ถังฉือพอได้ยินคำนี้ ก็จ้องมองนางเขม็ง"พวกเจ้าสองคนนี่ ชอบตั้งชื่อให้คนอื่นซะจริงนะ" ถังฉือเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานยิ้มตอบ "ไม่ได้ตั้งให้เจ้า แต่ตั้งให้กับกระบวนท่าของเจ้า"ถังฉือคิดๆ "ชื่อว่าอะไรล่ะ?"ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ชอบคำว่าทลายฟ้าจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "กระบี่ผ่ามิติ"ถังฉือขยับปาก เหมือนตนเองพูดชื่อนี้อยู่จากนั้นตาก็เป็นประกาย "ได้ เรียกแบบนี้เลยแล้วกัน"จั๋วซือหรานยิ้มตอบ "เอาล่ะวันนี้ก็แสดงเท่านี้พอ ข้านึ่งขนมแป้งฟักทองไว้ในครัว กินคู่กับผงรากบัวพุทราจีน รีบไปกินเถอะ"ถังฉือกระเด้งตัวขึ้นมา ก้าวเดินกระฉับกระเฉงตรงไปที่ห้องครัวทันทีจั๋วซือหรานพอหันมาก็เห็นสายตากระหายใคร่รู้สิบคู่"นายท่าน" จิ่วเฉียวเนื่องจากอายุมากสุด ดังนั้นจึงเป็นหัวหน้า เขาเอ่ยถามเสียงต่ำ "เมื่อครู่นี้ใต้เท้าถังฉือคนนั้น สำแดงอะไรออกมากันแน่? พวกข้าดูแล้วไม่เข้าใจเลย"จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง นางดึงกระบี่ยาวออกมาจากเอวจิ่วเฉียวพูดขึ้นว่า "ดูดีดีๆ ล่ะ"จากนั้นจั๋วซือหรานก็สะบัดกระบี่!และทุกคนก็เห็นว่า กิ่งไม้เล็กหนาประมาณข้อมือกิ่งหนึ่งก็ถูกตัดขาดไปไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเพราะการเคลื่อนไหวของจั๋วซื
แต่ถ้าจะบอกว่าคนผู้นี้เข้าใจโลกตระหนักรู้และหัวไวล่ะก็ตัวเขานอกจากกินกับฆ่าคน ก็เหมือนจะไม่เป็นอะไรอีกเลย แล้วดูจะไม่สนใจด้วยจั๋วซือหรานยื่นมือไปกุมมือชิ่งหมิงเบาๆ "ไม่ต้องกังวล ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก สถานการณ์ตอนนี้ก็คือ ถ้าเจ้าไม่ไป ป๋อยวนก็ยังไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิต ถึงแม้ว่า..."สายตาจั๋วซือหรานมองไปทางนิ้วขาดในผ้าเช็ดหน้า "...อาจจะลำบากสักหน่อย"ชิ่งหมิงค่อยๆ ใจเย็นลงมาแล้วจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "พวกเราต้องช่วยพวกเขาออกมาได้แน่นอน"จวงชิ่งหมิงพยักหน้าหนักๆถังฉือจึงมาพักอยู่ที่นี่ เขาไม่มีความรู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อยจั๋วซือหรานรู้สึกว่าเขาน่าจะมีความเฉื่อยชาด้านความรู้สึกอยู่บนตัวทุกวันจั๋วซือหรานทำของอร่อยให้เขากิน จึงทำให้เขาอารมณ์ดีได้ทุกวันกระทั่งจั๋วซือหรานถามถึงระดับวิถีกระบี่ของเขา เขาก็ยังดูมีความอดทนให้มาก"นี่ มันเป็น...แบบนี้" ตอนที่ถังฉือพูดคำว่า 'แบบนี้' กระบี่ไม้ในมือก็โบกไปด้านหน้า!นอกจากจั๋วซือหรานแล้ว พวกคนทรยศตำหนักเซินหลัวที่ภักดีกับจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็สนอกสนใจเป็นอย่างมากเห็นได้ชัด ว่าหลงใหลในความสามารถของใต้เท้าถังฉือคนนี้มานานแล้วการม
