Share

บทที่ 3

Auteur: อู๋ตู๋จุ้ยหลิง
หยางเฉินโอรสผู้เปี่ยมพรสวรรค์องค์นี้ เป็นความภาคภูมิใจของฮ่องเต้อู่เต๋อมาโดยตลอด และพระองค์ก็ทรงเลี้ยงดูเขาในฐานะผู้สืบทอดบัลลังก์มาโดยตลอด

แน่นอนว่า สิ่งนี้ก็ได้บ่มเพาะนิสัยอันยโสโอหัง มองใต้หล้าด้วยสายตาเหยียดหยาม และไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของหยางเฉินขึ้นมา

ดั่งคำกล่าวที่ว่า ไม้ที่สูงเด่นในป่า ย่อมถูกลมโค่นก่อนเสมอ!

ก็เป็นเพราะหยางเฉินเก่งกาจโดดเด่นเกินไป จึงได้นำภัยพิบัติถึงฆาตมาสู่ตน!

เจ้าเด็กนี่ถึงกับกล้าเอ่ยคำพูดที่อกตัญญูทรยศอย่างการก่อกบฏออกมา หากเป็นองค์ชายองค์อื่น ฮ่องเต้อู่เต๋อคงสั่งลากตัวไปตัดหัวนานแล้ว

“เจ้าลูกอกตัญญู หากไม่ใช่เพราะเจ้าบาดเจ็บอยู่ เราคงจะสังหารเจ้าด้วยฝ่ามือเดียวไปแล้ว! เรื่องที่เราพูดกับเจ้า เจ้าจงกลับไปคิดทบทวนให้ดี ๆ ...” ฮ่องเต้อู่เต๋อสะบัดแขนเสื้ออย่างฉุนเฉียวและจากไป

“อั่ก...” หยางเฉินกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ดวงตาฉายแววสังหารอันเย็นเยียบ

เรื่องที่องค์ชายเจ็ดทำร้ายเขา ในเมื่อเสด็จพ่อทรงทราบแล้วแต่กลับไม่ได้ลงโทษเจ้าเจ็ด นั่นก็หมายความว่าสถานะของเขาในใจของเสด็จพ่อได้ตกต่ำลงอย่างฮวบฮาบแล้ว

ในเมื่อเสด็จพ่อไม่เต็มใจจะช่วยเขาแก้แค้น เช่นนั้นก็มีแต่ต้องลงมือด้วยตนเองแล้ว

หยางเฉินมีประสบการณ์มาถึงสองชาติภพ แม้จะไม่มีวรยุทธ์ แต่เขาก็ยังสามารถใช้กลอุบายสังหารศัตรูได้

ในฐานะองค์รัชทายาท ทรัพย์สมบัติของเขานับว่ามากมายมหาศาล ต่อให้ต้องใช้เงินทุ่ม ก็ต้องทุ่มจนทำให้องค์ชายเจ็ดสารเลวนั่นตายให้ได้

ดังนั้น หลังจากฮ่องเต้อู่เต๋อเสด็จจากไป หยางเฉินจึงสั่งให้หว่านเอ๋อร์และแม่ทัพไป๋นำของมีค่าในจวนไปขาย เปลี่ยนเป็นเงินและทองคำแท้ทั้งหมด

ของขวัญที่เหล่าขุนนางมากมายเคยมอบให้ในอดีต รวมถึงรางวัลที่ฮ่องเต้อู่เต๋อพระราชทานให้หลังจากสร้างคุณงามความดี นอกจากทรัพย์สินเงินทองแก้วแหวนอัญมณีแล้ว ก็ยังมีโบราณวัตถุล้ำค่า ภาพวาดอักษร ไข่มุก และหยกอีกจำนวนหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีที่ดินและทรัพย์สินส่วนตัวอีกบางส่วน หยางเฉินก็เตรียมที่จะขายทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินและทองคำแท้ที่มีมูลค่ามากกว่า

