ช่วงเย็นในวันเดียวกัน
ร่างสูงโปร่งในชุดกีฬาเดินออกจากลิฟต์คอนโดมาด้วยใบหน้าที่ชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ เนื่องจากพึ่งเล่นบอลกับเพื่อนเสร็จ ในมือมีถุงอาหารสี่ห้าอย่าง แน่นอนว่ากินคนเดียวไม่มีทางหมด เพราะนี่คนไม่ใช่ปอบ
ขายาวๆมาหยุดตรงบานประตูของห้องตรงกันข้ามกับห้องตัวเอง พร้อมทั้งไม่มีความลังเลหรือชั่งใจที่จะยกมือเคาะ รอเกือบนาทีเจ้าของห้องก็ไม่มีทีท่าว่าจะมาเปิด การเคาะครั้งนี้จึงหนักมือกว่าเดิม
ปึง ปึง ปึง!!
และมันได้ผลเมื่อแก้วหูได้ยินเสียงคนข้างในเดินใกล้เข้ามา ก่อนที่ประตูจะแง้มเปิดเพียงเล็กน้อย แล้วตามมาด้วยใบหน้านิ่งงันของเด็กแว่น
เธอโผล่หน้าออกมาเพียงนิดเดียว มาวินรู้ทันทีเจ้า
ของห้องไม่อยากให้เขาเข้าไปสักเท่าไหร่ แต่ก็ได้แค่นั้นแหละ เพราะน้องคงลืมไปว่าเขามันพวกเอาแต่ใจ
“เฮ้ย! พี่วิน” ปันปันงอแง ไม่ชอบใจที่คนตัวโตใช้มือดันประตูให้เปิดกว้างแล้วแทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างถือสิทธิ์
และเหมือนว่าเธอจะหัวเสียหนักกว่าเดิมเพราะคนบุกรุกไม่ยอมถอดรองเท้า แล้วเดินไปนั่งกับโซฟาหน้าทีวี พร้อมวางถุงในมือลงกับโต๊ะ ทำตัวเป็นเจ้าของห้องเสียเอง
“ลืมมารยาทไว้หน้าห้องหรือไงเนี่ย!!” เด็กน้อยฟึดฟัดราวกับแมวหิวจนขนฟู่ ในใจกำหมัดแน่นเต็มที่ แต่ก็ทำได้แค่เดินถือสลิปเปอร์ไปวางให้ เหมือนเช่นทุกครั้ง “พี่วินมีอะไรคะ?” ดวงหน้าเล็กนิ่งงัน ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมามีแต่ความขุ่นเคือง
ใช่เธอเคือง!
เคืองแรกคือเขามันเป็นบ้าอะไรถึงชอบเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ถอดรองเท้า ขี้ดินขึ้นทรายจากด้านนอกติดมาเต็ม ยิ่งวันนี้อีกฝ่ายใส่รองเท้าสตั๊ดมันยิ่งเลอะ เป็นเรื่องให้ต้องเสียพลังงานความขยันมาดูดฝุ่นอีก
เคืองสองคือเขาลืมไปแล้วหรือไงว่าเมื่อเช้าได้ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับเธอ ทั้งความรู้สึกและสัมผัสอันแนบแน่นยังไม่จางหายจากความรู้สึก แต่เขากลับตีหน้ามึนทำอย่างกับไม่เคยเกิดเรื่อง บ้าชะมัด!
