ช่วงเวลานี้ที่กองถ่ายในเหิงเตี้ยนถือว่าเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด ทุกคนต่างก็ขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเอง
เหิงเตี้ยนได้ชื่อว่าเป็นกองถ่ายที่ไม่เคยหลับใหล ไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง ได้นัดกันไว้ว่าเย็นนี้หากเลิกงานเร็วแล้วจะแวะไปที่ “ร้านตระกูลถัง” ขอเพิ่มเหล้าสักไห เหล่าซ่งนั่งดูวิดีโอของนักแสดงที่เพิ่งถ่ายเสร็จ ตอนนี้ในบรรดากองถ่ายทั้งหมดที่เหิงเตี้ยน มีแค่สองโปรเจกต์ที่ได้รับการลงทุนสูงที่สุด
เรื่องหนึ่งของเขา อีกเรื่องคือของผู้กำกับเฉิน
กำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะถ่ายซ้ำฉากเมื่อกี้ดีไหม จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา “ผู้กำกับซ่งครับ ผมกลับมาแล้ว”
เขามองไปทางผู้จัดการเกา สีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิด “เป็นอะไรไป? แล้วไอ้หนูคนนั้นหายไปไหน?”
“เขาไปแต่งหน้าแล้วครับ แต่เรื่องที่ผมจะเล่า...หนักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ นักโภชนาการบอกว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ร่างกายจะทรุดหนักแน่นอน และพอถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไป เขาไม่ใช่แค่ไม่ยอมกิน แต่ยังไม่รู้สึกว่าควรกินด้วยซ้ำ วันนี้ทั้งวันถ้าผมไม่เตือน เขาคงลืมไปเลยว่าต้องกินข้าว ผมกลัวว่าเวลาเขาอยู่คนเดียวจะไม่มีใครคอยเตือน พอถ่ายจบเรื่องนี้ ผมว่าเขาควรพักยาวเลยครับ จนกว่าอาการจะดีขึ้น”
“แล้วแบบนี้เป็นมานานแค่ไหนแล้ว? ทำไมไม่มีใครบอกอะไรฉันเลย?”
“ประมาณครึ่งปีแล้วครับ ตอนที่ผมสังเกตเห็นก็น่าจะเป็นมาสักพักแล้ว สองเดือนหลังมานี้คือแย่ลงอย่างชัดเจน จนกระทบกับการนอนหลับ โชคดีที่หนังใกล้ปิดกล้อง ไม่งั้นผมว่าคงไม่ไหวแน่ๆ”
“แล้วนักโภชนาการจัดเมนูพิเศษให้เขาหรือยัง?”
“จัดแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขาบอกว่าอาหารไม่มีรสชาติ ต่อให้ปรุงยังไงก็ไม่อยากกิน ข้าวหนึ่งมื้อยังไม่หมดชามด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้จะไปอธิบายกับครอบครัวเขายังไงดี”
เกาเหวิน เป็นลูกชายของเพื่อนเก่า เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวของ กู้จื่ออวี่ ดาราระดับท็อปที่กำลังโด่งดังที่สุดในตอนนี้
เมื่อวานไม่มีคิวถ่ายเลยไปตรวจร่างกาย แต่ไม่คิดเลยว่าสภาพร่างกายจะหนักขนาดนี้
“โอเค บอกกู้จื่ออวี่ไปด้วยกันคืนนี้ ฉันมีที่หนึ่งอยากให้เขาไป”
หน้าร้านตระกูลถัง
ตั้งแต่สี่โมงครึ่งก็เริ่มมีคนมายืนรอแล้ว พอถึงห้าโมงเย็นมีคนอยู่หน้าร้านประมาณยี่สิบคน ทุกคนยืนรอพร้อมสูดกลิ่น หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊วที่ลอยมาถึงนอกร้าน กลิ่นหอมเข้มข้นจนชวนหิวแบบสุดๆ หลายคนกลืนน้ำลายไม่หยุดเพราะอดใจไม่ไหว
หยางอิงออกมาเปิดประตู เห็นแถวยาวหน้าร้านก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะเริ่มชินแล้ว เธอทักทายลูกค้าเล็กน้อยแล้วรีบเดินกลับเข้าไปในร้านเพื่อเตรียมของ พอลูกค้าเดินเข้ามาก็เห็นแม่ครัวสาวยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ยิ้มทักทายทุกคน แต่ละคนเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง พร้อมกับกล่าวทักเธออย่างเป็นกันเอง
“เชฟตัวน้อยสวัสดีตอนเย็น ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้กินหมูตงพอซักที!”
