ในห้องนั่งเล่น
ข้าวหอมเปิดประตูบ้าน ค่อย ๆ หันกลับไปมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วผลักบานประตูให้เปิดออกช้า ๆ
“เข้ามาก่อนสิคะ”
เธอพูดเบา ๆ โดยไม่ต้องเอ่ยคำเชื้อเชิญยืดยาว เขาเดินตามเข้าไปโดยไม่ลังเล ก่อนประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งความวุ่นวายไว้ด้านนอก
แสงไฟอุ่นในห้องนั่งเล่นค่อย ๆ ไล่ความเย็นชาในใจของทั้งสอง และ...ค่ำคืนนี้ ก็เพิ่งจะเริ่มต้น
เขานั่งบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง หันไปมองเธอเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาว 2 แก้ว
“เห็นคุณดื่มไปเยอะในงาน เลยทำอันนี้มาให้ค่ะ”
เธอยื่นให้ เขารับไว้เงียบ ๆ ก่อนดื่มช้า ๆ สายตายังไม่ละไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“คุณเห็นด้วยใช่ไหม?”
เขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้… ใกล้จนเธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง
“หะ…เห็นอะไรคะ?”
“ว่า…คืนนี้ผมอยากอยู่กับคุณ...แค่สองคน”
เขากระซิบเบา ๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนจากลมหายใจที่ทำให้เธอเคลิ้ม
“ตะ...ตัวคุณหอมจัง” ‘โอ้ยยยย ยัยข้าว พูดอะไรออกไปเนี่ย!’
เขาหัวเราะเบา ๆ สบตาเธอ
“ชอบเหรอ หึ...”
‘ชอบค่ะ ชอบมากเลย!’ แต่เธอกลับแค่ยิ้ม...แล้วหลบตา
เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น เหมือนจะรอให้เธอเป็นคนเปิดใจ...อีกนิด
“มาทำอะไรที่เกาหลี แล้ววันนั้นที่บอกจะคอลหาผม...มีอะไรหรือเปล่า”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ขณะมองเธอด้วยแววตาอ่อนแสง ราวกับกลัวว่าเธอจะตกใจมากกว่าที่เป็นอยู่แล้ว
เธอก้มหน้าหลบสายตาคมนั้น แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ ก่อนเสียงเล็กจะตอบเบาๆ
“ไม่มีอะไรค่ะ...แค่...คิดถึง”
คำสุดท้ายหลุดออกมาราวกับลมหายใจ เบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่กลับดังชัดเจนในใจของเขา
ไดออนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆ คลี่บนใบหน้าแบบห้ามไม่อยู่ รอยยิ้มที่ทั้งขี้แกล้ง ขี้เล่น และ...ตกหลุมรักเธอหมดหัวใจ
“คิดถึงผม?”
คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแกล้ง ๆ ใบหน้าหล่อนแดงซ่านจนถึงใบหู ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี ได้แต่นั่งเม้มปาก แอบหลบสายตาเขาอย่างน่ารัก
“ขอโทษนะครับ...” เขาเปลี่ยนจากโหมดกวนมาเป็นจริงจัง
“วันนั้นผมอยู่กองถ่าย กำลังจะเข้าฉากพอดี...ผมเลยไม่ได้รับสายคุณ แต่ผมโทรกลับนะ ทั้งโทรทั้งไลน์...”
“ฉันต้องขึ้นเครื่องพอดีค่ะ จะตอบได้ยังไงละ”
เธอว่า พร้อมโยค้อนเล็กๆให้เขาอย่างน่ารัก เขาหัวเราะเบา ๆ กับท่าทีของเธอ
“แล้ววันนี้...ทำไมถึงไปอยู่ในงานวันเกิดของพัคจองฮุนได้?”
น้ำเสียงเขาอ่อนลง แต่สายตายังคงไม่ละจากเธอ...เต็มไปด้วยคำถาม และความไม่พอใจบางอย่าง
“ฉันไปกับมินยง เรากำลังจะขยายแบรนด์ที่เกาหลี งานนั้นเลยเป็นโอกาสดีที่จะได้เจอคนในวงการมากขึ้นค่ะ”
เธออธิบายอย่างตรงไปตรงมา
“แต่คุณดูสนิทกันมากกว่าคนที่เพิ่งเจอกันนะ…”
เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเลิกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นผ้าพันแผลที่พันรอบแขนเรียว
“มันทำอะไรคุณ?”