“ไม่มี” ตอบเรียบๆ พลางถอดรองเท้าเปลี่ยนให้แต่โดยดี แต่ไม่วายยังใช้เท้าเขี่ยรองเท้าตัวเองไปใกล้ๆกับเท้าน้อยๆ เป็นการเรียกอารมณ์หัวร้อนของคนตัวเล็กให้แล่นพล่าน
“ไม่มีก็กลับไปเก็บมาสิคะ จะมานั่งหัวโด่เป็นตอทำไมก่อน” ปกติเธอไม่ใช่คนช่างพูดช่างประชดประชัดอะไรแบบนี้ แต่กับพี่คนนี้ปันปันขอหน่อย ก็เขาน่ะโคตรจะกวนประสาทคนได้แบบขั้นสุด โดยเฉพาะกวนเธอนี่แหละ
“ก็พี่หิว” นั่งเอนหลังขณะหรี่ตาลง ดูสีหน้าว่าคนตัวเล็กจะปี๊ดแตกตอนไหน ไม่รู้สิ จะว่าโรคจิตก็คงได้ เขาชอบตอนเห็นเด็กอินโทรเวิร์ตอย่างเธอหัวร้อน ร้อนรุ่มหรือจะเรียกอะไรก็ช่าง ยิ่งเป็นแบบเมื่อตอนกลางวันยิ่งสะใจ
กรี๊ดที กร้าวใจพี่ชิบหาย!
“แต่ปันไม่หิว พี่วินหิวก็เอากลับไปกินที่ห้องตัวเองสิ จะมา...”
“ไปเอาจานมาหน่อยสิ”
“หา?” นี่เธอไล่เขาอยู่ รู้ตัวหรือเปล่า
“วันนี้พี่เหนื่อยแล้วก็ง่วงมากๆ” เป็นประโยคบอกเล่าที่น่าหงุดหงิด เพราะกายหนานอนราบไปกับโซฟาพร้อมปั้นหน้าปรือตาอ่อนล้า “ดูสิ เรี่ยวแรงพี่หายหมดแล้ว”
“เหนื่อยก็กลับไปนอนห้องตัวเองสิคะ”
“แต่พี่หิวมากๆเหมือนกัน ไปเอาจานมาให้หน่อยสิครับ” พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ปกติวิธีนี้สามารถมัดใจหญิงมาได้นับต่อนับ แต่พอเป็นน้องคนนี้ ไอ้มาวินแทบทำอะไรมากไม่ได้เลย รู้ทันไปหมด หรืออาจเพราะเรารู้เช่นเห็นชาติกันละมั้ง น้องถึงได้ไว้ตัวแบบสุดๆ ไม่หลงคารมเลยแม้แต่แอ๊ะเดียว
“ถ้าพี่วินหิว ก็เชิญเสด็จกลับห้องตัวเองค่ะ” มีการผายมือไล่อีกต่างหาก ดูเอาเถอะว่าเด็กนี่มันรักพี่ชายคนนี้มากแค่ไหน
“พี่จะกินที่นี่” อยู่ๆก็ดีดตัวนั่ง ยืนยันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ซึ่งก็ไม่เกินการคาดเดาของคนตัวเล็ก ที่ทำเป็นเหนื่อยเป็นง่วง เขาก็แค่แสดง “แล้วถ้าเธออยากให้พี่กลับไวๆก็มานั่งกินด้วยกันสิ ถ้าหมดแล้วพี่จะกลับ”
คนหน้าตึงดันแว่นตาพร้อมถอดหายใจเสียงดังพรืด กับพี่มาวินคนนี้เธอทำอะไรได้บ้างถามหน่อย
ขาเรียวเดินไปยังโซนครัวแบบเปิดโล่งที่สามารถมองเห็นกันทั่ว ไม่มีแบ่งสัดแบ่งส่วนเจ้าของห้องจึงเอาตู้หนังสือที่สูงเท่าเอวกั้นเอาไว้
ท่าทีแง่งอนนั่นคงจะจำใจน่าดู
มาวินหัวเราะในลำคอขณะมองตามแผ่นหลังบาง การกระทำของคนฟึดฟัดไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่ดีแม้แต่น้อย ชินแล้ว น้องเป็นคนพูดน้อยหรือบางครั้งไม่พูดเลยก็มี ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องกับไอ้เพทายเพื่อนรัก เขาก็เชื่อสนิทใจ
เด็กสาวเดินกลับมา วางจานสองใบกับช้อนส้อมสองคู่ลงบนโต๊ะ เลื่อนไปตรงหน้าพี่รหัสชุดหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องครัวเอาขวดน้ำกับแก้วน้ำสองใบ ในขณะที่คนมาเยือนก็ทำหน้าที่เปิดถุงอาหารไว้รอ
เช่นเคยที่คนตัวเล็กจะเดินไปเอาเบาะรองนั่งจากเก้าอี้โต๊ะกินข้าวมาวางลงกับพื้น แล้วก็นั่งทับอีกที ได้ที่ก็ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จาต่อความใดๆ
ถ้าหมดนี่แล้วเขาจะกลับ งั้นเธอจะฟาดให้เรียบ
ในขณะที่คนตัวเล็กตักนั้นนี่เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาคู่คมก็เอาแต่ลอบมองคนแก้มป่องเคี้ยวข้าวตุ่ยๆ มองยังไงก็เหมือนหนูแฮมเตอร์ไม่มีผิด น่าฟัดเป็นบ้า!
