ลมพัดบางเบาเรื่อยเฉื่อยหอบเอากลิ่นดินกลิ่นหญ้าพัดโชยมาเข้าจมูกนำพาให้สดชื่นยิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ซินเยว่ออกจากจวนแม่ทัพหยางในตอนกลางวัน นางทำท่าสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพราะรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งเป็นอย่างมาก
"ท่านแม่ท่านหิวหรือไม่อดทนอีกนิดนะเจ้าคะ"
ซินเยว่ถามเซวี่ยฟังเฟยด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรแค่นี้แม่ทนได้ แล้วเจ้าทั้งสองคนเล่าหิวหรือไม่"
เซวี่ยฟังเฟยถามซินเยว่และฮุ่ยหลิง ทั้งสองคนส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกัน หลังจากที่ออกมาจากจวนตระกูลหยางได้สักพัก ตลอดทางที่พวกนางเดินมาเซวี่ยฟังเฟยเอาแต่เงียบอยู่อย่างนั้นซินเยว่ห่วงความรู้สึกของมารดาของนางอยู่ไม่น้อยที่นางต้องหย่าขาดกับสามีที่อยู่กันมาสิบกว่าปี
ตอนนี้ทั้งสามคนเดินออกจากเส้นทางสายหลักมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าด้านนอกที่ติดกับภูเขาไม่ห่างจากเมืองหลวงเท่าใดนัก
"ท่านแม่ข้าว่าเราหาที่พักแถวนี้ไปก่อนดีหรือไม่หากว่าเราเข้าป่าไปลึกมากกว่านี้อาจเจอกับอันตรายจากสัตว์อสูรได้นะเจ้าคะ
เซวี่ยฟังเฟยมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังเมื่อซินเยว่พูดถึงสัตว์อสูร
"ได้ๆ เยว่เอ๋อว่าดีแม่ก็ว่าดี"
เดินเข้าป่ามาได้สักพักก็เจอเข้ากับลานหินที่ด้านหน้าเป็นน้ำตกเล็กๆ ซินเยว่จึงตัดสินใจพักที่นี่คืนนี้นางหันไปบอกมารดา
"ท่านแม่วันนี้เราพักที่ริมน้ำตกนี่กันไปก่อนที่นี่สวยมากเลยทีเดียว"
ซินเยว่รู้สึกชอบที่นี่แต่อยู่ใกล้เมืองหลวงเกินไปอาจไม่ปลอดภัยสำหรับพวกนางนัก ซินเยว่มองมารดาที่ดูสดชื่นขึ้นมามากกว่าเดิมเล็กน้อย
"ท่านแม่ท่านมีพลังปราณขั้นไหนเจ้าคะ
เซวี่ยฟังเฟยแบมือจากนั้นมีแสงสีส้มปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือของนาง คนที่แผ่นดิน'ชิงหลิว'นี้ถ้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ขุนนางในราชสำนัก หรือตระกูลใหญ่ ก็ยากนักที่จะสามารถพัฒนาพลังปราณให้เลื่อนระดับขั้นไปมากกว่าสีแดงเพราะคนธรรมดาไม่มีเงินและทรัพยากรในการซื้อหายาลูกกลอนเพิ่มพลังปราณ ยาลูกกลอนเพิ่มพลังปราณหนึ่งเม็ดราคาหลายพันตำลึง ยิ่งพลังปราณสูงมากเท่าใดการเลือนระดับยิ่งเป็นไปได้ยากเท่านั้น
นักปรุงโอสถที่จะสามารถปรุงยาลูกกลอนเพิ่มพลังปราณออกมาให้ความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนในแผ่นดินนี้ยังไม่เคยมีใครพบ มีเพียงคนของสำนักแพทย์โอสถเท่านั้นที่สามารถปรุงยาออกมาได้ดี แต่ความบริสุทธิ์นั้นมีเพียงหกส่วนเท่านั้น และนักปรุงโอสถที่อยู่ในแผ่นดินชิวหลิงส่วนมากเป็นคนของสำนักแพทย์ที่ไม่ขึ้นตรงกับแคว้นใด
