ไป๋จื่อยังไม่รู้ว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เพราะนางไม่รู้จักเฝิงไฉ่อิน แต่จนกระทั่งเห็นสีหน้าของชีหยวนเปลี่ยนไป ขณะใช้ปลายนิ้วลูบไล้ตรวจดูบนใบหน้าของเฝิงไฉ่อินอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋จื่อถึงเพิ่งตระหนักขึ้นมาจนอุทานเสียงหลง “คุณหนู! นาง นางไม่ใช่คุณหนูไฉ่อิน ที่เมื่อครู่เพิ่งตามคุณชายฉางถิงของเราไปยังหลังเขาหรือเจ้าคะ?!”ครานี้แม้แต่ไป๋จื่อก็รู้สึกถึงความผิดปกติ รีบกำชายเสื้อชีหยวนไว้แน่นด้วยความร้อนรน “คุณหนู ตอนนี้ทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”สีหน้าของชีหยวนเยียบเย็น นางกดนิ้วลงบนจุดเหรินจง[1]ของเฝิงไฉ่อิน พลางควักเข็มทองออกมา กดให้เลือดไหลที่ปลายนิ้วของนาง ไม่นานนัก เฝิงไฉ่อินก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมานางยังคงงงงันสับสน เห็นชีหยวนกับไป๋จื่อก็เผลอพยายามจะดิ้นรนต่อต้าน ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรง ร่างจึงทรุดลงไปอีกครั้ง“เจ้าถูกวางยาสลบ” ชีหยวนเก็บเข็มทองเอียงศีรษะมองไปทีหนึ่ง แล้วถามเสียงเบา “เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”เฝิงไฉ่อินรู้สึกราวศีรษะจะแตกเป็นเสี่ยง ยกมือกดลำคอไว้ นานพอควรจึงพอมองเห็นใบหน้าชีหยวนกับไป๋จื่อได้ถนัด ก็รีบลุกขึ้นเอ่ยขอบคุณชีหยวนเพียงส่ายศีรษะเบา ๆ “ไม่เป็นไร คุณหนูเฝิง เจ้าร
ไป๋จื่อเบิกตากว้าง รีบหันไปมองไป๋อินทันทีไป๋อินก็รีบส่งสายตากะพริบตอบนางใต้เท้าไล่นี่ไม่ชอบมาพากลนัก!นี่คือ!ชีหยวนขมวดคิ้ว กวาดสายตานิ่งเรียบ พลางดันหีบกลับไปทางไล่เฉิงหลง “ไร้ความชอบไม่ขอรับรางวัลใต้เท้าไล่ ความสัมพันธ์ระหว่างเรามิจำเป็นต้องมอบของกำนัลให้”แต่ไล่เฉิงหลงกลับมีท่าทีอึดอัดขึ้นมา แววตาฉายแววลังเล เงียบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ ข้าตามหาของสิ่งนี้มานานนักกว่าจะได้มา ข้ามิได้มีความหมายอื่นใด เพียงหวังให้เจ้ารับไว้ เป็นน้ำใจจากสหายคนหนึ่งเท่านั้น”เขาพูดอย่างจริงใจและยังแฝงความมุ่งมั่นไม่ยอมถอยชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอื้อมมือรับมา เปิดฝาออกดูไป๋จื่อถึงกับรีบยกมือปิดปาก กักเสียงอุทานไว้แทบไม่ทันโอ้สวรรค์!นี่คือไข่มุกราตรีกลมเกลี้ยงเม็ดใหญ่ช่างงดงามเหลือเกิน!แถมยังเป็นสีชมพู!ไยถึงมีไข่มุกราตรีที่งามได้ถึงเพียงนี้?!ใต้เท้าไล่ไปเสาะหาของสิ่งนี้มาได้อย่างไร?!ชีหยวนเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน นางคิดว่าไล่เฉิงหลงกล่าวอย่างถ่อมตนเกินไป ตามหามานานกว่าจะได้มางั้นหรือ?ไม่หรอก ของเช่นนี้ ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต คนส่วนมากก็ยังไม่อาจพบเจอได