“องค์รัชทายาท นี่คือเซวี่ยหลิงหลงที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ จะให้ขายด้วยหรือไม่เพคะ?” หว่านเอ๋อร์นำกล่องใบเล็กใบหนึ่งมาให้เขา

หยางเฉินเปิดกล่องออก มองดูหยกสีแดงฉานราวกับโลหิตชิ้นนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่านี่คือสิ่งที่เขาได้รับหลังจากที่เขาได้รับชัยชนะในศึกที่ภูเขาหมาง เสด็จพ่อได้อนุญาตให้เขาเข้าไปเลือกของขวัญในคลังสมบัติหลวงได้ด้วยตนเอง และเขาก็ได้เลือกเซวี่ยหลิงหลงชิ้นนี้

“เฉินเอ๋อร์ นี่คือคลังสมบัติของราชวงศ์ ข้างในมีของล้ำค่ามากมาย เจ้าชอบสิ่งใดก็จงหยิบไป”

“เสด็จพ่อ ท่านพูดแล้วต้องรักษาสัจจะนะพ่ะย่ะค่ะ อย่าให้ถึงตอนที่ลูกเลือกแล้ว ท่านกลับมาเสียดายทีหลังล่ะ”

“เราเป็นฮ่องเต้เชียวนะ วาจาคือประกาศิต หนักแน่นดั่งทองพันชั่ง!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นลูก... ลูกขอหยกโลหิตชิ้นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”

“หยกโลหิตหรือ?” ฮ่องเต้อู่เต๋อทอดพระเนตรแล้วทรงพระสรวลพร้อมกับอธิบาย “นั่นมิใช่หยกโลหิตธรรมดา สิ่งนั้นเรียกว่าเซวี่ยหลิงหลง เป็นสมบัติที่บรรพชนทิ้งไว้ ในเมื่อเจ้าชอบ ก็จงรับไปเถิด”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” หยางเฉินดีใจอย่างยิ่ง

หว่านเอ๋อร์เห็นเขาตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก็ค่อย ๆ ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ

ในตอนนั้น หยางเฉินขยายดินแดนให้อาณาจักร ยึดครองแผ่นดินมาได้มากมาย เสด็จพ่อก็ทรงโปรดปรานเขาอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่า บัดนี้เสด็จพ่อกลับไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้ ต้องการให้เขาสละตำแหน่งองค์รัชทายาท

ราชวงศ์ไร้ญาติขาดมิตร! ฮ่องเต้ไร้ซึ่งความรู้สึก!

พี่น้องร่วมสายเลือดต้องการจะสังหารเขาให้ตาย เสด็จพ่อก็บีบคั้นให้เขาสละบัลลังก์และแผ่นดิน

นับตั้งแต่ที่รู้ว่าตนเองสูญสิ้นวรยุทธ์ บรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ที่ในยามปกติล้วนแต่แสดงความเคารพนบนอบต่อเขา เพียงเขาสั่งคำเดียวก็พร้อมขานรับ ต่างก็พากันตีตัวออกห่าง แม้แต่จะแวะมาเยี่ยมเยียนดูอาการตามมารยาท ก็ไม่มีผู้ใดเต็มใจจะทำ

เมื่อนึกถึงความรุ่งโรจน์ในวันวาน แล้วหันมามองประตูตำหนักที่เงียบเหงาในตอนนี้ จึงได้เข้าใจถึงความอบอุ่นและเย็นชาของใจคน และความผันผวนของโลกมนุษย์

“อั่ก...” หยางเฉินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

โลหิตสาดกระเซ็นไปถูกเซวี่ยหลิงหลงเข้าพอดี พลันเห็นหยกโลหิตสาดประกายแสงสีแดงออกมา จากนั้นลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งวาบออกมา กลายเป็นกระแสไฟฟ้าสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในศีรษะของหยางเฉิน

อ๊าก!

