“เจ้าค่ะ คุณหนู!”แม้ว่าเถาจื่อจะกังวล แต่ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็หยิบยาแก้พิษออกมากินเข้าไปวรยุทธ์ของหลิงอวี๋สูงกว่าของตน อีกทั้งยังฉลาดมากด้วย เถาจื่อรู้ว่าหากเปิดเผยสถานะของตนออกไปแล้วจะถูกหลิงอวี๋สังหารดังนั้นหากมิมั่นใจเก้าในสิบ นางก็ไม่มีทางจะลงมือง่าย ๆ“คุณหนู ห้องปรุงโอสถมืดสนิทเชียวเจ้าค่ะ คงไม่มีใครอยู่เป็นแน่ เราถือโอกาสนี้เข้าไปสำรวจกันเถิดเจ้าค่ะ!”เถาจื่อเสนอออกไป“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสายลับของหลงเพ่ยเพ่ยบอกว่าอูอวี๋หลานวางค่ายกลพิษไว้ข้างนอกห้องปรุงโอสถ?”หลิงอวี๋กระซิบออกไป “รอให้ข้าตรวจสอบดูสักหน่อยก่อน เผื่อจะเป็นกับดัก! เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปดูเอง!”หลิงอวี๋ย่องเข้าไปอย่างเงียบ ๆ รั้วไม้ที่ล้อมรอบห้องปรุงโอสถไว้เหล่านั้นมีความสูงเท่ากับตัวคนหลิงอวี๋เพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นยาจาง ๆ อยู่บนรั้วไม้ นางตรวจสอบรั้วไม้นั้นอย่างตั้งใจ แล้วก็เห็นว่าบนรั้วไม้มีเถาวัลย์ขึ้นปกคลุมอยู่เต็มไปหมด และด้านบนก็มีดอกไม้อยู่ด้วยดอกไม้เหล่านี้มีสีแดง ม่วงและดำ ล้วนเป็นสีเข้มมาก เห็นได้ชัดว่ามีพิษกลิ่นหอมยังมีส่วนประกอบที่มีฤทธิ์หลอนประสาทด้วย หากหลิง
วันที่สิบห้ามาถึงอย่างรวดเร็วในวันนี้ ทุกคนแยกย้ายกันเดินทางจากเมืองหลวงแดนเทพในยามเที่ยง และแยกกลุ่มกันเดินทางไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์พวกเขาอยู่ที่เมืองเล็กหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ รอจนฟ้ามืดก่อนแล้วค่อยลอบเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เมื่อฟ้ามืดลงทุกคนก็แยกกันดำเนินการไปตามแผนทางด้านหลิงอวี๋ เถาจื่อยืนกรานจะเข้าไปสำรวจห้องปรุงโอสถกับหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนคิดว่าเถาจื่อไปด้วยก็อาจจะช่วยหลิงอวี๋ได้เช่นกัน เขาจึงตกลงกลุ่มคนที่เข้าร่วมในปฏิบัติการเขาวลาหกนั้นอาศัยความมืดพรางตัวเข้าไปในหุบเขาอย่างเงียบ ๆบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันประกอิบพิธีไหว้พระจันทร์ของตระกูลสตรีศักดิ์สิทธิ์ การเฝ้าระวังในหุบเขาจึงหละหลวมมาก กลุ่มของเซียวหลินเทียนจึงจัดการเหล่าผู้คุ้มกันได้อย่างสบาย ๆเพื่อป้องกันมิให้ถูกสกัด เผยอวี้จึงพาองครักษ์สองสามคนให้ปลอมตัวเป็นผู้คุ้มกันอยู่เฝ้าระวังที่นี่ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินทางกันต่อพิธีไหว้พระจันทร์บนยอดเขาเทพธิดาที่อยู่ไกล ๆ นั้นกำลังดำเนินการ พวกของหลิงอวี๋ก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีดังมาอยู่แว่ว ๆกระทั่งไปถึงทางแยก ก็ต้องแยกทางกันไปปฏิบัติการเซียวหลินเทียนหยุดเด
