สุดท้ายหลิวจงก็ไม่ได้ไปเชิญหมอมามิใช่ว่าเขาไม่อยากไปเชิญ แต่ยังไม่ทันที่หมอจะก้าวเข้าประตู เขาก็ถูกคนขวางเอาไว้เสียก่อนผู้ที่มาขวางเขา กลับเป็นเหล่าจ้าว ผู้ติดตามของพระราชนัดดาเพราะพระราชนัดดามักพาคนเหล่านี้ปีนกำแพงเข้าจวนโหวอยู่เสมอ หลิวจงย่อมจดจำใบหน้าผู้ติดตามของเขาเหล่านี้ได้โดยเฉพาะเหล่าจ้าวผู้นี้ช่างเอาใจเก่ง ทุกครั้งที่มา มักจะซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือมาให้คุณชายน้อยทั้งสองเสมอเสิ่นเจียหล่างกับชีอวิ๋นจื่อก็พากันชอบเหล่าจ้าวผู้นี้นักเหล่าจ้าวดักเขาไว้ “ไม่ต้องไปเชิญหมอทั่วไป ข้านำหมอมาด้วยแล้ว ใช้หมอของข้าเถิด”หลิวจงก็ไม่มีความเห็นอันใดคนของพระราชนัดดาย่อมไว้ใจได้มากกว่าเขาอยู่แล้วเขารีบรับคำทันทีเหล่าจ้าวก็นำหมอหมอหลวงหูเข้าไป หมอหูรีบก้าวตามพลางบ่นอุบ “โอยแม่คุณเอ๋ย เจ้าช่างหางานให้ข้าแท้ ๆ! ทางไทเฮาก็ยังรอข้าอยู่ เจ้าลากตัวข้ามาเช่นนี้ แล้วต่อไปข้าจะชี้แจงอย่างไรได้เล่า?!”คิดถึงเรื่องนี้ หมอหลวงหูก็อดส่ายหน้าไม่ได้เขาก็อยากจะฟังว่ามันเกิดเรื่องราวเช่นไรขึ้นกันแน่ตอนนี้ทั้งเมืองหลวง กำลังวุ่นวายโกลาหลพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ยินมาว่า ทางทงโจวมีราษฎรราว
ชีหยวนรับคำในลำคอเบา ๆ ครั้นเห็นไป๋จื่อกับเหลียนเฉียวดวงตาแดงก่ำก็ยิ้มบาง “ไม่เป็นอันใด พวกเจ้าไปตักน้ำให้ข้าเถิด แล้วหาชุดสะอาดมาด้วย”ไป๋จื่อกับเหลียนเฉียวก็รีบออกไปทันทีส่วนไป๋อินนั้นค่อย ๆ ถอนหนามอันแรกออกมาอย่างสงสารเดิมคิดว่าคุณหนูใหญ่จะร้องออกมาสักเสียงทว่าความจริงแล้ว ชีหยวนกลับไม่ส่งเสียงใดแม้แต่น้อยไม่รู้เพราะเหตุใด แต่เดิมไป๋อินยังมิได้ร้องไห้ ครานี้กลับกลั้นไม่อยู่ ต้องเบือนหน้าปาดน้ำตา ก่อนเอ่ยเสียงสั่นเครือ “คุณหนู หากเจ็บก็ร้องออกมาเถิดเจ้าค่ะ”ทว่าชีหยวนกลับไม่รู้สึกว่าเจ็บอะไรนางเคยถูกโจรสลัดยิงลูกศรทะลุกระดูกสะบัก ทิ้งร่างนางไว้บนชายหาด รอให้จมใต้น้ำทะเลที่ขึ้นสูงและเคยถูกองค์หญิงเป่าหรงสั่งคนให้ถอนเล็บมือเล็บเท้าทั้งหมดออกจนสิ้นความเจ็บปวดในเวลานี้ เมื่อเทียบกับตอนนั้น ก็แทบไม่คู่ควรให้พูดถึงแต่นางไม่รู้สึกปวด ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าชีกับฮูหยินรองชีที่เข้ามาเห็นภาพนี้ กลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่โดยเฉพาะฮูหยินรองชี นั่งลงบนขอบเตียงของชีหยวน แล้วรีบลุกขึ้นด้วยความร้อนรน “แม่หนูหยวน เจ็บหรือไม่?! ข้า ข้าจะไปหยิบโอสถจินชวงมาให้ ที่ข้ามีนั้นคือโอสถจินชวงชั้นดีท