หยางเฉินร้องลั่น ข้อมูลนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขา พลันรู้สึกปวดศีรษะราวกับจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ

“ทายาทตระกูลหยาง ยินดีด้วยที่เจ้าเปิดเซวี่ยหลิงหลงได้ บัดนี้จงผ่อนคลายร่างกาย รับสืบทอดมรดกแห่งตระกูลหยางเสีย...”

“มรดกแห่งตระกูลหยางคือสิ่งที่ข้าผู้เป็นบรรพชนได้ผนึกไว้ในเซวี่ยหลิงหลง มันคือความรู้ทั้งหมดที่ข้าร่ำเรียนมาตลอดชีวิตและเคล็ดวิชาลับต่าง ๆ ที่ข้ารวบรวมไว้ มอบให้แก่ผู้มีวาสนาแห่งตระกูลหยาง...”

“หลังจากผู้สืบทอดแห่งตระกูลหยางได้รับมรดกของบรรพชนแล้ว จงจำไว้ว่าจะต้องปกป้องแผ่นดินของตระกูลหยาง พิทักษ์จักรวรรดิเฉียนอู่ หากจักรวรรดิล่มสลายไปแล้ว ก็จะต้องรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว ทวงคืนแผ่นดินกลับมาให้ได้...”

ข้อความเหล่านี้ดังก้องขึ้นในสมองของหยางเฉิน ทำให้เขาดีใจจนแทบคลั่ง

ฟังจากความหมายของประโยคเหล่านี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะได้ใช้โลหิตของตนเองคลายผนึกที่บรรพชนทิ้งไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ และในไม่ช้าก็จะได้รับสืบทอดมรดกแห่งตระกูลหยาง

มรดกแห่งตระกูลหยางนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะบรรพชนตระกูลหยางกังวลว่าแผ่นดินของตระกูลหยางจะไม่มั่นคง จึงได้ผนึกความรู้ตลอดชีวิตและเคล็ดวิชาลับต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้ในเซวี่ยหลิงหลง จากนั้นก็ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในฐานะสมบัติของราชวงศ์

หากราชวงศ์ล่มสลาย สมบัติชิ้นนี้ก็อาจจะถูกเปิดออกด้วยโลหิตของคนตระกูลหยาง เมื่อได้รับมรดกของบรรพชนตระกูลหยางแล้ว ย่อมสามารถฟื้นฟูตระกูลหยางและสืบต่อราชบัลลังก์ของจักรวรรดิต่อไปได้อย่างแน่นอน

รอบกายของหยางเฉินปรากฏวงแสงสว่างวาบขึ้นทีละวง กระแสพลังอันอ่อนโยนนับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง ในขณะเดียวกัน บาดแผลตามที่ต่าง ๆ บนร่างกายของเขาก็กำลังสมานตัวอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า...

ในขณะเดียวกัน ความทรงจำนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขา ถึงแม้สมองจะแทบระเบิด แต่สติกลับแจ่มชัดอย่างยิ่ง

ปัญหาในตอนนี้คือ เส้นลมปราณของเขาขาดสะบั้นไปหมดแล้ว ต่อให้มีเคล็ดวิชาคัมภีร์ลับมากมายเพียงใด ตอนนี้ก็ไม่สามารถฝึกฝนได้!

“สวรรค์ ท่านกำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือ?” หยางเฉินอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด มรดกทั้งหมดก็ได้ถูกประทับไว้ในสมองของเขาแล้ว ปริมาณความรู้มหาศาลทำให้หยางเฉินยากที่จะซึมซับได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ สุดท้ายตาทั้งสองข้างก็มืดลง จากนั้นสลบไป

...