เจ้าแห่งทะเลยังมิได้เพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์จากอำนาจที่ได้รับมากพอเลย เขายังมีสิ่งที่อยากทำอีกมากมาย แต่เพียงพริบตาก็ผ่านไปครึ่งชีวิตแล้วเขามองเสด็จพ่อชราตัวลงทุกวัน และคิดว่าในอีกยี่สิบปีข้างหน้าตนก็คงจะเป็นเช่นเสด็จพ่อ จึงได้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา...หรือว่าอูอวี๋หลานก็ทำเช่นเดียวกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ใช้เด็กสาวเหล่านั้นมาบำเพ็ญตนในเส้นทางชั่วร้ายหรือ?เช่นเดียวกับที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสามารถแย่งชิงพลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นได้ บางทีใต้หล้านี้อาจจะมีวิชาลับที่สามารถขโมยอายุขัยของผู้อื่นได้ก็เป็นได้!บางทีอูอวี๋หลานอาจจะจับตัวเด็กสาวเหล่านั้นไว้ เพื่อทำเรื่องทำนองนี้พวกหลิงอวี๋ต่างก็มิรู้ว่าเถาจื่อทรยศพวกเขาไปหมดแล้วทุกคนเตรียมพร้อมกันเรียบร้อย และรอที่จะเข้าไปช่วยแม่นมอูที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในวันที่สิบห้านี้อาการบาดเจ็บของเย่หรงฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว เขารู้มาจากหลงเพ่ยเพ่ยว่าพวกหลิงอวี๋จะไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงขอเดินทางไปด้วยหลงเพ่ยเพ่ยจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างกังวล “อาการบาดเจ็บของเจ้ายังมิหายดี เจ้าอย่าไปเลย จะได้เลี่ยงมิให้เกิดเรื่องมิคาดคิดขึ้นอีก!”“ข้าไปได้!”เย่หรงย
“ขอข้าคิดดูก่อนว่าจะทำอย่างไร!”แม้ว่าเจ้าแห่งทะเลจะตื่นเต้น แต่ก็มิได้ขาดความมีเหตุและผลไปเจ้าแห่งทิศใต้มาหาเขา และได้บอกเรื่องที่วังเทพของหวงฝู่หลินถูกตงกู่อวี้ยึดครองไปแล้วแม้ว่าเจ้าแห่งทะเลจะดูแคลนเรื่องการกลับชาติมาเกิด แต่ลึก ๆ ในใจเขาก็ยังคงระแวงตงกู่อวี้อยู่ตงกู่อวี้มอบบ่อนพนันในเมืองหลวงแดนเทพของสำนักซิงหลัวให้กับเจ้าแห่งทะเล แต่เจ้าแห่งทะเลคำนวณดูก็เห็นว่าผลกำไรจากบ่อนพนันเพียงหนึ่งแห่งก็น่าตกใจถึงเพียงนี้แล้วเช่นนั้นในช่วงหลายปีมานี้ ความมั่งคั่งที่สำนักซิงหลัวกวาดต้อนไปนั้นต้องน่าตกใจมากแน่ ๆหากเจ้าสำนักซิงหลัวไม่มีความทะเยอทะยาน แล้วนางจะต้องการเงินมากมายถึงเพียงนั้นไปเพื่อการใดกัน?เจ้าแห่งทะเลเข้ามารับช่วงต่อบ่อนพนัน ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นผู้ดูแลและมหาปราชญ์ที่ติดต่อกับตน ตนมิเคยได้พบกับเจ้าสำนักซิงหลัวเลยวังเทพร่ำรวยมหาศาล ก่อนหน้านี้มหาปราชญ์บอกว่าที่เจ้าสำนักซิงหลัวเข้ายึดครองวังเทพก็แค่ต้องการแก้แค้นเท่านั้น เรื่องเงินล้วนมอบให้เจ้าแห่งทะเลได้ทั้งหมดแต่คำสัญญาด้วยวาจาเช่นนี้จะคิดเป็นจริงได้หรือ?ก่อนหน้านี้เจ้าแห่งทะเลมิเคยเข้าใจเลยว่าความทะเยอทะ
เมื่อฟังรายงานของเถาจื่อจบ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ขมวดคิ้วแม้ว่าเรื่องเหล่านี้ที่เถาจื่อบอกจะล้วนสำคัญมาก แต่สิ่งที่เจ้าแห่งทะเลอยากรู้ที่สุดก็คือวิธีใช้หยกหล้าสุขาวดีแต่เรื่องวิธีใช้หยกหล้าสุขาวดีนั้นเถาจื่อกลับมิได้ข้อมูลเลยแม้แต่น้อย“เถาจื่อ แม่มิได้บอกเจ้าหรือว่าสิ่งที่ท่านพ่อของเจ้าทรงใคร่รู้ที่สุดคือวิธีใช้หยกหล้าสุขาวดี?”“เหตุใดเจ้ามิได้ข้อมูลกระไรเลยเล่า?”ชายาเจ้าแห่งทะเลบ่นออกไปเถาจื่อก็เอ่ยออกมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “ท่านแม่ ข้าเองก็อยากจะสืบเช่นกัน แต่สืบมิได้เลยเจ้าค่ะ!”