ครั้นชีหยวนกลับถึงตระกูลชีที่เมืองหลวง ฮูหยินผู้เฒ่าชีได้รออยู่นานแล้วฮูหยินรองชีก็มิได้ไปที่ใด คอยอยู่เคียงข้างฮูหยินผู้เฒ่าตลอดเวลานางอดเอ่ยด้วยความกังวลมิได้ “รู้อย่างนี้ ข้าก็ควรตามไปกับแม่หนูหยวนด้วย...”ฮูหยินผู้เฒ่าชีเหลือบตามองนางอย่างประหลาดใจทันทีก่อนหน้านี้ ทุกคราที่ฮูหยินรองชีติดตามชีหยวนออกไป ครั้นกลับมาทีไรก็เสียขวัญอยู่นานทำท่าเหมือนอกสั่นขวัญแขวน ครั้งที่แล้วถึงกับเอ่ยปากเป็นนัยกับตน ว่าอยากให้ฮูหยินสามตามชีหยวนออกไปแทนแล้วเหตุใดวันนี้กลับเอ่ยวาจาเช่นนี้ขึ้นมา?ฮูหยินรองชีถอนหายใจหนักหน่วง “ข้าไม่วางใจเลย เถียนเป่าซื่อนั่น ข้าเคยได้ยินพี่สะใภ้สกุลเดิมของข้ากล่าวถึง ว่าไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก่อนพี่สะใภ้ของข้า...”เอ่ยถึงตรงนี้ ฮูหยินรองชีก็เม้มริมฝีปากแน่น แล้วจึงกล่าวต่อ “แม่นมของหลานชายข้า มีบุตรอีกคนที่วัยไล่เลี่ยกับหลานชาย พี่สะใภ้ข้าใจดี ก็เลยให้แม่นมพามาดูแลอยู่ในจวนด้วยกัน”“แต่ภายหลังเถียนเป่าซื่อมาเป็นแขกที่จวน กลับใช้เท้าเตะเด็กคนนั้นจากบนเขาจำลองลงไปในสระน้ำ ศีรษะกระแทกจนเป็นแผลกว้างโลหิตไหลนอง เด็กคนนั้นก็สิ้นใจ...”ครั้งนั้น ฮูหยินรองชีกำลังตั้งคร
ชีหยวนเชิดหน้าขึ้นอย่างเย็นชา สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ แล้วดึงมีดสั้นอีกเล่มออกมา ตรึงมืออีกข้างของเถียนป๋อจือลงกับพื้นความเจ็บปวดรุนแรงเกือบทรมานเถียนป๋อจือจนเป็นบ้า แต่เขายังไม่กล้าขยับ เพราะเพียงแค่ไหวกายเล็กน้อย ความเจ็บปวดก็แล่นริ้วออกจากบาดแผลทรมานยิ่งกว่าตายนางคนบ้านี่!เขาเจอเข้ากับคนบ้าตัวจริง!ชีหยวนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน มองเขาแล้วเอ่ย “เจ้ามิได้เห็นผู้อื่นเป็นคน เช่นนั้นก็ย่อมมีคนที่มิได้เห็นเจ้าเป็นคนเช่นกัน อย่างเช่นข้า เวลานี้ข้ามิได้เห็นเจ้าเป็นคน ในเมื่อเจ้าชอบเป็นแพะสองขานัก บัดนี้ข้าก็เห็นเจ้าเป็นแพะแล้ว เจ้าควรจะขอบคุณข้านะ”นางหยุดไปชั่วครู่ แล้วพลันยิ้มบาง ก้มลงตบหน้าของเถียนป๋อจือเบา ๆ สายตาราวกับจะฉีกกินร่างเขา ก่อนจะตบเพียะหนึ่งฉาดอีกเต็มแรง “พูดสิ ขอบคุณ!”ความอัปยศพลันเอ่อท้นไปทั่วกาย เถียนป๋อจือดวงตาแทบถลนออกมาด้วยโทสะชีหยวนพูดเสียงเรียบ “เฉิงเอินกง เจ้าทำคุณงามความชอบอันใดแก่แผ่นดิน? หรือเคยสร้างคุณประโยชน์ใดแก่ราษฎร?”“เจ้ายังเทียบกระทั่งฉู่กั๋วกงไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยฉู่กั๋วกงยังเคยตีเมืองยึดดินแดน”“เจ้าก็แค่พึ่งพาอำนาจสตรีขึ้นมาเป็นปลิงดูดเลือด เป็
