พนักงานกุลีกุจอวิ่งมาเปิดประตูรถให้ด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนที่เกมส์จะโยนร่างอ้อนแอ้นเข้าไปในรถอย่างไร้ความปรานี โดยไม่สนใจเลยว่าเธอจะลงไปนั่งท่าไหน เพราะความตั้งใจเดียวที่มีอยู่ตอนนี้คือพาตัวเธอไปส่งบ้านให้เร็วที่สุด
เกมส์ยัดแบงค์สีม่วงใส่ในมือพนักงานรับรถเป็นค่าตอบแทน ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นประจำที่คนขับแล้วขับรถออกจากคลับไปอย่างรวดเร็ว
รถยนต์คันหรูแล่นไปตามท้องถนนที่เปิดโล่งด้วยความเร็วสูงตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของพลขับ บรรยากาศบนรถเงียบกริบ ไร้เสียงพูดคุยและเต็มไปด้วยความอึดอัดกระอักกระอ่วนใจ
น้ำค้างลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก นั่งตัวลีบเกร็งแล้วเอนพิงกับประตูรถจนร่างกายแทบจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว ใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นส่ำด้วยความหวาดหวั่นขณะแอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าถมึงทึง
ครืดครืดดดด ครืดครืดดดด
'ต้นไม้'
เสียงเตือนของสายเรียกเข้าดังลั่นทำลายความเงียบ ดึงให้สายตาสองคู่หลุบมามองหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบอยู่บนหน้าตักของน้ำค้างพร้อม ๆ กัน
น้ำค้างถอนหายใจโล่งอก รีบกดรับสายทันทีหลังมองเห็นรายชื่อ ก่อนจะกรอกเสียงใส ๆ ลงไปในเวลาต่อมา นึกขอบคุณเพื่อนชายอยู่ในใจที่โทรมาได้จังหวะพอดี
แต่เด็กสาวคงไม่รู้ตัว ว่านี่มันเป็นจังหวะนรกชัด ๆ
"ฮัลโหลต้นไม้"
(ปลอดภัยดีใช่ไหม ถึงบ้านหรือยัง)
"ฉันโอเค"
ดวงตาคมกริบเหล่มองสีหน้าระรื่นของคนข้างกายแล้วเค้นหัวเราะในลำคอ หงุดหงิดจนเผลอออกแรงบีบพวงมาลัยในมือแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เพิ่งจะห่างกันไม่ถึงชั่วโมง คิดถึงกันจนจะเป็นจะตายแล้วเหรอ ฮึ
"แล้วนี่กลับกันหรือยัง"
(สักพัก เพื่อนเธอติดลมจนแทบจะรูดเสาแล้ว)
"ฝากด้วยแล้วกัน ไว้รอบหน้าฉันจะชดเชยให้นะ"
เกมส์หันขวับ พอได้ยินว่าทั้งสองคิดจะนัดแนะกันอีก ความหงุดหงิดก็พุ่งสูงจนไม่อาจระงับโทสะได้อีกต่อไป มือหนาตบไฟเลี้ยวแล้วเบี่ยงรถเข้าข้างทาง ก่อนจะกระทืบเบรกอย่างแรง
เอี๊ยด!
"ว๊ายยยย"
เสียงล้อรถบดกับถนนดังสนั่นหวั่นไหว แรงกระชากของรถยนต์ส่งผลให้โทรศัพท์ที่ยังไม่ทันได้กดวางสาย กระเด็นหลุดออกจากมือเล็กแล้วกลิ้งลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นรถที่มืดสลัว
ปึก!
เกมส์ฟาดกำปั้นทุบพวงมาลัยรถยนต์เต็มแรง ก่อนจะตวัดสายตาไปมองใบหน้าถอดสีซีดเผือดของเด็กสาวตาเขม็ง
“สนุกมากไหม?”
คำถามสั้น ๆ หลุดออกมาจากปากหนา ทำเอาใจดวงน้อยหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใบหน้าเลิ่กลั่กเหลอหลาอย่างปิดไม่มิด ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะล่วงรู้ถึงแผนการที่เธอแสร้งทำเพื่อล่อให้เขาออกมาหาได้เร็วขนาดนี้
“อะ...อะไร”
“เล่นแบบนี้ทำไม สนุกมากไหม”
“....”
