Masukช่างเผิงโน้มศีรษะลง มือทั้งสองกำแน่นเป็นหมัดถ้าเขาเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายก็แล้วไปเถิด แต่ช่างเผิงถึงกับสามารถได้รับการยอมรับจากแม่ทัพสวีและหยางหนาน ย่อมต้องมีข้อดีบางอย่างก่อนหน้านี้เขายังมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เพียงคิดว่าจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ในสิ่งที่เขากระทำบัดนี้ความจริงทุกประการประจักษ์ชัด ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนมิอาจปกปิดได้อีกช่างเผิงรู้สึกละอายอย่างยิ่ง รู้สึกราวกับตกสู่ก้นเหวชีวิตนี้ของเขาจบสิ้นแล้ว!แม้หลงซู่จะมาช่วยพวกเขาออกไปแล้ว แต่เขาจะเอาหน้าที่ไหนไปเผชิญหน้ากับผู้คน จะไปเผชิญหน้ากับสายตาดูถูกเหล่านั้นได้อย่างไร?“ผิดที่ข้าเอง!” ช่างเผิงพึมพำเขาคุกเข่าลงไปหนึ่งข้าง“แม่ทัพสวี เรื่องนี้ข้าเป็นคนทำเอง ข้าจะรับผิดชอบเอง!”“ข้าเป็นคนวางยาพิษกับพานเหมยเอง!”“และยังเป็นข้าที่บีบบังคับพระชายาอ๋องจิ้นจนทำให้นางตั้งครรภ์ลูกของข้า!”“ข้าสารภาพทุกสิ่งแล้ว หวังเพียงพวกท่านเมตตา เห็นแก่เด็กในท้องที่มิรู้อีโหน่อีเหน่ ปล่อยนางไปเถิด…”กล่าวจบ ช่างเผิงก็ยกมือขึ้นตบลงบนกระหม่อมของตัวเองหนึ่งฝ่ามือฝ่ามือนี้ของเขารวบรวมกำลังภายในทั่วสรรพางค์กาย จึงทำให้กระหม่อมของเขาแตกละเอียด
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างพระชายาอ๋องจิ้นกับช่างเผิงจะเป็นเรื่องที่มิอาจเปิดเผย ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ มาโดยตลอดแต่ทว่านางมีใจรักมั่นต่อช่างเผิงอย่างแท้จริงช่างเผิงเป็นคนเที่ยงธรรม อีกทั้งยังขยันหมั่นเพียร ครองคู่กันมานานเพียงนี้ พระชายาอ๋องจิ้นย่อมรู้นิสัยใจคอของเขาดี เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าจิตใจของช่างเผิงเริ่มสั่นคลอนเสียแล้วจะยอมให้เป็นเช่นนั้นมิได้!ขอเพียงพวกนางยืนกรานว่าไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน แม่ทัพสวีและคนอื่น ๆ ก็มิอาจทำให้ทุกคนปักใจเชื่อเรื่องการคบชู้ได้เช่นนั้นชื่อเสียงของหลงซู่ก็จะมิย่อยยับป่นปี้!พระชายาอ๋องจิ้นถลึงตาจ้องมองไปที่พานเหมยอย่างเคียดแค้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของสตรีนางนี้หากมิใช่เพราะนางกับช่างเจวียนออกมาแฉเรื่องราว เหล่าทหารใต้บังคับบัญชาของช่างเผิงก็คงไม่มีทางสงสัยในตัวเขาพระชายาอ๋องจิ้นตะคอกใส่พานเหมยด้วยโทสะ “พานเหมย เจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่?”“สามีเจ้ากับข้ามิได้มีเรื่องอันใดต่อกัน แต่เจ้ากลับจงใจสาดโคลนใส่พวกเรา!”“เจ้าต้องเกลียดชังช่างเผิงและลูกชายทั้งสองของเจ้ามากเพียงใดกัน ถึงได้จงใจทำลายชีวิตพวกเขาจนพังพินาศเช่นนี้?”“หญิ
