ซินเยว่มองไปที่โอ่งดินเผาขนาดใหญ่มีฝาปิด นางล้วงเอาขวดยาขนาดเล็กออกจากอกเสื้อเเล้วเปิดจุกเทเม็ดยาลูกกลอนลงในโอ่งดินเผา ยาเม็ดเมื่อโดนน้ำก็ละลายในทันที
"หึหึ นี่แค่ของฝากเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น"
ซินเยว่ล้วงเอาขวดยาอีกขวดออกมาเปิดจุกฝาออกมีกลิ่นหอมอ่อนโชยออกมาเบาๆ
"อันนี้สิของจริง ข้าอยากจะรู้นักถ้าพวกเจ้าไม่มีพลังปราณจะยังมีใครเกรงกลัวจวนแม่ทัพหยางของพวกเจ้าอีก ลองเป็นสวะสักหกเดือนดูดีหรือไม่พวกเจ้าจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของหยางซินเยว่"
ปากพูดพึมพำมือก็เทเม็ดยาลงน้ำ โอสถสลายปราณชั่วคราวที่ซินเยว่ทำเล่นๆ หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาถ้าหากสำนักแพทย์โอสถรู้ว่านี่เป็นเพียงยาที่นางหลอมขึ้นมาเล่นๆ พวกเขาคงจะอยากวิ่งเอาหัวชนเสาตายเเน่ๆ เพราะกว่าคนหนึ่งคนจะสามารถปรุงยาหรือหลอมโอสถขั้นแรกได้นั้นต้องใช้เวลานานนับปี แต่นั่นสำหรับคนที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะแต่สำหรับซินเยว่ที่ไม่รู้เรื่องนั้นนางย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว
หนังสือสมุนไพรและวิธีปรุงยาหลอมโอสถ เป็นสินเดิมที่เซวี่ยฟังเฟยนำติดตัวมาด้วยแต่นางไม่เคยสนใจเปิดอ่านจึงเก็บไว้ในหีบเช่นนั้นจนกระทั่งซินเยว่ไปเปิดเจอเข้า นางจึงหยิบมาอ่านฆ่าเวลาช่วงรักษาตัว มียาบางตัวที่ซินเยว่ลองปรุงขึ้นมาเช่น โอสถสลายปราณชั่วคราวและยาถ่ายชนิดรุนแรงแต่ไร้สีไร้กลิ่นไม่สามารถตรวจสอบได้
ซินเยว่กลับมาในยามในยามเฉิน (07.00-08.59) เมื่อเซวี่ยฟังเฟยและฮุ่ยหลิงเห็นนางกลับมาก็รีบลุกเข้ามาดูว่านางได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ซินเยว่ยื่นห่อผ้าชุดสำเร็จรูปที่ซื้อมาให้ฮุ่ยหลิงกับเซวี่ยฟังเฟยคนละสองชุดแล้วหยิบเอาซาลาเปาออกมาจากถุงย่ามยื่นให้เซวี่ยฟังเฟย
"ท่านแม่กับฮุ่ยหลิงทานซาลาเปานี่รองท้องไปก่อนนะเจ้าคะ"
เซวี่ยฟังเฟยมองสิ่งของที่อยู่ในมือตน
"แล้วลูกล่ะกินหรือยัง"
เซวี่ยฟังเฟยถามซินเยว่
"ข้าทานเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทานเถอะยังร้อนๆ เดียวข้าจะออกไปดูแถวนี้อีกเดี๋ยวข้ากลับมา"
"ลูกน่าจะนอนพักสักหน่อยนะเยว่เอ๋อ"
เซวี่ยฟังเฟยมองซินเยว่ด้วยสายตาเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะลูกอยากเดินดูแถวนี้เผื่อได้ของกินเดี๋ยวค่อยกลับมานอน"
พูดจบซินเยว่ก็เดินหายเข้าไปในป่า
"เยว่เอ๋อของเเม่เปลี่ยนไป มากจริงๆ"
นางพึมพำเบาๆ เซวี่ยฟังเฟยรู้สึกว่าบุตรสาวของนางเปลี่ยนไปจากที่เป็นคนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ใบหน้าเศร้าสร้อยอยู่ตลอดเวลาคิดสิ่งใดก็ไม่เคยพูดออกมา ตอนนี้เยว่เอ๋อร่าเริงช่างพูดกว่าแต่ก่อนแถมยังดูพึ่งพาได้อีกด้วย