เกมส์กระชากคนที่ยังตกตะลึงไม่หายเข้ามาใกล้แล้วจ้องลึกเข้าไปในแววตาวูบไหวนั่น เพียงแค่นึกภาพที่เธออิงแอบกับผู้ชายคนอื่น แรงบีบก็เพิ่มมากขึ้นจนรอบข้อมือขึ้นรอยแดงเป็นริ้ว
“นะ...หนู....”
น้ำค้างอึกอักอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวกับสิ่งที่ทำอย่างไรดี เจ็บข้อมือจนแทบร้องกรี๊ดแต่แววตาดุดันที่แวววับไปด้วยลูกไฟของความโกรธเคือง ทำเอาเธอหวาดกลัวจนตัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าแม้แต่จะสะบัดออกจากการเกาะกุม
จมูกโด่งขยับไหวไปมาแล้วส่ายหน้าเอือมระอากับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฉุนจนคละคลุ้งไปทั่วรถ นี่เจ้าหล่อนไปดื่มหรือว่าไปตกถังเหล้ามากันแน่
พอเลื่อนสายตาลงมามองเครื่องแต่งกายที่เจ้าหล่อนเลือกสวมใส่ในคืนนี้ คิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันแน่น แววตาวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม
"นี่มันชุดบ้าอะไรวะ เศษผ้าเหรอ ทำไมถึงตัวเล็กเท่าเสื้อหมา หรือว่าอยากเป็นดาวยั่ว"
"ไอ้พี่บ้า! หนูไม่ได้อยากเป็นซะหน่อย"
น้ำค้างแว้ดขึ้นทันที ฉุนกึกกับคำค่อนขอดที่อีกฝ่ายพ่นใส่หน้า ถ้าเธออยากเป็นดาวยั่วจริง ป่านนี้เธอปีนขึ้นไปเต้นอยู่บนเวทีแล้ว ตาทึ่มเอ้ย!
"ถ้าไม่อยาก แล้วเมื่อกี้ทำอะไร"
"ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น"
"ก็เห็น ๆ กันอยู่! เรียนท่องเที่ยวก็ไม่จำเป็นต้องติดเที่ยวไหม"
"แล้วมัน....!"
"ที่อิดออดไม่อยากกลับนี่เพราะเมา หรือเพราะใคร!?"
"นี่! ...."
"ชอบมันนักหรือไง ดูหน้าก็รู้แล้วว่าเสือผู้หญิง ยังคิดจะไปเจอมันอีก โง่หรือโง่กันแน่วะ"
"...."
"หรือว่าผู้ชายแบ๊ด ๆ มันหล่อเร้าใจนัก ถึงต้องเอาตัวเข้าไปพัวพัน อยากเป็นแมลงเม้าที่บินเข้ากองไฟว่างั้น"
"...."
"โตแค่ตัว สมองไม่โต สมแล้วที่ไอ้นัทมันบ่นตลอดว่าเธอโง่ แต่ไม่ยักรู้ว่าจะโง่ขนาดนี้"
น้ำค้างอ้าปากพะงาบ ๆ อยากจะเถียงใจจะขาดแต่ก็หาจังหวะพูดแทรกไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเล่นโวยวายไม่เว้นวรรคให้มีช่องไฟเลยแม้แต่น้อย
แล้วที่เธอทำแบบนั้นก็แค่อยากให้เขาออกมารับเธอกลับบ้านเท่านั้น แต่ใครจะไปคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงแบบนี้
"เสียเวลาตามดูฉิบหาย!"
น้ำค้างชักสีหน้า ไอ้ประโยคก่อน ๆ ที่ด่าเธอยังพอเข้าใจ แต่ไอ้คำนี้คืออะไร หรือว่าเธอบังเอิญไปรบกวนช่วงเวลาสวีทหวานกับผู้หญิงคนอื่น
คิดดังนั้นความหงุดหงิดก็พุ่งขึ้นมาแทนที่ความหวาดหวั่น แต่ยังไม่ทันจะได้เถียงอะไรกลับ ร่างก็ถูกคนอารมณ์ร้อนกระชากเข้าไปใกล้มากขึ้นจนใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
"ว่าไง ตกลงอยากเป็นอะไรกันแน่ ดาวคณะหรือดาวยั่ว "
"อื้ออ มันจะมากไปแล้วนะพี่เกมส์ ไอ้พี่โง่! ต้นไม้มันเป็นเพื่อนหนู!"