“สวัสดีเชฟคนสวย วันนี้อากาศดีเลยนะ”
“คุณถัง สวัสดีตอนเย็นครับ วันนี้คุณก็ยังดูสดใสเหมือนเดิมเลย”
ถังเหยามองใบหน้าคุ้นเคยที่เดินเข้ามาทีละคน พร้อมกับยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง มีลูกค้าหลายคนที่มากินทุกวัน บางทีกว่าหยางอิงหรือลุงหวังจะเก็บโต๊ะทัน พวกเขาก็ยกไปเก็บเองเรียบร้อยแล้ว ทุกคนล้วนเป็นคนอัธยาศัยดีและอบอุ่น ทุกวันที่ได้ทำอาหาร ได้เห็นผู้คนกินไปคุยไปด้วยความสุข แบบนี้แหละที่ทำให้ชีวิตมันมีสีสันดีเหมือนกัน
ผู้กำกับเฉินกับผู้กำกับซ่ง พอได้ยินว่าร้านตระกูลถังมีคนต่อแถวยาวอีกแล้ว ก็ได้รับสายจากถิงถิงว่า “ถ้าไม่รีบมา ตอนนี้อาจไม่มีหมูตงพอเหลือให้กินนะคะ”
พอได้ยินแบบนั้นทั้งคู่เลยไม่รีรอ รีบเคลียร์งานให้จบตรงเวลาแล้วออกจากกองทันที บรรดานักแสดงที่พักกอง พอเห็นผู้กำกับคนดังตะโกน “คัท!” เสร็จปุ๊บ ก็ถอดหูฟังวอล์กกี้ทิ้ง แล้วหายวับไปเลยก็พากันตกใจ
“ผู้กำกับซ่งช่วงนี้เป็นอะไรเนี่ย ดูยุ่งแปลกๆ นะ”
“พักกองตรงเวลาหลายวันติดๆ กันจนเริ่มไม่ชินแล้วเนี่ย ใช่ผู้กำกับซ่งคนเดิมรึเปล่า?”
“งงมาก คืนนี้ว่างเร็ว งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“ได้ข่าวว่าในเหิงเตี้ยนมีร้านเปิดใหม่ รสชาติดีใช้ได้ ลองไปกันไหม?”
“โอเค งั้นแยกย้ายไปเตรียมตัว เดี๋ยวเจอกันหน้าทางเข้าที่พักนะ”
ผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง รีบเดินดิ่งออกจากกองถ่าย ไม่แวะโรงแรมด้วยซ้ำ มุ่งหน้าไปร้านตระกูลถังทันที
ข้างหลังยังมีชายสองคนเดินตามไปด้วยหนึ่งในนั้นดูโดดเด่นกว่าใคร สูงน่าจะเกินร้อยแปดสิบหน้าเซนติเมตร หุ่นดี ใส่แค่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงผ้าเรียบๆ ด้านนอกคลุมด้วยเชิ้ตสีเทา แม้จะเย็นแล้วแต่ก็ยังใส่แมสก์กับหมวกปีกกว้างสีดำอยู่ คนที่เดินข้างๆ พอเห็นสองผู้กำกับตัวกลมเร่งฝีเท้ารีบไปข้างหน้า ก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ดูสองผู้กำกับนั่นสิ รีบเดินขนาดนั้น ครั้งแรกเลยนะที่เห็นพวกเขาก้าวไวขนาดนี้”
แม้สองผู้กำกับใหญ่จะพยายามรีบแค่ไหน แต่พอมาถึงร้านก็ยังต้องรออยู่ดี มองเข้าไปในร้านผ่านหน้าต่างที่มีแผ่นไม้กั้นไว้ ภายในแน่นขนัด ส่วนลานข้างนอกก็ไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว
“เอ่อ นายโอเคไหม?”