พวกเขาเป็นขุมกำลังที่มีอำนาจแม้กระทั่งฮ่องเต้ยังต้องให้ความเกรงใจถึงเจ็ดส่วน ใครที่สามารถเข้าสำนักแพทย์โอสถได้จะถูกยกย่องว่าเป็นผู้มีความสามารถ ในแต่ละแคว้นจึงต้องส่งคนเข้าไปสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสำนักแพทย์โอสถเพื่อผลประโยชน์ของแคว้นตน
"บรรยากาศที่นี่ดียิ่งนักเจ้าค่ะ"
ฮุ่ยหลิงนั่งเเช่เท้าที่ริมลำธารห่างจากน้ำตกเล็กน้อยเอ่ยขึ้น ซินเยว่ยิ้มให้กับท่าทางมีความสุขของนาง หลังจากสำรวจบริเวณรอบๆ น้ำตกนางได้เซียงเจียวสุก (กล้วย) และผิงกั่วป่า (แอปเปิล) มาสามสี่ลูก
"ท่านแม่ข้าว่าจะพักที่นี่สามสี่วันแล้วค่อยออกเดินท่างท่านคิดเห็นอย่างไร"
ซินเยว่ปรึกษามารดาเพื่อวางแผนการเดินทางต่อไป
"ได้สิแต่แม่ว่าเราควรมีที่พักที่ดีกว่านี้แม่กลัวว่าบริเวณนี้จะไม่ปลอดภัยจากสัตว์อสูร"
เซวี่ยฟังเฟยออกความเห็น
"เจ้าค่ะลูกก็คิดเช่นนั้น ตอนที่ลูกออกสำรวจรอบๆ บริเวณนี้ได้เจอถ้ำไม่ไกลจากที่นี่ แต่น่าแปลกมากที่ตอนแรกเรากลับมองไม่เห็น "
ซินเยว่นำทางคนทั้งสองให้ตามไปดูถ้ำที่นางเจอ หลังจากสำรวจถ้ำแล้วไม่เจอสัตว์ป่ามีพิษ พวกนางจึงตัดสินใจว่าจะพักที่นี่คืนนี้ ฮุ่ยหลิงเก็บฟืนไม้แห้งมาให้พอสำหรับก่อไฟ เพื่อบรรเทาความหนาวและไล่สัตว์มีพิษออกไป นางแบ่งกองไฟออกเป็นสามกองด้านหน้าถ้ำเผื่อว่าจะมีสัตว์อสูรผ่านมาแม้มันจะช่วยได้ไม่มากนักก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถให้ความสว่างแก่พวกนางในยามค่ำคืน
ชายชุดน้ำเงินได้รับคำสั่งให้ตามซินเยว่ไปจนถึงจวนแม่ทัพหยาง เขาซุ่มดูอยู่สักพักจึงกลับมารายงานนายของตน
"นางเป็นคนของจวนแม่ทัพหยางขอรับนายท่าน"
บุรุษผมสีเงินยวงคิ้วหนาโก่งได้รูป ดวงตาสีเขียวอมฟ้าดูเย็นชา ขนตาหนาเป็นแพงอนงามจนอิสตรีเมื่อได้เห็นยังนึกอิจฉา ใบหน้าขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาเสียยิ่งกว่าหยกเนื้อดี จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางแดงระเรื่อ องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าช่างลงตัว สันกรามที่เด่นชัดรับกับลำคอระหงยิ่งขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลาจนคนธรรมดาไม่สามารถแตะต้องได้
ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาที่ทำให้คนมองชวนตะลึง อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าราวกับสวรรค์สรรค์สร้าง ดูเฉยชาแต่ไม่สูญเสียความงดงามรูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้างเหยียดตั้งตรงดั่งไม้บรรทัด ดูแข็งแกร่งดังหินผาที่ไม่มีวันสั่นคลอน เอวสอบรับกับขาแข็งแรงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาดูมีอำนาจและสูงส่งปานเทพเซียน
บุรุษผู้มีรูปลักษณ์เป็นหนึ่งในใต้หล้านี้ เลิกคิ้วเล็กน้อยขยับปากเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
"เท่านี้" "เอ่อ!!...."
