Backstage – Palais de Tokyo, Paris เวลา: 16:42 น. (หนึ่งชั่วโมงก่อนเริ่มโชว์)บรรยากาศเบื้องหลังอบอวลด้วยกลิ่นสเปรย์ฉีดผ้า ไอน้ำจากเตารีดไอน้ำ และเสียงตะโกนเบา ๆ ปนเปภาษาหลายประเทศ—ฝรั่งเศส เกาหลี อังกฤษ ญี่ปุ่น ทีม Rice เดินแทรกอยู่ในพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ทุกคนมีจุดประจำของตัวเองชัดเจน ราวกับคณะละครที่ซ้อมบทสุดท้ายมาแล้วร้อยรอบมินยง กำลังจัดเรียงชุดแต่ละเลเยอร์ตามลำดับการแสดง มือเธอขยับเร็วแต่แม่นยำ ริมฝีปากขยับพึมพำบทพูดเปิดตัวราวกับสะกดเวที คริส กดเช็กค่าความสว่างแสงไฟบนมือถือที่เชื่อมกับบอร์ดเวที หน้าจอเขียวเหลืองสะท้อนในแว่นตา ยองบอม ยืนอยู่ใกล้จอควบคุมไลฟ์ คุยกับหัวหน้าทีมโปรดิวเซอร์ฝรั่งเศสด้วยท่าทางมั่นใจ สลับภาษาอังกฤษ-เกาหลีโดยไม่ต้องคิด คิมโฮ เดินวนเวียนรอบชุดโชว์ ดูเส้นพับกระโปรง ตรวจเท็กซ์เจอร์เนื้อผ้าว่าตรงกับไฟที่ตั้งค่าหรือไม่ส่วน ข้าวหอม ยืนอยู่ในมุมเงาของห้อง สูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยมือข้างหนึ่งที่ยังมีด้ายพันติดนิ้วจากการเย็บเมื่อคืน เธอหันไปมองหุ่นโชว์ตัวสุดท้ายที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาว — ชุดที่เปรียบเสมือน "ร่าง" แห่งความทรงจำทั้งหมดของเธอ“แผลเย็บของฉัน…จะถูกเปิ
สองวันหลังเริ่มออกแบบประตูห้องประชุมเปิดพรวดโดยไม่เคาะ ยองบอมเดินเข้ามาพร้อมถุงกระดาษยักษ์ในมือ“เวลากู้โลกมาถึงแล้ว!” เขาประกาศเสียงดังตามมาติด ๆ คือมินยงที่หอบแฟ้ม Moodboard แน่นอก หน้าผากมีเหงื่อประปรายอย่างกับวิ่งมาและคริสที่หิ้วลังกระดาษ ตัวอย่างผ้า โปสเตอร์ และอุปกรณ์ทุกอย่างราวกับจะตั้งสตูดิโอใหม่คิมโฮเดินเข้ามาเงียบ ๆ เป็นคนสุดท้าย…แต่ดวงตาเป็นประกายราวกับได้ลงสนามจริงยองบอม “เราขอแจ้งว่า ทีมงานสายแฟทุกคน…ยึดห้องนี้เพื่อปั่นงานโชว์โลกแล้ว!”มินยง (ทิ้งตัวลงโซฟา หอบหายใจ)“เธอทำชุด เราปั้นอารมณ์ให้! มาเลยจ้า mood, tone, theme, tears, drama, vogue — ทุกคำ!”ข้าวหอม (ยิ้มขำแต่ยังอึ้ง)“พวกเธอว่างขนาดนี้เลยเหรอ?”คริส (จัดแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างเรียบร้อยราวกับประชุมรัฐสภา)“ไม่ว่างหรอกครับ…แต่เราแค่รู้ว่า ถ้าข้าวหอมล้ม เราจะไม่มีใครสั่งข้าวเที่ยงให้ตรงเวลาตลอดสัปดาห์”คิมโฮ (เสียงนิ่ง แต่จริงใจ)“และไม่มีใครควบคุมแสงสีเวทีให้สมกับคอนเซ็ปต์ ‘งดงามแม้โดนเหยียบย่ำ’ ได้ดีกว่าเธอ”โต๊ะกลางถูกเปลี่ยนเป็น Moodboard Station ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีมินยงปาดเหงื่อแล้ววางภาพหญิงสาวลุคเปรี้ยวแต
