ปีนี้พวกเธอนัดลาพักร้อนให้ตรงกัน เพื่อเดินทางไปเที่ยวยกก๊วน แต่ก็ยังไม่ได้สรุปว่าจะไปที่ไหน
“ฉันอยากไปญี่ปุ่น” แวนเสนอก่อนเป็นคนแรก
“ฉันอยากไปธิเบตหรือเมืองจีนก็ได้” ปลาหมึกเสนอบ้าง เพราะสองประเทศนี้อยู่ใกล้กัน อารยธรรมก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
“แล้วแกล่ะปลา อยากไปไหน” พุทธิญาถามเพื่อนที่กำลังยกแก้วค็อกเทลขึ้นมาดื่ม
“ฉันอยากไปอเมริกา แต่ปีนี้พวกเราเที่ยวในเอเชียก่อนดีกว่า เมืองจีนก็ดีนะ มีอะไรน่าเที่ยวเยอะดี แล้วแกล่ะยิปซี อยากไปที่ไหน”
“ฉันอยากไปเกาหลี เพราะฉันรักเขา โบกอม อึนอู ซงคัง โรอุน อินฮยอบ” เธอยกมือแตะที่หน้าอก พร่ำรำพรรณถึงพระเอกละครที่ตัวเองชอบ
“อาการหนักนะ” ปลาแซวเพื่อนแล้วหัวเราะ
“พอก่อนเถอะแม่คุณ มาสรุปก่อนเถอะว่าจะไปเที่ยวที่ไหน” แวนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มออกนอกเรื่อง
“ถ้าตัดสินใจไม่ได้ก็จับฉลาก จบมั้ย”
“ไปจีนมีตั้งสองเสียงนะนังยิป ทำไมต้องจับฉลากด้วย” ปลาหมึกขัดขึ้น
“ก็แกบอกว่าแกอยากไปธิเบตเป็นอันดับแรกนี่นา” พุทธิญาแถไป เพราะยังหวังว่าถ้าจับฉลากเธออาจจะมีสิทธิ์ได้ไปเกาหลี “ไม่ต้องพูดมาก นี่นะแผ่นที่หนึ่งจีน” แล้วพับกระดาษจนเหลือเป็นอันเล็ก แล้วเขียนจนครบทั้งสี่ประเทศแล้วเขย่าคละเคล้า
ปลาหมึกยกมือขึ้น “ฉันเป็นสาวสวยเพียงหนึ่งเดียวในปฐพีนี้ ดังนั้นพวกแกต้องให้ฉันเป็นคนจับ” เมื่อเห็นทุกคนยินยอม จึงเลือกหยิบกระดาษที่พับไว้ขึ้นมาหนึ่งชิ้น..กำลังจะคลี่ออก
“อย่าเพิ่ง ๆ อันนั้นไม่เอา ให้แกจับใหม่อีกครั้งหนึ่ง ขอร้องนะเพื่อน ๆ ที่รักทุกคน” พุทธิญาขอร้องตาละห้อย
เพื่อนอย่างปลาหมึกจึงสนอง หล่อนส่งกระดาษแผ่นแรกที่จับขึ้นมาให้กับแวน แล้วจับอันใหม่ขึ้นมาคลี่อ่านทันที
“กรี๊ด! จีนจ้าเพื่อน ๆ จีนจ้า” ปลาหมึกดีใจ “แล้วที่มือแกเป็นอะไรนังแวน”
แวนแกะกระดาษแผ่นเล็กในมือ “เกาหลีว่ะ” แวนหัวเราะโดยมีเพื่อน ๆ ผสมโรงด้วย เพราะขำยิปซี ถ้าเธอไม่คัดค้านให้จับใหม่ ก็คงได้ไปเกาหลีสมใจอยากแล้ว
“ขำกันเข้าไป เออดวงฉันไม่ดีเองถึงไม่ได้ไปเที่ยวเกาหลี ฉันไปปีหน้าก็ได้วะ” ยิปซีแสร้งตีหน้างอ แต่ดวงตากลมโตกลับมีแต่ความสดใส เพราะถ้ามีเพื่อนไปด้วยที่ไหนก็สนุกทั้งนั้น
