ท้องฟ้ายามราตรีใสสะอาดดุจสายน้ำมวลหมู่ดาวส่องประกายระยิบระยับ ความงดงามที่หาดูได้ยากในเมืองใหญ่
จวนสกุลหยางเสียงร่ำไห้เบาๆ ดังลอดออกมาจากเรือนพักเก่าโกโรโกโสตัวเรือนเหมือนไม่ได้รับการดูแลมานานทำท่าจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ ด้านในมีเพียงเตียงไม้เล็กๆ ปูด้วยผ้าเก่าผืนบาง มุมห้องด้านในมีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็กเทียนหนึ่งเล่มถูกจุดขึ้นให้แสงสว่างที่ริบหรี่จนแทบมองไม่เห็น
มีคนสามคนอยู่ในห้องหนึ่งคนนอนหายใจรวยรินหนึ่งคนนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าอิโรยและอีกหนึ่งคนนั่งคุกเข่าที่พื้นกุมมือผู้ที่นอนอยู่บนเตียงเอาไว้
เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มผิวขาวซีดอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปี แต่ผอมแห้งเหมือนคนขาดสารอาหาร กำลังคุกเข่าบนพื้นที่เย็นเยียบร้องไห้อย่างหนักอยู่ข้างเตียง
ฮุ่ยหลิงสาวใช้ตัวน้อยที่ถูกซื้อตัวมาจากลุงของนางตั้งแต่ตอนอายุห้าขวบ ฮุ่ยหลิงเป็นเด็กกำพร้าบิดามารดาเสียชีวิตไม่มีญาติคนไหนต้องการดูแลนางจึงถูกครอบครัวพี่ชายของบิดาที่ไม่ต้องการตัวภาระขายให้โรงค้าทาส ตอนนั้นหยางซินเยว่อายุหกขวบเดินเที่ยวตลาดกับมารดา เห็นฮุ่ยหลิงที่ตัวเล็กผอมแห้งถูกชายวัยกลางคนลากถูไปกับพื้น ดูน่าเวทนานักหยางซินเยว่จึงขอให้มารดาซื้อตัวฮุ่ยหลิงเอาไว้
สตรีอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงคือเซวี่ยฟังเฟยมารดาของหยางซินเยว่เด็กสาวที่นอนไม่ได้สติหายใจรวยรินอยู่บนเตียง
ซินเยว่ได้ยินเสียงร้องไห้ดังอยู่ข้างหูก็รู้สึกแปลกใจ เธอขยับตัวเล็กน้อยไล่ความเมื่อยขบของร่างกายที่คล้ายไม่ได้ขยับมานาน ซินเยว่กลอกตามองไปรอบๆ ห้องพร้อมกับคิดในใจว่า
'เธอถูกหลิงหลงวางยาพิษ น่าจะตายไปแล้วนี่นา'
เซวี่ยฟังเฟยและฮุ่ยหลิงเมื่อเห็นซินเยว่ได้สติก็ร้องเสียงดังดีใจที่นางฟื้น
" คุณหนูของบ่าวฟื้นแล้วฟื้นแล้วจริงๆ ขอบคุณสวรรค์ รอเดี๋ยวบ่าวจะไปตามท่านหมอมาดูอาการของคุณหนูนะเจ้าคะ"
เมื่อพูดเสร็จฮุ่ยหลิงก็หุนหันวิ่งออกนอกห้องไป
"เป็นอย่างไรบ้างลูกยังเจ็บอยู่หรือไม่ โธ่...เยว่เอ๋อของแม่"
เซวี่ยฟังเฟยพูดกับซินเยว่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสั่นเครือ รอยคล้ำใต้ดวงตาบ่งบอกว่านางพักผ่อนไม่เพียงพอ
