แม้จะบอกว่าจั๋วซือหรานรู้อยู่แล้วว่าในจดหมายลับดินแดนทางใต้พวกนี้มีเนื้อหาที่ไม่ค่อยจะดีนักยิ่งไปกว่านั้นก็รู้มานานแล้วว่าเนี่ยคุนลักลอบค้าโลหะกับอาวุธที่ขาดแคลนที่สุดไปยังดินแดนทางใต้กับแคว้นเหยี่ยนแต่ดูจากสีหน้าที่ปั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ของพ่อลูกเฟิ่งหลานกับเฟิ่งซาน กลับยังรู้สึกว่า เรื่องราวอาจจะไม่ได้ง่ายดายแค่นี้จั๋วซือหรานก็ไม่ได้เร่งรัด รอพวกเขาค่อยๆ อ่าน อ่านจบแล้วค่อยพูดผลลัพธ์คือตอนที่อ่านจบเฟิ่งซานทนไม่ไหว กระอักเลือดออกมาโฮกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าโมโหจนเลือดลมพุ่งพล่านไปถึงระดับไหน"ท่านพ่อ!" เฟิ่งหลานร้องตกใจ รีบเข้ามาประคองตัวบิดาไว้เฟิ่งซานโบกไม้โบกมือ ส่งสัญญาณว่าตนเองไม่เป็นไรจั๋วซือหรานรอจนเขาอารมณ์สงบลงมาหน่อย จึงถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง เห็นร่องรอยอะไรมาบ้าง?"เนื่องจากเฟิ่งซานเลือดลมพุ่งพล่าน ตอนนี้ยังหายใจหายคอไม่สะดวกเฟิ่งหลานที่อยู่ข้างๆ จึงตอบว่า "ใต้เท้า ในห้องลับเหล่านี้ ทั้งหมดคือหลักฐานการสมคบคิดของเนี่ยคุนกับดินแดนทางใต้"จั๋วซือหรานพยักหน้า เรื่องนี้นางรู้อยู่แล้วเฟิ่งหลานเอ่ยต่อ "ดูจากเนื้อหาในจดหมายลับนี้..."นางสูดลมหายใจลึก น้ำเสียงขรึมลง
"เห็นหรือ?" เย่เจิงไม่เข้าใจหน่อยๆ "เห็นอะไร?""จะได้เห็นศพของเนี่ยคุนถูกห้อยไว้บนประตูเมือง ความหมายของนายท่านคือต้องการจะทิ้งศพเอาไว้สี่สิบเก้าวัน แต่กลัวว่าถ้าแขวนไว้นานกว่านี้ คงจะมองไม่ออกแล้ว ดังนั้นถ้าท่านแม่ทัพอยากจะไปยืนยัน ก็คงต้องรีบหน่อย"ในใจเย่เจิงก็ท่วมท้นขึ้นทันทีบอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอะไร หญิงสาวคนนั้น...สังหารเนี่ยคุนไปก็เรื่องนึง นี่ยังจะทิ้งศพไว้อีกสี่สิบเก้าวันด้วย!นี่เป็นการทำเพื่อเตือนเมืองซื่อหนาน พร้อมกับเตือนสติพวกคนที่เคยสมคบคิดกับเนี่ยคุนไปด้วยเย่เจิงพยักหน้า "คำสัญญาที่ให้กับใต้เท้าเอาไว้ข้าไม่กล้าลืมเด็ดขาด ข้าจะนำกำลังพลออกเดินทางให้เร็วที่สุด"คนที่เข้ามาส่งสารก็บอกกับเย่เจิงอีกว่า "ความหมายของใต้เท้า คือหวังว่าท่านแม่ทัพทำได้ไวเท่าไรก็ยิ่งดี เพราะนายท่านพบเรื่องบางเรื่องเข้า กังวลว่าหากชักช้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง"เย่เจิงรู้ ว่าโหวหญิงคนนั้นเป็นคนไม่พูดจาเหลวไหลไม่มีมูล ในเมื่อพูดแบบนี้แล้ว ก็ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด"อย่างมากสุดคือออกเดินทางวันพรุ่งนี้"หลังจากได้คำตอบ คนที่เข้ามาส่งสารก่อนหน้าก็ไม่พูดอะไรอีก กลับไปซื่อหนานทันทีคนที่ส่งสา