เมื่อเห็นว่าชีหยวนไม่ได้แสดงปฏิกิริยามากนัก ไล่เฉิงหลงก็อธิบายต่อว่า “คุณหนูใหญ่ อย่ามองเพียงจำนวนคนที่บาดเจ็บล้มตายว่ามีน้อยนัก เทียบไม่ได้แม้แต่การรบราฆ่าฟันระหว่างกลุ่มอันธพาลในหมู่บ้านของแผ่นดินต้าโจว เดิมทีพวกเขามีกำลังคนไม่มากอยู่แล้ว”เรื่องเหล่านี้ชีหยวนรู้ดีอยู่แล้วชาติก่อนนางก็เคยปะทะกับพวกโจรสลัดมาแล้วดังนั้นพอได้ฟังคำของไล่เฉิงหลง นางจึงเพียงตอบรับเสียงเบา “ข้ารู้ อีกทั้งคนที่ตายไปล้วนเป็นนักรบและนักสู้พเนจร สำหรับพวกเขาแล้ว คนพวกนี้ล้ำค่ามากนัก”แววตาที่ไล่เฉิงหลงมองชีหยวนจึงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่คาดคิดเลยว่าชีหยวนจะมีความรู้กว้างไกลถึงเพียงนี้ เขารู้เพราะเดินทางข้ามทะเลไปตงอิ๋งด้วยตัวเองแต่ชีหยวนกลับรู้อยู่แล้ว!นี่จึงนับว่าความสามารถแท้จริงเขาพยักหน้า ก่อนกล่าวต่อ “ฝ่ายชินอ๋องหวยเหลียงนั้น ตอนนี้บรรดาผู้สนับสนุนก็ผลักดันให้น้องชายของเขาขึ้นครองอำนาจแทน ใช้พระนามว่าชินอ๋องชิ่งโย่ว บัดนี้พวกเขากับตระกูลซานหมิงเป็นศัตรูกันแล้ว ส่วนตงอิ๋งเวลานี้ นอกจากสองฝ่ายนี้แล้ว ยังมีอีกสามกองกำลัง หนึ่งคือราชวงศ์ เพียงแต่ทุกวันนี้องค์จักรพรรดิเป็นเพียงหุ่นเชิด ไร้อำนาจ
ฮูหยินรองชีอ้าปากค้าง กัดริมฝีปากเอ่ยว่า “แต่ว่า…”ฮูหยินผู้เฒ่าชีปลอบโยนสะใภ้ “เจ้าอย่าเพิ่งร้อนรน ยังมิได้ตัดสินใจแน่นอนเลย แม่หนูหยวนบอกว่า เฝิงไฉ่อินผู้นี้เป็นเด็กสาวที่ดีนัก รู้ความและว่านอนสอนง่าย อุปนิสัยก็อ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย เหมาะกับฉางถิงอย่างยิ่ง”ฮูหยินรองชีจึงคลายกังวลลงบ้าง ไม่รู้ด้วยเหตุใด นางมักจะเชื่อใจชีหยวนเสมอฮูหยินผู้เฒ่าชีเห็นดังนั้นก็อดยิ้มมิได้ “อีกอย่างต้องให้เด็กทั้งสองได้พบหน้ากัน ดูใจกันก่อน แม่หนูหยวนมิใช่คนเผด็จการดันทุรัง นางก็หวังให้เรื่องคู่ครองของฉางถิงเป็นไปอย่างราบรื่น”เมื่อได้ยินดังนี้ ฮูหยินรองก็เบาใจลงในที่สุดนางถอนหายใจออกมา “เช่นนั้น ข้าจะไปถามหยวนหยวนสักหน่อย”ในตอนนี้ชีเจิ้นก็เอ่ยขึ้น “อย่าเพิ่งไปเลย ฝั่งนางกำลังยุ่งอยู่มาก”และก็เป็นเช่นนั้นจริง ชีหยวนกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในลานกับไล่เฉิงหลง เวลานี้ฤดูร้อนกำลังจะผ่านพ้นไป ใบไม้เริ่มเหลืองซีด ร่วงหล่นลงมาอยู่บนโต๊ะหินอยู่เนือง ๆไล่เฉิงหลงมองขนมหลายจานที่วางอยู่บนโต๊ะหิน ก็หัวเราะจนตาหยี “พูดตามตรง ช่วงที่ข้าไปอยู่ที่ตงอิ๋งนั้น ทุกวันช่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน! นานแล้วที่ข้าไม่ได้กิน