ซินเยว่ได้แต่นอนนิ่งๆ ฟังผู้หญิงแปลกหน้าพูดกับตนโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอปวดระบมไปทั้งตัว อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงทั้งที่น่าจะตายไปแล้วจึงถามออกไปด้วยเสียงแหบแห้ง
"ที่นี่ที่ไหนคะทำไมฉันถึงนอนอยู่ที่นี่กับคุณ "
เซวี่ยฟังเฟยมองซินเยว่ด้วยสายตาแปลกประหลาด
"นี่ลูกกำลังพูดอันใดเยว่เอ๋อที่นี่ก็บ้านของเราอย่างไรเล่าเหตุใดลูกถามแม่ประหลาดเช่นนั้นภาษาอันใดของเจ้า"
ซินเยว่ตอนนี้หัวสมองหมุนเร็วรี่รีบประมวลผลกับสิ่งที่ได้ยิน
'นี่เราอยู่ที่ไหนกันละเนี่ยภาษาพูดก็แปลกประหลาดการแต่งตัวก็อย่างกับหลุดมาจากซีรีส์ย้อนยุค'
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดด้านนอกก็มีเสียงเปิดประตู ฮุ่ยหลิงเดินเข้ามาพร้อมหมอชราอายุราวห้าสิบ สะพายล่วมยาเดินเข้ามาในห้องเล็กแคบที่มองดูอย่างไรก็ไม่คล้ายเรือนของฮูหยินสกุลหยาง
หมอชราแต่งกายด้วยชุดสีเทาคล้ายนักพรตในหนังจีนกำลังภายในแต่ดูภูมิฐานมีความรู้ เมื่อนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเรียบร้อยแล้ว หมอชราก็ทำการจับชีพจรของซินเยว่ เซวี่ยฟังเฟยเห็นเช่นนั้นจึงถามหมอชราอย่างร้อนใจเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนาง
“บุตรสาวของข้านางเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
"อืม... ดูเหมือนคุณหนูใหญ่จะไม่เป็นอะไรมากนะขอรับ ที่นางหลับไปหลายวันอาจเป็นเพราะอ่อนเพลียร่างกายของนางขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน ข้าจะเขียนเทียบยาบำรุงและให้ยาทาแผลภายนอกจะได้ไม่เกิดรอยแผลเป็นท่านให้บ่าวไปรับยาที่โรงหมอของข้าได้เลย"
"เจ้าค่ะท่านหมอขอบคุณท่านมากหากไม่ได้ท่านเยว่เอ๋อของข้าต้องแย่แน่ๆ"
เซวี่ยฟังเฟยย่อตัวคารวะหมอชราเล็กน้อยอย่างซึ้งใจ
"ไม่เป็นไร อะไรที่ข้าสามารถช่วยได้ก็ช่วยช่วยกันไป ยาพวกนี้ทำมาจากสมุนไพรธรรมดาหาใช่สมุนไพรวิญญาณจึงไม่แพงเท่าใดนัก แต่สรรพคุณอาจไม่ดีเท่าสมุนไพรวิญญาณ เช่นนั้นฮูหยินใหญ่ข้าต้องขอตัวก่อน"
เซวี่ยฟังเฟยควักเงินก้อนสุดท้ายจ่ายค่ารักษาให้หมอชราเขารับถุงเงินแล้วเดินออกนอกห้องไป
"คุณหนูเจ้าคะบ่าวจะไปต้มข้าวต้มให้คุณหนูท่านทานข้าวแล้วจะได้ดื่มยา"
ฮุ่ยหลิงหายออกไปสักพักก็ยกชามข้าวต้มที่น้ำใสยิ่งกว่าน้ำในถังเม็ดข้าวในชามก็ช่างน้อยนิดนางเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาในมือ
หลังจากกินข้าวต้มที่ใสเเจ๋วไร้รสชาติสามสี่คำตามด้วยยาต้มน้ำสีดำปี๋กลิ่นขมขึ้นจมูกเซวี่ยฟังเฟยก็บอกให้ซินเยว่นอนพัก
ซินเยว่แกล้งล้มตัวลงนอนเมื่อเสียงประตูปิดลงจึงลืมตาขึ้นพยายามเค้นความคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งที่น่าจะตายแต่กลับไม่ตาย ทำไมพวกเขาต้องวางยาฆ่าเธอหรือนี่จะเป็นแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ตั้งแต่เเรก
'เราถูกหลอกให้วางแผนปล้นเสร็จแล้วก็ฆ่าปิดปากพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรมจะรู้ไหมว่าเราถูกฆ่าตายไปแล้ว'
สิ่งที่ซินเยว่ไม่รู้คือนี่เป็นแผนของสองสามีภรรยาแซ่เกา เพราะตอนวันเกิดอายุครบยี่สิบปีซินเยว่เคยคุยกับพวกเขาว่าเธอจะวางมือจากงานโจรกรรมพวกเขาไม่ไว้ใจซินเยว่จึงได้สั่งให้ฆ่าเธอปิดปาก
"เฮ้อ!!!แล้วแบบนี้จะเอาไงต่อพรุ่งนี้ค่อยคิดละกัน"
ยกมือปิดปากหาวซินเยว่ก็เข้าสู่นิทราทันที
เสียงดังกุกกักอยู่ด้านนอกปลุกให้ซินเยว่งัวเงียตื่น เป็นฮุ่ยหลิงที่กำลังเดินถือถังไม้ใส่น้ำเข้ามาในห้อง ฮุ่ยหลิงเมื่อเห็นว่าซินเยว่ตื่นแล้วจึงรีบเข้าไปประคองให้นางลุกขึ้นนั่ง
"คุณหนูเจ้าคะนี่พึ่งจะยามเหม่า (05.00-06.59น.) เองท่านนอนพักอีกสักหน่อยประเดี๋ยวบ่าวจะไปยกข้าวต้มมาให้"
ซินเยว่เลิกคิ้วมองฮุ่ยหลิงเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรฉัน..เอ่อข้าตื่นแล้วข้าอยากอาบน้ำตอนนี้เหนียวตัวมากเลย"
ซินเยว่บิดตัวไปมาเบาๆ บอกความต้องการแก่ฮุ่ยหลิง
"แต่ว่าหลังของคุณหนูตอนนี้ยังมีแผลอยู่นะเจ้าคะท่านหมอบอกว่าห้ามโดนน้ำโดยเด็ดขาดมิเช่นนั้นจะอักเสบได้ บ่าวว่าคุณหนูล้างหน้าแล้วเช็ดตัวดีหรือไม่เดี๋ยวบ่าวช่วยเจ้าค่ะ"
ซินเยว่พยักหน้าแล้วขยับตัวนั่งให้มั่นคงกว่าเดิมเตรียมจะล้างหน้าและเมื่อก้มหน้ามองตัวเองในน้ำก็ตกใจจนร้องเสียงหลง
"เฮ้ย!!!"
เหมือนซินเยว่จะเห็นหน้าตัวเองตอนช่วงอายุสิบห้าสิบหก แต่ใบหน้านี้ค่อนข้างซูบตอบแต่เป็นใบหน้าของเธอแน่ๆ
"คุณหนูเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ"
ฮุ่ยหลิงเดินเข้ามาพร้อมถังน้ำอีกใบและผ้าที่จะนำมาเช็ดตัวให้กับเจ้านายของตน ซินเยว่เมื่อเห็นหน้าตัวเองในน้ำจึงเงยหน้าขึ้นถามฮุ่ยหลิงว่า
"เจ้าชื่ออะไรนะแล้วข้าอายุเท่าไหร่ที่นี่คือที่ไหน...."
