โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่เพิ่งกินเสร็จ ต่างก็มองมาทางเขาแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆ
“คนนั้นใช่กู้จื่ออวี่รึเปล่านะ ฉันดูจากข้างหลังก็ว่าใช่เลย”
“มองด้านข้างก็เหมือนอยู่นะ คนที่นั่งข้างๆ ใช่ผู้จัดการเการึเปล่า?”
“น่าจะใช่แน่เลย ทำยังไงดี อยากขอลายเซ็นจังเลย”
เกาเหวินหยิบหมวกส่งให้กู้จื่ออวี่สวม จากนั้นหันไปมองข้างนอกที่เริ่มมีคนมาต่อคิว ถ้าลุกขึ้นตอนนี้มีหวังสร้างความวุ่นวายให้ร้านแน่ เขาเลยกระซิบกับผู้ใหญ่เบาๆ
ผู้กำกับเฉินจึงลุกขึ้นพาสองคนเดินไปทางครัว “เสี่ยวเหยา หนูว่างไหม ลุงมีเรื่องอยากขอหน่อย”
ถังเหยาเพิ่งทำข้าวผัดให้ลูกค้าเสร็จ ยังไม่มีออเดอร์ใหม่จึงว่างอยู่พอดี หันมาอีกทีก็เห็นผู้กำกับเฉินยืนอยู่พร้อมกับชายสองคนด้านหลัง คนหนึ่งใส่แว่น มองเธอแล้วยิ้มให้ด้วยท่าทีสุภาพ อีกคนสวมหมวกกับหน้ากาก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็แค่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงทักทาย
ผู้กำกับเฉินมาขอเธอว่าอยากให้สองคนนี้ ไปรอนั่งที่ลานหลังบ้านสักพัก เพราะเหมือนจะมีแฟนคลับจำได้ ถ้าเดินออกไปตอนนี้เกรงว่าจะรบกวนลูกค้าคนอื่น ถังเหยามองไปข้างหลังครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้ตกลง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วผู้กำกับร่างท้วมก็ขอตัวกลับก่อน พร้อมกับบอกว่าจะมาอีกพรุ่งนี้
ถังเหยาฝากให้หยางอิงพาทั้งคู่ไปยังลานด้านหลัง จากนั้นก็คิดขึ้นได้ว่าปล่อยให้นั่งเฉยๆ ก็คงจะน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน เลยหยิบมูสเค้กรสเสาวรสที่ทำไว้ตอนเที่ยงมา 2 ชิ้น พร้อมอุ่นผลไม้หม้อเล็กกับแก้วเซรามิก 2 ใบ ฝากหยางอิงเอาไปเสิร์ฟให้
เกาเหวินมองขนมสีสวยกับกลิ่นหอมของชาอุ่นๆ ที่ค่อยๆ ลอยมา พอรวมกับบรรยากาศลานหลังบ้านที่ดูอบอุ่น เรียบง่ายแต่สวยสะดุดตา ก็อดพูดออกมาไม่ได้ “เจ้าของบ้านนี่ใช้ชีวิตเป็นจริงๆ ทั้งชา ทั้งขนม ทั้งเสียงนกร้อง ปลาแหวกว่าย เป็นความสุขแบบเรียบง่ายที่คนสมัยนี้แทบจะหาไม่ได้แล้ว”
กู้จื่ออวี่มองไปข้างหน้า ตรงนั้นคือครัว หน้าต่างเปิดให้เห็นข้างในพอดี จากตรงที่เขานั่งมองเห็นด้านข้างของหญิงสาวที่อยู่ใต้แสงไฟ เส้นหน้าคมชัด มือไม้กลับขยับอย่างนุ่มนวล ไม่รีบเร่ง ดูสงบเย็นอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ชอบของหวาน แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอยากลองดูสักคำ แล้วก็กลายเป็นว่ารสชาตินุ่มละมุน เปรี้ยวหวานพอดีจนแทบจะละลายในปาก พอดื่มชาอุ่นตามอีกนิด รสชาติก็กลมกล่อมเข้ากันไปหมด ทุกอย่างในบรรยากาศตอนนี้ทั้งสงบ ทั้งกลมกลืนกับธรรมชาติ ทำให้เขารู้สึกใจเย็นลงมากอย่างไม่รู้ตัว