อึก
ยิ่งมองนานๆลำคอหนาก็เกิดอาการแห้งเผือด เผลอกลืนน้ำลายหลายต่อหลายอึกตามลำคอน้อยที่กลืนอาหารลงคอ สายตากวาดมองไปทั่วใบหน้าเนียนละเอียดอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะมาหยุดที่...ริมฝีปากอิ่ม
จังหวะยามเจ้าตัวกัดน่องไก่ทอดแล้วมีความมันวาวติดที่ริมฝีปาก เคี้ยวขมุบขมิบไม่หยุดและมีบ้างที่ลิ้นน้อยๆจะแลบออกมากระหวัดเลียกลีบปากล่างตัวเอง บอกตามตรงว่าคนฝักใฝ่ในกามารมณ์ มันคิดดีไม่ได้เลยจริงๆ
“ไหนว่าหิว?” ความไม่เห็นว่ามือหนาหยิบของกินตรงหน้าเลย จึงเอ่ยถามโดยไม่ได้ช้อนสายตาขึ้นมอง
และเป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลายเพื่อข่มอารมณ์ทุกอย่างที่กำลังก่อเกิด ก่อนจะละสายตาไปสนใจของบนโต๊ะ
เย็นไว้ไอ้เสือ เย็นไว้นั่นน้อง!
เกือบสิบนาทีที่ของบนโต๊ะหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้
แต่เศษของผัก ทว่าคนที่บอกว่า ‘ถ้าหมดแล้วพี่จะกลับ’ ก็ยังนั่งเอนหลังตีพุงตัวเองอยู่ที่เดิม
ทั้งที่รู้ว่าเชื่อไม่ได้แต่เธอก็ยังจะนั่งกินกับเขา เอ่อเอาสิ!
ปันปันเอาจานของรุ่นพี่มาซ้อนกับจานของตัวเอง ส่วนพวกถุงอาหารต่างๆก็ใส่รวมๆกันเป็นถุงเดียว แต่ยังไม่ทันจะได้มัดปากถุงดี มือหนาก็มารวบไปถือ รวมทั้งจาน
“เธอไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ว่าจบคนเป็นพี่ก็ลุกขึ้น ถือของทั้งหมดไปตรงซิงค์ล้างจาน เห็นเขาทำหน้าที่พี่ชายที่ดีร่างเล็กก็เดินตามเขาไป
ไม่ใช่จะช่วย แค่มาเอาผ้าเปียกสำหรับเช็ดทำความสะอาดไปเช็ดโต๊ะที่เรากินกันเมื่อครู่เท่านั้น
อย่าได้มองว่าเป็นคนขยัน พอดีว่าห้องเธอมันไม่ได้กว้างขวาง อากาศก็ไม่ค่อยจะถ่ายเทอะไรมากมายเลยไม่อยากให้ในห้องมีกลิ่น แม้กระทั่งทำอาหารเจ้าในห้องยังไม่เอาด้วย ซื้อกินวนไปง่ายกว่า
เสร็จเรียบร้อยก็มานั่งที่โต๊ะทำงาน โดยคิดว่าหากใครอีกคนล้างจานเสร็จก็คงจะออกจากห้องไปเหมือนกัน เลยไม่ได้สนใจอะไรต่อ มานั่งเกลาสำนวนในสิ่งที่ตัวเองพึ่งเขียนค้างไว้
ใช่ เธอเป็นนักเขียนนิยายที่เขียนแนวประเภทอีโรติก โรมานซ์ แบบที่ต้องใช้สมาธิและพลังงานภายในแบบขั้นสุด
ปันปันเป็นคนจำพวกที่ชอบย้ำคิดย้ำทำมั้ง พอเห็นอะไรติดขัดก็จะปล่อยผ่านไม่ได้ ต้องกลับมาจดจ่อแก้ไขกับมัน ถึงจะสามารถเขียนตอนถัดไปได้ เพราะงั้นนิยายแต่ละเรื่องที่ออกสู่สายตาประชาชีจึงล่าช้า สามเดือนหนึ่งเรื่องก็ว่ากันไป
“แผ่นหลังบางลอยขึ้นจากที่นอน เมื่อถูกสอดสะ...”