พระชายาอ๋องจิ้นเผลอยกมือขึ้นปิดหน้าท้องของตนโดยมิรู้ตัวทว่ากิริยาท่าทางที่ยิ่งปิดก็ยิ่งเผยพิรุธ กลับยิ่งเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดนั้นเป็นความจริงพระชายาอ๋องจิ้นตะโกนก้องด้วยความอับอายระคนโทสะ “หลิงอวี๋ เจ้าอย่ามากล่าวหาคนอื่นพล่อย ๆ ข้ามิได้ตั้งครรภ์!”นางคิดว่าขอเพียงตนปฏิเสธเสียงแข็ง มิว่าคนพวกนี้จะพูดอย่างไร นางก็สามารถบ่ายเบี่ยงได้ว่าพวกเขาจงใจใส่ร้ายนางฮูหยินหยางปรายตามองพระชายาอ๋องจิ้นแวบหนึ่ง ก่อนจะแค่นหัวเราะอย่างดูแคลน “ข้ายืนยันได้ว่าสิ่งที่ฮองเฮาหลิงพูดนั้นเป็นความจริง พระชายาอ๋องจิ้นตั้งครรภ์ได้ราวสามเดือนแล้ว!”ฮูหยินหยางและหลิงอวี๋ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาแพทย์ เพียงมองรูปร่างของพระชายาอ๋องจิ้นปราดเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังตั้งครรภ์ทว่าพระชายาอ๋องจิ้นยังคงปฏิเสธคำยืนยันของฮูหยินหยาง “ฮูหยินหยาง เพื่อจะทำลายชื่อเสียงของข้า เจ้ากับหลิงอวี๋ช่างลงแรงเสียจริง!”พานเหมยที่คอยดูแลช่างเจวียนอยู่อีกด้านหนึ่งพลันตาสว่างขึ้นมาทันที เดิมทีนางนึกว่าเพราะพระชายาอ๋องจิ้นริษยามิอาจทนเห็นหน้าตนได้ จึงวางยาพิษหมายจะกำจัดตนเสียที่แท้นั่นเป็นเพียงสาเหตุหนึ่ง เหตุผลที
ช่างเผิงยืนตะลึงงันไปในทันที โจวฮุยไปทำเรื่องราวมากมายขนาดนี้ภายใต้จมูกของเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน?เหตุใดเขาถึงมิระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย?“ช่างเผิง เมื่อครู่ข้ายังนึกสงสัยว่า เหตุใดท่านถึงมิเห็นแก่มิตรภาพพี่น้องที่มีต่อท่านแม่ทัพสวีและหยางหนาน หรือแม้แต่บุญคุณที่ใต้เท้าหยางเคยชุบเลี้ยง แต่กลับปักใจแน่วแน่ที่จะสนับสนุนหลงซู่ถึงเพียงนี้!”“บัดนี้ ในที่สุดข้าก็กระจ่างแจ้งเสียที!”โจวฮุยแสยะยิ้มเย็นชา “ที่แท้ท่านก็ทำเพื่อพระชายาอ๋องจิ้นนี่เอง!”“ข้าน่าจะฉุกคิดได้ตั้งนานแล้ว หากรู้เร็วกว่านี้บุตรสาวของท่านก็คงมิต้องใช้ความตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง!”เมื่อพูดถึงตรงนี้ โจวฮุยก็ตะโกนถามออกไปด้านนอกเสียงดัง “แม่ทัพฟาง อาการของช่างเจวียนเป็นอย่างไรบ้าง?”เวลานั้นหลิงอวี๋กำลังรักษาช่างเจวียนอยู่เคราะห์ดีที่เมื่อครู่หลิงอวี๋ดึงรั้งไว้ได้ทัน กริชของช่างเจวียนจึงเพียงแค่บาดผิวเนื้อภายนอก มิได้แทงลึกเข้าไปถึงจุดสำคัญแม้จะมีเลือดไหลออกมาบ้างแต่ก็มิถึงแก่ชีวิตฟางเจ๋อตะโกนตอบกลับมาเสียงดัง “รองแม่ทัพโจว มีฮองเฮาหลิงอยู่ทั้งคน ช่างเจวียนมิตายหรอก!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวฮุยก็โล่งอก