"เพื่อนแบบไหนมันนั่งซบกันวะ"
"ทีหนูยังซบพี่ทั้ง ๆ ที่เราเป็นแค่พี่น้องกัน แล้วทำไมหนูจะซบเพื่อนไม่ได้"
น้ำค้างพูดแย้งเสียงดัง ความน้อยใจตีตื้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกถึงสถานะที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เมื่อไหร่เธอจะทำลายไอ้กำแพงบ้า ๆ นี้ได้สักที
หรือเธอควรจะเลิกพยายามแล้วมีแฟนเป็นตัวเป็นตนให้มันจบ ๆ ไป
"ใช่สิ! พี่มันไม่ฮอตเหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม ที่รักถึงไม่อยากกินพี่แล้ว""งอแงไปเถอะค่ะ ยังไงก็ทำไม่ได้ค่ะ""มาอยู่ใกล้แล้วไม่ให้กิน ที่รักใจร้าย ที่รักใจดำ"ต่อมาเสร็จเกมส์ก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมสูงจนถึงใบหน้าก่อนจะค่อย ๆ พลิกหน้าหันหนีไปอีกทางอย่างแง่งอน ก้มมองท่อนล่างที่ห่อเหี่ยวแล้วได้แต่ทอดถอนใจไม่ได้ใช้งานมานานขนาดนี้ มันจะฟ่อหรือยังวะ"พี่เกมส์~"น้ำค้างร้องเรียกเสียงหวานพลางเอื้อมมือไปสะกิด ทว่าคนขี้งอนไหวกลับไหล่หนีสัมผัสก่อนจะส่งเสียงเหอะดัง ๆ กลับมาให้แทนการขานรับ"งอนหนูจริงอ่ะ? "".....""ถ้ายังงอนแบบนี้ หนูจะกลับห้องตัวเองแล้วน้าาา""งั้นพรุ่งนี้ก็รบกวนจ้างพยาบาลให้พี่ด้วยนะครับ"คนงอนประชดประชันกลับมาทั้งยังยึดผ้าห่มเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เธอดึงออก น้ำค้างได้แต่ส่ายหน้ากับความขี้งอนของคนเจ็บที่พอป่วยแล้วอารมณ์ก็ปรวนแปร แถมความงอแงยังเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นทวีคูณไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจแต่เพราะรู้ว่าถ้ายอมให้ อีกคนคงไม่หยุดแค่นั้นแน่ ๆ คิ้วเรียวขมวดแน่นขณะลองคิดคำนวณเวลาอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ หันมองประตูที มองแผ่นหลังของคนเจ็บที่นอนคลุมโปงตรงหน้าที ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจก้าวเท้
น้ำค้างค่อย ๆ ดันประตูปิดอย่างเบามือ ก้าวเท้าตรงเข้าไปหาคนเจ็บที่ยังนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาก่อนหย่อนสะโพกลงนั่งลงบนเก้าอี้ที่ข้างหัวเตียง เธอใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามรอยแผลฟกช้ำที่มุมปากเบา ๆ พลันหยาดน้ำใส ๆ ก็เอ่อขึ้นมาคลอเต็มสองเบ้าตาที่ร้อนผ่าวแม้ภายนอกอาจจะดูไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บมากมายอย่างที่เธอนึกหวาดกลัวมาตลอดทาง แต่ถ้าถึงขนาดต้องให้น้ำเกลือแล้วนอนแอดมิทอยู่แบบนี้ อาการคงหนักพอดู"ฮึก ๆ นะ...หนู หนูขอโทษ""น้ำค้างครางบอกแผ่วเบาแล้วฟุบใบหน้าลงบนเตียง ความรู้สึกผิดตรงเข้าเล่นงานหัวใจดวงน้อยจนเจ็บแปลบหากไม่ใช่เพราะเธอดื้อดึงที่จะพยายามก้าวข้ามเส้นความสัมพันธ์นั่น เขาก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้"ยัยเด็กขี้แย~"เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นทำลายความเงียบพร้อมกับความอบอุ่นของฝ่ามือที่วางทาบทับลงบนศีรษะ ดึงให้น้ำค้างรีบเงยหน้าขึ้นมามองทั้งน้ำตา" ทำไมไม่บอกหนูว่าตัวเองเจ็บขนาดนี้""ก็เพราะเดี๋ยวจะมีคนมานั่งงอแงแบบนี้ไง ฮ่า ๆ อึก"ความเจ็บแปลบแล่นพล่านไปทั่วช่วงข้างของลำตัวจนใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก หยุดหัวเราะแทบไม่ทัน แม้อีกคนจะผ่อนแรงลงไปหลายส่วนแต่เมื่อถูกกระแทกซ้ำ ๆ ตรงที่เดิม ผลคือซี่โครงร้าว