พรึบ!
มือบางกดพับหน้าจอแมกบุ๊คลงอัตโนมัติ หลังจากได้ยินเสียงหนาอ่านประโยคอันหวาดเสียวที่เธอเป็นคน
บรรจงบรรยายเป็นตัวหนังสือ
หันไปส่งสายตาดุก็เห็นว่าพี่เขามายืนอยู่ด้านหลังโดยที่เธอเองก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด ว่ามายืนตั้งแต่เมื่อไหร่
“พี่วินจะกลับห้องไปเก็บมารายาทมาใช้กี่โมงคะเนี่ย”
“จะไปส่งว่างั้น?” กอดอกถามอย่างคนหน้ามึน ก่อนจะเอ่ยถามกลับที่แทบจะเหมือนช็อตฟิวกัน “ถามหาแต่มารยาทพี่ แล้ววันที่เธอเป็นถ้ำมอง แอบมองพี่ปี้กับสาว มารยาทตัวเองน่ะอยู่ไหน? แล้วจะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่อีก มารยาทเราไปไหนหมด?”
มีการจับหมุนเก้าอี้ ให้เด็กสาวหันหน้ามาเผชิญหน้ารับกับความอับอายอีกต่างหาก
คนถูกย้อนกลืนน้ำลงคอ พูดไม่ออก ไม่สิ! ที่จริงเรื่องที่เขาบอกว่าเธอเป็นถ้ำมองนั้น ต้องเล่าย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
วันนั้นพี่มาวินนั่นแหละที่มาลากเธอไปดูบอล แต่
อยู่ๆพ่อคุณก็หายไปไหนก็ไม่รู้ จนรุ่นพี่คนอื่นๆต้องให้เธอไปตาม แต่ที่ไหนได้เขาดันหนีไปโอโบ๊ะจามะกับสาวที่โรงยิมของคณะ เกือบเป็นตากุ้งยิงเข้าให้
แต่ถึงอย่างนั้นก็อธิบายกับเขาไปตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจจะแอบดู มันเป็นเพียงแค่ความบังเอิญที่โคตรจะโบ๊ะบ๊ะ และไม่ได้เห็นอะไรมากมายด้วย พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ถอยออกมา แต่ดันถูกจับได้เสียก่อนก็เท่านั้น
จะบ้าตาย! ผ่านมาแล้วเกือบสองอาทิตย์ เขายังติดใจ
ส่วนเรื่องเมื่อตอนกลางวันมันเป็นอุบัติเหตุ...หรือเปล่า? ก็เขาทำเสียงดัง เลยคิดว่าเป็นอะไร เธอไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย
สีหน้าคิดหนักของเด็กน้อยทำให้คนตัวโตยิ้มกรุ้มกริ่ม พยักหน้าหน่อยๆล้อเลียน ชอบใจที่ได้เห็นเธอพองแก้ม ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟากว้างอย่างสบายอารมณ์
คนบ้า!