กล่องไม้เคลือบเงาวางอยู่บนโต๊ะ ซองเชิญหุ้มด้วยกระดาษผ้าสีงาช้างนูนลายดอกไม้อัดแห้ง สัญลักษณ์ “PFW” (Paris Fashion Week) ประทับตราทองเด่นกลางหน้าอย่างสง่างามมือของข้าวหอมสั่นน้อย ๆ ขณะเปิดซอง สายตาทุกคนในห้องจับจ้องโดยไม่กล้าพูดอะไร แม้แต่ไดออน…ที่นั่งพิงขอบโซฟาเงียบ ๆ ใกล้เธอเสียงกระดาษแผ่วเบา พร้อมถ้อยคำที่ทำให้ห้องทั้งห้องแทบหยุดหายใจ“เรียน คุณสวีฟ่านเฉียน (ข้าวหอม) ในนามของคณะกรรมการ Paris Fashion Week เราขอเชิญคุณเข้าร่วมโชว์ผลงานในธีมพิเศษของปีนี้…”ข้าวหอมอ่านข้อความต่อด้วยน้ำเสียงเบาลง…แต่ชัดเจนทุกคำ“…Resilience – งดงามแม้ในวันที่ถูกเหยียบย่ำ ขอให้คุณแสดงพลังของการ ‘ยืนหยัดผ่านรอยร้าว’ ผ่านผืนผ้า โครงเสื้อ และเส้นเย็บที่สื่อถึงหัวใจของผู้หญิงยุคใหม่…”เธอเงยหน้าขึ้น มองทุกคนที่ยังนิ่งงัน ก่อนจะยิ้ม รอยยิ้มที่ไม่ได้เกิดจากความดีใจล้วน ๆ แต่มาจากคำว่า... “ฉันพร้อมแล้ว”ข้าวหอม (เสียงแผ่วแต่มั่นคง): “ฉันไม่เคยคิดเลย…ว่าโจทย์จะเหมือนชีวิตเราขนาดนี้”ไดออน (ลุกมายืนข้างเธอ): “เพราะน้องข้าวของเฮียคู่ควรไง”ยองบอม (เสียงดังลั่น): “เดี๋ยวฉันจะบินไปปารีสด้วยเลย! ขอยืนถือไมค
ห้องนั่งเล่น – สตูดิโอส่วนตัวของ Rice Designบนจอโปรเจกเตอร์ ฉายข่าวสดจากช่องดัง พาดหัวสีแดงขึ้นเต็มหน้าจอ“KHS เสื่อมศรัทธา พัคจองฮุนเงียบเกินไป?”เสียงผู้ประกาศยังดังเป็นพื้นหลัง ขณะกล้องจับภาพการเคลื่อนไหวของสื่อมวลชนที่ปักหลักอยู่หน้าสำนักงานใหญ่ของ KHSรอบโต๊ะไม้กลางห้อง มีแก้วน้ำ กระดาษโน้ต และแท็บเล็ตวางอยู่ระเกะระกะ สมาชิกรวม 6 คน — ไดออน, ข้าวหอม, คิมโฮ, มินยง, ยองบอม และคริส — นั่งล้อมวงกันอยู่แม้น้ำในแก้วจะใกล้หมด แต่บทสนทนายังคงเข้มข้น บางคนขมวดคิ้ว บางคนพิมพ์อะไรยุกยิกในโทรศัพท์ แต่ไม่มีใครพูดเล่นไดออน วางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะก่อนพูดชัดถ้อย“เขาไม่หยุดแน่ เราอาจทำให้เขาเงียบลงได้ชั่วคราว…แต่คนแบบนั้นจะเก็บแรงไว้เล่นงานเราหนักขึ้น”คิมโฮ เอนตัวพิงพนักโซฟา สายตานิ่งสนิท“ผมว่าไม่เกิน 48 ชั่วโมงจะมีข่าวใหม่ เขาอาจไม่เล่นงานข้าวหอมตรง ๆ แต่จะโจมตีผ่านพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ หรือสร้างข่าวให้ดูเหมือนเรื่องภายในบริษัท”คริส ลากกราฟบนจอแท็บเล็ตขึ้นมาโชว์“เราต้องกันแบรนด์ของข้าวหอมให้ขาดจากความเกี่ยวข้องกับ KHS อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์…แต่ในเชิงเอกสารและพันธะสัญญาด้วย”“ผมเสนอให