และอีกหลายๆ คำถามที่ซินเยว่ถามออกไปจนคนฟังไม่เเน่ใจว่านางถามอะไรไปบ้าง ฮุ่ยหลิงทำสีหน้างงงันกับคำถามของนางแต่ก็ตอบออกไปเบาๆ ว่า
"บ่าวมีนามว่าฮุ่ยหลิงอายุสิบสี่ปีส่วนคุณหนูอายุสิบห้าเจ้าค่ะที่นี่ก็จวนแม่ทัพหยาง บิดาของท่าน'หยางจิ่งเทียน ' ทำไมคุณหนูถามบ่าวเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ"
"เอ่อ...เหมือนว่าความทรงจำบางส่วนของข้าจะหายไปคงเป็นเพราะข้าป่วยเลยทำให้หลงๆ ลืมๆ เจ้าช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวข้าและครอบครัวให้ข้าฟังได้หรือไม่เผื่อว่าความทรงจำของข้าจะกลับมา"
ซินเยว่แถออกไปส่งๆ เพราะตอนนี้คิดไม่ทันเลยหาทางเอาตัวรอดไปก่อนรอให้ร่างกายหายดีค่อยหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง กันแน่
เมื่อซินเยว่ล้างหน้าเช็ดตัวเสร็จฮุ่ยหลิงก็ยกข้าวต้มน้ำใสกับยาขมปี๋เข้ามา นางกินเข้าไปนิดหน่อยแล้วจึงดื่มยาตามฮุ่ยหลิงยกน้ำชาให้นางล้างปากแก้ขมจากนั้นจึงยกถ้วยยาออกไป
“เสี่ยวเป่าเจ้าต้องช่วยข้า”เสี่ยวเป่าเหมือนจะรู้ว่าเสี่ยวหงต้องการจะทำอะไร มันกระโดดไปที่นางแล้วคายแก่นพลังของมันวางไว้บนมือของเสี่ยวหง ซินเยว่ที่กำลังโรมรันอยู่กับไป๋ซวี่เฟิงไม่ทันเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำ‘ฝากเจ้าดูแลนางด้วยนะแล้วอย่าลืมไปตามหาข้าเล่า’เสี่ยวหงพูดกับเสี่ยวเป่าที่ตัวหดเล็กลงกลายเป็นก้อนขนอีกครั้ง เสี่ยวหงใช้แก่นพลังของนางและเสี่ยวเป่าที่บำเพ็ญมายาวนานเพื่อผนึกร่างของไป๋ซวี่เฟิงเอาไว้จากนั้นนางระเบิดแก่นพลังของตนเพื่อทำลายดวงจิตของเขาก่อนที่นางจะหายไป เสี่ยวหงส่งกระแสจิตมาที่ซินเยว่‘แม้ว่าข้าจะตายไปแล้วเกิดใหม่อยู่ที่ใดข้าและเจ้าจะยังคงผูกพัน ในชาตินี้ข้าตายไปก่อนเมื่อถึงเวลาจุติอีกครั้งหวังว่าเจ้าจะตาหาข้าจนพบ’น้ำตาหยดสุดท้ายหลั่งออกมาจากดวงตาหงส์คู่งามของเสี่ยวหง ไป๋เยี่ยนหลงดึงร่างของซินเยว่ให้ออกห่างจากรัศมีแรงระเบิด ไป๋ซวี่เฟิงดินรนเพื่อให้หลุดจากการผนึกของเสี่ยวหงแต่เพราะมีแก่นพลังของเสี่ยวเป่าด้วยเขาจึงต้องสลายหายไปพร้อมกับนางท้องฟ้าที่เคยเเดงฉานกำลังมีฝนตกลงมาเหมือนท้องว่ากำลังหลั่งน้ำตาให้กับเสี่ยงหง ซินเยว่ร้องเรียกหาเสี่ยวหงทั้งน้ำตา เสียงร้องไห้ของนางดั
ชายชุดดำนับร้อยค่อยๆ เปิดเผยตัวแต่ละคนมีพลังขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปทั้งนั้น ไป๋เยี่ยนหลงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเหมือนกับเขามิได้หวันเกรงให้กับคนของไป่ซวี่เฟิงเลยสักนิดด้านซินเยว่ยังคงหลับไม่ตื่นวนเวียนอยู่ในภาพฝันที่นางได้อยู่ร่วมกับคนตระกูลหยางอีกครั้ง นางรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับพวกเขาแต่ความรู้สึกลึกๆ เหมือนกำลังโหยหาบางสิ่งแต่นางไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร นางนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในศาลาใกล้สระบัวท่าทางของนางเหงาหงอยเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่ง“หลานรักปู่มีของที่ต้องการมอบให้เจ้า”ท่านปู่ของนางเดินเข้ามาในศาลา ซินเยว่หันมาสนใจ หยางตงฉวนท่านปู่ของนาง“นี่คือสิ่งที่จำกัดพลังของเจ้าเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องได้ใช้มันแน่”เขาได้มอบป้ายหยกรูปหงส์ให้นางถึงเวลาที่หลานจะต้องไปแล้ว อย่าลืมว่าพวกเราตระกูลหยางทุกคนอยู่ข้างหลานตลอดเวลาไม่เคยไปไหน”ซินเยว่พยักหน้า ครอบครัวของนางมายืนรอส่งนางที่หน้าประตูจวนทุกคนโบกมือให้นางทั้งยังอวยพรให้ซินเยว่ได้พบกับเขาผู้นั้น นางไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นหมายถึงอะไร ก่อนที่ซินเยว่จะฟื้นกลับมาร่างของนางเปล่งแสงสีแดงเปลวเพลิงค่อยก่อตัวเป็นรูปร่างเหมือนไข่
ซินเยว่นั่งมองภาพของการต่อสู้ของตระกูลหยางจนจบ นางค่อยๆ ออกเดินไปท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจนกระทั่งถึงหน้าประตูจวนของตระกูลเจียว ซินเยว่สะบัดมือหนึ่งครั้งประตูบานใหญ่สองบานแตกกระจุยไม่เหลือชินดี“เจียวเมิ่งออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าหยางซินเยว่จะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปแม้แต่คนเดียว”ซินเยว่ยืนถือกริชอยู่ท่ามกลางสายฝนดวงตาของนางแดงก่ำไปด้วยความคั่งแค้น พลังของนางทำให้องครักษ์ที่เฝ้าประตูต้องถอยห่างเพราะแรงกดดันและความร้อนที่แผ่ออกมา เสี่ยวเป่าในร่างสัตว์อยู่ตัวยักษ์คำรามเสียงดังก้องฟ้า องครักษ์ขั้นเจี๋ยตันถึงกับกระอักเลือดออกมาองครักษ์ของตระกูลเจียวออกมาล้อมซินเยว่เอาไว้ ทุกคนล้วนระดับขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปแต่สายตาของนางไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เจียวมิ่งเดินออกมาพร้อมองครักษ์ที่คอยกางร่มให้เขามองมาที่ซินเยว่ด้วยความสงสัยตอนนี้ใบหน้าของนางได้ถูตี้ซางพรางเอาไว้ทำให้มองเห็นเป็นผู้อื่น“แม่นางน้อยเจ้าบุกมาทำลายประตูจวนตระกูลเจียวเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยหรือซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา“เจ้าเฒ่าสารพัดพิษ”นางสบถด่าเจียวเมิ่งออกไปอย่างสะใจ“นา
“ทะ... ท่านจ้าวผู้ครองนครได้โปรด....”ลี่ผิงยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยคร่างของนางก็กระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง นางพยายามพยุงร่างที่บอบช้ำของตนหมอบคลานมาเบื้องหน้าของไป๋เยี่ยนหลง ลี่ผิงเห็นสายตาที่แสนอำมหิตของเขานางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ“โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”ไป๋เยี่ยนหลงไม่สนใจลี่ผิงอีกต่อไป เขาอยากรีบกลับไปอยู่กับสตรีแสนซุกซนที่เอาแต่บ่นทำปากขมุบขมิบน่ารักอยู่ด้านในแล้ว“ทำลายตันเถียนส่งไปส่วนลึกของหุบเขาทมิฬ”สิ้นคำของไป่เยี่ยนหลงลี่ผิงก็กรีดร้องขอความเมตตาแต่คนของไป๋เยี่ยนหลงก็เข้ามาลากนางออกไปจากตรงนั้น เยี่ยจื่อส่ายหน้าด้วยความจนใจพลางมองร่างของลี่ผิงที่กำลังถูกลากออกไป แค่ถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาทมิฬโอกาสรอดของนางก็แทบไม่มีแล้ว นี่นายท่านยังให้ทำลายตันเถียนของนางอีกชีวิตนี้ของลี่ผิงไม่มีทางรอดกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อจัดการตัวต้นเรื่องเสร็จแล้วจากนั้นไป่เยี่ยนหลงก็หันมาจัดการคนที่มาจากแผ่นดินชิวหลิง“ทำลายตันเถียนแล้วส่งกลับไปที่แคว้นฉิง ป่าวประกาศการกระทำของพวกเขาให้คนแผ่นดินชิวหลิงได้รู้ให้ทั่ว”สิ้นคำไป่เยี่ยนหลงก็ลุกออกไปจากท้องพระโรงทันที ที่ไป๋เยี่ยนหล