"ฮูหยินบ่าวว่าเราไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดดีหรือไม่เมื่อถึงตอนนั้นคุณหนูอาจจะกลับมาแล้ว"
"อืม"
เซวี่ยฟังเฟยพยักหน้าตอบรับฮุ่ยหลิง
จวนแม่ทัพหยาง ปลายยามเฉิน (7.00-9.00) หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เจ้านายในจวนล้วนมีอาการท้องเสียแย่งกันวิ่งเข้าห้องปลดทุกข์ไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่ กลายเป็นเรื่องโจษจันไปทั่วเมืองหลวง เรื่องนี้คงเป็นเรื่องให้ผู้คนในเมืองหลวงพูดถึงไปพักใหญ่โดยที่ตัวการอย่างซินเยว่ไม่ได้รับรู้เลย อีกทั้งเรื่องที่คนในตระกูลหยางไม่สามารถใช้พลังปราณได้ถูกปิดเป็นความลับบ่าวคนใหนกล้าเเพร่งพรายออกไปจะถูกโบยจนตาย
ซินเยว่กลับมาที่ถ้ำพร้อมด้วยไก่ฟ้าขนม่วงสองตัวที่ถอนขนทำความสะอาดเรียบร้อยพร้อมกับกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำสะอาดไว้ดื่มสองกระบอก
ซินเยว่นั่งย่างไก่จนสุกแล้วเซวี่ยฟังเฟยกับฮุ่ยหลิงถึงเดินกลับมาจากน้ำตก ทั้งสองได้เปลี่ยนชุดเรียบร้อยเป็นชุดสีฟ้าและสีเขียวใบไผ่เนื้อผ้าธรรมดาแบบที่ชาวบ้านทั่วไปใส่กัน
"ท่านแม่นี่คือตั๋วเงินส่วนที่เหลือ"
ซินเยว่ยื่นตั๋วเงินสี่ร้อยตำลึงให้เซวี่ยฟังเฟย
"ลูกเอาเงินมาจากที่ไหนมากมายขนาดนี้เยว่เอ๋อ"
"เป็นเงินที่ข้ายืมมาจากสหายเก่าท่านแม่อย่าสนใจไปเลยเจ้าค่ะท่านเก็บเอาไว้เรายังต้องเดินทางอีกไกล"
เซวี่ยฟังเฟยยื่นมือรับตั๋วเงินอย่างระมัดระวังระวังแล้วพับเก็บไว้ในอกเสื้อ
"ไก่ย่างสุกแล้วท่านแม่ทานเพิ่มอีกสักหน่อยข้าขอตัวไปนอนสักงีบ ถึงยามเว่ย (13.00-14.59) ท่านแม่ช่วยปลุกข้าด้วยนะเจ้าคะ"
พูดจบซินเยว่ก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปทันที
เสียงสายลมหวีดหวิวดังแทรกเข้ามาในโสต ความรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณใบหน้าทำให้ซินเยว่ย่นหัวคิ้วเข้าหากัน
"ทำไมร้อนอย่างนี้เนี่ย"
นางพึมพำเบาๆ แต่ก็ยังไม่ได้ลืมตา รู้สึกเหมือนมีบางอย่างสัมผัสที่ใบหน้านางรำคาญจึงนอนตะแคงหันหลังให้สิ่งนั้น ซินเยว่รู้สึกว่าใบหูของนางเปียกชื้นทำให้นางค่อยๆ ลืมตาลุกขึ้นนั่ง
เพราะความเจิดจ้าของแสงไม่อาจทำให้นางลืมตาได้เต็มที่จึงต้องยกมือขึ้นบังแสงนั้นเพื่อปรับสายตา เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัวชัดเจนนั่นยิ่งทำให้ซินเยว่รู้สึกงงงัน
นางหันซ้ายหันขวาเมื่อรู้ว่าว่าตนไม่ได้นอนอยู่ในถ้ำจึงเกิดความรู้กังวลขึ้นมาในใจเพราะกลัวว่าเซวี่ยฟังเฟยและฮุ่ยหลิงจะได้รับอันตราย
"ท่านแม่!!! ฮุ่ยหลิง!!!! พวกท่านอยู่ไหน"
ซินเยว่ป้องปากตะโกนหาทั้งสองด้วยความร้อนใจ
ความรู้สึกหยุ่นๆ ดันที่ปลายเท้าทำให้ซินเยว่ก้มลงมองด้านล่างปรากฏว่ามีก้อนขนสีดำ เล็กเท่ากำปั้นเด็กกำลังดุนดันอยู่ที่ปลายเท้าของนาง
"ตัวอะไรเนี่ย"
ซินเยว่ใช้เท้าเขี่ยๆ ดู
“ท่านแม่”
ซินเยว่หันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาต้นตอของเสียง
“ท่านแม่”
เสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้เสียงนั้นดังขึ้นในหัวของนาง ใช่มันดังในหัวของซินเยว่
"เจ้า......"
"เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่"
ซินเยว่ก้มลงจับเจ้าก้อนขนด้วยมือเดียวโดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบมันขึ้นมาดูเพื่อสำรวจ เจ้าก้อนขนสีดำส่งเสียง จิ๊ๆ จ๊ะๆ ใส่นางมันยื่นอุ้งเท้าทั้งสี่ข้างขึ้นกอบกุมมือของซินเยว่ใช้หัวน้อยๆ ถูไถนิ้วมือเรียว
ซินเยว่ยอมรับว่านางไม่ค่อยชอบสัตว์เล็กๆ สักเท่าไหร่แต่ทว่านี่ก็ยากจะทำเมินเฉยต่อความน่ารักของเจ้าตัวนี้ได้ นางหัวเราะแล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ
"ช่างขี้อ้อนเสียจริง"
ซินเยว่วางเจ้าตัวน้อยลงแล้วมองสำรวจไปรอบๆ อีกครั้งอย่างระวัง
"ที่นี่แห้งแล้งจริงๆ ร้อนมากๆ ด้วย"
ตอนนี้นางรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจลักษณะภูมิประเทศเช่นนี้ไม่ใกล้เคียงกับถ้ำในป่าที่นางอยู่ก่อนหน้านี้เลยสักนิด ซินยว่ถูกเจ้าก้อนขนตัวน้อยใช้อุ้งเท้าหน้าดึงปลายชุดเบาๆ นางจึงก้มลงมองมัน
"อะไรหรือเจ้าตัวน้อย เหตุใดดึงชุดของข้าเช่นนี่”
ซินเยว่มองท่าทางของมันด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าอยากให้ข้าตามเจ้าไปหรือ"
เจ้าก้อนขนพยักหน้าแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะวาดอุ้งเท้าไปมา
"ไปไหนหรือ"
เจ้าก้อนขนออกวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว แต่มันยังหันหลังกลับมามองซินเยว่แล้วส่งสายตาว่าให้รีบตามมา
"รอข้าด้วย"
ซินเยว่วิ่งตามมันไป
“ตัวก็เล็กแค่นี้ทำไมวิ่งเร็วนักนะ”
ราวหนึ่งเค่อ (15นาที) ซินเยว่และเจ้าก้อนขนก็มายืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งจะเรียกว่าบ้านก็ไม่ถูกซะทีเดียวน่าจะเรียกว่ากระท่อมซะมากกว่า
