เกาเหวินรู้สึกว่าบรรยากาศของร้านนี้พิเศษจริงๆ ตอนแรกเขายังกลัวว่ากู้จื่ออวี่จะถูกคนจับตามอง แต่ผิดคาด ทุกคนในร้านต่างก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่มีใครว่างคุยกันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่มองซ้ายมองขวา เพราะข้างนอกยังมีคนรออยู่ พอกินเสร็จก็ลุกแล้วรีบไปเลย
ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละโต๊ะยังจัดแบบมีระยะห่าง ไม่อึดอัดเหมือนร้านทั่วไป โต๊ะของพวกเขาอยู่ใต้ต้นเหมยตรงมุมลาน มีโคมกระดาษแขวนบนกิ่งไม้ดูสวยงาม จากมุมนี้มองเข้าไปด้านในคล้ายโรงเตี๊ยมย้อนยุคยังไงยังงั้น
หยางอิงกับลุงหวังยกอาหารมาเสิร์ฟ พอเห็นเป็นโต๊ะของคนรู้จัก ก็ไม่ลืมกำชับด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “ลุงซ่งคะ ถังเหยาฝากมาบอกลุงทั้งสองว่าดื่มได้แค่ไหเดียวนะคะ ต้องดูแลสุขภาพไว้กินของอร่อยไปอีกนานๆ”
“ได้สิ ได้แน่นอน ลุงสองคนแชร์กันแค่ไหเดียวพอ บอกเสี่ยวเหยาว่าไม่ต้องห่วงนะ”
เกาเหวินถึงกับเหวอเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นยิ้มสดใสเ หมือนพระอาทิตย์เดินมาอยู่ตรงหน้า เผลอมองตามจนเธอเดินลับตาไป พอได้กลิ่นหอมลอยมาเขาถึงดึงสายตากลับได้
โต๊ะของพวกเขาสั่งกับข้าวมาอย่างละจาน โดยเฉพาะหมูตุ๋นตงพอสั่งไซส์ใหญ่สุด วันนี้เลือกกินแค่ข้าวผัดหยางโจวกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อให้เข้ากับหมูตุ๋น เกาเหวินมองโต๊ะที่อัดแน่นด้วยสีสัน และกลิ่นหอมแทบจะกลืนลิ้น
เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วอดไม่ได้ที่จะพูด “นี่คือร้านที่คุณลุงชอบมากินใช่ไหมครับ เห็นบอกว่ามากินทุกมื้อทุกวันเลย ทั้งสะอาดทั้งอร่อยระดับพรีเมียม” จากนั้นก็หันไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ “นายลองชิมดูสิ เผื่อจะติดใจเหมือนพวกเขา”
“ขอบคุณคุณลุงที่ชวนมานะครับ”
กู้จื่ออวี่มองจานหมูตุ๋นตงพอที่ราดด้วยซอสร้อนสีแดงเข้มสวยงาม กลิ่นหอมฉุยลอยมา แค่ได้กลิ่นก็แทบจะอดใจไม่ไหว นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งปีที่เขารู้สึก ‘อยากกินอะไรสักอย่าง’
เกาเหวินตักน้ำซุปถ้วยเล็กส่งให้เพื่อนก่อนเริ่มกินเพื่อให้ท้องอุ่น กู้จื่ออวี่รับถ้วยซุปใสที่หอมกลิ่นเปรี้ยวหวานจางๆ เนื้อปลาสีขาวขุ่นกับผักเขียวสดลอยอยู่ เขาลองตักขึ้นชิมคำหนึ่ง การเคลื่อนไหวของเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ซดต่อจนหมดถ้วย จากนั้นคีบสลัดผักราดน้ำมันงามากินต่ออย่างเงียบๆ
ทางด้านเกาเหวินกับสองผู้กำกับนั้นต่างออกไป คีบหมูตุ๋นใส่ถ้วยคนละไม้คนละมือ ราดซอสเพิ่มอีกนิดก่อนจะลงมือกินทันที ผู้กำกับทั้งสองคนเคยกินไปแล้วตอนกลางวัน ดังนั้นแค่เคี้ยวเบาๆ แล้วหลับตาพริ้ม ราวกับกำลังดื่มด่ำงานศิลป์ในปาก ส่วนเกาเหวินนั้นต่างออกไป เขาเบิกตากว้างเหมือนไม่เชื่อว่าหมูชิ้นนั้นจะอร่อยขนาดนี้ กินจนหมดคำโดยไม่รู้ตัว แถมเกือบกลืนลิ้นตัวเองด้วยซ้ำ
“โห! อร่อยอะไรขนาดนี้! หมูตุ๋นตงพอร้านนี้โคตรรดีเลยอะ ข้างในนุ่มชุ่มฉ่ำแทบจะละลายในปาก ซอสราดข้างนอกก็เข้มข้น กลมกล่อมหวานเค็มพอดีเป๊ะ นี่ใช้อะไรตุ๋นเนี่ย? หอมเว่อร์!”
