Home / โรแมนติก / ลวงเงารัก / 5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

Share

5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

Author: rasita_suin
last update Last Updated: 2025-07-17 22:30:51

‘วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ นายไปรับน้องนาที่โรงพยาบาลที่ไปส่งเมื่อเช้าด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้น้องกลับเอง แล้วนายก็จะได้ไม่หลง’

คนที่นั่งจมกองเอกสารอยู่ในห้องรองประธานกรรมการ ถือโทรศัพท์นิ่งค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ตติยะวางสายไปอีกราวหนึ่งนาที จากนั้นจึงค่อยๆ ประมวลระบบการรับรู้ทางหูของตนว่าได้ยินคำสั่งที่ผิดไปหรือเปล่า

บอกให้เขาไปรับน้องนอกไส้นั่นน่ะเหรอ หมอนั่นคิดได้ยังไง

ข้อแรกเขายังจำทางไม่ค่อยได้เลย ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ ก็ถนนในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่สองเส้นนี่ แถมยังตรอกซอกซอยอีกล่ะ ยิ่งคนอ่อนการอ่านภาษาไทยอย่างเขาแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูป้าย มีดีอย่างเดียวตรงที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะเมื่อเช้าเขากับตติยะใช้เวลาจากที่นั่นมาถึงที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

ข้อสอง...ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นเลยก็คือเขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่แม่เขารักและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมากับมือ ลูกของคนที่มาแทนที่พ่อของเขา แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เขาก็คน จะให้ทำใจยอมรับกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้

ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเซ็ง เขายังมีเอกสารที่ต้องเซ็นอีกสามสี่แฟ้ม แถมยังต้องอ่านให้ละเอียดอีกด้วยเพราะเป็นเรื่องอนุมัติสั่งของนำเข้าและเกี่ยวกับการเงิน หากไม่รอบคอบแล้วมีอะไรเสียหายขึ้นมาจะมีแต่ขาดทุนเท่านั้น และของพวกนี้คุณวิชัยก็จะใช้เสนอตติยะพรุ่งนี้ซะด้วย เขาจะทิ้งไปก็ไม่ได้

ในที่สุดเรฟก็ตัดสินใจนั่งทำงานของตัวเองที่ติดพันอยู่ต่อไป ชายหนุ่มคิดว่าอย่างไรซะ ผู้หญิงคนนั้นก็คงยังไม่เลิกงานแน่ และระยะทางก็ไม่ไกลกันมากเท่าไรใช้เวลาเดินทางให้น้อยลงด้วยการเหยียบคันเร่งมากขึ้นอีกหน่อยก็คงไปทัน

===================

‘เรฟรู้แล้วว่าเขาคิดผิด’

ชายหนุ่มหงุดหงิดหัวเสียเป็นอย่างมาก ในใจนั้นร่ำๆ อยากจะลงเดินซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในที่สุดเขาก็สามารถฝ่าจราจรอันแสนแออัดมาถึงโรงพยาบาลจนได้ โดยใช้เวลาไปทั้งหมดหนึ่งชั่วโมง ข้อดีข้อเดียวที่เรฟมองเห็นจากการที่รถติดนรกนี้ก็คือ มันมีเวลามากพอที่จะช่วยให้เขาเรียบเรียงความคิดในการจดจำทาง ทำให้มาถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่เลี้ยวผิด

‘เอาล่ะ...เขาจะถือว่ามันคุ้ม’

ร่างสูงสง่าใหญ่โตกว่าคนทั่วไปก้าวย่างเข้าไปภายในอาคารสีขาวตระหง่าน หลังจากจอดรถไว้ที่ลานด้านข้างตรงที่มีคนคอยโบกให้ สายตาภายใต้แว่นดำกวาดกราดไปโดยรอบ แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นผู้คนขวักไขว่ทั้งผู้เจ็บป่วยที่นั่งรอการรักษาและญาติ ทั้งบุคคลที่อยู่ภายในบริเวณนั้นก็เดินกลับไปกลับมา เข็นทั้งเก้าอี้รถเข็น ทั้งเตียงคนไข้จนเขาเริ่มตาลาย

“แล้ว...น้องนาของคุณทิวอยู่ไหน” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง

เรฟชักรู้สึกถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าวันนี้ต้องเป็นวันแห่งโชคร้ายของเขาอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่เช้าเขาก็มีปัญหากับเด็กในบ้าน มาที่ทำงานก็เจองานแสนน่าเบื่อ เย็นต้องมารับน้องสาวนอกไส้ และขณะนี้ก็คือเขาจะหาเธอเจอในโรงพยาบาลที่แสนกว้างใหญ่นี้ได้อย่างไร

ชายหนุ่มหันมองโดยรอบอย่างละเอียดใหม่อีกครั้ง แล้วเขาก็เจอสิ่งที่เขาต้องการจนได้

เคาน์เตอร์ที่เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาสากลที่เข้าใจกันทั่วโลกในความหมายว่า ติดต่อ–สอบถาม มีสาวสวยแต่งตัวเรียบร้อยส่งยิ้มสดใสมาให้ เรฟจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปหาเธอในทันที

“ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เสียงหวานใสดังออกมาเป็นภาษาอังกฤษพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร

‘คนไทยนี่ยิ้มสวยจริงๆ ‘

เขารำพึงในใจก่อนจะยิ้มตอบกลับไป ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับรอยยิ้มหวานบาดใจ เพราะรู้จักคนไทยมามากพอว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม ประเทศที่มีแต่คนยิ้มสวย อย่างน้อยๆ คนที่อยู่ใกล้ตัวเขาหลายคนก็เป็นดั่งคำบอกกล่าวนั้น เขาจึงเชื่อว่ามันไม่เกินจริงเลยสำหรับคำชม

“ไม่เป็นไรครับ ผมพูดไทยได้” เขาบอกด้วยสำเนียงแปร่ง แต่ก็ชัดมากกว่าคนต่างชาติหลายคน

“อุ๊ย...พูดชัดจังเลยค่ะ ไม่ทราบว่าจะติดต่อเรื่องอะไรคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยหน้าตาท่าทางตื่นเต้น

“ผมมาหาคนครับ”

“มาเยี่ยมผู้ป่วยเหรอคะ ไม่ทราบผู้ป่วยชื่ออะไรคะ”

“โน...โน ไม่ใช่ครับ” เรฟรีบแย้ง “ผมมาหาคนที่เป็นพยาบาลอยู่ที่นี่น่ะครับ”

“อ๋อ...ค่ะ แล้วเธออยู่วอร์ดไหน ชื่ออะไรคะ” หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจก่อนถามต่อ

“เอ่อ...ไม่ทราบครับ” เขาเอ่ยเสียงอ่อย

“อ้าว!” หญิงสาวอุทานเพียงเท่านั้นแล้วจ้องมองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ

เรฟเองก็วางสีหน้าไม่ถูกเช่นเดียวกัน เพราะเขาพูดความจริง ชายหนุ่มไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักอย่าง นอกจากชื่อเล่น ‘น้องนา‘ ที่ตติยะเรียกบ่อยๆ เพราะเขาไม่รู้ชื่อจริงของเธอ แล้วถ้าวันนี้เธอไม่อยู่ในชุดพยาบาลเขาคงไม่คิดว่าคนที่ดูเด็กมากๆ อย่างน้องสาวนอกไส้ของเขาจะทำหน้าที่แสนอบอุ่นนี้

แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อถูกเลี้ยงมาแบบไม่ขาดความอบอุ่นก็ย่อมมีสิ่งนั้นมอบให้คนอื่นได้...ไม่แปลก

คิดมาถึงตรงนี้ ความไม่ชอบใจก็แล่นริ้วขึ้นมาอีกครั้งจนเรฟต้องระงับมันเอาไว้ ดีที่เขาใส่แว่นดำไม่เช่นนั้นหญิงสาวผู้เป็นประชาสัมพันธ์คงจะคิดว่าเขาดูไม่น่าไว้ใจอย่างแน่นอน

“คือ...ผมจำชื่อจริงเธอไม่ได้เพราะมันยาวมาก”

เขาพยายามลากเสียงยาวเน้นว่ามันยาวเกินกว่าที่เขาจะสามารถใช้สมองจำมันได้จริง แม้จะเป็นการโกหก แต่เขาเรียกมันว่ากลยุทธต่างหากและเมื่อเห็นเธอพยักหน้ารับชายหนุ่มพูดต่อ

“แล้วก็ออกเสียงยากด้วย แต่ผมจำชื่อที่ผมใช้เรียกเธอได้ เพราะมันสั้นกว่าแล้วก็ออกเสียงง่ายกว่าตั้งเยอะ” เขาพยายามพูดอ้อม ยืดเยื้อ เพื่อให้เธองงเข้าไว้ แล้วในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจนได้