ใต้ต้นไม้มีสุนัขซามอยด์ขนฟูสีขาวสะอาดตัวหนึ่ง นอนอยู่เคียงข้างกับแมวแร็กดอลล์ที่มีขนสีขาวล้วน ยกเว้นหาง หู และรอบดวงตาที่เป็นสีน้ำตาลเข้มมันวาว พวกมันทั้งคู่หลับตาพริ้มเหมือนกำลังงีบกลางวันอย่างสบายใจ
นั่งพักได้สักพักเกาเหวินก็สังเกตว่าข้างนอกไม่มีคนรอแล้ว เลยบอกกู้จื่ออวี่ว่าได้เวลากลับ ทั้งสองคนเลือกใช้ทางเล็กด้านข้างแทนที่จะเดินผ่านลานหน้าร้าน
“ขอบคุณคุณถังช่วยดูแลนะครับ ค่าเค้กกับชาทั้งหมดเท่าไหรครับ”
ถังเหยาเพิ่งโบกมือลาลูกค้าคนหนึ่ง พอได้ยินเสียงก็หันมาทางประตูอีกด้าน คนที่พูดกำลังสวมหมวกและหน้ากากเตรียมตัวกลับ ดูเหมือนกำลังจะเดินออกไปแล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ชากับขนมฉันตั้งใจทำไว้ต้อนรับแขก ขอบคุณที่แวะมาร้านนะคะ”
“งั้นขอบคุณมากนะครับ”
เกาเหวินยิ้มแล้วพยักหน้าให้ จากนั้นก็เดินนำออกไปก่อน ถังเหยาคิดว่าอีกคนคงไม่พูดอะไร เลยกำลังจะหันกลับ ทว่าเสียงนุ่มทุ้มอบอุ่นก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
พอเธอเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาคู่นั้น...ดวงตาสีดำลึกส่องประกาย เหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดาว
“ขอบคุณครับ”
ถังเหยาแทบไม่เคยรู้สึกอะไรกับเสียงของใครมาก่อน ต้องบอกว่าตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าคนคนหนึ่งมีเสียงไพเราะขนาดนี้ เสียงของเขาทุ้มลึก มีน้ำหนัก เหมือนเสียงดนตรีที่บรรเลงจากเครื่องสายชั้นดี ฟังแล้วอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะเดียวกัน กองถ่ายทำที่เมืองเหิงเตี้ยนก็กำลังฮือฮาเพราะแฮชแท็ก #หมูตุ๋นตงพอกับดารารุ่นใหม่ระดับท็อป กำลังขึ้นเทรนด์ และมีแววว่าจะออกจากวงการบันเทิง ไปกระจายต่อในหมวดอาหารของมณฑล ภายใต้หัวข้อ “ดาวรุ่งเมนูหมูตุ๋นตงพอแห่งร้านอาหารตระกูลถัง”
ผู้ติดตามหลายคนในเวยป๋อของ “อาหารเลิศรสแห่งเหิงเตี้ยน” พอเห็นหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสก็อดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ หัวข้อยังแนบลิงก์ของโพสต์จากเหิงเตี้ยนสเตชั่นเอาไว้ด้วย พอคลิกเข้าไปเห็นภาพอาหารจัดเรียงอย่างสวยงามบนโต๊ะไม้ท่ามกลางบรรยากาศสบายตา จนหลายคนอดไม่ได้ที่จะเริ่มพูดคุยกันคึกคักใต้โพสต์นั้น
ชาวเจิ้นเจียง: ขอถามหน่อยค่ะ ใครเคยไปกินที่นี่แล้วบ้าง ช่วยรีวิวให้หน่อย บ้านเราอยู่ค่อนข้างไกล ต้องนั่งรถไฟตั้งชั่วโมงนึงแน่ะ ไม่รู้คุ้มไหม
แมวไม่ได้พิมพ์: โอ้ย! คุณข้างบนนั่น เราเพิ่งได้ยินจากเพื่อนว่าอร่อยมากเลยค่ะ! เรากำลังวางแผนจะไปไลฟ์ให้แฟนๆ ดูด้วยนะ ตอนนี้ “หมูตุ๋นตงพอ” ครองตำแหน่งเมนูสุดปังของร้าน ส่วนอันดับถัดไปคือ “ซี่โครงวัวตุ๋นไวน์แดง” กับ “ไก่เผ็ดเสฉวน” ก็เด็ดไม่แพ้กัน แต่ถ้าใครชอบแนวเบาๆ ละก็ “เต้าหู้รสเลิศ” คือที่สุด! สรุปคือ อร่อยทุกอย่างค่า
นางฟ้าแห่งเหิงเตี้ยน: อ้าว อ้าว อ้าว ทำไมร้านอาหารเปิดใหม่แถวบ้านเราดังขนาดนี้ แต่เราไม่เคยได้ยินข่าวอะไรเลยอ่ะ!