แสงแรกของรุ่งอรุณ สาดส่องเข้ามาในตรอกซอกซอยของเมืองอู่ตี้

ในฐานะเมืองหลวงของจักรวรรดิเฉียนอู่ นี่คือเมืองหลักที่มีประชากรนับสิบล้านคน และยังเป็นเมืองที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในทวีปเฉียนอู่ทั้งหมด

ส่วนที่อยู่ในสุดคือพระราชวัง มีทหารรักษาพระองค์สามพันนายรับผิดชอบดูแลป้องกัน ถัดออกมาคือองครักษ์เสื้อแพร มีจำนวนประมาณสองหมื่นนาย กองกำลังทั้งสองนี้ มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถสั่งการได้

ส่วนกองกำลังป้องกันเมืองที่อยู่ด้านนอก คือกำลังหลักในการป้องกันเมืองหลวง มีจำนวนประมาณหนึ่งแสนนาย สำหรับค่ายทหารกองหนุนของจักรวรรดินั้น ก็คือค่ายใหญ่หลีซานที่อยู่นอกเมืองฝั่งตะวันตก

หยางเฉินลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ความทรงจำก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เมื่อนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน รอยยิ้มแห่งความโล่งใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ในมรดกที่บรรพชนตระกูลหยางทิ้งไว้ กลับมีเคล็ดวิชาชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘เคล็ดวิชาชีพจรซ่อนเร้นสวรรค์’ ซึ่งจะค่อย ๆ ซ่อมแซมเส้นลมปราณที่เสียหายได้

เคล็ดวิชานี้แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ฝึกฝนคือชีพจรซ่อนเร้นในร่างกายมนุษย์

ที่แท้คนเราไม่ได้มีเพียงเส้นลมปราณหลักสิบสองเส้นและเส้นลมปราณพิเศษแปดเส้นเท่านั้น แต่ยังมีชีพจรซ่อนเร้นอีกสิบสองเส้น แม้ว่าตอนนี้เส้นลมปราณหลักของหยางเฉินจะขาดสะบั้นไปหมดแล้ว แต่ก็สามารถเริ่มฝึกฝนจากชีพจรซ่อนเร้นได้

เมื่อฝึกฝนจนชีพจรซ่อนเร้นทะลวงแล้ว เขาก็จะสามารถเชื่อมต่อเส้นลมปราณหลักและเส้นลมปราณพิเศษที่ขาดสะบั้นไปได้อีกครั้ง และในที่สุดก็จะฟื้นฟูพลังของตนเองกลับคืนมาได้

แน่นอนว่า การจะฝึกฝนชีพจรซ่อนเร้นนั้น ยากยิ่งกว่าการฝึกฝนเส้นลมปราณหลักและเส้นลมปราณพิเศษเสียอีก

ขณะที่หยางเฉินกำลังเตรียมจะเริ่มฝึกฝน แม่ทัพไป๋ก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้ามาในห้องของเขา

“องค์รัชทายาท แย่แล้ว! หว่านเอ๋อร์เกิดเรื่องแล้ว!”

หัวใจของหยางเฉินพลันหนักอึ้ง เขากระเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม่ทัพไป๋ อย่าเพิ่งร้อนใจ ค่อย ๆ พูด หว่านเอ๋อร์เป็นอะไรไป?”

“แม่นางหว่านเอ๋อร์นาง... นางถูกคนฆ่าตาย แล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่หน้าประตู” แม่ทัพไป๋ยังไม่ทันพูดจบ ก็น้ำตาคลอเบ้า

อะไรนะ? ถูกคนฆ่าตาย?

ในหัวของหยางเฉินพลันตื้อไปหมด ตามด้วยโทสะที่พลุ่งพล่านขึ้นมาจากในใจ พุ่งปรี๊ดขึ้นสู่สมอง

