจคาดเดาได้ ว่าท่านหญิงหลิวคิดจะทำสิ่งใดกับนางต่อจากนี้“พี่หญิงเป็นอันใดไปเจ้าคะ”เป็นลั่วอันผิง ที่เดินเข้ามาถามพี่สาว โดยมีหยางหลิวหลีติดตามมาด้วย นางสักเกตมาสักพักแล้ว ว่าพี่สาวดูไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก แต่เมื่อยังไม่ถูกเรียกนางก็มิอาจจะก้าวก่าย แต่เมื่อเห็นอยู่ๆ พี่สาวก็ล
“ขอบคุณท่านหญิง ที่ให้เกียรติข้าผู้น้อยเจ้าค่ะ”หลังจากวางจอกสุราลงในถาด คืนแก่สาวใช้ของท่านหญิง ลั่วคังอันจึงได้เอ่ยของคุณท่านหญิงหลิวอีกครั้ง นางจดจำไม่ได้เลยว่าชาติที่แล้ว นางมีเรื่องไม่ลงรอยใดกับท่านหญิงหรือไม่ ไยจึงได้ลงมือต่อนางเยี่ยงนี้ ทว่าลั่วคังอันยังคงไม่เผยสิ่งใดออกมา“มานั่งนี้เถอะ คุยกันสักหน่อย ตั้งแต่เจ้าออกจากเมืองหลวงไป น้อยนักที่จะได้พบกัน”มือนุ่มของท่านหญิงหลิว คว้าข้อมือของแม่ทัพสาว แล้วจูงพานางไปนั่งลงไม่ได้ห่างจากที่เดิมเท่าใดนัก ลั่วคังอันหันมองไปที่แม่สามี กับมารดาของตน ที่ตอนนี้ทั้งคู่ได้เพียงแค่ส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะพากันเดินจากไป เพื่อพูดคุยกับบรรดาฮูหยินบ้านอื่นต่อ“งานเลี้ยงวันนี้ทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่ เมื่อคืนนี้เป็นคืนเข้าหอของเจ้า ทว่าเช้ากลับต้องมาที่นี่ ปล่อยสามีทิ้งร้างเฝ้าห้องหอเพียงลำพัง ทำให้ข้าที่เป็นเจ้าภาพรู้สึกผิดยิ่งนัก”เป็นคำถามที่ดูเหมือนจะทั่วไป ทว่าสายตาและน้ำเสียงนั้น คล้ายจะแสดงความตัดพ้อนางอย่างไรไม่รู้ หากจำไม่ผิดนางเคยพบท่านหญิงหลิวเมื่อปีกลาย ตอนที่ท่านหญิงติดตามบิดาไปชายแดน ถูกโจรป่าดักปล้น ก่อนจะถึงชายแดนเพียงเล็กน้อย เป็นนางที่ไ
“เจ้าบังอาจนัก! กล้าทำให้จวนอ๋องถูกมองไม่ดี เห็นทีข้าจะมองข้ามเจ้ามากเกินไป ใครอยู่ข้างนอก! นำนังบ่าวชั้นต่ำไปโบยให้ข้าที”ชูเฟยชี้นิ้วสั่นระริกไปที่สาวใช้ของอนุชิง นางไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีคนโง่ขนาดนี้อยู่ในโลก ถึงขนาดกล้าไปดูหมิ่นขุนนางในราชสำนัก แม้ว่าลั่วคังอันจะเป็นสตรี แต่ก็คือหนึ่งในผู้เป็นกำลังสำคัญของแผ่นดิน ขนาดสามีของนาง ยังต้องไว้หน้าอีกฝ่ายอยู่หลายส่วน แล้วสาวใช้จากสกุลขุนนางเล็กๆ กล้าดีอย่างไรถึงพูดจาไม่คิดได้ขนาดนี้หากจะบอกว่าลั่วคังอันใส่ความ คงยากที่จะพูดแบบนั้นได้ เพราะดูจากสายตาของผู้อื่น ที่ยืนอยู่รายรอบ ทุกคนล้วนซุบซิบกันให้นางได้ยิน ว่าคนที่เริ่มเรื่องนี้ก่อน เป็นคนของจวนอ๋อง ชิงอวี่ถง สตรีน่าตายผู้นี้ ไยจึงต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับนางด้วยนะ!“ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง ที่อบรมนางไม่ดี หากจะลงโทษ ให้ลงโทษที่ข้าเถอะเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าไม่คิดว่าการหยอกเย้าของข้า จะทำให้ท่านทัพลั่วไม่พอใจ หรือเพราะนางมองข้าเป็นศัตรู ที่แย่งชิงความรักของท่านอ๋องมาก็มิรู้”ชิงอวี่ถง แสร้งแสดงตัวเป็นคนที่รู้ผิด แต่ยังมิวายโยนความคิดไม่ดีไปที่ลั่วคังอัน มีใครในเมืองหลวงไม่รู้ว่าล
“ท่านแม่ทัพล้อข้าเล่นแล้ว มีหรือข้าจะอาจหาญกล่าวหาท่านแม่ทัพเช่นนั้นได้”ชิงอวี่ถง เอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่เต็มหน้านัก เพราะคำพูดของลั่วคังอัน มิได้เบาหรือดังไป แต่คนที่ร่วมงาน ก็วนเวียนอยู่ใกล้ๆ เพื่อจะฟังเรื่องราวการสนทนาระหว่างนางสองคน“ข้ามางานเลี้ยงตามคำเชิญ และข้าก็ไม่ได้คลั่งไคล้กับเรื่องในห้องนอน จนละเลยต่อหน้าที่ของตนเอง ดังนั้นการจะออกมาจากบ้าน หลังแต่งงานเพียงวันเดียว หาใช่เรื่องผิดต่อธรรมเนียมใดๆ ไม่”แม่ทัพสาวหันไปสบสายตา กับสตรีที่เคยทำให้ครอบครัวของนาง ต้องตายอย่างอนาถ คนที่ตั้งใจให้บุรุษมากมาย ข่มเหงน้องสาวคนเดียวของนาง หากนางจะแก้แค้นก็ย่อมไม่ถือว่าใจดำแต่วันนี้นางยังไม่อยากลงมือ เพราะมันจะทำให้อีกฝ่ายสบายเกินไป ต้องรอให้ถึงโอกาสที่เหมาะสม นางจะตอบแทนชายชั่วหญิงเลวไปพร้อมๆ กัน เช่นที่ทั้งคู่เคยร่วมมือกันสังหารนาง“ข้าก็มิได้หมายความเช่นนั้นสักหน่อยนี่เจ้าคะ ก็แค่แปลกใจว่าทำไมจึงไม่อยู่จวนอีกสักหน่อย ค่อยออกมาเริงร่านอกบ้าน”ชิงอวี่ถง ยังคงไม่ลดละที่จะทำให้อีกฝ่าย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ได้คู่ครองบกพร่อง ไม่เหมือนนางที่ได้สามี เป็นชนชั้นสูงและหล่อเหลา ร่างกายสมบูรณ์พร้อม เ