เกาเหวินหันไปถามเพื่อนที่ยืนข้างๆ สีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาไม่คิดเลยว่า ผู้กำกับซ่ง จะพาพวกเขามาร้านอาหารแบบนี้ แถมยังไม่มีห้องส่วนตัวด้วย กับคนที่รักสะอาดระดับเข้มงวดอย่างกู้จื่ออวี่นี่ มันเหมือนบททดสอบเลยก็ว่าได้
กู้จื่ออวี่เงยหน้ามองเข้าไปในร้านนิดหนึ่ง ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหลุบตาลงต่ำ ไหนๆ ก็มาด้วยกันแล้ว จะกลับไปก่อนก็คงเสียมารยาทเกินไป รอดูไปอีกสักพักแล้วกัน
ในที่สุดก็ได้เข้าไปนั่ง…
ผู้กำกับเฉินพอได้โอกาสก็รีบใช้ความสามารถเฉพาะตัว เบียดตัวแทรกเข้าไปจนถึงหน้าครัว สองตาหรี่ลงจนเป็นเส้นขีด ยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วพูดกับคนในครัว
“หนูเสี่ยวเหยา กำลังผัดข้าวอยู่เหรอ กลิ่นนี่หอมจนใจจะขาดแล้ว วันนี้โต๊ะลุงมีแขกเพิ่ม ลุงเลยอยากจะขอเพิ่มเหล้าอีกสักไหได้ไหม”
แค่ได้ยินเสียงพูดเหมือนกำลังหัวเราะอยู่ ถังเหยาก็รู้ทันทีว่าใคร หันไปดูก็เห็นว่าลุงเฉินกับลุงซ่ง สองผู้กำกับใหญ่ที่แวะเวียนมาบ่อยๆ สองคนนี้เป็นลูกค้าประจำของร้าน ถ้าไม่มีคิวก็จะนั่งสบายๆ จิบเหล้า บางทียังท่องกลอนให้เธอฟังอีกต่างหาก บางครั้งคุยกับลุงหวังถูกคอกัน ก็แวะมาคุยเล่นด้วยเป็นพักๆ
ทั้งคู่เป็นคุณลุงใจดี ร่าเริง เธอจึงยิ้มพลางตอบกลับ “สวัสดีค่ะลุง เพิ่งมาถึงเหรอ เดี๋ยวหนูให้เสี่ยวอิงยกเหล้าไปให้นะคะ”
“ขอบใจนะเสี่ยวเหยา งั้นลุงขอตัวไปนั่งก่อนนะ”
ผู้กำกับซ่งเห็นสหายเดินยิ้มหน้าบานกลับมา ก็รู้ทันทีว่าได้เหล้าสมใจ เขาหันไปพูดกับสองหนุ่มที่มาด้วย “คนละถ้วยพอนะ เหล้านี่ดื่มเยอะไม่ดี โดยเฉพาะคนหนุ่มอย่างพวกนาย”
หิวอาหารจนลืมนึกไปว่า เรื่องนี้ก็มีพระเอกนะ!!!
กู้จื่ออวี่เป็นโรคเบื่ออาหาร แล้วรสมือของเหยาเหยาจะช่วยได้ไหมนะ?
วันนี้มากับเพื่อนสนิทชื่อ “หยู่เยียน” ให้ช่วยถือกล้องให้ เธอจัดทรงผมนิดหน่อยก่อนจะเริ่มไลฟ์“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่Meo Blog ทายสิว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเอ่ย”หยู่เยียนรู้หน้าที่ดี รีบหมุนกล้องตามนิ้วของเธอที่ชี้ไปบริเวณรอบๆ“ถูกต้องค่า! ตอนนี้เราอยู่ที่เหิงเตี้ยน แฟนๆ เคยแนะนำมาว่าที่นี่มีร้านข้าวชื่อ ‘ตระกูลถัง’ อร่อยมาก วันนี้เลยตั้งใจจะมาลองให้ได้ และมาแชร์กับทุกคนด้วยนะคะ! ได้ข่าวว่าต้องต่อคิว ก็เลยรีบมาตั้งแต่เนิ่นๆ อ้าว มีคนมารอก่อนเราแล้ว!”ซินหยางเดินมาเจอคนยืนรอคิวอยู่แล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงห้าโมงเย็น ทำเอาเธอพูดเสียงเบาลงทันที เพราะรอบตัวก็เริ่มมีคนเยอะขึ้น“ไม่น่าเชื่อเลยทุกคน ยังไม่ห้าโมงแท้ๆ แต่มีคนมารอกินข้าวกันแล้วอะ”ระหว่างรอ คนในคิวก็พูดคุยกันเพลิน ส่วนใหญ่ก็พูดถึงร้านตระกูลถังนั่นแหละ“ผมค