“พวกหานเหมยต่างก็มิรู้ และมิเคยได้ยินหลิงอวี๋พูดด้วย!”“คาดว่าหลิงอวี๋เองก็คงมิรู้จริง ๆ เจ้าค่ะ จริงสิ ก่อนหน้านี้นางถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใช้เข็มเงินปิดผนึกสมองของนางไว้ นางจึงลืมเรื่องในอดีตไป!”“เป็นเพราะเหตุนี้หรือไม่เจ้าคะ นางถึงได้ลืมไปแล้วว่าจะใช้หยกหล้าสุขาวดีอย่างไร?”ก่อนหน้านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิรู้เรื่องที่หลิงอวี๋ความจำเสื่อม เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย“หลิงอวี๋รู้จักเย่ซงเฉิงมิใช่หรือ? เหตุใดนางรู้อยู่แก่ใจว่ามีเข็มเงินอยู่ในสมอง แต่กลับมิให้เย่ซ่งเฉิงช่วยปลดออกมาเล่า?”ชายาเจ
หลิงอวี๋ดูแผนที่เขาวลาหกแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยหากต้องการเข้าเขาวลาหกจะต้องผ่านหุบเขาแคบ ๆ ซึ่งมีความยาวเกือบหนึ่งลี้ ตำแหน่งที่ตั้งของหุบเขานี้ถือได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่แม้จะมีคนเฝ้าอยู่คนเดียวก็สามารถสกัดคนนับหมื่นได้หากพวกเขาเข้าสู่เขาวลาหกนี้ ขอเพียงอูอวี๋หลานส่งมือธนูมาเฝ้าที่ทางเข้า มิว่าวรยุทธ์ของพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดก็มิสามารถฝ่าเข้าไปได้แน่ส่วนด้านหลังเขาวลาหกเป็นเทือกเขาที่มิรู้จักต่อเนื่องกันเป็นแนวยาว ทั้งดูโบราณและลึกลับ คาดว่าต่อให้เดินอยู่หลายปีหรือกระทั่งหลายสิบปีพวกเขาก็มิอาจเดินออกมาได้เมื่อถึงเวลานั้นก็จะเป็นดังเช่นที่เซียวหลินเทียนบอกไว้ว่าเป็นหมูในอวย“พวกเราต้องช่วยเหลือคน แต่เมื่อช่วยคนแล้วก็จำเป็นต้องมีทางหนีทีไล่ ถึงเวลานั้นเผยอวี้จะต้องนำกำลังคนไปจัดการทหารยามที่ทางเข้าหุบเขาไว้ก่อน!”เซียวหลินเทียนมอบหมายภารกิจให้ทุกคนราวกับวางแผนการรบเถาจื่อพยายามจดจำแผนที่และการวางแผนของเซียวหลินเทียนอย่างตื่นเต้นอยู่ด้านข้าง วันนี้นางจะต้องหาโอกาสรายงานข้อมูลนี้กับชายาเจ้าแห่งทะเลให้จงได้นี่เป็นโอกาสที่จะจัดการเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋ และกำจัด
หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยว่า “ตอนที่เอ่ยถึงห้องปรุงโอสถนี้ สายลับบอกว่าคนสืบข่าวของเขาหวาดกลัวมากจนพูดต่อไปมิได้!”“เขาต้องใช้สารพัดวิธีจึงจะง้างปากของสายผู้นี้ได้ คนสืบข่าวผู้นั้นบอกว่า อูอวี๋หลานอยู่ในห้องปรุงโอสถนั้นมิได้ทำการปรุงโอสถ แต่กำลังทำเรื่องที่มิอาจให้ใครเห็นได้!”“นางบอกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้อูอวี๋หลานหาเด็กสาววัยแรกแย้มหลายคนมาจากแต่ละที่ แล้วพาพวกนางเข้าไปในห้องปรุงโอสถ แต่หลังจากที่เด็กสาวเหล่านั้นเข้าไปแล้ว กลับไม่มีใครมีชีวิตออกมาเลย! แม้แต่ร่างก็มิเห็นว่าถูกขนย้ายออกมา!”“อีกทั้งสองสามวันนั้นที่เด็กสาวเหล่านั้นเข้าไปในห้องปรุงโอสถ พวกเขาได้รับคำสั่งมิให้เข้าใกล้ห้องปรุงโอสถในระยะสองร้อยเมตรด้วย!”“แต่ถึงกระนั้น คนในตระกูลบางคนที่ทำงานบนภูเขาวลาหกก็มีคนได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องปรุงโอสถ ว่ากันว่าเมื่อได้ยินแล้วจะรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว!”“คนสืบข่าวผู้นั้นยังบอกอีกว่า แม้ว่าพวกเขาจะมิสามารถเข้าใกล้ห้องปรุงโอสถได้ แต่มองจากที่สูงลงมา ก็สามารถเห็นได้ว่าสองสามวันนี้ห้องปรุงโอสถล้วนเปล่งแสงประหลาดออกมา เมื่อเสียงกรีดร้องหยุดลง แสงนั้นก็จะหายไป!”“และทุกครั้งก่อนที่อ