“เสี่ยวเป่าเจ้าต้องช่วยข้า”เสี่ยวเป่าเหมือนจะรู้ว่าเสี่ยวหงต้องการจะทำอะไร มันกระโดดไปที่นางแล้วคายแก่นพลังของมันวางไว้บนมือของเสี่ยวหง ซินเยว่ที่กำลังโรมรันอยู่กับไป๋ซวี่เฟิงไม่ทันเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำ‘ฝากเจ้าดูแลนางด้วยนะแล้วอย่าลืมไปตามหาข้าเล่า’เสี่ยวหงพูดกับเสี่ยวเป่าที่ตัวหดเล็กลงกลายเป็นก้อนขนอีกครั้ง เสี่ยวหงใช้แก่นพลังของนางและเสี่ยวเป่าที่บำเพ็ญมายาวนานเพื่อผนึกร่างของไป๋ซวี่เฟิงเอาไว้จากนั้นนางระเบิดแก่นพลังของตนเพื่อทำลายดวงจิตของเขาก่อนที่นางจะหายไป เสี่ยวหงส่งกระแสจิตมาที่ซินเยว่‘แม้ว่าข้าจะตายไปแล้วเกิดใหม่อยู่ที่ใดข้าและเจ้าจะยังคงผูกพัน ในชาตินี้ข้าตายไปก่อนเมื่อถึงเวลาจุติอีกครั้งหวังว่าเจ้าจะตาหาข้าจนพบ’น้ำตาหยดสุดท้ายหลั่งออกมาจากดวงตาหงส์คู่งามของเสี่ยวหง ไป๋เยี่ยนหลงดึงร่างของซินเยว่ให้ออกห่างจากรัศมีแรงระเบิด ไป๋ซวี่เฟิงดินรนเพื่อให้หลุดจากการผนึกของเสี่ยวหงแต่เพราะมีแก่นพลังของเสี่ยวเป่าด้วยเขาจึงต้องสลายหายไปพร้อมกับนางท้องฟ้าที่เคยเเดงฉานกำลังมีฝนตกลงมาเหมือนท้องว่ากำลังหลั่งน้ำตาให้กับเสี่ยงหง ซินเยว่ร้องเรียกหาเสี่ยวหงทั้งน้ำตา เสียงร้องไห้ของนางดั
ชายชุดดำนับร้อยค่อยๆ เปิดเผยตัวแต่ละคนมีพลังขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปทั้งนั้น ไป๋เยี่ยนหลงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเหมือนกับเขามิได้หวันเกรงให้กับคนของไป่ซวี่เฟิงเลยสักนิดด้านซินเยว่ยังคงหลับไม่ตื่นวนเวียนอยู่ในภาพฝันที่นางได้อยู่ร่วมกับคนตระกูลหยางอีกครั้ง นางรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับพวกเขาแต่ความรู้สึกลึกๆ เหมือนกำลังโหยหาบางสิ่งแต่นางไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร นางนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในศาลาใกล้สระบัวท่าทางของนางเหงาหงอยเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่ง“หลานรักปู่มีของที่ต้องการมอบให้เจ้า”ท่านปู่ของนางเดินเข้ามาในศาลา ซินเยว่หันมาสนใจ หยางตงฉวนท่านปู่ของนาง“นี่คือสิ่งที่จำกัดพลังของเจ้าเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องได้ใช้มันแน่”เขาได้มอบป้ายหยกรูปหงส์ให้นางถึงเวลาที่หลานจะต้องไปแล้ว อย่าลืมว่าพวกเราตระกูลหยางทุกคนอยู่ข้างหลานตลอดเวลาไม่เคยไปไหน”ซินเยว่พยักหน้า ครอบครัวของนางมายืนรอส่งนางที่หน้าประตูจวนทุกคนโบกมือให้นางทั้งยังอวยพรให้ซินเยว่ได้พบกับเขาผู้นั้น นางไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นหมายถึงอะไร ก่อนที่ซินเยว่จะฟื้นกลับมาร่างของนางเปล่งแสงสีแดงเปลวเพลิงค่อยก่อตัวเป็นรูปร่างเหมือนไข่