"ทำไมไม่รับสายเนี้ย เผลอหลับเหรอ"น้ำค้างบ่นอุบขณะก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์ของตัวตึกหลังการสอบวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้นลง สายตาขุ่นเคืองจับจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือตาเขม็งพร้อมทั้งพยายามกดต่อสายหาคนของใจเป็นรอบที่สามเนื่องจากวันนี้เป็นการสอบวันสุดท้าย เพื่อนในสาขาจึงนัดรวมตัวเพื่อสังสรรค์ส่งท้ายก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปฝึกงานถึงสี่เดือนใบบัวพยายามรบเร้ากึ่งอ้อนวอนขอให้ไปด้วยกัน แต่เธอจะไปรับปากใครเขาได้ในเมื่อพรุ่งนี้เขาให้สัญญาว่าจะพาเธอไปเที่ยว แต่ว่ารายละเอียดของจุดหมายปลายทางว่าจะไปไหน เมื่อไหร่ อะไรยังไง เธอก็ไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย'กรี๊ดดดดด หล่อมากกกก''แกว่าเขาจะมีแฟนหรือยังอ่ะ''รถหรูด้วยอ่าาาา อยากได้'เสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นไปทั่วบริเวณหน้าตึก ดึงให้น้ำค้างเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียง พลันคิ้วเรียวก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเมื่อพบว่าคนที่กำลังเป็นจุดสนใจคือคนที่เธอรู้จักเสียงกรี๊ดดังระงมขึ้นอีกระลอก ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระซิบกระซาบเมื่อชายหนุ่มหน้าตาดีโบกไม้โบกมือทักทายดาวคณะคนดังหลังจากยืนเงียบ ๆ ไม่ให้ความสนใจใครมานานกว่าครึ่งชั่วโมง"พี่อาร์ม มาได้ไงคะ""ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวพี
พลั่ก!พลั่ก!พลั่ก!เสียงฝ่าเท้าหนัก ๆ กระทบตามเนื้อตัวอย่างดุเดือดต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบนาที ทุกการเคลื่อนไหวจึงผ่อนแรงลงเหลือไว้เพียงเสียงหอบหายใจถี่ ๆ ของคนที่กระหน่ำออกแรงร่างสูงยังคงนอนขดตัวในท่าเดิม ใบหน้าคมคายมีเพียงรอยช้ำเล็ก ๆ ที่มุมปาก ทว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวกลับยับย่นมีสีหม่นขมุกขมัว เลอะเทอะและเต็มไปด้วยรอยรักจากฝ่าเท้าของเพื่อนสนิทนับไม่ถ้วน"มึง พอเถอะ เดี๋ยวมันก็ช้ำในตายพอดี"อาร์มแตะมือลงบนต้นแขนของนัทแผ่วเบาเมื่อเห็นเท้าใหญ่ยกขึ้นอีกครั้ง เขาเผลอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายตวัดสายตาดุดันมามองคล้ายไม่พอใจ"มันไม่ตายง่าย ๆ หรอก นรกยังไม่ต้องการ! "นัทกระแทกเสียงประชดประชัน เหล่ตามองสภาพน่าอเนจอนาถของเพื่อนสนิทแล้วยอมยั้งฝ่าเท้าแม้จะยังไม่ค่อยสาแก่ใจสักเท่าไหร่มือหนาคว้าเข้าที่ข้อเท้าเพื่อนสนิทแล้วยื้อไว้ได้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินหนีไป"อึก กู... กูขอโทษที่ไม่บอก อึก แต่กูรักน้องมึง รักจริง ๆ "เกมส์ข่มความเจ็บจุกที่เล่นงานจนแทบขยับตัวไม่ได้พยายามเค้นเสียงบอกอีกฝ่าย ดวงตาเศร้าหมองวาววับเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ สื่อถึงความรู้สึกผิดอย่างลึกซึ้งจริงใจ"ไม่ต้องมาบอกกู! "".....""