หลังจากที่เฉียวไป๋จากไปแล้ว คนรับใช้ของตระกูลเฉียวก็เฝ้าสุสานอยู่สองวัน แต่ก็มิพบสิ่งผิดปกติใด ๆฮูหยินเฉียวยังคงมิสบายใจ จึงสั่งให้คนรับใช้อาศัยตอนกลางคืนขุดหลุมฝังศพของเฉียวไป๋ หลังจากยืนยันว่าคนที่อยู่ข้างในคือเฉียวไป๋แล้ว นางจึงจะให้คนรับใช้ถอนกำลังกลับไปคนของเผยอวี้จับตาดูอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าคนรับใช้ของตระกูลเฉียวกำลังขุดหลุมฝังศพ พวกเขาก็แอบดีใจที่ศพปลอมที่พวกเขาเตรียมไว้นั้นสามารถหลอกคนของตระกูลเฉียวได้หลังจากที่เผยอวี้ได้รับข่าวก็รายงานหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนเผยอวี้เอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจ “โชคดีที่พวกเขาขุดเพียงหลุมศพของเฉียวไป๋เท่านั้น หากขุดหลุมศพของท่านอาเฉียวและชิงเหวินด้วย ก็คงจะความแตกไปแล้ว!”ตอนนั้นเป็นการตัดสินใจเร่งด่วนว่าจะเปลี่ยนสุสานของท่าอาเฉียวและชิงเหวิน เผยอวี้มิทันได้ไปหาศพสองศพมาสวมรอยพวกเขา ดังนั้นโลงศพของท่านอาเฉียวและชิงเหวินจึงล้วนว่างเปล่า!เซียวหลินเทียนยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ตามที่อาอวี๋บอก นี่เป็นการตัดสินด้วยความคิดตามนิสัยของคน ฮูหยินเฉียวเห็นกับตาแล้วว่าท่านอาเฉียวและชิงเหวินตายแล้ว ดังนั้นนางจึงมิสงสัยว่าพวกเขาแกล้งตาย!"“ดังนั้นจึงขุดแต่หลุม
กระทั่งท่านอาสุ่ยและไป่หลี่ไห่มาตามคำเชิญ หลังจากการตรวจสอบของทั้งสองคน และยืนยันแล้วว่าเฉียวไป๋ตายแล้วจริง ๆไม่มีชีพจร มิหายใจ หัวใจมิเต้น...ฮูหยินเฉียวเองก็ลองเองด้วยเช่นกัน สุดท้ายนางก็เห็นด้วยกับการตัดสินของไป่หลี่ไห่และท่านอาสุ่ย จึงตกลงให้เผยอวี้และคนอื่น ๆ นำร่างของเฉียวไป๋ไป“พวกเจ้าจะนำพวกเขาไปฝังไว้ที่ใด? ข้าจะส่งคนไปช่วยพวกเจ้าขุดหลุมฝังศพ!”ฮูหยินเฉียวเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา“ก่อนหน้านี้เฉียวไป๋ซื้อที่ฝังศพไว้ที่หนึ่ง อยู่ห่างจากชานเมืองออกไปสิบลี้ หากฮูหยินยินดีที่จะส่งคนไปช่วย พวกข้าก็ย่อมยินดีอยู่แล้ว!”เผยอวี้รู้ว่าฮูหยินเฉียวต้องการเห็นเฉียวไป๋ถูกฝังด้วยตาของนางเองก่อนแล้วจึงจะสบายใจ เขาจึงมิปฏิเสธ แล้วพาคนรับใช้ของตระกูลเฉียวไปแบกร่างของเฉียวไป๋ขึ้น จากนั้นจึงขอตัวลาเหล่าคนรับใช้ของตระกูลเฉียวขุดหลุมฝังศพสามหลุมในสุสานที่เฉียวไป๋ซื้อไว้ที่เนินสิบลี้ แล้วทำพิธีฝังเฉียวไป๋ ท่านอาเฉียวและชิงเหวินทีละร่างหลังจากเสร็จสิ้นแล้ว คนรับใช้ของตระกูลเฉียวก็ไปรายงานฮูหยินเฉียวฮูหยินเฉียวยังคงมิสบายใจ จึงส่งคนรับใช้สองคนไปคอยเฝ้าหลุมศพไว้นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ทำอย่างเงียบ