Se connecterน้ำตาของช่างเจวียนไหลพราก นางมองหลิงหว่านอย่างทำอะไรมิถูกหลิงหว่านกล่าวเสียงขรึม “หลงซู่กับเจี่ยงชิงกระทำการอัปยศยิ่งกว่าเดรัจฉาน แต่บิดาของเจ้ากลับยังสมรู้ร่วมคิดกับคนชั่ว!”“ช่างเจวียน บิดาเช่นนี้ เจ้ายังจะยอมรับเขาอีกหรือ?”ช่างเจวียนร้องไห้สะอึกสะอื้น “แต่ข้าจะทำเช่นไรได้? ข้ามิรู้... ข้า...”นางสะอื้นจนพูดต่อมิไหวหลิงอวี๋ป้อนโอสถถอนพิษเข้าปากฮูหยินช่างเรียบร้อยแล้วอันที่จริงฮูหยินช่างยังคงมีสติสัมปชัญญะดีอยู่ เพียงแต่ทั่วร่างไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งยังรู้สึกสิ้นหวังจนหมดอาลัยตายอยาก จึงมิอยากเอ่ยคำใดนางได้ยินคำพูดของหลิงหว่านทั้งหมด หยาดน้ำตาจึงไหลลงมาตามหางตาหลิงอวี๋ย่อมรู้ดีว่าฮูหยินช่างยังตื่นอยู่ นางจึงกล่าวอย่างใจเย็น “ฮูหยินช่าง ท่านคงพอจะเดาได้แล้วว่าท่านถูกพิษ!”“ท่านจะยอมตายอย่างมิเป็นธรรมเช่นนี้หรือ?”ครั้นช่างเจวียนได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนหยุดเสียงสะอื้น นางมองมารดาของตนอย่างตกตะลึงท่านแม่มิได้ป่วยหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลายเป็นถูกพิษไปได้?ผ่านไปเนิ่นนาน ฮูหยินช่างจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นนางพึมพำว่า “พวกเขาต้องการให้ข้าตาย ข้าจะมิตายได้หรือ?”“ข้ามิอยากให้... เจวี
พิษเช่นนี้ ก็มิใช่พิษร้ายแรงอันใด ด้วยความสามารถของเจี่ยงชิงแล้ว ไฉนเลยจะแก้มิได้?พูดตรงตามความจริงก็คือ เจี่ยงชิงมิเต็มใจจะรักษาฮูหยินช่างเลยต่างหากยิ่งไปกว่านั้น พิษที่ฮูหยินช่างได้รับในตอนนี้ก็อาจเป็นฝีมือของเจี่ยงชิงเอง!“พี่หญิง ไม่มีทางรักษาท่านแม่ของข้าแล้วหรือเจ้าคะ?”ช่างเจวียนคอยสังเกตสีหน้า ทันทีที่เห็นสีหน้าของหลิงอวี๋มิสู้ดีนัก จึงกล่าวออกมาอย่างสิ้นหวัง “ท่านแม่ของข้าต้องรอความตายอยู่อย่างนี้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”หลิงอวี๋กล่าวอย่างจนใจ “เจ้ารีบร้อนอันใดกัน ข้ายังมิได้บอกว่ารักษามิได้เสียหน่อย!”“เจ้ารอสักครู่ ข้าขอตรวจเลือดท่านแม่ของเจ้าก่อน!”ว่าแล้วหลิงอวี๋ก็หยิบเข็มฉีดยาออกมาดูดเลือดของฮูหยินช่างไปหนึ่งหลอด แล้วส่งเข้าไปตรวจในมิติระหว่างรอผลตรวจ หลิงอวี๋เอ่ยถามขึ้นว่า “คุณหนูช่าง เมื่อครู่ข้าฟังจากน้ำเสียงท่านน้าของเจ้า เหตุใดดูเหมือนท่านพ่อของเจ้าจะมิค่อยใส่ใจท่านแม่ของเจ้าเท่าใดนัก?”ช่างเจวียนฝืนยิ้มอย่างขมขื่น มิประสงค์จะตอบคำถามนี้บุตรย่อมมิกล่าวโทษบิดามารดา!แม้ว่าบิดาจะทำสิ่งใดมิถูกต้อง แต่ในฐานะบุตรสาว นางย่อมมิอยากกล่าวว่าร้ายบิดาของตนหลิงหว่านเ
มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังแว่วออกมาจากด้านใน “ชายใจดำผู้นั้นน่ะหรือจะเชิญท่านหมอมาให้น้องสาวข้า? เจ้ากำลังพูดเรื่องตลกอันใดอยู่?”“ไสหัวไป พวกต้มตุ๋นจากที่ใดกัน หากยังมิไป ข้าจะปล่อยสุนัขมากัดพวกเจ้าเสีย!”สิ้นเสียงตวาดของสตรีผู้นั้น ก็มีเสียงสุนัขเห่าดังตามมาสองสามคราจากด้านในหลิงอวี๋หูไวเป็นพิเศษ จึงได้ยินเสียงของเด็กสาวผู้หนึ่งแทรกปนมาด้วย “ท่านน้า ผู้ใดหรือเจ้าคะ?”สตรีผู้นั้นสบถกล่าวว่า “มิรู้พวกต้มตุ๋นมาจากที่ใด อ้างว่าท่านพ่อของเจ้าเชิญท่านหมอมาให้ท่านแม่ของเจ้า!”เด็กสาวผู้นี้คงเป็นช่างเจวียน บุตรสาวคนโตของช่างเผิงกระมัง!หลิงอวี๋ได้ยินนางกล่าวว่า “บางทีอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้นะเจ้าคะ? ท่านน้า เปิดประตูให้พวกเขาเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ!”“เพียงแค่มีความหวังว่าสามารถรักษาท่านแม่ของข้าให้หายได้ ข้าก็มิขอถือสาความไร้หัวใจที่เขามีต่อท่านแม่แล้ว!”เสียงฝีเท้าขยับใกล้เข้ามา มินานประตูก็เปิดออกหลิงอวี๋เห็นเด็กสาววัยสิบห้าสิบหกปีผู้หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูช่างเจวียนมีหน้าตาสะสวยหมดจด แม้ชุดจะเรียบง่ายซอมซ่อแต่ก็สะอาดสะอ้านนางแย้มยิ้มพลางมองมายังพวกหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยถามว่า “พี่ชายท
หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้เช่นนี้!เรื่องนี้มิเพียงแต่อธิบายได้ว่า เหตุใดบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมเช่นช่างเผิงจึงพลันกลับกลอกกระทำการอันไร้สัจจะทั้งยังอธิบายได้ว่า เหตุใดพระชายาอ๋องจิ้นจึงมิไปหาแม่ทัพสวี แต่กลับตรงมาหาช่างเผิงแทนนั่นเพราะพระชายาอ๋องจิ้นย่อมมั่นใจว่า ระหว่างแม่ทัพสวีกับนาง ช่างเผิงย่อมต้องเลือกนางอย่างแน่นอนฟางเจ๋อซึ่งอยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของหลิงหว่านก็ถึงกับสะดุ้งตกใจทว่าครู่ต่อมา ฟางเจ๋อก็เข้าใจกระจ่าง เขายิ้มขื่นพลางกล่าวว่า “หากช่างเผิงลอบมีสัมพันธ์สวาทกับพระชายาอ๋องจิ้นจริง เช่นนั้นทุกอย่างก็อธิบายได้!”“พวกท่านมิรู้หรอกว่า พระชายาอ๋องจิ้นนั้นรูปโฉมงดงามยิ่งนัก อายุราวสี่สิบปี ทว่ากลับดูเหมือนเพียงสามสิบต้น ๆ! มารดาข้าเป็นผู้น้องของนาง แต่ยามยืนคู่กัน ผู้อื่นกลับนึกว่ามารดาข้าเป็นพี่สาวของนางเสียอีก!”“ทั้งบำรุงเป็นอย่างดี กอปรกับชาติกำเนิดสูงส่ง ทั้งพิณ หมากล้อม อักษร ภาพวาดล้วนเชี่ยวชาญ สตรีเช่นนี้บุรุษใดบ้างจะมิชมชอบ!”“ฮูหยินของช่างเผิง ข้าเคยพบนางในงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง เป็นคู่หมายที่บิดามารดาของช่างเผิงจัดการให้ตั้งแต่ยังมีชีว