เกาเหวินมัวแต่เพลินกับรสชาติ ลืมไปเลยว่ายังต้องดูแลคนข้างๆ แต่พอหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายกำลังกิน ตักเต้าหู้นิ่มยัดไส้กุ้งบดกับเห็ดเข้าปากเงียบๆ เจ้าตัวก็ยอมกินอะไรเองโดยไม่ต้องเตือนแล้ว!
“นายลองหมูตุ๋นตงพอนี่ดูสิ เด็ดจริง อร่อยระดับตำนานเลยนะ!”
กู้จื่ออวี่มองเห็นเกาเหวินใช้ช้อนส่วนตัวของเขาเองตักหมูตุ๋นใส่ชามให้ แล้วก็ราดซอสราดหน้าสวยๆ ลงไปอีกช้อนหนึ่ง ไม่ลืมเติมผักกวางตุ้งสีเขียวสดใสลงไปอีกนิด
ก่อนหน้านี้เขาได้กินเต้าหู้กับซุปปลา ก็รู้แล้วว่าเชฟร้านนี้ฝีมือดีจริงๆ ซุปหนึ่งถ้วย เต้าหู้หนึ่งคำ ข้าวครึ่งถ้วย แค่นี้เขาก็อิ่มแล้ว แต่พอเห็นหมูตุ๋นในชาม ก็อดไม่ได้อยากลองดูสักคำ เนื้อหมูนุ่มมาก สีดูสดฉ่ำ แค่เอาช้อนแตะเบาๆ ก็แยกออกจากกันได้ง่ายๆ กู้จื่ออวี่ตักเนื้อหมูขึ้นมากินคู่กับข้าวขาว ยังไม่ทันได้กินกลิ่นหอมก็ลอยขึ้นมาแตะจมูกแล้ว
เนื้อหมูที่ตุ๋นไฟอ่อนจนเข้าเนื้อ รสชาติยังคงความดั้งเดิม ซอสที่ราดลงไปก็หวานกลมกล่อม ไม่เลี่ยน มีความเค็มนิดๆ และกลิ่นหอมของพริกหอม กินคู่กับข้าวขาวแล้วลงตัวมาก แม้แต่ตอนที่เขายังรู้สึกอยากอาหาร ก็ไม่เคยกินหมูตุ๋นตงพอที่อร่อยได้ขนาดนี้เลย
ไม่ทันรู้ตัว เขาก็เผลอกินข้าวหมดถ้วย กับหมูชิ้นสี่เหลี่ยมนั้นไปจนเกลี้ยง
เกาเหวินเห็นอย่างนั้นก็อดดีใจไม่ได้ ในที่สุดก็หาของที่กู้จื่ออวี่กินได้เจอแล้ว เขาวางแผนไว้ในใจว่าจะถามเจ้าของร้านดูว่าช่วงเช้ามีขายด้วยไหม ถ้ามีจะได้มาซื้อให้กินทั้งสามมื้อเลย
ตอนนี้ทั้งสองคนถึงเพิ่งสังเกตว่า ผู้กำกับเฉินกับผู้กำกับซ่งกำลังนั่งดื่มเหล้ากัน กลิ่นหอมลอยมา พร้อมกับสีของเหล้าที่ดูสวยงาม เกาเหวินเลยยกเหล้าให้ตัวเองกับกู้จื่ออวี่คนละถ้วย พอเห็นสีเหล้าก็อดเอ่ยปากชมไม่ได้
“สีชมพูอ่อนสวยจัง กลิ่นก็หอม ไม่ทราบว่าเหล้าอะไรเหรอครับ?”