ช่างเจวียนกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางแผดเสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวแทบขาดใจ“ท่านพ่อ กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังทัน อย่าได้ถลำลึกทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อสตรีเยี่ยงพระชายาอ๋องจิ้นอีกเลย!”“ปล่อยตัวท่านแม่ทัพสวีกับฮูหยินหยางเสียเถิด! อย่าได้ดันทุรังเดินในทางที่ผิดจนกู่มิกลับ ทำให้ตระกูลเราต้องแบกรับข้อหาอกตัญญู มิรู้คุณคนและไร้ซึ่งคุณธรรมน้ำมิตรเลย!”กล่าวจบ ช่างเจวียนก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าดังตึง นางร่ำไห้โฮพลางกล่าวว่า“ท่านพ่อ ท่านเป็นบิดาของข้า ต่อให้ท่านทำผิด เดิมทีก็หาใช่หน้าที่ของข้าที่จะลุกขึ้นมาเปิดโปงท่านไม่!”“ทว่าฮูหยินหยางและท่านแม่ทัพสวีมีบุญคุณต่อตระกูลเราอย่างลึกซึ้ง ต่อให้ช่างเจวียนจะชิงชังท่าน แต่ก็มิอาจทนเห็นท่านต้องถูกผู้คนทั่วหล้าตราหน้าก่นด่าไปชั่วชีวิต!”“พี่ชายทั้งสองยังต้องมีหน้ามีตาอยู่ในสังคม ท่านจะเห็นแก่ตัวทำลายอนาคตของพวกเขามิได้นะเจ้าคะ!”ช่างเจวียนมองช่างเผิงด้วยสายตาเว้าวอนสีหน้าของช่างเผิงแปรเปลี่ยนกลับไปกลับมา พระชายาอ๋องจิ้นเกรงว่าเขาจะใจอ่อน จึงขยับเข้าไปกระซิบถ้อยคำบางอย่างข้างหูเขาเสียงนั้นเบายิ่งนัก ต่อให้หลิงอวี๋จะมีโสตประสาทดีเยี่ยมเพียง
พานเหมยเห็นช่างเผิงสาดโคลนใส่ตนเองเช่นนั้น ก็ผิดหวังจนถึงที่สุดทว่าเมื่อความเสียใจพุ่งแตะขีดสุด หัวใจกลับด้านชาจนมิรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป!พานเหมยหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “หากจะพูดถึงผลประโยชน์ ข้าก็รับมาจริง!”“เพราะการที่ข้าอาการดีขึ้นจนมายืนอยู่ที่นี่ได้ ล้วนเป็นความดีความชอบของฮองเฮาหลิง!”“พระนางเป็นผู้ช่วยชีวิตข้า!”พานเหมยหันไปมองช่างอี้และช่างเฉียง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แม่ทัพฟางมิได้คิดสังหารข้าแต่แรก! เขาเพียงใช้การกระทำนี้เพื่อให้พวกเจ้าสองคนได้เห็นธาตุแท้ท่านพ่อของพวกเจ้า!”“ช่างอี้ ช่างเฉียง ข้าถูกพิษ ท่านพ่อเจ้ามิได้ช่วยข้า! ยามข้าถูกจับเป็นตัวประกัน ท่านพ่อเจ้าก็เอาแต่อ้างคุณธรรมจอมปลอม อ้างความถูกต้องเพื่อแคว้นบ้านเมือง…”“พวกเจ้ายังดูมิออกอีกหรือ? เขาหวังให้ข้าตายมาตั้งแต่ต้นแล้ว!”ช่างอี้ตะลึงงัน เขามองมารดาด้วยความกังวลระคนสับสน แล้วหันไปมองบิดาช่างเฉียงยังเด็กนัก มิเข้าใจเล่ห์กลซับซ้อน จึงเอ่ยถามออกไปตรง ๆ ว่า “ท่านแม่ เหตุใดท่านพ่อถึงอยากให้ท่านตายขอรับ?”“เพราะว่า…”ช่างเจวียนทนต่อไปมิไหวอีกแล้ว นางมองพระชายาอ๋องจิ้นที่ยืนเคียงข้างช่างเผิง และรู้