วันเดินทางมาถึงแล้ว ทุกคนเดินทางมาถึงสนามบินยกเว้นยิปซี
“ปลาเธอโทรหายิปซีมันอีกรอบซิ ป่านนี้แล้วทำไมยังมาไม่ถึงอีก” แวนพูดด้วยความร้อนใจ เพราะอีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะถึงเวลาเดินทางแล้ว
“ไม่ต้องโทรหรอก โน่นเห็นยัง กระเป๋ามันอย่างกับใบเป็นเดือน” ปลาหมึกชี้ไปทางสาวสวยหุ่นดี ที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นแค่คืบสีเขียวเข้มกับเสื้อคล้องคอผ้าพลิ้วสีขาวยาวกว่ากางเกงนิดหน่อย สวมรองเท้าส้นเตี้ยลวดลายน่ารักดูทะมัดทะแมง
ผมยาวสลวยสีน้ำตาลอมทองของเธอ ถูกเกล้าเป็นมวยปักไว้ด้วยปิ่นหยกสีเขียวเข้ากับกางเกง อวดเรียวหน้ารูปไข่ของเธอให้ดูเด่นยิ่งขึ้น
เพื่อนของเขาคนนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็มีแต่ความสวยสะดุดตา เพียงแค่เห็นด้วยหางตายังสวยเด่นจับใจ
“โทษที ๆ หลับเพลินไปหน่อย” ตลอดอาทิตย์นี้เธอมักจะฝันถึงประเทศจีนที่จะไปเที่ยว แล้วฝันเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนเรื่องจริงมาก วันนี้ก็เหมือนกัน ตื่นเช้ามาไม่มีอะไรทำก็คิดว่าจะนอนเล่นฆ่าเวลา เพราะกว่าจะถึงเวลานัดก็เกือบเที่ยง แต่พอนอนแล้วเธอก็ฝันถึงเรื่องราวเดิม ๆ ถ้าเพื่อนไม่โทรหาเธอตกเครื่องแน่นอน เพราะเธอหลับฝันชนิดที่ไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์เลยสักนิด
“ไม่เป็นไร รีบไปกันเถอะ” ปลาตอบแทนเพื่อนแล้วคว้าหูกระเป๋าลากนำออกไป
การไปเที่ยวครั้งนี้พวกเธอไม่ได้ไปกับกรุ๊ปทัวร์ แต่ไปกันเองแล้วไปหาไกด์ที่จีนเป็นคนนำเที่ยว เพราะอยากเที่ยวแบบชิล ๆ ไม่อยากรีบกินรีบเดิน
“ไหวมั้ยคะคุณยิป ดิฉันช่วยลากมั้ยคะ” แวนล้อเพราะกระเป๋าของเธอใบใหญ่กว่าใครเพื่อน
“ไหวจ้ะ” ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนแอบจิกแต่ก็ทำเป็นแบ๊ว
“แกแบกอะไรมาบ้างเนี่ยยิป”
“เสื้อผ้า ชุดชั้นใน เครื่องประดับ เครื่องสำอาง น้ำหอมแปรงสีฟัน ยาสีฟัน รองเท้า ยา แว่นตา กล้องถ่ายรูป ผ้าพันคอกับเสื้อกันหนาวเอาไปเผื่อไว้น่ะ เธอบอกว่าอากาศที่โน่นเท่ากับบ้านเราเปิดแอร์ แต่ฉันกลัวว่ามันจะหนาวกว่า แล้วก็มี..”