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 100

    เวลานี้ ภายห้องโถงใหญ่ของพระตำหนัก ฮ่องเต้อู่เต๋อกำลังนำฮองเฮาถวายพระพรและถวายของขวัญให้ไทเฮา ไทเฮาที่นั่งอยู่ตรงกลางดีพระทัยจนแย้มสรวลไม่หยุด รีบสั่งให้คนจัดที่นั่งให้ฮ่องเต้และฮองเฮาผู้ที่มาร่วมงานคล้ายวันพระราชสมภพในวันนี้ ถูกฮองเฮาแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม กลุ่มที่เข้ามาอวยพรวันเกิดเป็นกลุ่มแรกย่อมเป็นบรรดาพระญาติพระวงศ์ ที่สำคัญก็คือเหล่าองค์ชายและพระราชนัดดา แม้แต่องค์หญิงใหญ่หยางจิ่นอวี๋ก็มาด้วยแล้วต่อจากฮองเฮาก็คือเหล่าพระสนมวังหลัง ที่ตามมาติดๆ กันคือเซวียกุ้ยเฟย เซียวซูเฟย และยังมีเจาหรง เจาอี๋ ไฉเหริน และกุ้ยเหรินจากตำหนักในด้วยแม้แต่มารดาของหยางเฉิน ‘พระสนมฉิงกุ้ยเฟย - หลีหว่านฉิง’ ก็ยังมาอวยพรวันเกิดไทเฮาด้วยทว่านอกจากฮองเฮาและกุ้ยเฟยอีกไม่กี่นางแล้ว เหล่านางสนมที่อยู่ด้านหลังพวกนั้นไม่มีแม้แต่ที่นั่ง จึงทำได้เพียงจากไปทางประตูข้างหยางเฉินในฐานะองค์รัชทายาทและผู้นำของทายาทรุ่นที่สาม แม้จะสูญเสียวรยุทธ์ไปจนสิ้นและต้องนั่งอยู่บนรถเข็น ทว่าฐานะของเขายังคงตั้งอยู่ตรงนั้น ดังนั้นจึงเป็นคนแรกที่เข้าสู่ห้องโถงเช่นกัน“หลานหยางเฉินขออวยพรเสด็จย่า ขอพระองค์ทรง ‘โชควาสนาเปี่

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 99

    ด้วยความสามารถระดับสามัญวชิระของเขาในอดีต ต่อให้เป็นเพียงพลังยุทธ์สามส่วน ก็สามารถต่อกรกับยอดฝีมือขั้นแปดลงไปได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังมีวิชาลับอันร้ายกาจที่เพิ่มพูนความสามารถได้อีกวันนี้เป็นวันเกิดของเสด็จย่า หยางเฉินเลือกของขวัญที่ดูเข้าเกณฑ์สองชิ้น เตรียมไปอวยพรวันเกิดให้เสด็จย่าเรื่องใหญ่อย่างงานคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา ย่อมมีฮองเฮาประมุขแห่งวังหลังเป็นผู้กำกับดูแล และมีการเชื้อเชิญเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊กับครอบครัว กล่าวได้ว่าครึกครื้นอย่างที่สุดพระตำหนักฉือหนิง เป็นตำหนักที่ประทับของไทเฮา ผู้เป็นพระพันปีหลวงในตอนที่หยางเฉินมาถึงที่นี่ บรรดาเสด็จพี่เสด็จน้องชายทั้งหลายก็ต่างมาถึงกันแล้ว ต่างกำลังเข้าแถวรออยู่นอกตำหนัก เพื่อเข้าไปมอบของขวัญและอวยพรวันเกิดแก่พระพันปี“เสด็จพี่ใหญ่ เสด็จพี่รอง วันนี้พวกท่านไม่ไปเจรจาสันติภาพหรือ?” หยางเฉินแกล้งถามอย่างประหลาดใจ“พอองค์หญิงได้ยินว่าเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา ก็ให้พวกเรามาอวยพรวันเกิดให้เสด็จย่า พรุ่งนี้ค่อยเจรจากันต่อ” องค์ชายใหญ่ตอบด้วยรอยยิ้มองค์ชายรองยิ้มแทรกขึ้นมาว่า “องค์รัชทายาท องค์หญิงผิงหยางผู้นี้คิดได้รอบ