เมื่อท่านโหวผู้เฒ่าชีไปเล่าเรื่องนี้กับฮูหยินผู้เฒ่าชี นางก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที “อะไรนะ?! จะไปสู่ขอใคร?!”นางนึกว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นสมองเลอะเลือน อยากจะคืนดีกับตระกูลเฝิงเพื่อผูกสัมพันธ์กับฮองเฮาเฝิงเสียอีก ว่าแล้วก็หยิบไม้นวดตัวที่อยู่ข้างกายขึ้นมา ทุบไปที่ชีเจิ้นหนึ่งทีชีเจิ้นพลันสุดแสนอัดอั้น “ท่านแม่ ใช่ว่าข้าเป็นคนรับปากเสียหน่อย คำพูดก็ไม่ใช่ข้าพูด เหตุใดถึงมาทุบข้าเล่า?”ท่านแม่นี่ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เขาทำผิดอะไรหรือ?หากจะทุบ ก็ควรทุบท่านพ่อสิ!ไยถึงมารังแกผู้น้อยเช่นเขาแทนเล่า?ท่านโหวผู้เฒ่าชีหาได้สนใจว่าลูกชายจะถูกทุบไม่ รีบกดมือฮูหยินผู้เฒ่าชีไว้ พลางเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ใจเย็นก่อน ฟังข้าเล่าให้จบเสียก่อน”จากนั้นก็เล่าถึงเรื่องที่ชีหยวนตอบตกลงไว้ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงสงสัย “อย่างสกุลเฝิงน่ะหรือ เฝิงจวิ้นกับเฝิงไฉ่เวยก็ล้วนเป็นพวกเลวทราม ต้นไผ่เน่าอย่างตระกูลพวกเขาจะมีหน่อไม้ดีงอกมาได้หรือ?”คำพูดแม้จะฟังไม่รื่นหู แต่ก็พูดถูกแล้วจริง ๆตระกูลเฝิงมีลูกหลานไม่ได้เรื่องมาสองคนต่อเนื่องกันแท้ ๆท่านโหวผู้เฒ่าชีก็เอ่ยเสียงต่ำ “ครั้งนี้แตกต่างออกไป แม่หนูห
ชีหยวนหันไปมองเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ “ใต้เท้าไล่กลับมาแล้วหรือ? ผอมไปมากเชียว”ไล่เฉิงหลงยิ้มจนตาหยี ทว่าท้ายที่สุดก็อดถอนหายใจยาวออกมาไม่ได้ “ใช่แล้วล่ะ คุณหนูใหญ่เพียงแค่บอกข้าว่า หากไปตงอิ๋งแล้วจะมีชะตาร่ำรวยรออยู่ แต่หาได้บอกข้าไม่ว่า อาหารที่นั่นแย่ยิ่งกว่าอาหารสุกร!”ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่แม้แต่ชีหยวนเองก็หลุดขำเช่นกันเมื่้อเห็นว่าบรรยากาศผ่อนคลายลง เฝิงอวี้จางถึงกับผ่อนลมหายใจหนักหน่วงออกมาสวรรค์ทรงโปรด ยังดีที่บรรยากาศคลี่คลายลงเมื่อครู่เขารู้สึกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้อยากจะกินเขาเข้าไปเสียเขาคว้าโอกาส รีบร้อนอธิบาย “ใช่ ๆ ๆ ไฉ่อินจากตระกูลข้านี่เอง คุณหนูใหญ่ชีวางใจได้ ไฉ่อินของข้าเป็นเด็กสาวที่ว่านอนสอนง่ายและรู้ความแน่นอน! เรื่องใหญ่อย่างการสมรส ข้าไม่มีทางกล้าล้อเล่นเป็นอันขาด”เฮ้อ เขานี่ช่างลำบากนักหากมิใช่เพราะอยากผูกสัมพันธ์กับตระกูลชีไว้ให้ดี ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ เขาก็คงไม่ต้องมาทนลำบากลำบนอยู่ที่นี่เช่นนี้!ท่านโหวผู้เฒ่าชีกลืนถ้อยคำปฏิเสธกลับลงคอไป เพราะเขาเห็นท่าทีของชีหยวนที่ต่างออกไป