ความคิดถึงร้านตระกูลถัง: ก็เพราะทุกคนคุยกันใน "กลุ่มกองถ่ายเหิงเตี้ยน" ไม่ใช่ "กลุ่มเหิงเตี้ยนสเตชั่น" ไง เลยยังไม่ค่อยมีคนรู้กัน แต่บังเอิญมีบล็อกเกอร์คนนึง ไปกินที่ร้านตระกูลถังแล้วเขียนบทความชมไว้ในเพจ “อาหารเหิงเตี้ยน” นั่นแหละ ไม่งั้นคงอีกสักพักถึงจะเป็นกระแส ยังไงตอนนี้ก็แค่กระแสในเหิงเตี้ยนเท่านั้นเอง แต่ขนาดนี้คนท้องถิ่นยังต้องต่อคิวตั้งแต่ร้านเปิด ถ้าคนนอกแห่มาด้วยล่ะก็...ไม่แน่ว่าอาจไม่มีที่นั่งเลยก็ได้
วันนี้มากับเพื่อนสนิทชื่อ “หยู่เยียน” ให้ช่วยถือกล้องให้ เธอจัดทรงผมนิดหน่อยก่อนจะเริ่มไลฟ์“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่Meo Blog ทายสิว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเอ่ย”หยู่เยียนรู้หน้าที่ดี รีบหมุนกล้องตามนิ้วของเธอที่ชี้ไปบริเวณรอบๆ“ถูกต้องค่า! ตอนนี้เราอยู่ที่เหิงเตี้ยน แฟนๆ เคยแนะนำมาว่าที่นี่มีร้านข้าวชื่อ ‘ตระกูลถัง’ อร่อยมาก วันนี้เลยตั้งใจจะมาลองให้ได้ และมาแชร์กับทุกคนด้วยนะคะ! ได้ข่าวว่าต้องต่อคิว ก็เลยรีบมาตั้งแต่เนิ่นๆ อ้าว มีคนมารอก่อนเราแล้ว!”ซินหยางเดินมาเจอคนยืนรอคิวอยู่แล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงห้าโมงเย็น ทำเอาเธอพูดเสียงเบาลงทันที เพราะรอบตัวก็เริ่มมีคนเยอะขึ้น“ไม่น่าเชื่อเลยทุกคน ยังไม่ห้าโมงแท้ๆ แต่มีคนมารอกินข้าวกันแล้วอะ”ระหว่างรอ คนในคิวก็พูดคุยกันเพลิน ส่วนใหญ่ก็พูดถึงร้านตระกูลถังนั่นแหละ“ผมค
ด้านหน้าร้าน ถังเหยาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ จึงเดินออกมาดู แล้วต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเกาเหวินยืนอยู่ตรงนั้นเจ็ดโมงครึ่งเช้าเองนะ...มาถึงตั้งแต่เช้าแบบนี้ คิดจะมากินอาหารเช้าหรือยังไงกัน? ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารเลยด้วยซ้ำ“สวัสดีครับคุณถัง ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าร้านเปิดขายอาหารเช้าตอนกี่โมงครับ?”“ขอโทษด้วยค่ะคุณเกา ร้านเราไม่ได้ขายอาหารเช้าค่ะ”เกาเหวินได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็พลันดูผิดหวังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ถังเหยารู้สึกแปลกใจเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเล่าเรื่องของกู้จื่ออวี้ให้เธอฟัง พร้อมหยิบใบวินิจฉัยสุขภาพเมื่อวานให้ดู เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ดูสุขุมคนนั้น จะป่วยหนักขนาดนี้“จริงๆ ผมก็พยายามไปซื้อจากร้านอื่นให้แล้วนะครับ แต่เขากินไม่ได้เลย...ใครจะคิดว่าเมื่อวานเขาจะกินได้เยอะขนาดนั้น แถมตอนกลางคืนก็ยังหลับได้ดี ไม่กระสับกระส่ายเหมือนทุกที ผมเลยกะว่าจะมาซื้อให้ครบสามมื้อเลย แต่ไม่รู้ว่าร้านคุณไม่ได้ขายอาหารเช้า”
โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่เพิ่งกินเสร็จ ต่างก็มองมาทางเขาแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆ“คนนั้นใช่กู้จื่ออวี่รึเปล่านะ ฉันดูจากข้างหลังก็ว่าใช่เลย”“มองด้านข้างก็เหมือนอยู่นะ คนที่นั่งข้างๆ ใช่ผู้จัดการเการึเปล่า?”“น่าจะใช่แน่เลย ทำยังไงดี อยากขอลายเซ็นจังเลย”เกาเหวินหยิบหมวกส่งให้กู้จื่ออวี่สวม จากนั้นหันไปมองข้างนอกที่เริ่มมีคนมาต่อคิว ถ้าลุกขึ้นตอนนี้มีหวังสร้างความวุ่นวายให้ร้านแน่ เขาเลยกระซิบกับผู้ใหญ่เบาๆ ผู้กำกับเฉินจึงลุกขึ้นพาสองคนเดินไปทางครัว “เสี่ยวเหยา หนูว่างไหม ลุงมีเรื่องอยากขอหน่อย”ถังเหยาเพิ่งทำข้าวผัดให้ลูกค้าเสร็จ ยังไม่มีออเดอร์ใหม่จึงว่างอยู่พอดี หันมาอีกทีก็เห็นผู้กำกับเฉินยืนอยู่พร้อมกับชายสองคนด้านหลัง คนหนึ่งใส่แว่น มองเธอแล้วยิ้มให้ด้วยท่าทีสุภาพ อีกคนสวมหมวกกับหน้ากาก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็แค่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงทักทายผู้กำกับเฉินมาขอเธอว่าอยากให้สองคนนี้ ไปรอนั่งที่ลานหลังบ้านสักพัก เพราะเหมือนจะมีแฟนคลับจำได้ ถ้าเดินออกไปตอนนี้เกรงว่าจะรบกวนลูกค้าคนอื่น ถังเหยามองไปข้างหลังครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้ตกลง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วผู
เกาเหวินรู้สึกว่าบรรยากาศของร้านนี้พิเศษจริงๆ ตอนแรกเขายังกลัวว่ากู้จื่ออวี่จะถูกคนจับตามอง แต่ผิดคาด ทุกคนในร้านต่างก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่มีใครว่างคุยกันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่มองซ้ายมองขวา เพราะข้างนอกยังมีคนรออยู่ พอกินเสร็จก็ลุกแล้วรีบไปเลยยิ่งไปกว่านั้น แต่ละโต๊ะยังจัดแบบมีระยะห่าง ไม่อึดอัดเหมือนร้านทั่วไป โต๊ะของพวกเขาอยู่ใต้ต้นเหมยตรงมุมลาน มีโคมกระดาษแขวนบนกิ่งไม้ดูสวยงาม จากมุมนี้มองเข้าไปด้านในคล้ายโรงเตี๊ยมย้อนยุคยังไงยังงั้นหยางอิงกับลุงหวังยกอาหารมาเสิร์ฟ พอเห็นเป็นโต๊ะของคนรู้จัก ก็ไม่ลืมกำชับด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “ลุงซ่งคะ ถังเหยาฝากมาบอกลุงทั้งสองว่าดื่มได้แค่ไหเดียวนะคะ ต้องดูแลสุขภาพไว้กินของอร่อยไปอีกนานๆ”“ได้สิ ได้แน่นอน ลุงสองคนแชร์กันแค่ไหเดียวพอ บอกเสี่ยวเหยาว่าไม่ต้องห่วงนะ”เกาเหวินถึงกับเหวอเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นยิ้มสดใสเ หมือนพระอาทิตย์เดินมาอยู่ตรงหน้า เผลอมองตามจนเธอเดินลับตาไป พอได้กลิ่นหอมลอยมาเขาถึงดึงสายตากลับได้โต๊ะของพวกเขาสั่งกับข้าวมาอย่างละจาน โดยเฉพาะหมูตุ๋นตงพอสั่งไซส์ใหญ่สุด วันนี้เลือกกินแค่ข้าวผัดหยางโจวกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อให้เข้ากับหมูตุ๋น เ