คิ้วบางขมวดปมข้องใจ แต่ก็ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง หายใจแรงๆแล้วหันกลับมาเปิดหน้าจอแมกบุ๊ค แต่คล้ายว่าคนชอบแกล้งยังไม่อยากจะจบเท่าไหร่
“เขียนได้เห็นภาพแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเคยแล้วหรอกนะ?” เหมือนจะพูดลอยๆคนเดียว แต่เด็กน้อยได้ยินมันชัดเจนเพราะเรานั่งห่างกันไม่ถึงสิบก้าว ถอดหายใจไปหนึ่งทีก่อนจะหันไปตอบ
“พี่วินรู้จัก G****e ไหมคะ หรือรู้จักแต่ Pornhub?” มาวินหุบยิ้มให้กับประโยคยอกย้อนของคนตัวเล็ก เขาแค่ถามเล่นๆอยากเห็นน้องเสียอาการ ไม่ใช่กลายเป็นตัวเองที่ไปไม่ถูกเสียเอง แล้วประเด็นคือตอนถามเขานี่หน้าน้องมันนิ่งมาก
เด็กอะไรพูดเรื่องพอนฮับ พูดเรื่องใต้สะดือได้หน้า ตาเฉย?
ความจริงที่เธอเป็นนักเขียนนิยายและเขียนแนวอีโรติกนั่นเขารู้อยู่แล้ว ก็จะไม่รู้ได้ไง เมียไอ้อคิณมันอ่านอยู่ทุกวัน ชมตลอดว่าน้องน่ะเขียนดีจัด จนเขาทนไม่ไหวต้องขออ่านบ้าง ซึ่งก็เป็นตามที่เด็กนั่นว่าจริงๆ
อ่านทีไรเป็นขึ้นทุกที
เหอะ! ปันปันก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะตอบกลับมาแต่อย่างใด เพราะแค่มองหน้า ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะเลือกเข้าเว็บไหนมากกว่ากัน
เอาดีๆก็ไม่ต่างจากเธอหรอก วันไหนที่ต้องเขียนฉากอย่างว่าแต่ดันหัวตัน พอนฮับหรือเว็บอื่นๆก็ช่วยได้มากเลยทีเดียว
“แล้วนี่พี่วินจะกลับห้องตอนไหนคะ?” จะว่าไล่ก็ไล่แหละ อยากทำงานแบบที่ไม่มีอะไรมากวนใจ และการที่เขาเสนอตัวอยู่ที่นี่มันกำลังทำลายสมาธิอย่างที่สุด
“แอร์ห้องพี่เสีย ขอพี่ดูบอลก่อน แล้วจะกลับ”
ดวงตากลมกลอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายเข้าห้องมาแล้วจะรากงอกออกตูด จึงเลือกที่จะเลิกสนใจหมุนเก้าอี้กลับมานั่งจดจ่อกับงานตัวเองต่อ คิดว่าเขาดูจบแล้วก็คงจะกลับจริงๆ ทว่าไม่ถึงนาที
“พอนฮับจริงๆด้วย”
“หึ?” งงที่อยู่ๆเขาก็โพลงขึ้นมา จนกระทั่งคิดอะไรได้บางอย่าง จึงหันไปดูหน้าจอโทรทัศน์ หัวใจถึงกับตกวูบเมื่อเห็นภาพที่ค้างอยู่
คุณพระ! มันคือเว็บหนังผู้ใหญ่ ที่เธอเข้าค้างไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็จำไม่ได้