“เอาล่ะค่ะ เอาล่ะ ชื่อสั้นๆ ที่คุณเรียกเธอน่ะเป็นชื่อเล่นใช่ไหมคะ งั้นเธอชื่ออะไรคะ”

“น้องนาครับ”

เรฟบอกพร้อมยิ้มกว้างขวาง จนหญิงสาวที่กำลังดูเหมือนอารมณ์จะเสียอดยิ้มตอบไม่ได้ แต่ก็เป็นยิ้มแหยๆ ราวกับอยากให้กำลังใจเขาซะเต็มที่ เพราะช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

“แต่นางพยาบาลที่ชื่อน้องนานี่ดิฉันไม่เคยได้ยินนะคะ”

“จะเป็นไปได้ยังไง ก็คุณทิวเรียกเด็กนั่นแบบนี้นี่” เขาบ่นกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษแบบรัวเร็วชนิดที่หญิงสาวฟังไม่ทัน เธอจึงหน้าเหวอ

“คุณว่าอะไรนะคะ”

“เอ่อ...เปล่าครับ แต่...ผมเรียกเธอแบบนี้จริงๆ นะครับ”

“นี่เธอ ฉันว่าน่าจะชื่อนาเฉยๆ นะ แล้วเขาเรียกน้องนาเพราะอายุมากกว่าอะไรประมาณนั้นน่ะ” เพื่อนพนักงานประชาสัมพันธ์ที่ยืนฟังทั้งคู่ได้สักพักสะกิดบอก

“ใช่ ครับ ใช่”

เรฟตอบโดยเร็ว เขาลืมข้อนี้ไปซะสนิทเลย บื้อจริงๆ ชายหนุ่มอดว่าตัวเองไม่ได้ที่ใจร้อนจนลืมคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน แต่ถึงอย่างนั้นสาวประชาสัมพันธ์คนสวยก็ยังส่งยิ้มที่แสนจืดเจื่อนกลับมาให้ชายหนุ่มอีกเช่นเดิม

“ถึงจะรู้ว่าชื่อเล่นนา แต่โรงพยาบาลนี้มีนางพยาบาลที่ชื่อเหมือนกันตั้งหลายคนนะคะ ลำพังคนที่ดิฉันรู้จักก็ชื่อนาสามคนแล้ว ส่วนคนที่ไม่รู้จักนี่ ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะตามตัวให้คุณได้ยังไงเหมือนกันค่ะ”

“พอจะทราบไหมคะว่านามสกุลอะไร” สาวประชาสัมพันธ์อีกคนพยายามช่วย

เรฟได้ยินแล้วแทบเหวอ ก็ชื่อเขายังไม่รู้จัก จะไปรู้ถึงนามสกุลได้อย่างไร แม้เด็กคนนั้นจะเป็นลูกของแม่เขา แต่ก็ต้องใช้นามสกุลพ่อของเธอ เขาไม่มีทางรู้เรื่องราวของผู้ชายคนใหม่ของแม่อย่างแน่นอน ที่สำคัญชายหนุ่มไม่อยากรู้ด้วย

“ไม่ทราบ” น้ำเสียงเริ่มแข็งตามอารมณ์ที่ชักจะกรุ่นขึ้นมาดื้อๆ

สองสาวหน้าสลดลงทันควัน

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันคงไม่ทราบว่าจะตามใครมาพบคุณแล้วล่ะค่ะ”

“ใช่ค่ะ...เพราะพยาบาลก็มีหน้าที่กันทุกคน จะเรียกมาให้คุณดูหน้าทุกคนเห็นทีจะไม่ไหวล่ะค่ะ”

ในระหว่างที่สองสาวประชาสัมพันธ์กำลังพยายามอธิบายอยู่นั้น สายตาภายใต้แว่นดำก็เหลือบไปเห็นร่างสมส่วนที่พอจะคุ้นตาในช่วงสองวันนี้ กำลังเดินออกจากลิฟต์และกำลังจะก้าวไปยังประตูหน้าซึ่งเป็นทางออก

“คงไม่รบกวนแล้วล่ะครับ ผมเห็นเธอแล้ว...ขอบคุณมากนะครับ”