ช่วงเวลานี้ที่กองถ่ายในเหิงเตี้ยนถือว่าเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด ทุกคนต่างก็ขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเองเหิงเตี้ยนได้ชื่อว่าเป็นกองถ่ายที่ไม่เคยหลับใหล ไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง ได้นัดกันไว้ว่าเย็นนี้หากเลิกงานเร็วแล้วจะแวะไปที่ “ร้านตระกูลถัง” ขอเพิ่มเหล้าสักไห เหล่าซ่งนั่งดูวิดีโอของนักแสดงที่เพิ่งถ่ายเสร็จ ตอนนี้ในบรรดากองถ่ายทั้งหมดที่เหิงเตี้ยน มีแค่สองโปรเจกต์ที่ได้รับการลงทุนสูงที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา อีกเรื่องคือของผู้กำกับเฉินกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะถ่ายซ้ำฉากเมื่อกี้ดีไหม จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา “ผู้กำกับซ่งครับ ผมกลับมาแล้ว”เขามองไปทางผู้จัดการเกา สีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิด “เป็นอะไรไป? แล้วไอ้หนูคนนั้นหายไปไหน?”“เขาไปแต่งหน้าแล้วครับ แต่เรื่องที่ผมจะเล่า...หนักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ นักโภชนาการบอกว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ร่างกายจะทรุดหนักแน่นอน และพอถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไป เขาไม่ใช่แค่ไม่ยอมกิน แต่ยังไม่รู้สึกว่าควรกินด้วยซ้ำ วันนี้ทั้งวันถ้าผมไม่เตือน เขาคงลืมไปเลยว่าต้องกินข้าว
ความโดดเด่นที่สุดของจานนี้ ต้องยกให้กับฝีมือการปรุงรส และความสามารถในการควบคุมไฟของ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆ ต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงถึงจะทำได้แบบนี้ จะใช้ไฟแรงตอนไหน ควรลดไฟหรือถอนฟืนเมื่อใด ทุกขั้นตอนล้วนต้องใช้ประสบการณ์ควบคุม เพื่อให้เนื้อหมูซึมซับน้ำซอสได้อย่างทั่วถึง โดยไม่เละ ไม่แห้ง และยังคงความสดฉ่ำของวัตถุดิบไว้อย่างสมบูรณ์แบบนี่เป็น หมูต้มตงพอ ที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกิน ยิ่งกว่าเมนูขึ้นชื่อของร้านดังเต๋ออี้จิ่วโหลว ที่เขาเคยหลงใหลเสียอีกที่นั่นแต่ละจานจะใช้หม้อดินขนาดเล็กเคี่ยวแยกกันทีละหม้อ ถึงจะได้รสชาติแบบนั้น แต่ที่ร้านตระกูลถังกลับเคี่ยวรวมหม้อใหญ่ แต่ยังคงความสวยงามและรสชาติระดับเทพเอาไว้ได้ทุกชิ้น ฝีมือเชฟสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งเรื่องมีดและการควบคุมไฟ พรสวรรค์ชัดๆ!พอเที่ยงตรงนักแสดงตัวประกอบ รวมถึงพนักงานในกองถ่ายหลายคณะที่เพิ่งเลิกกอง พอมีเวลาปุ๊บก็รีบพุ่งไปที่ร้านตระกูลถัง หวังจะได้ลิ้มรสเมนูใหม่ที่ได้ยินข่าวลือมาว่ามีขายวันนี้ หมูต้มตงพอ สีสวยเคลือบน้ำซอสข้นๆ นั่นแหละ! เมนูในตำนานที่หลายคนรอคอย ยังไม่ทันจะได้กดสั่ง ก็เห็นข้อความที่ทำให้เข่าอ่อนหม