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 98

    คนที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงทั้งสองต่างวางแผนเล่นงานอีกฝ่าย เจ้าวางแผนใส่ข้า ข้าก็วางแผนใส่เจ้า!ในขณะที่องค์หญิงผิงหยางกำลังยินดีนั่นเอง สาวใช้ทั้งสองคนของนางก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบงัน คุกเข่าลงกับพื้นทั้งคู่“ทูลองค์หญิง ภารกิจล้มเหลวแล้วเพคะ!”“ว่าอย่างไรนะ? ล้มเหลวแล้ว? หรือถูกเขาค้นพบเข้าแล้ว?” องค์หญิงผิงหยางตกตะลึง“องค์หญิง พวกเราวางกำลังดักซุ่มถึงสองครั้ง แต่ในขณะกำลังจะเข้าสู่หลุมพราง เจ้าหยางเฉินผู้นี้ล้วนวกรถม้ากลับไป ทำให้แผนการของเราล้มเหลวทั้งหมด!” ถัดมา อวิ๋นจือก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างละเอียดอีกรอบหนึ่งองค์หญิงผิงหยางฟังคำรายงานของสาวใช้ ในใจพลันกระตุกขึ้นมา โพล่งออกมาว่า “หรือหยางเฉินจะพบว่าพวกเราคิดลอบสังหารเขาจริงๆ ?”“องค์หญิง พวกเรามิได้ถูกเปิดโปงเพคะ เขาน่าจะไม่รู้ว่าพวกเราคิดลอบสังหารเขา!” ชูเซี่ยส่ายหัว คิดว่าหยางเฉินไม่มีทางสังเกตเห็นพวกนาง“หรือเขาคิดได้ระหว่างทางจริงๆ เลยยอมรับข้อเสนอของข้าแล้วย้อนกลับมาบอกข้า?” องค์หญิงผิงหยางคาดเดา“ข้อเสนออะไรหรือเพคะ?” สาวใช้อวิ๋นจือถาม“ข้าคิดขจัดความสงสัยของเขา จึงบอกไปว่าจะแต่งงานกับเขา แล้วช่วยให้ตำแ

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 97

    “เป็นไปไม่ได้ หากฮ่องเต้กล้าปลดท่าน ข้าก็จะให้จักรวรรดิตงเซิ่งเริ่มทำสงคราม หรือฮ่องเต้จะไม่กลัวราษฎรต้องทุกข์ร้อนหรือ?” องค์หญิงผิงหยางเต็มไปด้วยความอหังการหยางเฉินขมวดคิ้ว กล่าวหน้ามุ่ยว่า “องค์หญิง ท่านก็อย่างได้จ้องจะจับข้าอีกเลย ไม่งั้น ท่านไปทำร้ายเสด็จพี่ใหญ่ หรือเสด็จพี่รองแทนเถอะ?”“หยางเฉิน…เจ้ามัน…” องค์หญิงผิงหยางรู้สึกว่าโมโหจนแม้แต่ปอดก็จะระเบิดแล้ว“องค์หญิง ขอลาก่อนล่ะ!” หยางเฉินกลัวจนต้องรีบเผ่นองค์หญิงผิงหยางมองเงาหลังที่จากไปของเขา ความโมโหบนใบหน้าก็ค่อยๆ หายไป กลายเป็นรอยยิ้มเยาะหยันที่แสนเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกแทน……หลังหยางเฉินขึ้นรถม้าแล้ว ก็มุ่งหน้าไปทางพระราชวัง เตรียมกลับไปที่ตำหนักรัชทายาททว่า หลังจากรถม้าแล่นออกไปได้ไม่ไกล หัวใจของหยางเฉินที่นั่งอยู่ในรถม้าก็สั่นสะท้านขึ้นมา เขารีบเปิดใช้วิชาสดับฟ้าแผ่ขยายออกไปทันที“หยุดรถ!” หยางเฉินออกคำสั่งเสียงดังยอดฝีมือที่สำนักตรวจการส่งมาคุ้มครองเขามีราวยี่สิบคน แต่ฝีมือของคนพวกนี้กลับมิได้สูงมากนัก“องค์รัชทายาท เกิดสิ่งใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” คนผู้หนึ่งเข้ามาใกล้รถม้าแล้วกระซิบถาม“พวกเจ้าไม่สังเกตเห็นว่า