ถังฉือพอได้ยินคำนี้ ก็จ้องมองนางเขม็ง"พวกเจ้าสองคนนี่ ชอบตั้งชื่อให้คนอื่นซะจริงนะ" ถังฉือเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานยิ้มตอบ "ไม่ได้ตั้งให้เจ้า แต่ตั้งให้กับกระบวนท่าของเจ้า"ถังฉือคิดๆ "ชื่อว่าอะไรล่ะ?"ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ชอบคำว่าทลายฟ้าจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "กระบี่ผ่ามิติ"ถังฉือขยับปาก เหมือนตนเองพูดชื่อนี้อยู่จากนั้นตาก็เป็นประกาย "ได้ เรียกแบบนี้เลยแล้วกัน"จั๋วซือหรานยิ้มตอบ "เอาล่ะวันนี้ก็แสดงเท่านี้พอ ข้านึ่งขนมแป้งฟักทองไว้ในครัว กินคู่กับผงรากบัวพุทราจีน รีบไปกินเถอะ"ถังฉือกระเด้งตัวขึ้นมา ก้าวเดินกระฉับกระเฉงตรงไปที่ห้องครัวทันทีจั๋วซือหรานพอหันมาก็เห็นสายตากระหายใคร่รู้สิบคู่"นายท่าน" จิ่วเฉียวเนื่องจากอายุมากสุด ดังนั้นจึงเป็นหัวหน้า เขาเอ่ยถามเสียงต่ำ "เมื่อครู่นี้ใต้เท้าถังฉือคนนั้น สำแดงอะไรออกมากันแน่? พวกข้าดูแล้วไม่เข้าใจเลย"จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง นางดึงกระบี่ยาวออกมาจากเอวจิ่วเฉียวพูดขึ้นว่า "ดูดีดีๆ ล่ะ"จากนั้นจั๋วซือหรานก็สะบัดกระบี่!และทุกคนก็เห็นว่า กิ่งไม้เล็กหนาประมาณข้อมือกิ่งหนึ่งก็ถูกตัดขาดไปไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเพราะการเคลื่อนไหวของจั๋วซื
แต่ถ้าจะบอกว่าคนผู้นี้เข้าใจโลกตระหนักรู้และหัวไวล่ะก็ตัวเขานอกจากกินกับฆ่าคน ก็เหมือนจะไม่เป็นอะไรอีกเลย แล้วดูจะไม่สนใจด้วยจั๋วซือหรานยื่นมือไปกุมมือชิ่งหมิงเบาๆ "ไม่ต้องกังวล ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก สถานการณ์ตอนนี้ก็คือ ถ้าเจ้าไม่ไป ป๋อยวนก็ยังไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิต ถึงแม้ว่า..."สายตาจั๋วซือหรานมองไปทางนิ้วขาดในผ้าเช็ดหน้า "...อาจจะลำบากสักหน่อย"ชิ่งหมิงค่อยๆ ใจเย็นลงมาแล้วจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "พวกเราต้องช่วยพวกเขาออกมาได้แน่นอน"จวงชิ่งหมิงพยักหน้าหนักๆถังฉือจึงมาพักอยู่ที่นี่ เขาไม่มีความรู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อยจั๋วซือหรานรู้สึกว่าเขาน่าจะมีความเฉื่อยชาด้านความรู้สึกอยู่บนตัวทุกวันจั๋วซือหรานทำของอร่อยให้เขากิน จึงทำให้เขาอารมณ์ดีได้ทุกวันกระทั่งจั๋วซือหรานถามถึงระดับวิถีกระบี่ของเขา เขาก็ยังดูมีความอดทนให้มาก"นี่ มันเป็น...แบบนี้" ตอนที่ถังฉือพูดคำว่า 'แบบนี้' กระบี่ไม้ในมือก็โบกไปด้านหน้า!นอกจากจั๋วซือหรานแล้ว พวกคนทรยศตำหนักเซินหลัวที่ภักดีกับจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็สนอกสนใจเป็นอย่างมากเห็นได้ชัด ว่าหลงใหลในความสามารถของใต้เท้าถังฉือคนนี้มานานแล้วการม
