ผู้ตรวจการเถี่ยยังคงสวมชุดขาวไว้ทุกข์ปล่อยผมสยาย คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าววาจาด้วยความชอบธรรมว่า “ฝ่าบาทคือฮ่องเต้ผู้ทรงปรีชา ตลอดหลายปีมานี้ ทรงสังหารขุนนางกังฉิน ลอกหนังพวกมันเป็นอุทาหรณ์ ทรงตั้งกฎหมายด้วยพระองค์เอง เปิดโรงเรียนให้ราษฎรได้อ่านเขียนหนังสือ……”“แต่ต่อให้พระองค์ทรงทำดีเพียงใด ราษฎรกลับไม่มีใครล่วงรู้!” เขาพูดพลางหอบหายใจแรงด้วยความโกรธจัด “สาเหตุนั้นอยู่ที่ใด? ก็อยู่ที่บรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางกินตำแหน่งเปล่าเหล่านี้! แต่ละคนด้านหนึ่งเสวยผลประโยชน์จากบรรดาศักดิ์ที่ตนมีอยู่ ด้านหนึ่งก็ยังละโมบไม่รู้จักพอ!”ฉู่ป๋อถอนหายใจเบา ๆผู้ตรวจการเถี่ยคือขุนนางที่ดีจริงแท้เขาเติบโตมาอย่างยากแค้น บิดาตายตั้งแต่ยังเล็ก มารดาก็แต่งงานใหม่ พาเขาไปอยู่กับครอบครัวใหม่เหมือนเป็นตัวเกะกะติดปลายมือ แต่ผู้ตรวจการเถี่ยกลับไม่เคยลืมกำพืด ทุกปีเมื่อถึงวันครบรอบวันตายของบิดา เขาจะลอบซื้อกระดาษเงินกระดาษทองไปเซ่นไหว้เสมอจนครั้งหนึ่งถูกพ่อเลี้ยงพบเข้า จึงถูกขับไล่ออกจากบ้านเด็กเจ็ดแปดขวบคนหนึ่ง ต้องอาศัยเลี้ยงชีพด้วยการต้อนวัว ซักผ้า ช่วยเลี้ยงเด็กในหมู่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมใฝ่เร
เจ้าเหล่าเถี่ยนี่เขาจะวิ่งพุ่งไปโขกเสาแล้วจริง ๆ หรือ!ฮ่องเต้หย่งชางพลันปวดหัวขึ้นมาทันที รีบตะโกนเรียกลู่อี้เฟิงว่า “เร็ว ๆ ๆ! ขวางเขาไว้! ขวางเขาไว้!”ผู้ตรวจการเถี่ยเอ่ยอย่างองอาจผึ่งผายว่า “เจ้าเถียนเป่าซื่อผู้นี้ ไม่เคยเห็นค่าชีวิตคนเลย ตั้งแต่หลายปีก่อนก็ทำให้มีผู้ตายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับถูกตระกูลเถียนใช้สารพัดวิธีปกปิดเอาไว้หมด!” “อย่างเมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังเพราะสุนัขตัวหนึ่ง ถึงกับคิดจะฟาดตีเอาชีวิตคุณชายสองคนแห่งจวนหย่งผิงโหว ในสายตาของเขา มนุษย์ยังต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขเสียด้วยซ้ำ!”“บ้านเมืองเรามีขุนนางตระกูลใหญ่เช่นนี้ ผู้ที่ตีมิได้แตะต้องมิได้ ได้เพียงลืมตาดูเขาสำราญอหังการไปทั่วโดยไม่มีใครห้าม!”“แล้วพวกเจ้าด้วย!”เขาหันกาย พลางถ่มน้ำลายใส่เหล่าขุนนางทั้งหลาย “ล้วนเป็นพวกไร้ค่าที่กินแรงบ้านเมืองไม่ต่างจากศพเน่า! เป็นพวกประจบสอพลอหาผลประโยชน์! พวกเจ้าที่ร่ำเรียนตำราของนักปราชญ์มาก็เสียเปล่า พวกเจ้าคือความอับอายของตำแหน่งขุนนางผู้ปกครองราษฎร!”“ลานสุนัขที่ทงโจว! มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายไม่รู้กี่ชีวิต ใช้คนเป็นอาหารสุนัขมากี่ปีแล้ว! ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีใครล่ว