เถียนป๋อจือพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ มองชีหยวนด้วยสายตาเย็นชา มิได้มีท่าทีหวาดหวั่น พลันหัวเราะออกมา “เจ้าลำพองใจมากนักหรือ? ชีหยวน?”ชีหยวนฟาดฝ่ามือใส่เขาอีกฉาดหนึ่งดังเพียะ ทำเอาแก้มขวาของเขาบวมพองประหนึ่งหัวหมูลิ่วจินสะท้านขึ้นมาในใจทันทีตัดสินใจแน่วแน่ว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่หาญกล้าไปหาเรื่องคุณหนูใหญ่คุณหนูใหญ่นี่ช่าง...เมื่อครู่นี้เถียนป๋อจือมิได้ออมมือเลย ฟาดใส่แผ่นหลังของคุณหนูใหญ่ชีสุดแรง แผ่นหลังของนางเกิดบาดแผลที่เผยให้เห็นโลหิตกับเนื้อฉีก แถมยังมีหนามปักอยู่!นั่นจะต้องเจ็บปวดเพียงใดกัน?แต่คุณหนูใหญ่ชีนั้น นางกลับหาได้ใส่ใจไม่!ลิ่วจินคิดแล้วก็อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ มิน่าเล่า ท่านอ๋องมักกล่าวว่าคุณหนูใหญ่ลำบากนักไม่รู้เลยว่าเมื่อครั้งยังเยาว์วัย คุณหนูใหญ่ต้องทนทุกข์เพียงใด จึงได้หล่อหลอมเป็นคนเช่นนี้เถียนป๋อจือแววตาเยียบเย็น ไม่เพียงไม่ขอชีวิตแต่ยังหัวเราะลั่น “เจ้าคิดว่าฆ่าข้าแล้ว ไทเฮาจะไม่รู้เรื่องนี้หรือ? เจ้าคิดว่าฆ่าข้าแล้ว พวกเจ้าก็จะรอดปลอดภัยหรือ?”เขาจ้องชีหยวนด้วยความอาฆาต “ไทเฮาจะฆ่าเจ้าแน่ จักฆ่าล้างจวนหย่งผิงโหวทั้งตระกูล!”ออกมาปะปนอยู่ในวงการนี้ มีผู
และจุดที่นางยืนอยู่เมื่อครู่นั้น ต้นไม้อีกต้นก็ล้มครืนลงมาเสียงดังสนั่นลิ่วจินไล่ตามมาทันในที่สุด ครานี้ถึงกับตะลึงงันไปโดยเฉพาะเมื่อเห็นเถียนป๋อจือใช้ปืนไฟกระหน่ำยิงตามชีหยวนไม่หยุด หัวใจของเขาแทบจะกระดอนออกมานอกอก แล้วพุ่งเข้าหาเถียนป๋อจือทันทีมิลังเลแม้แต่น้อยเถียนป๋อจือก็มิได้ลังเล ยกปืนไฟขึ้นเล็งตรงไปยังลิ่วจินลิ่วจินตกใจจนแทบสิ้นใจเขาย่อมรู้ดีถึงอานุภาพของปืนไฟ มนุษย์กายเนื้อหนัง จะเปรียบได้อย่างไรกับสิ่งนี้? หากถูกยิงเข้าไป ต่อให้เป็นมหาเซียนสวรรค์ก็ช่วยชีวิตไม่ทันแต่ไม่มีทางเลือกแล้ว!เพราะท่านอ๋องตรัสไว้ว่า ต้องคุ้มครองคุณหนูใหญ่ชีให้ดี!ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูใหญ่ชีมาฆ่าเถียนป๋อจือ ก็สมควรแล้ว!ผู้คนที่ตายในลานสุนัขนั้น ล้วนเป็นสตรีและเด็กเล็ก ใครจะรู้ว่าก่อนสิ้นใจพวกเขาต้องทนทุกข์เพียงใดใช้คนไปเลี้ยงสุนัข ช่างเป็นเรื่องที่ฟ้าดินโกรธแค้น ผู้คนสาปแช่ง!เขาหลับตาลงทว่าในขณะนั้นเอง ชีหยวนไม่สนใจความเจ็บปวด เด็ดเอาเถาวัลย์อีกเส้นหนึ่งมา นำเถาวัลย์สองเส้นบิดรวมเข้าด้วยกัน แล้วสะบัดออกไปอย่างแรง พันแน่นกับมือของเถียนป๋อจือ จากนั้นกระชากสุดแรงเถียนป๋อจือเจ็บจนร้อ