ผู้กำกับเฉินดื่มไปหนึ่งอึก เคี้ยวหมูตุ๋นอีกคำแล้วหลับตาพริ้มอย่างพอใจ อารมณ์ดีเลยถือโอกาสเล่าให้สองหนุ่มฟังเพื่อเปิดหูเปิดตา
“พวกนายสองคนนี่โชคดีมากนะ นี่คือนารีแดงที่หมักแบบดั้งเดิมของตระกูลช่างทำเหล้า ได้ยินว่าคุณทวดของเจ้าของร้าน หมักด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนมีลูกสาว ตอนนี้ก็ผ่านมา 165 ปีแล้ว ใต้ต้นไม้หลังร้านยังฝังโอ่งเหล้าไว้อีก 5 ใบ เป็นของคุณตาเธอ หมักไว้เกือบ 80 ปี แม่ของเธอก็หมักเองอีก 3 ใบสำหรับลูกสาวเหมือนกัน ผ่านมาเกือบ 50 ปีแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ร้านเล็กๆ แบบนี้จะมีของล้ำค่าอยู่เต็มไปหมด ฉันกับลุงซ่งมากันทุกสัปดาห์ แต่เจ้าของร้านให้ดื่มแค่สองครั้ง วันนี้ยังต้องแบ่งให้พวกนายอีกด้วย”
“เหล้านี่หอมมากเลยครับ รสก็ไม่แรง หวานละมุน หอมติดลำคอแบบไม่จางเลย ฝีมือแบบนี้อย่างน้อยต้องระดับปรมาจารย์แล้วล่ะ”
กู้จื่ออวี่ค่อยๆ จิบทีละนิด รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมที่ค่อยๆ ละลายไปทั่วปาก ความหวานอ่อนๆ ค่อยๆ ซึมลงคอ ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปหมด เขาเหลือบตามองต้นไม้ไหวเบาๆ ตามแรงลม แสงแดดอ่อนส่องผ่านใบไม้ ช่วยเติมบรรยากาศให้ดูเหมือนฉากในหนัง
คุณกู้กินข้าวได้แล้ววว คุณกู้ไม่ต้องทนป่วยแล้วววว
หยางอิงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จแล้ว พอเห็นถังเหยาเดินเข้ามาก็รีบลากออกมานอกห้องด้วยท่าทางลับล่อ“เสี่ยวเหยา เธอฟังนะ ตอนที่ฉันช่วยเธอเปลี่ยนชุดน่ะ...เห็นว่าทั่วทั้งตัวเธอมีแต่รอยช้ำเลย ทั้งรอยเก่า รอยใหม่ ดูแล้วเหมือนเจอเรื่องแย่ๆ มาหนักมาก คือมันน่ากลัวมากจริงๆ”ถังเหยาฟังแล้วถึงกับอึ้ง หันไปมองคนตัวผอมบางที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง“เธอเป็นคนในวงการบันเทิงเหรอ?”“ไม่รู้สิ... เธอก็รู้ว่าฉันตามข่าววงการแบบงูๆ ปลาๆ ช่วงนี้สนใจแต่เรื่องคู่ชิป จริงๆ ก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ คนบนเตียงก็เริ่มขยับเหมือนจะฟื้น ถังเหยาเลยส่งสัญญาณให้หยางอิงหยุดพูดก่อน แล้วเดินไปที่เตียง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ฟื้นแล้วเหรอคะ ขอโทษนะที่พาเธอกลับมาบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน...ดื่มน้ำขิงสักหน่อยนะ จะได้คลายหนาว”เธอชื่อ “เผิงเหนียน” ลืม