หลังจากผ่านค่ำคืนที่ราวกับสงครามใหญ่ เช้านี้ปันปันจึงตื่นมาด้วยอาการปวดเมื่อยและเกือบจะไม่ตื่นหากไม่มีนาฬิกาปลุกอย่างพี่มาวิน ที่ใช่ว่าจะปลุกกันดีๆ วิธีของเขาคือการเคลื่อนตัวลงไปใช้ปากหยอกเย้ากับทรวงอกและถ้าเธอไม่รู้สึกตัวก่อน คงมีไต่ลงเรื่อยๆไปถึง…เมื่อคืนก็เกือบเช้าเลยนะ เขาไม่เหนื่อยบ้างเลยเหรอ คนหื่น! คนบ้ากาม!“นี่ไม่ใช่ว่ากำลังนั่งด่าผัวในใจหรอกใช่ไหม?” แค่เห็นใบหน้าคิ้วขมวด คนที่พึ่งออกจากห้องน้ำก็เดาออกมาวินยืนพิงประตูโดยที่ร่างกายมีผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวผูกหมิ่นเหม่ตรงช่วงเอว ผมเปียกและมีหยดน้ำอยู่บนตัวชวนหวั่นใจแสนรู้เกินไปแล้วพี่วินปันปันคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา เปิดผ้าห่มแล้วก้าวลงจากเตียง คนสายตาสั้นสี่ร้อยมองไม่ค่อยชัดแต่ก็ใช้สัญชาตญาณของการมองเห็นเลือนรางเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่อยู่ตรงราว จะอาบน้ำต่อพี่หลังจากนอนบิดขี้เกียจเกือบสิบนาทีหมับ!ความที่หมั่นเขี้ยวอยู่แล้ว จังหวะที่ร่างเล็กเดินผ่านฝ่ามือหนาก็คว้าเอวบางเข้ามาแนบชิดแล้วประคองท้ายทอย ดูดคลึงกลีบปากสีอ่อนทั้งบนและล่างมอนิ้งคิส ผละออกได้มือน้อยก็รีบปิดปากตัวเองทันทีเพราะยังไม่ได้ล้างหน้าแปลงฟัน น่าอายมาก“พี
@ หัวใจมาวินรีสอร์ทรถจอดสนิทเจ้าของใบหน้าหล่อก็มองสำรวจหาความหวานบนดวงหน้าจิ้มลิ้ม ซึ่งก็กระจายอยู่ทุกตารางเมตรของใบหน้าละมุน มันตรึงใจแกร่งเอาไว้เสียอยู่หมัดจนถอดถอนไม่ได้แขนข้างที่น้องซบมันชาเล็กน้อยจากการค้างอยู่ท่าเดิมเป็นเวลาเกือบชั่วโมง จึงค่อยๆชักกลับแล้วใช้มืออีกข้างยื่นไปเกลี่ยผิวแก้มใสแผ่วเบา“น่ารักจังแหะ” ตั้งแต่ตอนไหนกันที่คนอย่างมาวิน เมธาวัฒนกิจ ได้กลายเป็นไอ้โรคจิตที่เอาแต่มองหน้าเมียแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียวเดาว่าคงเป็นตอนที่มีอันตรายแล้วเขาไม่คิดจะนึกถึงชีวิตของตัวเอง หากแต่นึกถึงคนตัวเล็กก่อนเป็นอันดับแรก ขอแค่เธอปลอดภัยแล้วเขาจะเป็นยังไงก็ช่างละมั้ง คงเป็นตอนนั้นการได้เห็นเด็กสาวอยู่ข้างกาย แม้จะยามหลับหรือยามตื่น แม้น้องจะนั่งจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมทำงานอยู่ในโลกของตัวเอง จะยังไงจะแบบไหนมันก็ยังดีกว่าการไม่ได้เห็นหน้ากันพอลองมองย้อนกลับไปถึงแรกเริ่มมาจนถึงวันนี้โคตรจะไม่ใช่เรื่องง่าย มันคือบทเรียนที่ราคาแพงที่สุดในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง บทเรียนเรื่องเวลาและบทเรียนเรื่องใช้ชีวิต ไม่มีอะไรง่ายเลยสักอย่าง“พี่วิน” ดวงตาคู่น้อยค่อยๆปรือขึ้นแต่ก็ยังไม่ขยับ“ถึงแล้วครับ” ย