ดวงตาจวงชิ่งหมิงแดงก่ำ เหมือนครู่ต่อมาสิ่งที่จะพรั่งพรูไม่ใช่น้ำตา แต่เป็นเลือดที่จะไหลออกมาแทนเขาจ้องมองถังฉือเขม็ง แม้จะรู้ว่าควรมีเหตุผลหน่อยก็ตามทีแต่ตอนนี้ ยังคงรู้สึกว่าทั้งหมดมันไม่สำคัญแล้วไม่อาจพิจารณาได้เลยจริงๆ"ข้าจะไปกับเจ้า ให้พวกเขาปล่อยตัวป๋อยวน!" เสียงของชิ่งหมิงแหบพร่าแทบจะเป็นเสียงสะอื้นแล้วถังฉือมองเขานิ่งๆ สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักครู่ต่อมา ก็หันไปบอกกับจั๋วซือหรานว่า "น้องชายเจ้านี่ใสซื่อมากเลย"จั๋วซือหรานยกแก้วขึ้นจิบชาแทนเหล้าให้เขา "เพราะถูกปกป้องอย่างดีมาโดยตลอดนั่นล่ะ"สีหน้าจวงชิ่งหมิงตอนนี้ขาวซีดไปแล้วถังฉือนั่งอยู่ที่นั่น ยกสุราห้าพิษขึ้นจิบไปคำหนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยว่า "เจ้าไปกับข้าก็ไม่มีประโยชน์"อารมณ์ของชิ่งหมิง ค่อยๆ ใจเย็นลงมาแล้ว เขามองถังฉือ สายตาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนขึ้นมาแต่ถังฉือเหมือนไม่คิดจะพูดอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปปันอวิ๋นยกมือผลักเขาอย่างอดไม่อยู่ "เขาฟังไม่ออก เจ้าอธิบายให้เข้าใจหน่อยซิ"ถังฉือหยุดกิน น่าจะเพราะคำว่า 'อธิบาย' สำหรับเขาเป็นเรื่องที่ยากกว่า 'ฆ่าคน' มากดังนั้นเขาจึงหยุดลงเพื่อรวบรวมคำ
อย่างเช่นตอนนี้ เฟิงเหยียนแค่คำสั้นๆ สองคำ ก็เห็นได้ชัดถึงความโอ้อวดขึ้นมาส่วนถังฉือเองก็เป็นคนซื่อมาก ดังนั้นคำตอบของเขาจึงไม่มีพูดแบบไม่มีกั๊กเลย "เก่งมากจริงๆ"ถังฉือพูดพลางดื่มสุราไปอึกหนึ่ง ทำปากแจ๊บๆ "รู้สึกเหมือนไม่เห็นต้องเก็บสูตรเป็นความลับเลย..."ปันอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนโลกนี้ไม่มีที่ให้เขาอยู่อีกต่อไปแล้ว!ขโมยสุราเขา! บอกว่าวิชากู่เขาสู้คนอื่นไม่ได้! นี่ยังรังเกียจสุราเขาว่าไม่อร่อยอีก!จั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ ยิ้มขึ้นมา "เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง วิชากู่น่ะสู้ปันอวิ๋นไม่ได้จริงๆ ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะเขาสอนมาดี"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ ถึงสบายใจขึ้นมาบ้างพอคุยเล่นกันจบ หัวข้อสนทนาก็วนกลับมาที่เรื่องหลัก"ครั้งนี้ภารกิจของเจ้าคืออะไร?" ปันอวิ๋นไม่มีอ้อมค้อม ถามออกมาตรงๆ หลักๆ คือกับถังฉือแล้วจะอ้อมค้อมไม่ได้ ตอนที่อ้อมค้อมเขาอาจจะฟังไม่ออก!ถังฉือเชิดคางไปทางจวงชิ่งหมิง "ข้าต้องพาเตาสามขานี้กลับไป"เขาคิดๆ เหมือนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสม จึงบอกมาอีกว่า "ให้พาน้องชายภรรยาอาเหยียนกลับไปน่ะ""เป็นตายไม่สนหรือ?" ปันอวิ๋นถามถังฉือส่ายหัว "เขามีประโยชน์อ