เสียงเขาเข้มขึ้นทันที ร่างกายขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาคมกริบจ้องแขนของเธอราวกับจะฆ่าคนได้
“ใจเย็นก่อนค่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรฉันเลย”
เธอรีบบอก ก่อนจะค่อยๆ เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“ตอนเช้าฉันออกไปวิ่ง แล้วเจอแมวติดอยู่บนต้นไม้ ฉันเลยปีนขึ้นไปช่วย...แล้วก็...”
“อย่าบอกนะว่าคุณตกลงมา แผลนี่ก็คือผลของความ ‘ซน’ ใช่ไหม”
เขาหยิบแขนเธอขึ้นมาวางไว้บนตักเบาๆ นิ้วโป้งลูบผ่านผ้าพันแผลด้วยความอ่อนโยน
“ไม่เจ็บเหรอ…” เขาถามเสียงเบา
“เจ็บมากเลยค่ะ” เธอทำหน้าหงอยทันที เหมือนจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้
“อย่าซนแบบนี้อีก...รู้ไหม หึ”
เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ ลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างปลอบใจ ราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยที่เขาหวงแหน
หญิงสาวสะบัดหน้าหนีเบา ๆ ก่อนจะบ่นงุ้งงิ้ง
“ข้าวไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ อย่ามาหาว่าข้าวซนสิ”
“ผมชอบจังเลย...” เขาหัวเราะเสียงต่ำ
“เวลาคุณเรียกตัวเองว่า ‘ข้าว’...น่ารักชะมัดเลยครับ น้องข้าวของผม”
เธอเบิกตาโพลง รีบหันมามองหน้าเขา แต่สิ่งที่เจอกลับเป็นรอยยิ้มละมุนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดี ๆ จนเธอพูดอะไรไม่ออก
หัวใจดวงเล็กของเธอ...กำลังเริ่มถูกครอบครองทีละนิด ด้วยผู้ชายคนนี้...ที่หวงเธอ รักเธอ และ...ไม่เคยยอมให้ใครเข้ามาแทนที่เธอในใจได้เลย
“ฉัน...” ร่างบางลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันกลับไปหยิบของบางอย่างจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก
“เอาแขนมาสิ”
เธอเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าแดงเรื่อ ขณะทำท่าจะสวมกำไลให้เขา ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นแขนออกไปอย่างว่าง่าย ดวงตาจับจ้องเธอไม่วาง รอคอยสิ่งที่เธอจะทำต่อ
“เรียบร้อยแล้ว... คุณชอบไหม?”
เธอเงยหน้ามองเขา ยิ้มเขิน กำไลเรียบหรูประดับเพชรเม็ดเล็กฝังอยู่ด้านใน เป็นข้อความที่เธอตั้งใจออกแบบมาเองกับมือ
“ฉัน... ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่า ฉัน...”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ สายตานุ่มลึก รอฟังถ้อยคำที่อยากได้ยินจากปากของเธอมานานแสนนาน
ตึกตัก... ตึกตัก... หัวใจของทั้งคู่เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ
“เราเป็นแฟนกันนะ”