ออกจากวัดก็บ่ายแก่แล้ว มาวินจึงพาคนตัวเล็กขับรถมายังร้านอาหารเจ้าประจำของครอบครัวที่อยู่ในตัวเมือง ระหว่างทางก็เริ่มเห็นผู้คนขนถังน้ำมารอต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ บางจุดก็เริ่มมีคนรอโบกรถสาดน้ำกันแล้วด้วยเดินเข้าซุ้มประตูที่เป็นหน้าจั่วก็จะเป็นลานกว้างๆที่ปูด้วยพรมสีอ่อน มีหมอนอิงกับเบาะนั่งเป็นตัวแบ่งสัดแบ่งส่วน ตรงด้านหน้าเป็นพื้นที่ว่างที่ยกสูงขึ้นมาหน่อยเป็นเวที บริเวณโดยรอบถูกตกแต่งด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ให้ความร่มรื้น“สวัสดีจ้าวน้องวิน” ญาดาเจ้าของร้านแต่งตัวด้วยชุดผ้าซิ้นพื้นเมืองเดินเข้ามาต้อนรับ ชายหนุ่มเจ้าของชื่อยกมือไหว้แล้วสวมกอด “บ่าปะกันเมิน หล่อขนาดน้องปี่” {ไม่เจอกันนาน หล่อมากน้องพี่} จับใบหน้าคมคายพลิกซ้ายทีขวาที ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนไอ้เด็กแสบที่ทะเลาะกับแม่ใหญ่แล้วชอบมากกอยู่ที่นี่“ของมันแน่อยู่แล้ว” มาวินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม พี่ญาดายังคงเป็นพี่สุดสวยที่เขารักและเคารพเหมือนเช่นวันวาน“แล้ว...”“อ่อ เธอขานี่พี่สาวพี่ ชื่อพี่ญาดา เป็นรุ่นพี่ของพี่” เห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองเมียเด็ก มือหยาบก็รีบคว้าตัวน้องมาโอบเอวคอด แนะนำให้ต่างฝ่ายต่างรู้จักกัน มือน้อยก็รีบประนมไหว
ช่วงบ่ายของวันถัดมา“คิดถึงแม่นะคะ” ปันปันพูดสายกับมารดาผ่านทางโทรศัพท์ คนเป็นพี่ที่กำลังขับรถเลี้ยวเข้าซอยก็อยากมีส่วนร่วม เอี่ยวตัวเข้ามาคุย“ผมก็คิดถึงแม่ยายนะครับ” ดวงหน้าเล็กหลุดยิ้ม ก่อนจะกดเปิดสปีกเกอร์โฟนให้คนตัวโตได้ยินด้วย(เธอมันน่าเป็น แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง? น้องดูแลดีหรือเปล่า?)คิ้วบางขยับเลื่อนเข้าหากันอัตโนมัติ นับวันคนเป็นแม่ยิ่งทำเหมือนพี่มาวินเป็นลูกชายตัวจริงเข้าไปแล้วทุกวัน เขาอยากได้อะไรมารดาก็จะตามใจตลอด ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนี้เห็นแม่ยายลูกเขยปรองดองกันได้มันก็ดีแต่บางทีลูกสาวแท้ๆก็น้อยใจเป็นนะมาวินเหลือบมองสีหน้าของคนตัวเล็กก็อมยิ้ม เอื้อมมือยีหัวน้อยเอ็นดู “น้องดูแลผมมากครับคุณแม่ยาย” น้ำเสียงแฝงความใน คนตัวเล็กก็หายใจไม่สะดวกดันเผลอนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนคนบ้า ที่ผ่านมาแกล้งเจ็บหรือเปล่าก็ไม่รู้(ดีแล้ว ถ้าน้องทำอะไรให้ไม่พอใจเธอรีบโทรมาบอกแม่เลยนะ)มีการออกคำสั่งอีกต่างหากจนปันปันอดไม่ได้ที่จะถอดหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เป็นที่น่าขบขันให้กับคนเป็นพี่ที่กำลังจอดรถตรงบริเวณหน้าวัดชื่อดัง โดยเจ้าถิ่นสุดหล่อเล่าว่าวัดนี่เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ใค