ซินเยว่นั่งมองภาพของการต่อสู้ของตระกูลหยางจนจบ นางค่อยๆ ออกเดินไปท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจนกระทั่งถึงหน้าประตูจวนของตระกูลเจียว ซินเยว่สะบัดมือหนึ่งครั้งประตูบานใหญ่สองบานแตกกระจุยไม่เหลือชินดี“เจียวเมิ่งออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าหยางซินเยว่จะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปแม้แต่คนเดียว”ซินเยว่ยืนถือกริชอยู่ท่ามกลางสายฝนดวงตาของนางแดงก่ำไปด้วยความคั่งแค้น พลังของนางทำให้องครักษ์ที่เฝ้าประตูต้องถอยห่างเพราะแรงกดดันและความร้อนที่แผ่ออกมา เสี่ยวเป่าในร่างสัตว์อยู่ตัวยักษ์คำรามเสียงดังก้องฟ้า องครักษ์ขั้นเจี๋ยตันถึงกับกระอักเลือดออกมาองครักษ์ของตระกูลเจียวออกมาล้อมซินเยว่เอาไว้ ทุกคนล้วนระดับขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปแต่สายตาของนางไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เจียวมิ่งเดินออกมาพร้อมองครักษ์ที่คอยกางร่มให้เขามองมาที่ซินเยว่ด้วยความสงสัยตอนนี้ใบหน้าของนางได้ถูตี้ซางพรางเอาไว้ทำให้มองเห็นเป็นผู้อื่น“แม่นางน้อยเจ้าบุกมาทำลายประตูจวนตระกูลเจียวเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยหรือซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา“เจ้าเฒ่าสารพัดพิษ”นางสบถด่าเจียวเมิ่งออกไปอย่างสะใจ“นา
“ทะ... ท่านจ้าวผู้ครองนครได้โปรด....”ลี่ผิงยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยคร่างของนางก็กระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง นางพยายามพยุงร่างที่บอบช้ำของตนหมอบคลานมาเบื้องหน้าของไป๋เยี่ยนหลง ลี่ผิงเห็นสายตาที่แสนอำมหิตของเขานางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ“โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”ไป๋เยี่ยนหลงไม่สนใจลี่ผิงอีกต่อไป เขาอยากรีบกลับไปอยู่กับสตรีแสนซุกซนที่เอาแต่บ่นทำปากขมุบขมิบน่ารักอยู่ด้านในแล้ว“ทำลายตันเถียนส่งไปส่วนลึกของหุบเขาทมิฬ”สิ้นคำของไป่เยี่ยนหลงลี่ผิงก็กรีดร้องขอความเมตตาแต่คนของไป๋เยี่ยนหลงก็เข้ามาลากนางออกไปจากตรงนั้น เยี่ยจื่อส่ายหน้าด้วยความจนใจพลางมองร่างของลี่ผิงที่กำลังถูกลากออกไป แค่ถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาทมิฬโอกาสรอดของนางก็แทบไม่มีแล้ว นี่นายท่านยังให้ทำลายตันเถียนของนางอีกชีวิตนี้ของลี่ผิงไม่มีทางรอดกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อจัดการตัวต้นเรื่องเสร็จแล้วจากนั้นไป่เยี่ยนหลงก็หันมาจัดการคนที่มาจากแผ่นดินชิวหลิง“ทำลายตันเถียนแล้วส่งกลับไปที่แคว้นฉิง ป่าวประกาศการกระทำของพวกเขาให้คนแผ่นดินชิวหลิงได้รู้ให้ทั่ว”สิ้นคำไป่เยี่ยนหลงก็ลุกออกไปจากท้องพระโรงทันที ที่ไป๋เยี่ยนหล