“พอเถอะคุณนาย ฉันว่ากระเป๋าเธอน้ำหนักเกินแน่ เตรียมจ่ายเงินได้เลย” ปลาเตือนขำ ๆ เพื่อนของเธอคนนี้ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเธอเป็นคนเป๊ะและไม่ชอบใช้ของในโรงแรม เวลาไปเที่ยวจึงมักจะเตรียมของใช้ส่วนตัวไปเองเสมอ
“จ้ะ” ยิปซีหัวเราะ
“เอ้อ เกือบลืมแล้วมั้ยล่ะ” ปลาหมึกเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วหยิบซองสีน้ำตาลส่งให้เพื่อน “เงินที่เธอฝากแลก เตือนไว้ก่อนนะพวกชะนีทั้งหลาย ถ้าเงินไม่พอให้หยิบยืมกันก่อนแลกเพิ่ม เพราะถ้าแลกมาแล้วใช้ไม่หมด เวลาไปแลกคืนขาดทุนนะจ๊ะ ถ้าไม่พอจริง ๆ ก็รูดบัตรเอาโลดสู”
“เงินแยก ๆ เก็บหน่อยก็ดีนะ เผื่อหายเผื่อโดนล้วง” ยิปซีบอกกับเพื่อน แล้วหยิบเงินออกมาจากซองกระดาษ นับเสร็จก็ใส่กระเป๋าเงินส่วนหนึ่ง กระเป๋าสะพายส่วนหนึ่ง แล้วนำบางส่วนใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของเธอด้วย
“ยิปซี แกนี่รอบคอบสุด ๆ เลยว่ะ” แวนชมจากใจ
“กันเหนียวน่ะแก แยก ๆ กันไว้เวลาหายจะได้เหลือติดตัวบ้าง ไปต่างถิ่นแบบนี้ ถนนหนทางก็ไม่รู้ ขืนเก็บเงินไว้รวมกัน พอถึงเวลาจะใช้ กำลังควักเงินอยู่ดี ๆ ขโมยวิ่งมาฉกไปต่อหน้าต่อตาแกจะทำยังไง ตามถูกมั้ยล่ะ”
“ไม่เสียแรงที่ชาตินี้ได้เกิดเป็นเพื่อนแกเลยว่ะยิปซี ทั้งสวย เก่ง ฉลาด ละเอียดรอบคอบไม่มีที่ติจริง ๆ” ปลายกนิ้วโป้งให้เพื่อน
“เฮ้ยแก เขาประกาศเรียกแล้ว” ปลาหมึกกระวีกระวาดเดินนำเพื่อน ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“ขอบใจนะหลัน เจ้าจะไปไหนน่ะซิง” เห็นสาวใช้อีกคนเปิดประตูห้องก็รีบถามด้วยความสงสัย“ข้าจะไปเอาน้ำสมุนไพร ท่านหญิงรอสักครู่นะเจ้าคะ” จบคำก็รีบวิ่งออกไป ไม่สนใจเสียงห้ามที่ตามหลังมาสักนิด“ท่านหญิงมีธุระกับพวกข้าทำไมไม่ใช้ให้ใครมาตามเจ้าคะ จะเดินมาเองทำไม” เสี่ยวหลันบ่นขณะที่มือก็ยังถูไถให้ความอบอุ่นกับมือเรียวของนายหญิง “ยังไม่เข้าสู่ฤดูหนาวเลยนะ แต่ท่านหญิงก็หนาวขนาดนี้แล้ว ถ้าถึงฤดูท่านหญิงคงจะอยู่แต่บนเตียงคั่ง ออกไปไหนไม่ได้แน่” สาวใช้ถูมือทั้งสองให้หญิงสาวแล้วจึงถกผ้าห่มที่ห่มล่างขึ้น “ท่านหญิง! ทำไมท่านถึงไม่ใส่รองเท้า” นางตกใจจนถลึงตาเอ็ดด้วยความลืมตัว แต่ก็รีบยกเท้าทั้งสองข้างมากอดไว้ ใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดเอาคราบเปื้อนที่เท้าออกจนหมด แล้วเอามือถูให้เกิดความอบอุ่นการกระทำของเสี่ยวหลันทำให้พุทธิญารู้สึกตื้นตันในหัวใจเหลือเกิน รู้สึกว่านางยังรักเธอมากกว่าเขาคนนั้นอีก.. น้ำตาจึงปริ่มออกมาแบบห้ามไม่อยู่“ขอโทษนะหลัน ข้าสัญญาว่าครั้งหน้าจะไม่ทำให้เจ้าโมโหอีก”“บ