ด้านหน้าร้าน ถังเหยาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ จึงเดินออกมาดู แล้วต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเกาเหวินยืนอยู่ตรงนั้นเจ็ดโมงครึ่งเช้าเองนะ...มาถึงตั้งแต่เช้าแบบนี้ คิดจะมากินอาหารเช้าหรือยังไงกัน? ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารเลยด้วยซ้ำ“สวัสดีครับคุณถัง ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าร้านเปิดขายอาหารเช้าตอนกี่โมงครับ?”“ขอโทษด้วยค่ะคุณเกา ร้านเราไม่ได้ขายอาหารเช้าค่ะ”เกาเหวินได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็พลันดูผิดหวังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ถังเหยารู้สึกแปลกใจเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเล่าเรื่องของกู้จื่ออวี้ให้เธอฟัง พร้อมหยิบใบวินิจฉัยสุขภาพเมื่อวานให้ดู เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ดูสุขุมคนนั้น จะป่วยหนักขนาดนี้“จริงๆ ผมก็พยายามไปซื้อจากร้านอื่นให้แล้วนะครับ แต่เขากินไม่ได้เลย...ใครจะคิดว่าเมื่อวานเขาจะกินได้เยอะขนาดนั้น แถมตอนกลางคืนก็ยังหลับได้ดี ไม่กระสับกระส่ายเหมือนทุกที ผมเลยกะว่าจะมาซื้อให้ครบสามมื้อเลย แต่ไม่รู้ว่าร้านคุณไม่ได้ขายอาหารเช้า”
โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่เพิ่งกินเสร็จ ต่างก็มองมาทางเขาแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆ“คนนั้นใช่กู้จื่ออวี่รึเปล่านะ ฉันดูจากข้างหลังก็ว่าใช่เลย”“มองด้านข้างก็เหมือนอยู่นะ คนที่นั่งข้างๆ ใช่ผู้จัดการเการึเปล่า?”“น่าจะใช่แน่เลย ทำยังไงดี อยากขอลายเซ็นจังเลย”เกาเหวินหยิบหมวกส่งให้กู้จื่ออวี่สวม จากนั้นหันไปมองข้างนอกที่เริ่มมีคนมาต่อคิว ถ้าลุกขึ้นตอนนี้มีหวังสร้างความวุ่นวายให้ร้านแน่ เขาเลยกระซิบกับผู้ใหญ่เบาๆ ผู้กำกับเฉินจึงลุกขึ้นพาสองคนเดินไปทางครัว “เสี่ยวเหยา หนูว่างไหม ลุงมีเรื่องอยากขอหน่อย”ถังเหยาเพิ่งทำข้าวผัดให้ลูกค้าเสร็จ ยังไม่มีออเดอร์ใหม่จึงว่างอยู่พอดี หันมาอีกทีก็เห็นผู้กำกับเฉินยืนอยู่พร้อมกับชายสองคนด้านหลัง คนหนึ่งใส่แว่น มองเธอแล้วยิ้มให้ด้วยท่าทีสุภาพ อีกคนสวมหมวกกับหน้ากาก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็แค่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงทักทายผู้กำกับเฉินมาขอเธอว่าอยากให้สองคนนี้ ไปรอนั่งที่ลานหลังบ้านสักพัก เพราะเหมือนจะมีแฟนคลับจำได้ ถ้าเดินออกไปตอนนี้เกรงว่าจะรบกวนลูกค้าคนอื่น ถังเหยามองไปข้างหลังครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้ตกลง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วผู
เกาเหวินรู้สึกว่าบรรยากาศของร้านนี้พิเศษจริงๆ ตอนแรกเขายังกลัวว่ากู้จื่ออวี่จะถูกคนจับตามอง แต่ผิดคาด ทุกคนในร้านต่างก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่มีใครว่างคุยกันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่มองซ้ายมองขวา เพราะข้างนอกยังมีคนรออยู่ พอกินเสร็จก็ลุกแล้วรีบไปเลยยิ่งไปกว่านั้น แต่ละโต๊ะยังจัดแบบมีระยะห่าง ไม่อึดอัดเหมือนร้านทั่วไป โต๊ะของพวกเขาอยู่ใต้ต้นเหมยตรงมุมลาน มีโคมกระดาษแขวนบนกิ่งไม้ดูสวยงาม จากมุมนี้มองเข้าไปด้านในคล้ายโรงเตี๊ยมย้อนยุคยังไงยังงั้นหยางอิงกับลุงหวังยกอาหารมาเสิร์ฟ พอเห็นเป็นโต๊ะของคนรู้จัก ก็ไม่ลืมกำชับด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “ลุงซ่งคะ ถังเหยาฝากมาบอกลุงทั้งสองว่าดื่มได้แค่ไหเดียวนะคะ ต้องดูแลสุขภาพไว้กินของอร่อยไปอีกนานๆ”“ได้สิ ได้แน่นอน ลุงสองคนแชร์กันแค่ไหเดียวพอ บอกเสี่ยวเหยาว่าไม่ต้องห่วงนะ”เกาเหวินถึงกับเหวอเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นยิ้มสดใสเ หมือนพระอาทิตย์เดินมาอยู่ตรงหน้า เผลอมองตามจนเธอเดินลับตาไป พอได้กลิ่นหอมลอยมาเขาถึงดึงสายตากลับได้โต๊ะของพวกเขาสั่งกับข้าวมาอย่างละจาน โดยเฉพาะหมูตุ๋นตงพอสั่งไซส์ใหญ่สุด วันนี้เลือกกินแค่ข้าวผัดหยางโจวกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อให้เข้ากับหมูตุ๋น เ