เหตุใดนายท่านถึงได้สนใจหญิงอัปลักษณ์ที่ไม่มีแม้แต่พลังปราณซ้ำยังทำตัวเป็นตีนแมวเช่นนางด้วยนะ จวนแม่ทัพหยางยากจนถึงเพียงนั้นหรือนางถึงได้ออกมาขโมยของในโรงเตี๊ยมเช่นนี้
ชายชุดน้ำเงินอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง โดยลืมไปว่านายของเขากำลังนั่งรอฟังอยู่ตรงหน้า บุรุษผมสีเงินแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบกดข่ม บุรุษชุดสีน้ำเงินกระอักเลือดออกมาคำโตเพราะไม่สามารถทนแรงกดดันของพลังมหาศาลที่ไม่สามารถวัดค่าได้ของเขา แม้พลังของบุรุษชุดสีน้ำเงินจะอยู่ขั้นหยวนหยิงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่านแล้ว เหมือนเขาเป็นเพียงมดปลวกที่ไร้ค่าเท่านั้น
"เยี่ยจื่อลงโทษตัวเองซะ"
บุรุษผมสีเงินไม่แม้แต่จะเหลือบตามององครักษ์ข้างกายคำสั่งของเขาถือเป็นที่สุด เมื่อทำงานไม่ได้ดั่งที่เขาต้องการก็ย่อมต้องรับโทษนี่เป็นกฎที่มีมาช้านาน
"ขอรับ ขอบคุณนายท่านที่เมตตา"
เยี่ยจื่อคุกเข่าลงข้างหนึ่งยกกำปั้นขวาขึ้นแนบอกซ้ายทำท่าคารวะแล้วหายวับไป
"เยี่ยเฉิง"
สิ้นเสียงเขาบุรุษชุดสีดำใบหน้าเย็นชาผิวขาวราวหิมะสูงใหญ่ไม่แพ้เยี่ยจื่อคุกเข่าลงตรงหน้าชายผมสีเงิน
"ไปสืบมา"
เขาเพียงพยักหน้าแล้วหายตัวไปทันที
เยี่ยจื่อและเยี่เฉิงเป็นองครักษ์คนสนิทที่อยู่ข้างกายเขามานาน แต่เยี่ยจื่อกลับไม่เคยทำงานได้เรียบร้อยเช่นเยี่ยเฉิงสักครั้ง เขาถูกนายท่านลงโทษบ่อยที่สุดแต่เขาก็ยังคงได้อยู่ข้างกายนายท่านเหมือนเดิม นั่นเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับองครักษ์เงาอีกหลายคน
ยามห้าย (21.00-22.59) ซินเยว่ออกจากถ้ำมาคนเดียวอย่างเงียบๆ นางเดินลัดเลาะไปด้านหลังจวนแม่ทัพหยาง ขุดเอาย่ามที่ฝังดินไว้แล้วลอดเข้าไปตรงรอยแตกที่กำแพงหลังเรือนท้ายจวน
ซินเยว่หยุดดูอยู่หลังพุ่มไม้สักพัก ไม่เห็นองครักษ์เดินตรวจตราจึงลอบเข้าไปในครัวใหญ่ ห้องครัวมีเพียงตะเกียงจุดไว้เพียงหนึ่งดวง ห้องฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องที่มีเอาไว้สำหรับบ่าวที่นอนเฝ้าห้องครัว
เห็นเขามองหน้านางอยู่นานแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักที"เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการหรือไม่เขาถามซินเยว่เบาๆ นางส่ายหน้าไปมาทำสีหน้าเบื่อหน่าย"ท่านลากข้ามาจากบ้านเพื่อที่จะมาดูอะไรที่น่าเบื่อแบบนี้เนี่ยนะ ช่างเสียเวลาของข้าซะจริงท่านจะรับผิดชอบอย่างไร"ซินเยว่ทำหน้างอง้ำ พานางมาทั้งที่นางไม่เต็มใจแถมยังต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด"ข้าคิดว่ามีบางสิ่งที่เจ้าต้องการ"หลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลงพูดจบด้านล่างก็บังเกิดเสียงฮือฮาของผู้คนดังขึ้น"เกิดอะไรขึ้นหรือ"ซินเยว่หันไปให้ความสนใจด้านล่าง ผู้ดูแลหอประมูลจันทราที่ก่อนหน้านี้เข้ามาทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงยืนอยู่กลางลานเวทีประมูลด้านข้างมีสาวงามชุดสีแดง ยืนถือถาดสีทองตรงกลางมีกล่องกำมะหยี่สีดำวางอยู่"สิ่งนี้คือของประมูลชิ้นสุดท้ายของวันนี้ บางท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าของที่อยู่ในกล่องนี้คือสิ่งใด"ผู้ดูแลกล่าวเสียงดังชัดเจน เขารับกล่องกำมะหยี่จากสาวงามมาวางไว้บนเเท่นศิลาสีดำกลางลานประมูล"สิ่งนี้ก็คือโอสถเพิ่มพลังปราณความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วน ซึ่งยังไม่มีผู้ใดเคยมีในครอบครองมาก่อน ผู้ที่กินโอสถนี้เข้าไปสามารถเลื่อนระดับพลังได้ถึงสามขั้นย่อยหนึ่งขั้นให
ตอนนี้ซินเยว่เขินจนต้องมุดหน้าหลบที่ซอกคอของไป๋เยี่ยนหลงนางตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความตกใจระคนขัดเขิน ถึงแม้นางจะเคยเกิดมาแล้วสองรอบแต่นี่เป็นจูบแรกของนางเลยนะ จูบแรกของนาง ใบหน้าเล็กแดงก่ำทำปากบ่นขมุบขมิบคนเดียวหลังจากที่ซินเยว่ได้สติคืนมานางไม่กล้าดื้อที่จะลงจากตักของไป๋เยี่ยนหลงอีกนางกลัวว่าจะถูกเขาทำโทษอีกครั้ง ซินเยว่ได้แต่บ่นในใจเจ้าคนหน้าหนาทำโทษอะไรกันเอาเปรียบนางชัดๆ คอยดูเถอะนางจะวางยาถ่ายในอาหารของเขาซินเยว่ได้เเต่บ่นในใจคนเดียวไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำกลัวเขาจะเอาคืนมากกว่าเดิม รถม้าออกจากเรือนของซินเยว่วิ่งตามถนนผ่านหมู่บ้านต้งเถียนไปอย่างช้าๆ หม่าชิวหนิงมองตามจนลับสายตาจากนั้นจึงหันมาพูดกับหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี"รถม้านั่นวิ่งมาจากบ้านของหญิงหม้ายแซ่เซวี่ยนี่นา........ หญิงเเพศยาไม่มีสามีแต่กลับพาบุรุษเข้ามาอยู่ในบ้าน"หม่าชิวหนิงบิดปากพูดออกไปด้วยความริศยา หวังให้หญิงวัยกลางคนเห็นด้วยกับตน ตั้งแต่ได้ยินชาวบ้านเล่าลือว่ามีหญิงหม้ายใบหน้างดงามมาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาว นางก็บังเกิดความรู้สึกเกลียดชังทั้งๆ ที่นางไม่เคยพบหน้าเซวี่ยฟังเฟยเลยสักครั้ง ยิ่งมีคนเล