สวนฮานึล / เวลาพระอาทิตย์ตก – 18:47 น.สายลมยามเย็นพัดหญ้าเส้นยาวพลิ้วตามเนินเขา แสงสีทองจากดวงอาทิตย์ที่กำลังตกกระทบลงบนยอดหญ้าและผิวไม้ของทางเดินอย่างนุ่มนวล ข้าวหอมกับไดออนเดินเคียงกันบนทางเดินไม้ ท่ามกลางผู้คนที่มาเดินเล่น สูดอากาศ และชมพระอาทิตย์ตกไม่มีการหลบกล้องอีกต่อไป ไม่มีการแอบจับมือเหมือนวันก่อน ๆวันนี้พวกเขา "เลือกแล้ว" ที่จะยืนอยู่เคียงกัน…ในที่แจ้งข้าวหอมใส่เดรสสีขาวเรียบ ๆ ถือเสื้อคลุมบางในมือ ผมเธอถูกรวบไว้หลวม ๆ เพราะลมแรง ไดออนในชุดสบาย ๆ สีเอิร์ธโทน โพกหมวกเบเรต์ไว้หลวม ๆ คล้ายอยากปิดบังแต่ก็ไม่ปิดซะทีเดียวพวกเขายิ้มให้กัน พูดคุยถึงงานแฟชั่นโชว์ใหม่ของเธอในไต้หวัน และการเตรียมเพลงใหม่ของเขาสำหรับซัมเมอร์นี้“แล้วคอลเลกชั่นนี้จะมีอะไรแปลกใหม่บ้างครับ ดีไซเนอร์?” ไดออนแกล้งถามด้วยเสียงล้อ ๆ“แปลกใหม่สำหรับเฮียคงเป็นเสื้อผ้าที่ไม่ต้องรีด” ข้าวหอมเลิกคิ้วตอบกลับ“งั้นเฮียคงเป็นเทรนด์ใหม่ละ เพราะเฮียไม่เคยรีดอยู่แล้ว”ทั้งคู่หัวเราะเบา ๆ และก้าวเดินต่อ เหมือนโลกนี้มีแค่สองคน…แต่ไม่ใช่ในวันนี้เสียงกระซิบจากข้างหลังเริ่มแทรกเข้ามา ราวกับฝุ่นในลมที่แทรกผ่านรูจมูก แม้
ในความหวานนั้นไม่มีใครรู้เลยว่า มีเสียงกดปากกาบนโต๊ะดังชัดในความเงียบพัคจองฮุนนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว แสงจากจอคอมพิวเตอร์สาดเข้าดวงตาเขาอย่างไม่ปรานี บนหน้าจอคือคลิปไลฟ์ของไดออน ที่ยังเล่นวนอยู่ที่วินาทีเดิม—“ใช่ครับ…เธอคือข้าวหอม และผม...รักเธอ”เขาไม่กดปิด ไม่เลื่อนข้าม ไม่แม้แต่เบือนหน้า ฟังซ้ำไปซ้ำมา เหมือนต้องการให้ถ้อยคำนั้น “ตอก” ลงในหัวใจให้ลึก…ลึกกว่าเดิมมือที่ถือปากกากระตุกเบา ๆ ก่อนจะหยุดนิ่ง เขาหลับตา… และภาพความทรงจำที่เขา “ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง” ก็ฉายชัดขึ้นในหัว[สามปีก่อน]เช้าที่อากาศสดใส…แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่เขาไม่เคยลืม เขากำลังก้าวออกจากบ้าน ทว่าต้องชะงักเมื่อเห็นฝูงคนมุงแน่นอยู่ริมรั้ว เสียงแมวร้องโหยหวนดึงดูดความสนใจโบโบ้—แมวพันธุ์บองกอนขนฟูของเขา มันติดอยู่บนกิ่งไม้ ขาหลังพันกับเส้นลวด เลือดไหลหยดลงพื้น ตัวห้อยกลางอากาศเหมือนชะตากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายไม่มีใครกล้าขยับ ไม่มีใครกล้าเสี่ยง…ยกเว้นเธอหญิงสาวตัวเล็ก ๆ โผล่เข้ากลางวง หยิบเก้าอี้แถวนั้นก่อนปีนขึ้นเกาะกิ่งไม้ที่โค้งงอ เสียงแกร๊ก! ดังพร้อมกิ่งไม้ที่แทบหัก เธอคว้าโบโบ้ไว้ในอ้อม