ช่วงเวลานี้ที่กองถ่ายในเหิงเตี้ยนถือว่าเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด ทุกคนต่างก็ขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเองเหิงเตี้ยนได้ชื่อว่าเป็นกองถ่ายที่ไม่เคยหลับใหล ไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง ได้นัดกันไว้ว่าเย็นนี้หากเลิกงานเร็วแล้วจะแวะไปที่ “ร้านตระกูลถัง” ขอเพิ่มเหล้าสักไห เหล่าซ่งนั่งดูวิดีโอของนักแสดงที่เพิ่งถ่ายเสร็จ ตอนนี้ในบรรดากองถ่ายทั้งหมดที่เหิงเตี้ยน มีแค่สองโปรเจกต์ที่ได้รับการลงทุนสูงที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา อีกเรื่องคือของผู้กำกับเฉินกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะถ่ายซ้ำฉากเมื่อกี้ดีไหม จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา “ผู้กำกับซ่งครับ ผมกลับมาแล้ว”เขามองไปทางผู้จัดการเกา สีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิด “เป็นอะไรไป? แล้วไอ้หนูคนนั้นหายไปไหน?”“เขาไปแต่งหน้าแล้วครับ แต่เรื่องที่ผมจะเล่า...หนักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ นักโภชนาการบอกว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ร่างกายจะทรุดหนักแน่นอน และพอถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไป เขาไม่ใช่แค่ไม่ยอมกิน แต่ยังไม่รู้สึกว่าควรกินด้วยซ้ำ วันนี้ทั้งวันถ้าผมไม่เตือน เขาคงลืมไปเลยว่าต้องกินข้าว
ความโดดเด่นที่สุดของจานนี้ ต้องยกให้กับฝีมือการปรุงรส และความสามารถในการควบคุมไฟของ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆ ต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงถึงจะทำได้แบบนี้ จะใช้ไฟแรงตอนไหน ควรลดไฟหรือถอนฟืนเมื่อใด ทุกขั้นตอนล้วนต้องใช้ประสบการณ์ควบคุม เพื่อให้เนื้อหมูซึมซับน้ำซอสได้อย่างทั่วถึง โดยไม่เละ ไม่แห้ง และยังคงความสดฉ่ำของวัตถุดิบไว้อย่างสมบูรณ์แบบนี่เป็น หมูต้มตงพอ ที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกิน ยิ่งกว่าเมนูขึ้นชื่อของร้านดังเต๋ออี้จิ่วโหลว ที่เขาเคยหลงใหลเสียอีกที่นั่นแต่ละจานจะใช้หม้อดินขนาดเล็กเคี่ยวแยกกันทีละหม้อ ถึงจะได้รสชาติแบบนั้น แต่ที่ร้านตระกูลถังกลับเคี่ยวรวมหม้อใหญ่ แต่ยังคงความสวยงามและรสชาติระดับเทพเอาไว้ได้ทุกชิ้น ฝีมือเชฟสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งเรื่องมีดและการควบคุมไฟ พรสวรรค์ชัดๆ!พอเที่ยงตรงนักแสดงตัวประกอบ รวมถึงพนักงานในกองถ่ายหลายคณะที่เพิ่งเลิกกอง พอมีเวลาปุ๊บก็รีบพุ่งไปที่ร้านตระกูลถัง หวังจะได้ลิ้มรสเมนูใหม่ที่ได้ยินข่าวลือมาว่ามีขายวันนี้ หมูต้มตงพอ สีสวยเคลือบน้ำซอสข้นๆ นั่นแหละ! เมนูในตำนานที่หลายคนรอคอย ยังไม่ทันจะได้กดสั่ง ก็เห็นข้อความที่ทำให้เข่าอ่อนหม