ฉิงอิงหลางดันเจ้ามังกรตัวโตหัวมันเยิ้มไปด้วยน้ำหวานของสตรีใต้ร่างเขาทีเดียวจนสุดลำ เสียงของนางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฉิงอิงกลางทนไม่ไหวอีกต่อไปเขาไม่มีเวลามาปลอบโยนนางเพราะเขาต้องทำให้นางเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์เสียก่อน องค์ชายสามแห่งแคว้นฉิงกระแทกเอวสอบเข้าใส่สตรีใต้ล่างอย่างไม่ยั้งผ่านไปเพียงไม่นานเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของนางก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญครางอย่างเสียวซ่าน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพับพับตลอดเวลา ชายหญิงในห้องร้องครวญครางประสานกันดังแว่วออกมาด้วยความเสน่หารัญจวนอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยินก่อนหน้าที่ฉิงอิงหลางจะมาถึงบ้านร้างนอกเมือง เงาสองร่างยืนตระกองกอดกันอยู่บนต้นไม้เหมือนเฝ้ารอใครบางคน และเพียงไม่นานฉิงอิงหลางที่อยู่ในชุดดำก็อุ้มร่างของสตรีหายเข้าไปในบ้านร้างจากนั้นเสียงครวญครางอย่างรัญจวนของทั้งสองก็ดังแว่วมาอย่างไม่ขาดสาย สตรีที่ยืนอยู่บนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงน่ารังเกียจของชายหญิงในบ้านร้าง ใบหน้างามของนางก็แดงซ่านลามไปถึงลำคอ ไป๋เยี่ยนหลงมองสตรีอันเป็นที่รักในอ้อมแขนด้วยสายตาเอ็นดู"ช่างน่าตายยิ่งนัก"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นมาก็คือซินเยว่ตัวจริงที่อยู่ในร่างของไซซีย
ชายชุดดำอีกคนเอ่ยขึ้นเขาก้าวเข้าหาซินเยว่เพียงก้าวเดียวก็ถึงตัวของนางได้อย่างง่ายดาย ชายชุดดำใช้สันมือฟาดไปที่ต้นคอของซินเยว่อย่างไม่ออมมือนางสลบไปทันที แต่ก่อนที่ชายชุดดำทั้งสองจะทันได้เคลื่อนย้ายร่างของซินเยว่ที่สลบไม่ได้สติออกไปจากห้องนั้น ชายชุดดำผ้าปิดหน้าห้าคนกระโดดออกมาขวางเอาไว้ ผู้มาทีหลังไม่รั้งรอให้ชายชุดดำทั้งสองได้ตั้งตัวพวกเขาฟาดพลังปราณใส่ชายชุดดำทั้งสองทันทีชายชุดดำทั้งสองกระโดดหลบพลังที่ผู้มาทีหลังซัดมาที่พวกเขาได้อย่างหวุดหวิดแล้วภายในห้องก็เกิดการต่อสู้ขึ้น ชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนหน้าไม่มีโอกาสที่จะพาร่างของซินเยว่ออกไปจากห้องนั้น เพราะมัวแต่พัวพันอยู่กับการต่อสู้กับชายชุดดำที่มาทีหลังคนหนึ่งได้โอกาสจึงอุ้มร่างของซินเยว่แล้วกระโดดหายออกไปจากตรงนั้นทันที"พวกเจ้าเป็นใครเหตุใดจึงมาขัดขวางภารกิจของข้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร"ชายชุดดำที่เหลืออยู่อีกสี่คนไม่มีใครตอบคำถามชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนเมื่อพวกเขาเห็นสหายอุ้มร่างของซินเยว่ออกไปแล้วพวกเขาทั้งสี่ก็แยกตัวกันหนีออกไปจากห้องนั้นทันทีชายชุดดำที่มาก่อนเมื่อเห็นว่าตนถูกชิงตัวเป้าหมายไปแล้วก็คิดจะติดตามไปเ