ผู้กำกับซ่งยกถ้วยเหล้าขึ้นเริ่มกล่าวเปิดงาน ข้างๆ เขาคือพระเอกของเรื่อง กู้จื่ออวี่ และ เจียเหมิน นักแสดงหญิงระดับรางวัลใหญ่3 สมัย ที่รับบทแม่ของพระเอก พูดง่ายๆ ว่าทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยตัวท็อปทั้งนั้น ส่วน ซู่อิง ถือว่าอาวุโสน้อยที่สุดในหมู่คนดังวันนี้เธอปรายตามองปลาที่ถูกแล่บางเฉียบด้วยมีดเพียงครั้งเดียว เนื้อปลาสลับชั้นสวยงาม แค่เห็นก็น้ำลายไหลแล้ว พอเอาไปจุ่มในน้ำซุปเผ็ด กลิ่นเครื่องเทศก็ซึมเข้าเนื้อจนเผ็ดหอม เนื้อปลาสดหวานเต็มคำ"อร่อยมากอะ! เชฟนี่ฝีมือใช้มีดดีมาก ลายปลาแบบนี้เทียบกับร้านซาชิมิยังได้เลย ซุปเผ็ดก็หอม เผ็ดแบบกลมกล่อม ไม่มีน้ำมันเยิ้มๆ ให้เลี่ยนเลย กินแล้วอยากกินต่อ!"นอกจากซุปเผ็ดแล้ว ซู่อิงก็ชอบซุปใสไม่เผ็ดเหมือนกันเนื้อแกะหั่นมาชิ้นหนากำลังดี พอจุ่มลงในหม้อแล้วกลิ่นหอมทะลุจมูก เนื้อไหล่แทบจะละลายในปาก ส่วนเนื้อต้นขากับสะโพกก็เด้งหนึบเคี้ยวเพลิน ดื่มน้ำซุปตามแล้วทั้งตัวรู้สึกอบอุ่นสบาย ป
กู้จื่ออวี่มองสวนดอกไม้ด้านหลังบ้าน ไฟประดับเล็กๆ ที่ล้อมด้วยตะกร้าหวายกลม วางประดับตามสวน ช่วยเพิ่มความสว่างเรืองรองได้อย่างงดงามลึกลับ ในสวนมีดอกไม้หลายชนิด ตั้งแต่พันธุ์ธรรมดาจนถึงพันธุ์หายากบ่อปลาขนาดเล็กมีน้ำไหลรินลงมาตามร่องหิน ปลาในบ่อก็ว่ายน้ำโบกหางอย่างรื่นรมย์ ที่มุมด้านนอกติดประตูห้องของถังเหยามีเก้าอี้ชิงช้าแขวนอยู่ ด้านหลังเก้าอี้เป็นผนังไม้ที่เลื้อยคลุมด้วยกุหลาบหลากสีดูสวยงามสะดุดตาผู้หญิงคนนี้รู้จักใช้ชีวิตจริงๆเขากำลังเดินชมดอกกุหลาบอย่างเพลินตา ทันใดนั้นก็เห็นใครบางคนนอนอยู่ตรงทางเดิน หญิงสาวสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย อุ้มแมวสีขาวขนนุ่มอยู่ในอ้อมแขน ทั้งคนทั้งแมวหลับใหลโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนมา มีเพียงหมาตัวหนึ่งที่นอนอยู่ปลายเท้าเธอเท่านั้น ที่เงยหน้าขึ้นมามองเขาหนึ่งที ก่อนจะหลับต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นลมเย็นโชยพัดเส้นผมข้างแก้มปลิวเบาๆ ใต้เงาร่มไม้ เงาแดดอ่อนๆ ทะลุผ่านซุ้มใบไม้ลงมาประคองใบหน้าที่กำลังหลับใหลอยู่นั้นอย่างแผ่ว
ผู้กำกับซ่งเคยกินซุปหูฉลามมาก่อน แต่รสชาติไม่มีครั้งไหนเทียบได้กับฝีมือของถังเหยาเลยจริงๆ เด็กคนนี้ราวกับเกิดมาพร้อมประสาทรับรสที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเชฟมืออาชีพ“หูฉลามนุ่มแต่ไม่เละ เนื้อกุ้งหวานสด หอยเชลล์กับเห็ดเข้ากันได้ดีแบบไม่มีที่ติ น้ำซุปก็เบาๆ ใสๆ แต่กลับซึมซับรสชาติทะเลไว้เต็มเปี่ยม ถ้าเธอเปิดร้านอาหารหรู แค่จานนี้จานเดียวก็ดึงลูกค้าได้ทั้งร้านแล้วล่ะ”“แล้วนี่ฝีมือแกะสลักของหนูเสี่ยวเหยาก็ไม่ธรรมดาเลยนะ ดูสิ หัว ตัว หาง