มาวินใช้จังหวะนั้นเปิดกระเป๋าเดินทาง เก็บเสื้อผ้าและข้าวของออกมาวางใส่ตู้ให้เข้าที่ ระหว่างนั้นพนักงานก็มาเก็บของที่พึ่งกินเสร็จ พอน้องออกมาเขาก็เข้าไปอาบต่อ ได้ยินน้องบอกว่าห้องน้ำสะอาดและสวยมากก็แอบปลื้มใจเพราะเขาคัดสรรเองกับมือห้องน้ำเป็นแบบเปิดโล่งสามารถมองเห็นดวงดาวยามค่ำคืนที่มืดครึ้ม พอตอนเช้าแสงแดดก็สาดส่องได้อาบน้ำท่ามกลางแสงของอาทิตย์ แน่นอนว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายของคุณนักเขียน“มาค่ะ ปันดูแผลให้” เห็นร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกางเกงนอนขายาวสีดำก็เตรียมกล่องเครื่องมือล้างแผลไว้รอ หมอเตือนว่าช่วงนี้แผลยังโดนน้ำไม่ได้เลยต้องติดแผ่นกันน้ำไว้ทุกครั้งที่อาบน้ำมาวินไม่รีรอ เดินมานั่งปลายเตียงขณะเช็ดหัวตัวเองไปด้วย ตามตัวยังคงมีหยดน้ำประปรายส่งให้ร่างกำยำประกายความน่ามอง ทำเอาดวงตาคู่น้อยไม่อาจละจากและเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะสะบัดหัวตัวเองแรงๆแล้วลงไปนั่งกับพื้นอยู่ระหว่างสองขาแกร่งมือน้อยบรรจงแกะแผ่นใสกันน้ำออกแล้วจัดการใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดบริเวณโดยรอบก่อน ทำตามลำดับขั้นตอนที่คุณหมอได้บอกเอาไว้ ทว่ากลิ่นกายจากตัวพี่ก็เล่นเอาจิตใจไม่สงบ ต้องกะพริบตาไล่ความ
2 อาทิตย์ผ่านไป5.30pmอ้น ชายหนุ่มวัยสิบเก้ายืนโบไม้โบกมือให้กับนายน้อยของตัวเองที่กำลังเดินออกจากประตูของสนามบิน โดยข้างกันนั้นคือหญิงสาววัยเดียวกันกับเขา เจ้าของใบหน้าเล็กระบายยิ้มอ่อนๆ ส่งมายิ่งทำให้เขาเกิดอาการหน้าแดง ปันปันยิ้มแล้วน่ารักขึ้นเป็นเท่าตัวมาวินหรี่ตาลงอย่างไม่ชอบใจ เมียใครใครก็หวง พอถึงตัวก็ผลักกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในมือให้ไหลไปหาคนที่เป็นเหมือนน้องชาย อีกฝ่ายจึงได้สติรีบยกมือไหว้แล้วยกกระเป๋าขึ้นหลังรถ“พอยิ้มเป็นก็เหมือนจะไม่เกรงใจผัวแล้ว” ติติงด้วยการบีบแก้มใส บางครั้งก็อยากจะให้กลับไปเป็นเด็กหน้านิ่งของเขาเหมือนเดิม“นั่นอ้นนะคะพี่วิน”“จะอ้นหรือจะพ่อแม่พี่ เธอก็ห้ามยิ้มหวาน” เป็นคำสั่งที่ทำเอาปวดขมับจนคิ้วบางขมวดปม มันจะทำแบบนั้นได้ไง แต่คนขี้หวงกลับไม่สน “ห้ามก็คือห้าม”จะยิ้มจะน้ำเสียง เขาก็หวงหมดปันปันถอดหายใจออกมาอย่างคนเหนื่อยจะพูด จะคิดเสียว่าพี่หน้าหวานเป็นเด็กชายมาวิน ถึงได้มีนิสัยติดหวงของ“กุญแจครับนายน้อย” พลางส่งกุญแจรถยนต์สี่ประตูให้ มาวินพยักหน้าพร้อมรับของที่ว่ามาถือ “แล้วนายน้อยจะเข้าบ้านวันใดครับ ผมจะได้บอกแม่ใหญ่” เพราะเห็นว่าหญิงสาวอยู่ด้วย