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 96

    ซยงหนูเคลื่อนลงใต้มารุกรานที่ราบภาคกลาง นี่เป็นภัยคุกคามที่มีมานานของจักรวรรดิส่วนการรุกรานในครั้งนี้ของพวกซยงหนู จะเป็นการร่วมมือกับจักรวรรดิตงเซิ่งหรือไม่ หรือจะเป็นเพราะซยงหนูเห็นจักรวรรดิตงเซิ่งปิดล้อมป้อมปราการเกอเอ่อเติง อยากฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ จับปลาในน้ำขุ่น จึงเคลื่อนทัพลงใต้ก็ยากที่จะบอกได้อันที่จริงแล้ว ในสายตาของหยางเฉิน ทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนไม่ได้สำคัญถึงเพียงนั้น ยามนี้พลังยุทธ์ของเขาฟื้นตัวกลับมาได้สามส่วนแล้ว ขอเพียงฟื้นฟูกลับมาได้ห้าส่วน ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเก้าเขาก็ไม่กลัว สามารถนำทัพออกศึกได้แล้วตามการขยายขอบเขตของ ‘วิชาสดับฟ้า’ ตอนนี้เพียงพอที่จะครอบคลุมระยะยี่สิบเมตรแล้ว หากเขาฝึกฝนต่อไป ระยะหลายร้อยหรือกระทั่งหลายพันเมตรก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาขอเพียงมีวิชาลับนี้อยู่ เขาก็จะไม่มีทางตกสู่หลุมพรางของศัตรูอีกเมื่อเผชิญกับท่าทีบีบคั้นผู้คนขององค์หญิงผิงหยาง หยางเฉินก็มิได้ใส่ใจเลย เขากลับหลุดหัวเราะออกมาราวได้ยินเรื่องตลกว่า “องค์หญิง ท่านคิดว่าคำข่มขู่เล็กๆ นี้ของท่าน จะทำให้พวกเรายอมแพ้ได้หรือ?”“ความหมายขององค์รัชทายาทคือ จะรอจนพวกเราตีป้อมปรา

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 95

    การเจรจาสันติภาพของนางกับองค์ชายทั้งสองในวันนี้ ไม่อาจเรียกว่าการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งเลยสักนิด รู้สึกเพียงว่ามีแมลงวันสองตัวกำลังส่งเสียงหึ่งหึ่งอยู่ข้างหูนาง และทุกครั้งที่พูดถึงประเด็นสำคัญ พวกเขาก็จะหลีกเลี่ยงไม่ยอมคุยที่น่าโมโหกว่านั้นก็คือ องค์ชายใหญ่จะเชิญนางไปร่วมรับประทานอาหารค่ำ ส่วนองค์ชายรองก็จะเชิญนางไปร่วมชมจันทร์ทันทีที่นึกถึงองค์ชายทั้งสองผู้ใช้ร่างกายท่อนร่างแทนสมอง องค์หญิงผิงหยางก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย ทว่า เมื่อนางแสร้งส่งสัญญาณเป็นนัยว่าตนสนใจหยางเฉิน ก็สามารถปลุกเพลิงโทสะในตัวองค์ชายทั้งสองขึ้นมาได้สำเร็จหากกระตุ้นพวกเขาต่อไป ไม่แน่อาจทำให้พวกเขากำจัดหยางเฉินทิ้งก็ได้นับแต่โบราณมา ‘อุบายหญิงงาม’ ก็เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ร้อยครั้งสัมฤทธิ์ผลร้อยครา องค์หญิงผิงหยางใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ องค์ชายทั้งสองย่อมติดกับเป็นธรรมดาในความเป็นจริงแล้ว เพื่อต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ องค์ชายทั้งสองก็มีความคิดจะสังหารหยางเฉินมานานแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ส่งคนไปลอบโจมตีเรือนรับรองทิงเฟิงครั้งนี้ องค์หญิงผิงหยางแค่กระตุ้นพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาก็พลันเกิดจิตสังหารต่อหยางเฉินแล้ว

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status