แกะจากแครอท มันเหมือนรูป3D ที่ปริ้นท์ลงจานเลย สีเปลือกกุ้งส้มอมแดง เนื้อในขาวใสกัดเข้าไปคือสดเหมือนเพิ่งขึ้นจากทะเล ผัดเห็ด แครอท พริกหยวกสีเขียวก็ทั้งหอมทั้งสวย อร่อยมากจริงๆ”“ไก่ขอทานนี่กลิ่นหอมจนใจละลาย สีแดงทองสวยงาม หนังบางๆ ฉ่ำๆ รสชาติซึมลึกเข้าเนื้อ ไส้เครื่องเทศที่ยัดไว้ข้างในหอมเข้มข้นสุดๆ ส่วนนี่ ซี่โครงหรือเต้าหู้ก็อร่อยทั้งคู่ กินกับข้าวสักคำคือฟิน”ฝั่งกู้จื่ออวี่ก็กินเงีย
แค่ได้ยินว่าถังเหยาตกลง ทุกคนก็พอใจแล้ว เรื่องจะได้กินหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆ แน่นอนว่าจำนวนมีจำกัด ไม่มีใครเอาไปพูดต่อหรอก ส่วนใหญ่เก็บเงียบไว้ รอจนถึงวันที่ขายจริงวันแรกมีบางคนยุ่งจนแวะมาที่ร้านไม่ได้ เลยไม่รู้ข่าว พอถึงเวลามื้อเที่ยงจะเข้าแอปสั่งข้าว ถึงรู้ว่าวันนี้มีขายเป็ดย่าง แต่พอเลยเวลาเปิดร้านมาแค่3 นาที เป็ดย่าง30 ชุดก็หมดเกลี้ยงแล้วโอ้โห ทุกคนมือไวจนน่ากลัว คนที่มาทีหลังสั่งไม่ทัน ก็ได้แต่โอดครวญอย่างสิ้นหวังช่วงนี้มีกองถ่ายบางกองจะเริ่มเปิดกล้องวันนี้หรือพรุ่งนี้ที่เมืองเหิงเตี้ยน นักแสดงกับทีมงานก็เริ่มทยอยมากันแล้วระหว่างนั้นก็มีศิลปินหรือผู้กำกับบางคนเดินผ่าน พอเห็นคนต่อแถวกันเป็นสองแถวก็แปลกใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่ามีร้านเปิดใหม่แล้วแจกอะไรฟรีหรือเปล่าอยู่ดีๆ รถสีดำคันหนึ่งที่กำลังแล่นมาก็หยุดลง กระจกเลื่อนลง คนข้างในขยี้ตาเหมือนไม่เชื่อสายตา ร่างที่เห็นคุ้นมาก&
คืนนั้นที่ สถานีเหิงเตี้ยน ระเบิดข่าวครั้งใหญ่ หัวข้อ#ฉันได้แต่นั่งมองคนอื่นกินเป็ดย่างของบ้านตระกูลถังด้วยความเจ็บปวด โพสต์เพิ่งลงได้ไม่กี่นาทีก็มีคนกดไลก์และคอมเมนต์ถล่มทลาย จนกลายเป็นกระทู้มาแรงอันดับหนึ่งทันที ไม่รู้ใครเป็นสายลับ แต่ดันแอบถ่ายรูปโต๊ะอาหารของกองถ่ายไว้ได้ ชัดสุดๆ คือจานเป็ดย่างสีสันจัดจ้าน เย้ายวนสุดๆ แถมยังมีแคปชั่นยืนยันว่าขออนุญาตแล้วจริงๆ ไม่ใช่แอบถ่ายหรือขโมยโพสต์ใดๆ ทั้งสิ้นหัวใจสามดวง: ชีวิตนี่มันมีเรื่องคลาดกันแบบนี้จริงๆ เหรอ...ฉันบังเอิญเดินผ่านน้องเป็ดแท้ๆ แววตาเราสองสบกัน หวานซึ้งอาลัยอาวรณ์ แต่สุดท้ายก็ต้องจากกัน พลาดกันครั้งนี้ ใจฉันเลยติดอยู่กับเป็ดตลอดมา คืนนั้นนอนไม่หลับ น้ำตาเปียกหมอนราวกับฝันฤดูใบไม้ผลิ เรื่องรักนี้มันเศร้ายิ่งกว่าตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าอีก… คืนนี้ฉันจะนอนหลับลงได้ยังไงกันนะ…รักวุ่นวายแห่งเมืองถ่ายทำ: สรุปที่คุณด้านบนพูดคือ…ถ้าอยากให้เรื่องรักนี้สมหวัง ก็ต้องให้น้องเป็ดลงไปอยู่ในกระเพาะค