หน้าแมนชั่นหรู – เขตซองบุกดง, โซล / ช่วงสายของวันกล้องจากสถานีโทรทัศน์ OB Unit ติดตั้งเรียงเป็นแนวยาว นักข่าวยืนถือไมค์หน้ารั้วเหล็กสีดำของแมนชั่นระดับท็อปคลาส ผู้ประกาศภาคสนามกำลังรายงานสด ขณะรถคันแล้วคันเล่าของสื่อออนไลน์ทยอยเข้ามาจอดริมถนน“เรากำลังยืนอยู่หน้าบ้านของหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ KHS Group ซึ่งชาวเน็ตหลายคนเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคลิปหลุดล่าสุดที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรง…”บนหน้าจอมือถือของนักข่าว แท็ก#พัคจองฮุนอยู่เงาไหนก็หนีไม่พ้นขึ้นอันดับหนึ่งในเทรนด์เกาหลี รองลงมา คือ#หลักฐานตีแผ่ และ#KHSตอบด้วยโพสต์ที่ถูกแชร์มากที่สุดคือวิดีโอรวมคลิปจากกล้องในงานอีเวนต์ต่าง ๆ ที่ถูกตัดต่ออย่างจงใจ– ภาพที่พัคจองฮุนแอบมองข้าวหอมจากแถวหลัง– ภาพ CCTV ที่เขาเดินวนรอบบูธของ Rice Design อย่างผิดปกติ– คำให้สัมภาษณ์จากนักศึกษาฝึกงานที่บอกว่า มีคนจงใจซื้อตั๋วในชื่อปลอมเพื่อจองที่นั่งหน้าเวที– และปิดท้ายด้วยเสียงเบลอที่ชาวเน็ตตัดต่อไว้ ว่า "ถ้าฉันไม่ได้เธอ ก็ไม่ต้องมีใครได้"ไม่มีการยืนยันว่าเสียงนั้นคือเขาแต่โลกออนไลน์ไม่ต้องการความจริงเสมอไปสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการคือ “ภาพที่ดูเหมื
ณ ห้องลับ –แห่งหนึ่งในโซล เวลา: 00:26 น.เสียงกระดาษถูกพลิกอย่างช้า ๆ ก้องสะท้อนอยู่ในห้องเงียบสงัด แสงไฟเพดานสาดลงตรงกลางโต๊ะไม้ยาว สีขาวสะอาดสะท้อนผิวเย็นเยียบของรูปถ่ายนับร้อยที่วางเรียงกันเป็นแนวตรงทุกภาพมีหญิงสาวคนเดียวกันปรากฏอยู่ในเฟรม — ข้าวหอมดีไซเนอร์สาวที่กำลังเป็นกระแส ผู้คนรู้จักเธอในฐานะนักออกแบบดาวรุ่งแต่คนที่ยืนอยู่ตรงนี้…รู้ดีว่าเธอเคยเป็น “เด็กตัวเล็ก ๆ” ที่ร้องไห้ในความมืดภาพแรก—เธอกำลังรับเชิญขึ้นเวทีเปิดตัวแบรนด์แฟชั่นฝรั่งเศสภาพถัดมา—เธอยืนถ่ายภาพกับตัวแทนบริษัทญี่ปุ่นอีกภาพ—เธอเดินเข้าอีเวนต์คนเดียวใต้แสงแฟลชพร่างพราวแต่สิ่งที่เจ้าของมือที่กำลังพลิกภาพสนใจ…ไม่ใช่ข้าวหอม…แต่คือ “เงา”ในภาพที่หนึ่ง มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังแขกผู้ชมในภาพที่สอง เขานั่งแถวหลังสุดของห้องประชุมในภาพที่สาม เงาของเขาอยู่ตรงกระจกด้านหลัง…สายตาหยุดอยู่ที่เธออย่างแนบเนียนและเขาอยู่ในแทบทุกภาพไม่ได้อยู่ตรงกลาง…ไม่ได้อยู่ในสายตา…แต่ “อยู่เสมอ”มือเรียวค่อย ๆ วางภาพลงทีละใบ สายตาคู่หนึ่งที่เฉียบคมกว่ากล้องวงจรปิดกำลังจับจ้อง อ่านทุกแววตา แกะรอยทุกเจตนา และคำหนึ่งก็หลุดออกจากริมฝีป