บ่ายวันนั้น…ท้องฟ้าโปร่งใสจนน่าใจหาย ลมพัดบางเบา เงาแดดทอดลงบนพื้นถนนเหมือนวันธรรมดาทั่วไปแต่กับเขา—โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปหลังไลฟ์จบลง เซิร์ฟเวอร์ที่แทบล่มกลับมาเสถียร ยอดแชร์ทะลุหลักสิบล้านในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่ไดออนยังยืนนิ่งอยู่หน้าอาคาร BBOOM Entertainment คนเดียวเท่านั้น เพราะเขาขอไว้—ขอให้ไม่มีใครเลยเขาแค่ต้องการความเงียบ เพื่อย้ำกับตัวเองอีกครั้ง ว่าเขาเลือกแล้ว และจะไม่หันหลังกลับมือถือสั่นไม่หยุด ข้อความเด้งรัวทั้งจากยองบอม คริส ทีมงาน พรีเซนเตอร์ แม้แต่ CEO ค่ายคู่แข่งยังส่งมาแค่สั้น ๆ ว่า“Respect. ขอให้โชคดี...กับความจริงที่ตามมา”ไดออนเพียงกดปิดเสียง แล้วเก็บมันเข้ากระเป๋า ไม่ตอบใครเขาเดินจากอาคารออกมาเงียบ ๆ ไม่มีรถหรู ไม่มีบอดี้การ์ดมีเพียงเสื้อเชิ้ตดำ ร่างที่ล้า และใจ…ที่หนักแน่นอย่างน่าประหลาดเสียงประตูห้องพักเปิดแผ่วเบาไดออนก้าวเข้ามาเงียบ ๆ ยังคงอยู่ในชุดเดิมจากไลฟ์ ท่าทางของเขานิ่ง…แต่ในดวงตากลับมีแววเหนื่อยล้าปนเปล่งประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นข้าวหอมเงยหน้าขึ้นจากโซฟา เธอไม่ได้ลุกพรวดหรือร้องเรียก แค่ยืนขึ้น รอให้เขาค่อยๆก้าวเดินเข้ามาหา และหยุดอยู่ต
“ผมแค่มาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง…ที่กำลังคบกับใครบางคนอยู่จริง”“ใช่ครับ…เธอคือข้าวหอม”เสียงฮือในแชตแทบกลบเสียงไลฟ์บางคนเริ่มร้องไห้บางคนเริ่มพิมพ์คำว่า “ไม่” ซ้ำไปมาแต่หลายคน…เริ่มพิมพ์ “ยอมรับได้” “ให้โอกาส” “โคตรกล้าเลย”“และผม…รักเธอ”เขาพูดช้าแต่ชัด น้ำเสียงในคำว่า รัก ไม่ได้เน้นพิเศษ แต่ฟังแล้วหนักแน่นเกินจะปฏิเสธได้“ผมรู้ บางคนอาจผิดหวัง บางคนอาจตั้งคำถาม”“แต่ถ้าคุณเคยเชื่อในตัวผม…วันนี้ขอให้เชื่อแบบเดิมอีกครั้ง”“เชื่อว่าผู้หญิงที่ผมรัก…มีค่าพอโดยไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้ใครทั้งนั้น”“และต่อจากนี้ไป…เธอจะไม่เดินคนเดียวอีกแล้ว”“เพราะผมจะอยู่ข้างเธอเสมอ”ทันทีที่เขาพูดจบ—กล้องซูมออกช้า ๆ ให้เห็นภาพเต็มตัวอีกครั้งไดออนยืนอยู่ตรงกลางเวทีเดิมท่ามกลางความเงียบ เช่นเดิมแต่ในโลกออนไลน์—เสียงปรบมือ เสียงสะอื้น และข้อความนับแสนหลั่งไหลเข้ามาแทบพร้อมกัน“เขาพูดแล้ว…พูดอย่างที่ไม่ต้องพูดแทนใคร”“ไอดอลอันดับหนึ่งกล้ายืนตรงนี้…เพื่อคนคนเดียว”“นี่ไม่ใช่แค่ความรัก แต่มันคือการยอมรับ”“พี่เลือกเธอ…เราก็จะเลือกอยู่ข้างพี่”แฮชแท็ก #Dionเลือกแล้ว, #แฟนไอดอลอันดับหนึ่ง, #ข้าวหอมพุ่งขึ้นเทรนด์