ดวงตาจวงชิ่งหมิงแดงก่ำ เหมือนครู่ต่อมาสิ่งที่จะพรั่งพรูไม่ใช่น้ำตา แต่เป็นเลือดที่จะไหลออกมาแทนเขาจ้องมองถังฉือเขม็ง แม้จะรู้ว่าควรมีเหตุผลหน่อยก็ตามทีแต่ตอนนี้ ยังคงรู้สึกว่าทั้งหมดมันไม่สำคัญแล้วไม่อาจพิจารณาได้เลยจริงๆ"ข้าจะไปกับเจ้า ให้พวกเขาปล่อยตัวป๋อยวน!" เสียงของชิ่งหมิงแหบพร่าแทบจะเป็นเสียงสะอื้นแล้วถังฉือมองเขานิ่งๆ สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักครู่ต่อมา ก็หันไปบอกกับจั๋วซือหรานว่า "น้องชายเจ้านี่ใสซื่อมากเลย"จั๋วซือหรานยกแก้วขึ้นจิบชาแทนเหล้าให้เขา "เพราะถูกปกป้องอย่างดีมาโดยตลอดนั่นล่ะ"สีหน้าจวงชิ่งหมิงตอนนี้ขาวซีดไปแล้วถังฉือนั่งอยู่ที่นั่น ยกสุราห้าพิษขึ้นจิบไปคำหนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยว่า "เจ้าไปกับข้าก็ไม่มีประโยชน์"อารมณ์ของชิ่งหมิง ค่อยๆ ใจเย็นลงมาแล้ว เขามองถังฉือ สายตาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนขึ้นมาแต่ถังฉือเหมือนไม่คิดจะพูดอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปปันอวิ๋นยกมือผลักเขาอย่างอดไม่อยู่ "เขาฟังไม่ออก เจ้าอธิบายให้เข้าใจหน่อยซิ"ถังฉือหยุดกิน น่าจะเพราะคำว่า 'อธิบาย' สำหรับเขาเป็นเรื่องที่ยากกว่า 'ฆ่าคน' มากดังนั้นเขาจึงหยุดลงเพื่อรวบรวมคำ
อย่างเช่นตอนนี้ เฟิงเหยียนแค่คำสั้นๆ สองคำ ก็เห็นได้ชัดถึงความโอ้อวดขึ้นมาส่วนถังฉือเองก็เป็นคนซื่อมาก ดังนั้นคำตอบของเขาจึงไม่มีพูดแบบไม่มีกั๊กเลย "เก่งมากจริงๆ"ถังฉือพูดพลางดื่มสุราไปอึกหนึ่ง ทำปากแจ๊บๆ "รู้สึกเหมือนไม่เห็นต้องเก็บสูตรเป็นความลับเลย..."ปันอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนโลกนี้ไม่มีที่ให้เขาอยู่อีกต่อไปแล้ว!ขโมยสุราเขา! บอกว่าวิชากู่เขาสู้คนอื่นไม่ได้! นี่ยังรังเกียจสุราเขาว่าไม่อร่อยอีก!จั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ ยิ้มขึ้นมา "เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง วิชากู่น่ะสู้ปันอวิ๋นไม่ได้จริงๆ ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะเขาสอนมาดี"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ ถึงสบายใจขึ้นมาบ้างพอคุยเล่นกันจบ หัวข้อสนทนาก็วนกลับมาที่เรื่องหลัก"ครั้งนี้ภารกิจของเจ้าคืออะไร?" ปันอวิ๋นไม่มีอ้อมค้อม ถามออกมาตรงๆ หลักๆ คือกับถังฉือแล้วจะอ้อมค้อมไม่ได้ ตอนที่อ้อมค้อมเขาอาจจะฟังไม่ออก!ถังฉือเชิดคางไปทางจวงชิ่งหมิง "ข้าต้องพาเตาสามขานี้กลับไป"เขาคิดๆ เหมือนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสม จึงบอกมาอีกว่า "ให้พาน้องชายภรรยาอาเหยียนกลับไปน่ะ""เป็นตายไม่สนหรือ?" ปันอวิ๋นถามถังฉือส่ายหัว "เขามีประโยชน์อ