ในท้องพระโรงเงียบสงัด หากเข็มตกคงได้ยินชัดเซียวจิ่งจาวคุกเข่าตัวตรงแน่ว เอ่ยเสียงสะอื้น “เสด็จปู่ หลานพาคุณหนูเฝิงไปชมการประลอง แต่ใครเล่าจะรู้ว่า...”เขาหยุดไปเนิ่นนาน กว่าจะหลับตาแล้วลืมขึ้นใหม่ เอ่ยอย่างเจ็บปวด “ใครเล่าจะรู้ เพียงเพราะหลานยื่นมือไปก้าวก่าย โต้เถียงกับเฉิงเอินกง เรียกร้องให้รีบช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ตรวจสอบความจริงเรื่องลานสุนัข ตระกูลเถียน ตระกูลเถียนก็ปล่อยสุนัขกัดคุณหนูเฝิง คู่หมั้นของหลานจนตาย!”เฮือก!บัดนี้ในท้องพระโรงไม่เงียบงันอีกต่อไป แต่ทุกคนกลับอดเสียงฮือฮาไว้ไม่ได้คำพูดเมื่อครู่ของเซียวจิ่งจาวหมายความว่าอย่างไร?!หมายความว่า ตระกูลเถียนคิดแก้แค้น คิดแก้แค้นที่เซียวจิ่งจาวเข้ามาแทรกแซง จึงปล่อยสุนัขกัดเฝิงไฉ่เวยตาย! กัดว่าที่พระชายาจวิ้นอ๋องตาย?!ตระกูลเถียน ตระกูลเถียนคิดว่าตนเองเป็นไท่ซ่างหวง[1]แล้วกระนั้นหรือ?!แม้แต่ฉู่ป๋อก็อดมิได้เงยหน้าเหลือบตาขึ้น มองเซียวจิ่งจาวอย่างพินิจหนึ่งแวบก่อนหน้านี้ล้วนคิดกันว่า วังบูรพามีเพียงพระราชนัดดาเท่านั้นที่ค้ำจุนอยู่แต่บัดนี้มองดูแล้ว จวิ้นอ๋องหนานอานก็เป็นผู้ที่โดดเด่นมิใช่น้อย!ดูศิลปะในการเจรจาของเขา
เดิมที ชีหยวนหาได้รู้สึกอันใดไม่ เพียงแค่เวียนศีรษะเล็กน้อยฮูหยินผู้เฒ่าชีถึงกับตกตะลึง รีบถาม “แล้วควรทำอย่างไรดี?”หมอหลวงหูถอนหายใจแรง “คุณหนูใหญ่ชี ท่านมียาแก้พิษใช่หรือไม่?”ชีหยวนรับคำ “มี ข้ากินไปแล้ว”......หมอหลวงหูอดกลอกตาไม่ได้ ยาแก้พิษก็กินไปแล้ว แล้วจะเรียกเขามาทำไมกัน?!บาดแผลนี้อีกไม่นานก็สมานเองมิใช่หรือ?!แต่ถึงจะขุ่นเคือง เขาก็ยังอดถามมิได้ “จริงสิ คุณหนูใหญ่ชี ยาแก้พิษของท่านนั่น ข้าขอดูได้หรือไม่?”เขาสงสัยใคร่รู้จริง ๆ ยาแก้พิษของคุณหนูใหญ่ชีดูท่าจะได้ผลเลิศแท้!ชีหยวนพยักหน้า ถอดน้ำเต้าเล็กที่เอวส่งให้ไป๋อิน ให้นางนำออกไปให้เขาส่วนตัวนางเองก็รวบเสื้อผ้านั่งขึ้น “ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว ท่านย่า ท่านน้าสะใภ้รองไม่ต้องกังวล บัดนี้สิ่งที่ข้าอยากรู้ยิ่งกว่าคือ เรื่องนี้เป็นเช่นไรแล้ว”เป็นเช่นไรหรือ?หมอหลวงหูจิ๊ปาก “เมืองหลวงวุ่นวายโกลาหลไปทั้งเมืองแล้ว!”เซียวจิ่งจาวเร่งม้าอย่างไม่หยุดยั้งกลับสู่เมืองหลวง ครั้นถึงก็รีบเข้าเฝ้าฮ่องเต้หย่งชาง นำความทั้งปวงกราบทูลโดยละเอียดให้ฮ่องเต้หย่งชางทรงทราบเดิมที ฮ่องเต้หย่งชางเร่งรัดให้สำนักขุนนางหลวงรีบจัดสรรเงินบ