ฉิงอิงหลางดันเจ้ามังกรตัวโตหัวมันเยิ้มไปด้วยน้ำหวานของสตรีใต้ร่างเขาทีเดียวจนสุดลำ เสียงของนางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฉิงอิงกลางทนไม่ไหวอีกต่อไปเขาไม่มีเวลามาปลอบโยนนางเพราะเขาต้องทำให้นางเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์เสียก่อน องค์ชายสามแห่งแคว้นฉิงกระแทกเอวสอบเข้าใส่สตรีใต้ล่างอย่างไม่ยั้งผ่านไปเพียงไม่นานเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของนางก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญครางอย่างเสียวซ่าน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพับพับตลอดเวลา ชายหญิงในห้องร้องครวญครางประสานกันดังแว่วออกมาด้วยความเสน่หารัญจวนอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยินก่อนหน้าที่ฉิงอิงหลางจะมาถึงบ้านร้างนอกเมือง เงาสองร่างยืนตระกองกอดกันอยู่บนต้นไม้เหมือนเฝ้ารอใครบางคน และเพียงไม่นานฉิงอิงหลางที่อยู่ในชุดดำก็อุ้มร่างของสตรีหายเข้าไปในบ้านร้างจากนั้นเสียงครวญครางอย่างรัญจวนของทั้งสองก็ดังแว่วมาอย่างไม่ขาดสาย สตรีที่ยืนอยู่บนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงน่ารังเกียจของชายหญิงในบ้านร้าง ใบหน้างามของนางก็แดงซ่านลามไปถึงลำคอ ไป๋เยี่ยนหลงมองสตรีอันเป็นที่รักในอ้อมแขนด้วยสายตาเอ็นดู"ช่างน่าตายยิ่งนัก"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นมาก็คือซินเยว่ตัวจริงที่อยู่ในร่างของไซซีย
ชายชุดดำอีกคนเอ่ยขึ้นเขาก้าวเข้าหาซินเยว่เพียงก้าวเดียวก็ถึงตัวของนางได้อย่างง่ายดาย ชายชุดดำใช้สันมือฟาดไปที่ต้นคอของซินเยว่อย่างไม่ออมมือนางสลบไปทันที แต่ก่อนที่ชายชุดดำทั้งสองจะทันได้เคลื่อนย้ายร่างของซินเยว่ที่สลบไม่ได้สติออกไปจากห้องนั้น ชายชุดดำผ้าปิดหน้าห้าคนกระโดดออกมาขวางเอาไว้ ผู้มาทีหลังไม่รั้งรอให้ชายชุดดำทั้งสองได้ตั้งตัวพวกเขาฟาดพลังปราณใส่ชายชุดดำทั้งสองทันทีชายชุดดำทั้งสองกระโดดหลบพลังที่ผู้มาทีหลังซัดมาที่พวกเขาได้อย่างหวุดหวิดแล้วภายในห้องก็เกิดการต่อสู้ขึ้น ชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนหน้าไม่มีโอกาสที่จะพาร่างของซินเยว่ออกไปจากห้องนั้น เพราะมัวแต่พัวพันอยู่กับการต่อสู้กับชายชุดดำที่มาทีหลังคนหนึ่งได้โอกาสจึงอุ้มร่างของซินเยว่แล้วกระโดดหายออกไปจากตรงนั้นทันที"พวกเจ้าเป็นใครเหตุใดจึงมาขัดขวางภารกิจของข้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร"ชายชุดดำที่เหลืออยู่อีกสี่คนไม่มีใครตอบคำถามชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนเมื่อพวกเขาเห็นสหายอุ้มร่างของซินเยว่ออกไปแล้วพวกเขาทั้งสี่ก็แยกตัวกันหนีออกไปจากห้องนั้นทันทีชายชุดดำที่มาก่อนเมื่อเห็นว่าตนถูกชิงตัวเป้าหมายไปแล้วก็คิดจะติดตามไปเ