เสียงลมหายใจของเช้าวันใหม่ยังบางเบา แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านโปร่งบางในห้องพักหรูของตึกสูงกลางกรุงโซล สีทองนวลแตะต้องพื้นไม้เบา ๆ คล้ายอ้อมกอดของวันใหม่ที่ยังไม่ตื่นเต็มตา เงาร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนพิงราวระเบียง มือหนึ่งแนบโทรศัพท์กับใบหู อีกมือกำราวระเบียงไว้แน่น ขณะสายโทรศัพท์เชื่อมต่อออกไปที่หนึ่ง ในชั่วอึดใจเสียงปลายสายดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าแต่คุ้นเคย“อะไรของนายแต่เช้า ไดออน… ฉันเพิ่งหลับ หลังสะสางเอกสารไอดอลเจ็ดวงเสร็จ”เสียงของโอยองบอม—CEO แห่ง BBOOM Entertainment คนเดิมที่ไม่เคยพักผ่อนอย่างแท้จริง แม้ในเวลาที่โลกหลับสนิท“ฉันจะไลฟ์ตอนสิบโมง” ไดออนตอบกลับด้วยเสียงนิ่ง เรียบ แต่มีแรงกดดันแฝงอยู่ในทุกถ้อยคำ“ขอห้องไลฟ์ของบริษัท ใช้ทุกแพลตฟอร์มที่เรามี”เขาหยุดหายใจชั่วครู่ ก่อนพูดชัดเจนในถ้อยคำต่อมา“ฉันจะพูดเรื่องของฉันกับข้าวหอม…ให้ชัดเจน”ความเงียบจากปลายสายกินเวลาสั้น ๆ แต่กดทับความรู้สึกในอากาศได้อย่างน่าประหลาด ราวกับอีกฝ่ายกำลังประเมินขอบเขตของผลกระทบทั้งหมดที่คำพูดนี้จะก่อขึ้นและเมื่อเสียงของยองบอมกลับมาอีกครั้ง—มันไม่ใช่เพื่อนขี้ง่วงคนเดิม แต่คือเสียงของผู้บริห
ข้าวหอมอ่านข้อความเพียงไม่กี่บรรทัด ก่อนจะกดปิดหน้าจอ เสียงคลิกเบา ๆ ของโน้ตบุ๊กที่พับลงฟังดูดังผิดปกติในห้องที่เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งสองคนเธอหลับตา มือข้างหนึ่งกำแน่นแนบตัก“ดื่มหน่อย…” ไดออนเดินเข้ามาช้า ๆ วางแก้วนมอุ่นข้างเธอ“วันนี้ยังไม่แตะข้าวเลยนะ”ข้าวหอมไม่ได้มองแก้วนม เธอแค่เงยหน้าช้า ๆ“เฮียเห็นข้อความพวกนั้นแล้วใช่ไหม…”ไดออนพยักหน้า“เห็น”“และเฮียก็ไม่แปลกใจ…แต่โกรธ”น้ำเสียงของเธอสั่นเพียงเล็กน้อย แต่ดวงตายังคงนิ่งเหมือนเดิม เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ“ข้าวไม่กลัวที่คนไม่เชื่อ…”“แต่ข้าวไม่ชอบให้ใครพูดถึงเฮียในทางที่ไม่ดี”ไดออนไม่พูดอะไรในทันที เขาค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งลงข้าง ๆ มือหนาคว้ามือเธอมาไว้ในอุ้งมือของเขา จับไว้แน่นแต่ไม่บีบเหมือนจะบอกว่า—"ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว"“เฮียชินแล้ว ข้าวไม่ต้องปกป้องเฮียหรอก” เขาพูดเสียงเรียบ“ตอนนี้เฮียแค่อยากอยู่ตรงนี้…เพื่อให้น้องข้าวไม่ต้องเผชิญทุกอย่างคนเดียว”ข้าวหอมพยายามยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเหนื่อยล้า เหมือนพยายามจะฝืนยิ้มให้กำลังใจคนอื่นทั้งที่ตัวเองแทบจะยืนไม่ไหว“มันตลกเนอะ…แค่เราสองคนรักกัน คนอื่นกลับเจ