สุดท้ายหลิวจงก็ไม่ได้ไปเชิญหมอมามิใช่ว่าเขาไม่อยากไปเชิญ แต่ยังไม่ทันที่หมอจะก้าวเข้าประตู เขาก็ถูกคนขวางเอาไว้เสียก่อนผู้ที่มาขวางเขา กลับเป็นเหล่าจ้าว ผู้ติดตามของพระราชนัดดาเพราะพระราชนัดดามักพาคนเหล่านี้ปีนกำแพงเข้าจวนโหวอยู่เสมอ หลิวจงย่อมจดจำใบหน้าผู้ติดตามของเขาเหล่านี้ได้โดยเฉพาะเหล่าจ้าวผู้นี้ช่างเอาใจเก่ง ทุกครั้งที่มา มักจะซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือมาให้คุณชายน้อยทั้งสองเสมอเสิ่นเจียหล่างกับชีอวิ๋นจื่อก็พากันชอบเหล่าจ้าวผู้นี้นักเหล่าจ้าวดักเขาไว้ “ไม่ต้องไปเชิญหมอทั่วไป ข้านำหมอมาด้วยแล้ว ใช้หมอของข้าเถิด”หลิวจงก็ไม่มีความเห็นอันใดคนของพระราชนัดดาย่อมไว้ใจได้มากกว่าเขาอยู่แล้วเขารีบรับคำทันทีเหล่าจ้าวก็นำหมอหมอหลวงหูเข้าไป หมอหูรีบก้าวตามพลางบ่นอุบ “โอยแม่คุณเอ๋ย เจ้าช่างหางานให้ข้าแท้ ๆ! ทางไทเฮาก็ยังรอข้าอยู่ เจ้าลากตัวข้ามาเช่นนี้ แล้วต่อไปข้าจะชี้แจงอย่างไรได้เล่า?!”คิดถึงเรื่องนี้ หมอหลวงหูก็อดส่ายหน้าไม่ได้เขาก็อยากจะฟังว่ามันเกิดเรื่องราวเช่นไรขึ้นกันแน่ตอนนี้ทั้งเมืองหลวง กำลังวุ่นวายโกลาหลพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ยินมาว่า ทางทงโจวมีราษฎรราว
ชีหยวนรับคำในลำคอเบา ๆ ครั้นเห็นไป๋จื่อกับเหลียนเฉียวดวงตาแดงก่ำก็ยิ้มบาง “ไม่เป็นอันใด พวกเจ้าไปตักน้ำให้ข้าเถิด แล้วหาชุดสะอาดมาด้วย”ไป๋จื่อกับเหลียนเฉียวก็รีบออกไปทันทีส่วนไป๋อินนั้นค่อย ๆ ถอนหนามอันแรกออกมาอย่างสงสารเดิมคิดว่าคุณหนูใหญ่จะร้องออกมาสักเสียงทว่าความจริงแล้ว ชีหยวนกลับไม่ส่งเสียงใดแม้แต่น้อยไม่รู้เพราะเหตุใด แต่เดิมไป๋อินยังมิได้ร้องไห้ ครานี้กลับกลั้นไม่อยู่ ต้องเบือนหน้าปาดน้ำตา ก่อนเอ่ยเสียงสั่นเครือ “คุณหนู หากเจ็บก็ร้องออกมาเถิดเจ้าค่ะ”ทว่าชีหยวนกลับไม่รู้สึกว่าเจ็บอะไรนางเคยถูกโจรสลัดยิงลูกศรทะลุกระดูกสะบัก ทิ้งร่างนางไว้บนชายหาด รอให้จมใต้น้ำทะเลที่ขึ้นสูงและเคยถูกองค์หญิงเป่าหรงสั่งคนให้ถอนเล็บมือเล็บเท้าทั้งหมดออกจนสิ้นความเจ็บปวดในเวลานี้ เมื่อเทียบกับตอนนั้น ก็แทบไม่คู่ควรให้พูดถึงแต่นางไม่รู้สึกปวด ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าชีกับฮูหยินรองชีที่เข้ามาเห็นภาพนี้ กลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่โดยเฉพาะฮูหยินรองชี นั่งลงบนขอบเตียงของชีหยวน แล้วรีบลุกขึ้นด้วยความร้อนรน “แม่หนูหยวน เจ็บหรือไม่?! ข้า ข้าจะไปหยิบโอสถจินชวงมาให้ ที่ข้ามีนั้นคือโอสถจินชวงชั้นดีท