@ 3 ชั่วโมงถัดมาหลังยืนใช้สายตาส่งเด็กสาวขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เกมส์จึงหมุนตัวแล้วมุ่งหน้าเดินไปยังจุดนัดหมายที่เพื่อนสนิทเพิ่งส่งข้อความมาให้"เชี้ย! กระตุกอะไรนักหนาวะ"เกมส์สบถออกมาอย่างสุดกลั้นพลางยกมือขึ้นตบเปลือกตาของตัวเอง ความไม่สบายใจฉายชัดบนใบหน้าเมื่อเกิดความรู้สึกหวิวโหวงในช่องอกแปลกๆ คิ้วหนาเลิกสูงพร้อมเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปหาเพื่อนสนิทสองคนที่ยืนรออยู่ เขารีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติแล้วพยักหน้าทักทายทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไร หมัดหนัก ๆ ก็พุ่งเข้ามาปะทะที่สันกรามด้านซ้ายของเขาอย่างจังพลั่ก!!ใบหน้าคมคายสะบัดหันตามแรงต่อย ก่อนจะเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ กลิ่นคาวของเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปากพร้อมกับบางส่วนที่ไหลเปรอะออกมาตามมุมปากเกมส์กระตุกยิ้มน้อย ๆ ให้กับชะตากรรมของตัวเองในวันนี้ เดาว่าอีกฝ่ายคงรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วสินะ เฮ้ออ ยังไม่ทันจะได้สารภาพบาปเองเลยเขาหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางยกมือขึ้นนวดคลึงสันกรามเพื่อลดความเจ็บหนึบของหน้าซีกซ้าย สบสายตาเกรี้ยวกราดของเพื่อนสนิทแล้วนิ่งเงียบ"มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไงวะ นั่นน้องสาวกูนะ!""กูรู้...."พลั่ก!
"อื้ออ"น้ำค้างครางแผ่วเบาพลางพลิกหน้าหนีแสงแดดยามเช้าที่สาดเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่านสีทึบ มือเล็กปัดป่ายไปตามพื้นที่ข้างกายอย่างสะเปะสะปะก่อนปรือตาขึ้นมาหลังพบว่าคนที่เคยให้ไออุ่นแก่ร่างกายได้หายไปบุหรี่?จมูกโด่งรั้นไหวไปมาแล้วนิ่วหน้าหงุดหงิดเมื่อมีกลิ่นไม่พึงประสงค์บางอย่างลอยมากระทบโสตประสาทน้ำค้างเหล่ตามองชายผ้าม่านที่พลิ้วไหวไปตามแรงลมอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจรวบผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าแล้วก้าวเท้าเดินตามกลิ่นไปยังระเบียงด้านนอก"อยู่นี่เอง"น้ำค้างคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อคนที่กำลังตามหานั้นยืนวางศอกค้ำกับราวระเบียงในท่วงท่าเกียจคร้าน รอบเอวสอบมีเพียงผ้าขนหนูพันเอาไว้อย่างลวกๆ อวดความแข็งแรงของมัดกล้ามเนื้อที่ผ่านการดูแลตัวเองมาอย่างดีพวงแก้มแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยขณะทอดมองแผ่นหลังกว้าง เมื่อก่อนมันเคยขาวสะอาดทว่าบัดนี้กลับเต็มไปด้วยรอยเล็บจากการจิกข่วน ยามถึงห้วงแห่งความสุขสมที่เขาเฝ้าปรนเปรอจนเธอกรีดร้องแทบขาดใจมาทั้งคืน"พี่..."เสียงหวานหลุบหายไปในลำคอพร้อมกับชะงักฝีเท้าลงกะทันหัน ดวงตากลมโตเหม่อมองควันสีขาวขุ่นที่ถูกพ่นออกมาจากปากหนาแล้วเม้มปากแน่นอยากจะท้