พูดจบร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนตัวย่างรวดเร็วไปทางชินานาง สองสาวประชาสัมพันธ์มองตามด้วยความสนอกสนใจเป็นพิเศษ ว่าหนุ่มหล่อล่ำอย่างกับดาราฮอลลีวูดมีเจ้าของหัวใจเป็นใครกันแน่ แม้ไม่ต้องบอกพวกเธอก็เดาได้ว่าเป็นแฟนกัน

“น้องนา!” สองสาวอุทานพร้อมกันเมื่อเห็นเขาคว้าข้อมือของชินานางแล้วพาเดินออกไป สรุปว่าสองสาวคิดถูก...แฟนกันแหงๆ

“มิน่าล่ะไม่เคยเห็นว่าจะสนใจใคร ที่แท้ก็มีตัวจริงอยู่แล้วนี่เอง”

“สงสัยคงกำลังจะงอนกันอยู่ แฟนเลยมาง้อ”

“เฮ้อ...น่าอิจฉาจัง ทำไมเราถึงหาแบบนี้ไม่ได้บ้างน้า”

“นั่นน่ะสิ”

===================

คนร่างสมส่วนที่กำลังเดินอย่างไม่เร่งรีบนักสะดุ้งตกใจ เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกคว้าหมับเข้าที่ข้อมือแล้วโดนลากตัวทันที

“อุ๊ย!” หญิงสาวเงยหน้ามองก็เห็นชัดว่าเป็นใคร ดวงตากลมโตที่โตอยู่แล้วยิ่งเบิกกว้างขึ้นเข้าไปอีก “คุณ?”

“ใช่...ผมเอง” ชายหนุ่มพร้อมกับทำหน้าเอือมระอา

“คุณมาได้ยังไง”

“ก็ขับรถมาสิ ถามได้”

“ฉันหมายถึง คุณมาทำไม”

คราวนี้เรฟหยุดเดินกะทันหัน แล้วหันมาจนคนที่ไม่ทันรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะหยุดอย่างชินานางจึงชนเข้าให้

“โอ๊ย!”

เรฟปล่อยมือเธอแล้ว ยืนกอดอกจ้องมองหญิงสาวที่ผงะหน้าหงายด้วยสายตาเย็นชา และเมื่อเห็นว่าเธอตั้งตัวได้เองโดยไม่ล้มลงไปกองก็พูดขึ้น

“ผมจะมาทำอะไรที่โรงพยาบาลเหรอ นั่นสิ...คนที่ไม่ได้เจ็บป่วยอย่างผมจะมาทำอะไรที่นี่ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของโรงพยาบาลด้วยซ้ำ”

ชินานางลูบหน้าผากที่เพิ่งชนอกหนาของเขาพลางจ้องหน้าดุ และสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์พร้อมกับคิดตามคำพูดของเขา จะว่าไปแล้วมันก็ถูกอย่างที่เขาพูด แล้วเขาจะมาทำไม ในเมื่อ…

“คุณทิวให้ผมมารับคุณ”

เรฟเอ่ยแทรกก่อนที่หญิงสาวตรงหน้าจะคิดจบด้วยความรำคาญ ก่อนจะเดินนำไปโดยไม่หันมาสนใจชินานางอีก ปล่อยให้หญิงสาวตาโตอย่างคาดไม่ถึง

พี่ติวให้มารับ แล้วเขาก็มาทั้งที่ไม่ชอบหน้าเธอเนี่ยนะ

“เดี๋ยวคุณ” ชินานางวิ่งตามไปขวางหน้าชายหนุ่ม ก่อนถามออกไปตามตรง “ที่คุณยอมมารับฉันตามที่พี่ติวบอก ก็เพราะว่าคุณจำทางกลับบ้านไม่ได้ใช่ไหม”

สีหน้าที่เรียบเฉยเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาตึงเหมือนเดิม สายตาภายใต้กรอบแว่นดำจ้องหน้าหญิงสาวแวบเดียว ก่อนจะเมินหลบแล้วเดินเลี่ยงร่างเล็กสมส่วนเพียงนิดให้พ้น เพื่อจะได้ไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล

ชินานางมองตามคนที่แสนเคร่งขรึมจนเหลียวหลัง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขบขันที่สามารถแหย่คนดุให้เหวอได้

ใช่...เขาเหวอ แม้ว่าจะเพียงแวบหนึ่งของเศษเสี้ยววินาทีแต่เธอก็ยังสังเกตเห็น และมันทำให้เธอรู้สึกว่า หน้าแบบนี้ของเขาดูน่ารักน่าเอ็นดูจัง