บัดนี้เมื่อได้ยินฟางเจ๋อเปิดเผยความลับของหลงซู่ โจวฮุยจะเชื่อใจช่างเผิงอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อไปได้อย่างไรหากสิ่งที่ฟางเจ๋อพูดเป็นความจริง เช่นนั้นการจับแม่ทัพสวีย่อมเพียงเพื่อหยุดแม่ทัพสวีจากการช่วยใต้เท้าหยางเปิดโปงหลงซู่น่ะสิและการจับตัวหยางหนานและฮูหยินหยางก็ย่อมเพื่อบังคับใต้เท้าหยางให้ยอมจำนนครั้นโจวฮุยเข้าใจทั้งเรื่องหมดนี้ ใจก็ดิ่งจมลงสู่ก้นบึ้งในทันทีช่างเผิงผู้นี้ทำเช่นนี้ก็เพราะเห็นแก่เกียรติยศและความมั่งคั่ง จึงตัดสินใจช่วยคนชั่วให้ทำความเลวเข่นฆ่าทำลายแม่ทัพสวีและครอบครัวของใต้เท้าหยางงั้นหรือ?แต่ปกติแล้วซ่างผิงมิใช่คนเช่นนี้เลย!สิ่งของย่อมแบ่งกลุ่มตามประเภท มนุษย์ย่อมแบ่งกลุ่มตามสันดานหากช่างเผิงเป็นพวกชอบแสวงหาชื่อเสียงอย่างฉาบฉวยเพียงนั้น โจวฮุยและแม่ทัพสวีคงมิคบหากับเขาเสมือนพี่น้องแล้วเหตุใดช่างเผิงถึงทำเช่นนี้?โจวฮุยมิเข้าใจจุดนี้เลยจริง ๆ!ส่วนด้านนอกค่ายทหาร ฟางเจ๋อมิได้สนใจเรื่องภายนอกมาเป็นเวลานาน เขาย่อมมิเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของช่างเผิงเป็นธรรมดาหลิงอวี๋เองก็เป็นคนนอก จึงยิ่งมิเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างช่างเผิงและแม่ทัพสวีมากนักหลิง
ช่างเผิงหัวเราะเย็นชา “ใช่!”“เจ้าสามารถส่งคำพูดนี้ไปให้ใต้เท้าหยางได้เลยว่า ตราบใดที่เขายอมจำนนแต่โดยดี ข้าก็จะรับรองความปลอดภัยของบุตรธิดาและภรรยาของเขาให้เอง!”ฟางเจ๋อมิได้ถามอะไรต่อ แต่กระซิบบอกหลิงอวี๋ว่า “หยางหนานและฮูหยินหยางทั้งครอบครัวถูกช่างเผิงจับตัวไว้ ยามนี้เราจะทำอย่างไรกันดีพ่ะย่ะค่ะ?”“เราจะบุกเข้าไปช่วยพวกเขาหรือไม่?”หลิงอวี๋มองพลธนูหนึ่งแถวนั้น พลันเอ่ยอย่างเย็นชา “บุกเข้าไปมิได้หรอก!”“ช่างเผิงเตรียมธนูไว้คอยเราแล้ว ท่านคิดว่าเขาจะมิเตรียมการภายในค่ายไว้ด้วยเหรอ?”“แม้เราจะบุกเข้าไปได้ แต่เราจะพาคนของหยางหนานและคนอื่น ๆ ออกมาอย่างปลอดภัยได้หรือ?”ฟางเจ๋อเงียบไปนี่มิใช่การสู้รบ แต่เป็นการช่วยเหลือคนหากมิอาจช่วยพวกหนานหยางออกมาได้ พวกเขาบุกเข้าไปก็ไม่มีความหมายอะไร“ฟางเจ๋อ เจ้าจงกล่าวกับเขาต่อไป บอกเรื่องชั่วร้ายที่หลงซู่กระทำทั้งหมดแก่เขา!”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อย “ข้าเชื่อในคำของหยางหนาน ไม่มีทางที่ผู้ใต้บัญชาของแม่ทัพสวีจะภักดีต่อหลงซู่เหมือนช่างเผิงไปเสียทั้งหมดหรอก!”“ช่างเผิงคนเดียวมิอาจใช้อำนาจได้ทุกอย่างหรอก ขอเพียงมีคนที่มีคุณธรรมเข้าใจความจริงอย่