ซินเยว่พูดไม่ออกนางได้แต่ยกมือขึ้นโบกไปมาพลางพยักหน้า"เยี่ยนหลง"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาเเต่ชัดเจนในโสตของเขา ซินเยว่เงยหน้าขึ้นสบสายตาที่กำลังมองมาที่นาง ใบหน้าของไป๋เยี่ยนหลงยังคงเรียบเฉยเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมีเพียงใบหูเท่านั้นที่เเดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ซินเยว่สังเกตเห็นมันได้นี่เขาอายหรือ ซินเยว่รู้สึกประหลาดใจเพียงแค่นางเอ่ยชื่อเขาเนี่ยนะ ซินเยว่มองหน้าไป๋เยี่ยนหลงตาปริบๆ ตอนนี้นางทำตัวไม่ถูกแล้วเสี่ยวเป่าที่เล่นดินอยู่ที่พื้นนอนกลิ้งไปมาส่งเสียง จิ๊ จ๊ะ คล้ายไม่พอใจที่พวกเขาไม่สนใจมัน"นายท่าน"เยี่ยเฉิงเดินเข้ามาคุกเข่ายกกำปั้นขวาขึ้นแนบอกด้านซ้ายทำท่าคารวะ เขาโบกมือหนึ่งทีให้เยี่ยเฉิงลุกขึ้น ซินเยว่เห็นว่าเยี่ยเฉิงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับไป๋เยี่ยนหลงนางจึงอุ้มเสี่ยวเป่าเดินมาหามารดาที่นั่งคุยกับซ่งเว่ยหลงที่ระเบียงหน้าบ้าน คล้อยหลังซินเยว่เยี่ยเฉิงกางม่านพลังป้องกันเสียง"นายท่านมีการปะทะกันของสองกลุ่มทำให้เทพโอสถหนีไปได้ข้าน้อยไร้ความสามารถขอนายท่านโปรดลงโทษ "ไป๋เยี่ยนหลงยังคงเงียบเหม่อมองออกไปที่ซินเยว่"ตามต่อไป"พูดเพียงเท่านั้นไป๋เยี่ยนหลงก็เดินตรงไปหาซินเยว่ที่ระเบียงหน้าบ
"แม่จะไปรู้จักพวกเขาได้อย่างไรเขาบอกว่าเป็นสหายของลูกที่กำลังออกท่องเที่ยวผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยมเจ้า"ซินเยว่กลอกตาท่าทางหงุดหงิด ท่านแม่ท่าทางพวกเขาดูเหมือนเป็นสหายของข้าหรือท่านถูกคนพวกนั้นหลอกแล้วซินเยว่เค้นสมองคิดหาทางไล่สามคนนั้นกลับไป นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่นางเป็นตีนแมวย่องเข้าเรือนผู้อื่น ตอนนี้นางมีชนักติดหลังอยู่จึงโวยวายมากไม่ได้ อีกอย่างนางสู้พวกนั้นไม่ได้อย่างเเน่นอนหากสู้กันเรือนของนางคงพังไม่เหลือชิ้นดี และท่านแม่กับฮุ่ยหลิงอาจเป็นอันตรายได้ ซินเยว่ได้แต่ตอบรับไปส่งๆ เอาไว้ค่อยหาวิธีขับไล่พวกเขาไปทีหลัง"ชะ......ใช่ๆ ข้าลืมไปได้อย่างไรพวกเขาเป็นสหายของข้าเอง "ซินเยว่กัดฟันพูดนางลอบปาดเหงื่อบนหน้าผาก ได้แต่คาดโทษพวกเขาเอาไว้ในใจ"เช่นนั้นเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”ซินเยว่ดันหลังมารดาเข้าไปก่อน เจ้าพวกนี้ทำให้อายุขัยของนางลดลงไปหลายปีเลยทีเดียว"คารวะคุณชาย..........."ซินเยว่ทำท่าประสานมือค้อมตัวแล้วมองหน้าบุรุษผมสีเงินสลับกับบุรุษทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง เยี่ยจื่อเข้าใจสายตาที่ส่งมาเป็นคำถามของนางทันที" ข้าคือองครักษ์นามว่าเยี่ยจื่อและเยี่ยเฉิงส่วนท่านนี้คือคุณ