=====

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลวงเงารัก   40...(จบบริบูรณ์) (2)

    หลังเอื้อมทรายคลอดลูก ทั้งครอบครัวของตติยะก็ยังพักอยู่ต่อโดยไม่มีใครเดินทางกลับนอกจากแขก เพราะต่างก็เห่อหลานชายสองคนที่น่ารักน่าชังมากๆ แม้แต่คุณอานนท์กับคุณนิตยาเองก็ยังเฝ้าหลานทั้งสองคนไม่ห่าง ทิ้งงานที่โรงพยาบาลไปเลยทีเดียว เนื่องจากคุณนิตยาลงความเห็นว่าหลานตัวน้อยยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางไปโดนแดดโดนลมทะเลในตอนนี้ ก็เลยเพียงแค่พามาพักที่บ้านพักของตระกูลตติยะเพื่อความสะดวกสบาย และเสียงเด็กๆ จะได้ไม่รบกวนแขกของรีสอร์ต พวกเขาจึงพากันเกงานกันทั้งครอบครัว โดยคุณเจอเซ่สั่งงานผ่านทางวิดีโอคอลกับคนสนิทที่ไว้ใจได้ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยทีเดียวส่วนตัวตติยะนั้นเขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหลังแต่งงานจะพักฮันนีมูนเป็นเดือนจึงไม่เดือดร้อน เนื่องจากเคลียร์และกับเลขาอย่างคุณวิชัยเรียบร้อย หากมีอะไรด่วนวิชัยคงติดต่อเขามาเอง ก็กว่าเขาจะได้แต่งงานคนอื่นก็นำโด่งไปไกลไม่เห็นฝุ่นแล้ว เพราะนับตั้งแต่คืนที่เขาต้องเสียเงินซื้อรถให้น้องทั้งสองคน เอื้อมธารก็ไม่ค่อยจะยอมให้เขาแตะต้องสักเท่าไร แถมก็งานยุ่งเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างใหม่ นานๆ ครั้งถึงจะมีโอกาส ฉะนั้นพอแต่งงานตติยะจึงขอใช้เวลาส่วนตัวก

  • ลวงเงารัก   40...(จบบริบูรณ์) (1)

    สองปีต่อมา...“แซนด์ไปไหน คุณหมอเห็นแซนด์หรือเปล่าคะ”ในงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของลูกชายคนโตตระกูลเวลเลโอ ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะซึ่งเจ้าของงานเหมาทั้งรีสอร์ตเพื่อรับรองแขกนั้น ร่างบางของเจ้าสาวชุดสวยหรูราวเจ้าหญิงเดินไปทั่วทั้งบริเวณจัดงาน หลังจากส่งแขกเรียบร้อยแล้วด้วยใบหน้ากังวล เอื้อมธารถามหมอหนุ่มที่กำลังจะไปนั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนในมุมหนึ่งของรีสอร์ต ทำเอาชายหนุ่มชะงักหันมองอย่างงงๆ เพราะแทนที่จะถามหาเจ้าบ่าวแต่เจ้าสาวกลับถามหาพี่สาว“เปล่าครับ แล้วนี่ซีจะไปไหน น่าจะพักนะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”วิศรุตต์พูดโดยไม่ได้เอ่ยถึงเจ้าบ่าวที่เขาคิดว่ามันคงนั่งร่วมวงอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ เรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากเป็นคนชี้โพรงให้กระรอกฤกษ์ส่งตัวนั้นมีไปตั้งแต่เมื่อวานที่กรุงเทพฯ เพราะทั้งสองคนแต่งงานที่บ้านสวนแบบเรียบง่าย รดน้ำทำบุญ มีเพียงแขกผู้ใหญ่และคนสนิทจริงๆ ส่วนงานเลี้ยงมาจัดที่เกาะ ซึ่งเป็นความต้องการของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่ก็อำนวยความสะดวกให้กับแขกที่ได้รับเชิญทั้งไทยและเทศอย่างดี ฉะนั้นคู่บ่าวสาวจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตามฤกษ์ ส่วนบ้านพักของตระกูลนั้นตติยะให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวของเ

  • ลวงเงารัก   39......ครึ่งชัวโมงผ่านไปร่างบางก็ออกมา (2)

    เสียงหอบหายใจคละเคล้ากับเสียงเรียกชื่อเขา พร้อมปฏิกิริยาแสนซื่อจากร่างกายของหญิงสาวทำให้คนเจนสนามไหวร่างไม่นับครั้ง สายตาคมจ้องอกอวบสองข้างที่สะท้อนขึ้นลงไว้มั่น ทั้งแรงเสียดสีจากร่างอ่อนนุ่มก็ทำให้กายแข็งแกร่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนสูงลิบแตะเพดาน หัวใจหนุ่มเต้นระส่ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ชายหนุ่มเองก็ยิ่งส่งตัวเองเร็วชนิดลืมโลก เขาไม่เคยคลั่งแบบนี้มาก่อน ลืมไปด้วยซ้ำว่าคนใต้ร่างเขานั้นเพิ่งครั้งแรก เมื่อไม่สามารถรั้งตัวเองได้ตติยะก็วิ่งชนโครมเต็มตัวไม่ยั้ง กระทั่งร่างของคนทั้งสองสะท้านเยือกขึ้นพร้อมกัน ร่างสูงใหญ่เกร็งคำรามพร่าในลำคอดัง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำบิดเหยเกแหงนเงยมองเพดานห้องเอื้อมธารที่กรีดร้องพร้อมตาเบิกโพลงมองภาพชายหนุ่มตรงหน้าด้วยหัวใจที่กระหน่ำแรงโลด รู้สึกรักเขาและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุด หน้าตาท่าทางของอีกฝ่ายแม้จะเหมือนทรมานแสนสาหัสแต่เธอรู้เขาสุขสุดๆ เลยเชียวแหละ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเธอเองก็ไม่ต่างจากเขาเลยความรักกับเซ็กส์บางครั้งมันก็แยกกันไม่ออก เธอเพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง การได้มีความสุขกับคนที่รักนั้นคือเซ็กส์ที่สุดยอดจริงๆเมื่อปล่อยกายปล่อยใจตามอารมณ์ปรารถนาแล้วตต

  • ลวงเงารัก   39......ครึ่งชัวโมงผ่านไปร่างบางก็ออกมา (1)

    ครึ่งชัวโมงผ่านไปร่างบางก็ออกมาจากห้องพร้อมผ้าขนหนูพันตัวเพราะไม่ได้ถือเสื้อผ้าเตรียมเข้าไป เธอทำใจกล้าก่อนจะมองดูว่าคนตัวสูงใหญ่อยู่ในห้องหรือไม่ เมื่อไม่เห็นก็รีบวิ่งพรวดไปที่ตู้ซึ่งเพิ่งจัดเสื้อผ้าเข้าไปค้นหาของอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ต้องรีบกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำก่อนที่ตติยะจะเข้ามาทว่าช้าไปแล้ว เพราะประตูห้องเปิดพรวดในขณะที่ร่างสูงในชุดกางเกงเลกับเสื้อแขนตัดฟิตเปรี๊ยะจนเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดแข็งแกร่ง มือใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมก้าวเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มชะงักมองคนร่างบางที่หันมามองเขาตาโต ส่วนหญิงสาวก็สะดุ้งตกใจจนเผลอปล่อยทุกอย่างในมือร่วงลงพื้นตาคมสีอ่อนมองร่างสวยตั้งแต่ใบหน้า ผมเปียกที่ถูกขมวดลวกๆ รุ่ยร่ายตกลงมาระลำคอระหง ไหล่บาง เนินอกอวบขาวนวลเนียนก่อนจะถูกผูกทับไว้ด้วยผ้าขนหนู สายตาเขาจึงไล่ลงล่างอย่างรวดเร็ว ขาขาวกลมกลึงที่โผล่จากผ้าผืนเล็กคลุมสะโพกอย่างหมิ่นเหม่ทำเอาชายหนุ่มกลืนน้ำลายเสียงดังชัดเจน คนที่สบตากับเขาถึงกับตัวสั่นเพราะแววกระหายฉายวาบโชติช่วงอย่างไม่ปิดบัง เอื้อมธารจึงเลี่ยงหลุบตาลงมองเสื้อผ้าแล้วย่อตัวลงหยิบ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีส่วนล่อแห

  • ลวงเงารัก   38...สองเดือนต่อมาบ้านสวนก็ได้จัดงานแต่ง (4)