ชิ่งหมิงไม่ได้ตอบคำถามนี้ของปันอวิ๋น เขาคิดในใจ ซือหรานไม่ได้หลอกล่อเสียหน่อยซือหรานปฏิบัติกับคนอย่างจริงใจนะ!ไม่นานนัก พวกของสือหลิน ก็ทยอยกันกลับเข้ามาแล้วถังฉือแม้จะไม่พูดอะไร นั่งกินหมูแผ่นเงียบๆ อยู่ทางนั้นแต่ในสายตากลับจ้องเขม็งมาที่พวกเขาจ้องจนพวกเขาแต่ละคนขนลุกซู่ กลัวว่าอาวุธเดินได้คนนี้จะเปลี่ยนใจเมื่อไร แล้วชักกระบี่ออกมาสับพวกเขาทิ้งถ้าไม่ได้มีความคิดจะสับคนทิ้ง ทำไมต้องมาจ้องกันแบบนี้ด้วยล่ะ?ถังฉือจ้องตาไม่กระพริบ ริมฝีปากยิ่งเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆหนึ่งคน สองคน....หกคน เจ็ดคน...เก้าคน... สิบคน...ตอนที่จิ่วเฉียวหิ้วไหกลับมาเป็นคนสุดท้าย ประกายในตาถังฉือก็ค่อยๆ หม่นลงมาอารมณ์ของเขาตรงไปตรงมามาก เขียนชัดบนใบหน้าเลยทีเดียวทำให้มองข้ามไปได้ยากจริงๆจั๋วซือหรานยิ้มตาหยีมองเขา "พวกเขาสิบคนกลับมาหมดแล้ว ไม่ขาดเลยแม้แต่คนเดียว ข้าชนะแล้ว"ถังฉือไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าให้เงียบๆคนแบบเขา ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะกลับคำเลย ถึงยังไงตัวเขาเองก็มีอาการย้ำคิดย้ำทำอยู่แล้วจั๋วซือหรานบอกต่อว่า "แต่ว่านะ เพื่อต้อนรับขับสู้ในฐานะเจ้าบ้าน และขอบคุณที่ไม่ทำอะไรน้องชายข้า
ในจวนเจ้าเมืองเหล่าคนใช้เข้ามาจัดการเก็บกวาดสภาพยุ่งเหยิงกันอย่างเป็นระเบียบสภาพยุ่งเหยิงนี้ก็คือ ลากศพเนี่ยคุนออกไป แล้วเช็ดถูพื้นกับผนังจนสะอาดอย่าให้มาเกะกะสายตาใต้เท้าถังฉือนั่งอยู่ตรงนั้น กำลังเคี้ยวเนื้อแห้งในมืออย่างไม่ใส่ใจนั่นเป็นเนื้อแห้งที่จั๋วซือหรานทำขึ้นเอง ตอนที่นางทำ ก็พยายามทำรสชาติหมูแผ่นห้ารสในชาติที่แล้วออกมาพูดได้ว่าอร่อยมากๆถังฉือกินอย่างพึงพอใจแบบเห็นได้ชัด ถึงอย่างไรดูจากการแกว่งเท้าเบาๆ ขณะนั่งไขว้ห้างและจังหวะการสั่นก็มองออกได้ไม่ยากยิ่งไปกว่านั้นคนที่สมองคิดทางเดียวแบบนี้ อารมณ์ความรู้สึกก็แสนจะเรียบง่ายตรงไปตรงมาให้ตายเถอะ ไม่ต้องเดากันเลย เขียนอยู่บนหน้าโต้งๆเขาแค่พอใจเสียที่ไหน?แต่อารมณ์เขายังดีสุดๆ อีกด้วยตอนนี้ ถังฉือก็หันมาคุยกับจั๋วซือหราน "เจ้าปล่อยพวกเขาไป พวกเขาไม่กลับมากันหรอก""พวกเขากลับมาแน่" จั๋วซือหรานยิ้มปากโค้ง มั่นใจกับเรื่องนี้มากถังฉือมีความเห็นต่างกับเรื่องนี้ "พวกเขาเป็นคนที่ชุบเลี้ยงมาจากตำหนักเซินหลัว คนของตำหนักเซินหลัว เห็นแก่ตัว คิดแต่ประโยชน์ส่วนตน ให้ความสำคัญกับภารกิจเป็นอันดับแรก ขอแค่มีโอกาส ก็จะไม่ป