"นี่ นี่!!!......"คู่มือการใช้มิติจิตซินเยว่ถึงกับคิ้วกระตุกอะไรจะสะดวกขนาดนั้นอย่างกับซื้อของออนไลน์แล้วแถมคู่มือการใช้งานแบบนั้นเลย ซินเยว่อ่านวิธีใช้มิติจิตของนางคร่าว ๆ คือถ้าพลังเพิ่มในนี้ก็อุดมสมบูรณ์ เข้าออกโดยการใช้จิตควบคุม น้ำในบ่อ คือน้ำทิพย์มรกตใช้ดื่มเพื่อเพิ่มพลังปราณ ใช้ปรุงโอสถจะทำให้เม็ดยาที่หลอมขึ้นมามีคุณภาพมากกว่าเดิมห้าเท่าขวดที่วางบนชั้นคือโอสถหายากที่แผ่นดินชิวหลิงนี้ที่เคยบันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ แต่ไม่เคยมีใครสามารถหลอมมันขึ้นมาได้มาก่อนตำราบนชั้นคือตำราสมุนไพรปราณธรรมดาหาง่ายไปจนถึงสมุนไพรปราณในตำนาน ถ้ารู้ว่าที่นี่มีตำราสมุนไพรตั้งแต่แรกนางคงไม่ต้องไปเสี่ยงตายที่ร้านตาเฒ่าคนนั้น และตำราฝึกพลังจิตหืม!!!"พลังจิตหรือ"ซินเยว่ให้ความสนใจตำราเล่มนี้เป็นพิเศษนางใช้เวลาในกระท่อมไปนานเท่าใดไม่รู้จนกระทั่งรู้สึกถึงเจ้าก้อนขนที่ตอนนี้ ใช้อุ้งเท้าหน้าเขี่ยๆ ที่ขาของนาง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวน้อย ......ไม่สิเจ้ามีชื่อหรือไม่"ซินเยว่ถามมัน เจ้าก้อนขนส่ายหน้าทำตาปริบๆ"เช่นนั้นให้ข้าตั้งชื่อให้เจ้าดีหรือไม่ ชื่ออะไรดีนะที่ฟังดูแล้วไพเราะและจำได้ง่าย”ซินเยว่นิ่งคิดเล็กน
ยามห้าย (21.00-22.59) ท้องนภากระจ่างใสไร้เมฆหมอกดวงดารานับล้านกระจายเกลื่อนทั่วท้องฟ้า เสียงหวีดหวิวเป็นท่วงทำนองคล้ายเพลงพิณแว่วมาตามสายลมมองขึ้นไปไร้ที่สิ้นสุด ดวงตาสีดำสนิททอประกายแวววาวไม่ต่างจากสีของท้องนภาในยามนี้กะพริบขึ้นลงทำให้ขนตางอนยาวของนางกระพือตาม มองดูคล้ายปีกผีเสื้อสีดำกำลังโบยบิน ดวงหน้างามเด่นขาวราวหยกเหมันต์ชั้นดีตัดกับความมืดยามราตรีเห็นเด่นชัดซินเยว่ในชุดสีดำรวบผมตึงด้วยผ้าผูกผมสีแดงยืนอยู่หน้าร้านขายตำราร้านเล็กท้ายตลาดในเมืองเยว่กว่าง นางยกผ้าสีดำขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างเห็นเพียงดวงตาดำขลับ ซินเยว่กระตุกยิ้มร้ายเมื่อนึกถึงสีหน้าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ในวันพรุ่งนี้ซินเยว่ทะยานตัวขึ้นไปบนหลังคาของร้านหนังสือ ไต่ไปตามแนวหลังคากระโดดลงไปในสวนที่น่าจะเป็นด้านหลังของร้านหนังสือ ไฟในห้องหลังร้านหนังสือดับลงไปนานแล้ว เพื่อความไม่ประมาทซินเยว่ได้จุดกำยานยาสลบโยนเข้าไปให้ห้องอีกที"หึหึ รับรองหลับยันเช้าแน่"ซินเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วค้นหาตำรารายชื่อสมุนไพรปราณเล่มเก่าที่นางหมายตาทันที นางจำได้ว่าตาเฒ่าหยิบตำรามาจากตรงนี้นี่นา ซินเยว่มองไปที่ชั้นตำรารอบๆ ตัวนาง ตอนนี้ซินเยว่ไม่จำเ