    ขณะนั้นตติยะเริ่มขยับลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้า ทว่าได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงแล้วลุกขึ้นใหม่ มือหนายื่นไปข้างหน้าเพื่อควานหาคนร่างบาง หากก็ต้องล้มอีกครั้งเพราะความรีบร้อนลุยน้ำและมองไม่เห็น แต่ชายหนุ่มก็ยังฝืนลุกขึ้นก้าวเร็วๆ ขึ้นไปบนผืนทรายจนได้ เขาขยี้ตาที่ยังแสบแต่ก็ยังลืมตาไม่ขึ้นจึงได้แต่เดินสะเปะสะปะยื่นมือไปทั่ว“ซี คุณยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า ผมเป็นห่วงคุณนะ ตอบผม ให้ผมได้ยินเสียงคุณหน่อย”หลังจากลืมตาขึ้นมาแล้วยืนมองคนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ในการหาเธออยู่พักใหญ่จนแทบจะทนไม่ไหว มือบางก็ยื่นไปข้างหน้าช้าๆ หากก็ตัดใจลดมือลงในที่สุดและยืนนิ่งอย่างรอคอย ใจเต้นแรงลุ้นระทึกแทบจะกลั้นหายใจ ขอเวลาอีกนิดเดียว แค่นิดเดียวเท่านั้น‘ก้าวมาสิ มาหาฉัน’เอื้อมธารร้องเรียกอีกฝ่ายอยู่เพียงในใจ“คุณอยู่ที่นี่ใช่ไหมซี”ชายหนุ่มเคลื่อนไหวช้าลง พยายามจับทิศทางก่อนจะขยับไปด้านซ้ายมือเพียงสองก้าวแล้วคว้าหมับ ทำให้ร่างเย็นชื้นหากก็นุ่มนิ่มเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาเต็มๆ ปากบางสวยก้มลงจูบข้างขมับเธอพร้อมกระซิบต่อว่าเบาๆ ทั้งที่ใจเขาแทบขาดรอน กลัวไปหมดทุกอย่าง“แกล้งผมทำไมฮึ คุณจะฆ่าผมหรือไง ทั้งที่รู้ว่าผมรักคุณ

  • ลวงเงารัก   38...สองเดือนต่อมาบ้านสวนก็ได้จัดงานแต่ง (3)

    “บอกอะไรคะ”ชินานางอดถามไม่ได้“ก็พี่ทิมบอกว่า ผู้ชายถ้าได้มีอะไรกับคนที่รักแล้วจะยิ่งรักมากขึ้น ให้ดูพี่เรฟเป็นตัวอย่าง เพราะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเวลาอยู่กับพี่นา แยมไม่ค่อยเชื่อ เพราะพี่เรฟเขาเย็นชา ชอบทำหน้าเฉยตลอด แต่แยมก็เห็นพี่เรฟมองตามพี่นาตลอดเหมือนกัน ตอนเราเล่นน้ำก็มอง แต่พอเห็นความน่ารักของพี่นาเวลาเขินอย่างนี้แยมเข้าใจเลยค่ะ แยมก็ชอบพี่นานะคะ”เอื้อมธารกับชินานางมองคนที่อธิบายเสียงใสแล้วก็มองหน้ากัน โดยชินานางเป็นฝ่ายเขินหลบไปก่อนขณะที่เอื้อมธารคิดตามคำพูดของสาวน้อย เธอเองก็เห็นด้วยเพราะรู้สึกได้ว่า เรฟแสดงออกว่าห่วงใยรักใคร่ชินานางมากกว่านิสัยปกติของเขา คล้ายกับแววตาที่อานินท์มองพี่สาวของเธอ แถมทั้งสองคนยังมีแผนจะแต่งงานกันในอีกหกเดือนข้างหน้า แต่เอื้อมทรายจะยังอยู่กับเธอโดยที่อานินท์ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยส่วนเมื่อคิดถึงแววตาและการเอาใจใส่ดูแลเธอของตติยะก็ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร แถมเขายังดูจะตามใจเธอมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ไม่ได้ทำให้เอื้อมธารรู้สึกน้อยหน้าใครๆ แต่อย่างใด“แล้วพี่เรฟ แบบว่ามีเซ็กส์กับพี่นาบ่อยไหมคะ”สาวน้อยจอมซักยังถามต่อ แม้ใบหน้าสวยของตัวเองจะแดงเรื่อขึ้น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status