พูดจบก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขาเห็นใบหน้าของนางแดงระเรื่อ ก่อนที่เจ้าของใบหน้างดงามนั้นจะคีบอาหารอย่างอื่นเข้าปากไปอีกหลายคำติดต่อกัน ทำให้เขาพอใจมาก“ท่านอ๋อง..เอ่อ..โหยะ..หย่งหมิง”“หืม” เขาขานรับในลำคอ หัวใจพองคับอกกับคำเรียกขานอย่างชิดเชื้อ ถึงแม้ในน้ำเสียงนั้นจะเจือด้วยความกระดากอาย แต่อีกหน่อยนางก็จะชินไปเอง“ให้ยิปซีไปกับท่านด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ”เขาแปลกใจที่นางเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน รู้ดีว่านางหมายถึงเรื่องใด แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ยังคีบอาหารใส่ปากอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่อยากให้ปากว่างแล้วต้องตอบคำถามของนางจะให้นางไปด้วยมันไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ที่เขาไม่อยากให้ไปเพราะไม่อยากให้นางต้องทนลำบากกับการเดินทาง เผชิญกับอากาศที่หนาวเหน็บ สภาพที่ไม่แน่นอนของคลื่นลม ถ้าให้นางตกระกำลำบากไปด้วย เขายอมทนคิดถึงนางจะดีกว่าที่สำคัญเหนืออื่นใดเลย คือเขาไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีกองโจรหรือผู้ไม่หวังดีซุ่มโจมตีหรือไม่ เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่ายังมีอีกหลายกลุ่มที่ต้องการโค่นอำนาจของถังโจว อยากมีอำนาจเหนือดินแดนฉางอาน
“ข้าหิวข้าวแทบแย่ แต่ไม่ยอมกินเพราะหวังจะมากินกับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ขอกินเจ้ารองท้องก่อนแล้วค่อยไปกินข้าวดีกว่า” พูดจบก็จัดการปิดปากที่กำลังเปิดขึ้นหญิงสาวดิ้นไม่เลิกเพราะน้อยใจในคำพูดของเขา ที่บอกว่าไปหาอนุมาช่วยแบ่งเบาภาระของเธอ แต่ด้วยฝีมือระดับเขากับคนที่ประสบการณ์น้อยอย่างเธอ มีหรือจะสู้กันได้ ไม่นานร่างของเธอก็อ่อนปวกเปียกและส่งเสียงครางกระเส่า เสื้อผ้าถูกทึ้งออกไปจากร่างตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้ชายหนุ่มลากปลายลิ้นสัมผัสไปทั่วเรือนร่าง หยอกเย้าตามจุดที่เขารู้ว่าทำให้นางเสียวกระสัน เขาทำมันอย่างช่ำชองจนนางทนไม่ไหว ออกปากร้องขอให้เขาร่วมรักเสียงกระเส่า จึงสอดประสานเอ็นอุ่นเข้ากับร่างระหง เมื่อเนื้อแนบเนื้อแล้วจึงโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ให้สมกับความหิวโหยให้สมกับที่อดมาถึงสามวันเสียงครวญครางด้วยความสุขสมของนางดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะถูกเขาเล้าโลมด้วยปลายลิ้นและริมฝีปากแต่กุ้ยอ๋องยังไม่อยากหยุด เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้า ลำคอ คลำคลึงอกตูมเต่งตึงขนาดใหญ่ที่ยั่วยวนด้วยมือและตามด้วยปากร่างบางสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน พยายาม
“เขาบ้าไปแล้วหรือไง!” เธอสบถเสียงดัง นึกโมโหชายหนุ่มที่คิดอะไรตื้น ๆ.. คนที่ต้องเดินทางไกลคือตัวเองแท้ ๆ แต่ดันทิ้งองครักษ์ฝีมือดีมาอยู่โยงดูแลคนที่อยู่ในบ้านอย่างเธอ “กลับมาจะอาละวาดให้น่าดูเลย วันนี้ข้าไม่ฝึกนะ ข้าจะเก็บแรงไว้อาละวาดท่านอ๋องของพวกท่านก่อน” แล้วเดินลงหน้าตูมออกไปโต้วฉือมองตามร่างบางที่เดินออกไป แล้วกระดกยิ้มที่มุมปาก“ทั้งรักทั้งเป็นห่วงกันขนาดนี้ ทำไมไม่เดินทางไปด้วยกันเสียเลยนะ” เขาพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ให้คำตอบกับตัวเองว่าคงเป็นเพราะความไม่เหมาะสม เนื่องจากพวกเขายังไม่ได้แต่งงานตามประเพณี หรืออาจจะเป็นเพราะกลัวอันตรายจากการเดินทางไกล ที่ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ถ้าให้เดาจากนิสัยของท่านอ๋องแล้ว เขาคิดว่าอย่างหลังน่าจะมีเหตุผลมากกว่าแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน ที่ท่านอ๋องเรียกประชุมคนงานในบ้านทุกคน แล้วกำชับบ่าวไพร่อย่างละเอียด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนเกี่ยวกับท่านหญิงยิปซีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ความปลอดภัยต่าง ๆ ท่านอ๋องล้วนเป็นคนสั่งการด้วยตัวเองทั้งสิ้น“พวกเ
“ยิปซี”“........”“ยิปซี! ยิปซี! เจ้าเป็นอะไร! ยิปซี!”ใจของเขาหล่นวูบเมื่อจับร่างระหงหงายขึ้น และเห็นนางหมดสติไปแล้ว เขารีบอุ้มนางกระชับไว้ในอ้อมแขน แล้วใช้วิชาตัวเบาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกลับไปที่ห้องนอน“มีใครอยู่แถวนี้บ้าง เสี่ยวหลัน เสี่ยวซิง มาดูท่านหญิงหน่อย” เสียงตะโกนลั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของเขา สร้างความโกลาหลให้บ่าวไพร่แถวนั้นไม่น้อย แล้วเริ่มลุกลามไปทั่วคฤหาสน์จากปากต่อปากพุทธิญาแอบหลิ่วตามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าเตียง นึกอยากโกรธก็โกรธไม่ลง นึกอยากขำก็ขำไม่ออก แต่ที่นึกออกตอนนี้คือเจ็บก้นมาก ๆแบร่! เธอแลบลิ้นใส่ด้านหลังเขา แล้วรีบหลับตาเมื่อเขาหันกลับมา..................เสี่ยวซิงกับเสี่ยวหลันช่วยกันพยาบาลอยู่พักใหญ่ ยิปซีจึงค่อย ๆ ลืมตาเมื่อเห็นสมควรแก่เวลา“ท่านหญิงฟื้นแล้ว!”เสียงดีใจของสาวใช้ ทำให้กุ้ยอ๋องรีบถลาเข้าไปหาร่างบางบนเตียง“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากไหม บอกข้าสิยอดรัก” เขากุม
“ท่านอ๋องอย่าทำแบบนั้น อย่าเพิ่งเอานางไป” ยิปซีห้ามเสียงหลงต่อให้หญิงสาวคนนี้ร้ายกับเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าคนเพราะเรื่องแค่นี้ เธอเขย่าแขนชายหนุ่มแล้วอ้อนวอนขอ และห้ามองครักษ์ฉีที่ยื้อยุดร่างอวี่หมิ่งฟู่กับสาวใช้ของนาง“ทำไมต้องฆ่ากันด้วยเจ้าคะ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ท่านอ๋องเห็นแก่ข้าเถิดนะ อย่าฆ่านางเลย ข้าก็ไม่ได้เจ็บมากมาย แค่ตกใจเท่านั้น นะหย่งหมิง ยิปซีขอร้อง ได้โปรด” เธอกอดเขาแน่นแล้วอ้อนวอนน้ำตานองหน้า ยอมเรียกชื่อเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอยอมเขาทุกอย่าง“...ปล่อยนาง” อึดใจต่อมาเขาจึงยอมเอ่ยปากอย่างไม่ยินดีสักเท่าไหร่แล้วเดินไปหยิบกระดาษกับพู่กันเขียนบางอย่างลงไปพร้อมประทับตรา“เจ้ากับพี่ชายของเจ้าจงจำใส่สมองไว้ โทษที่ได้รับวันนี้ถือเป็นความปรานีที่สุดแล้ว นั่นเป็นเพราะท่านหญิงยิปซีขอร้องข้าไว้”“ขอบคุณท่านอ๋อง” โค่วอี้กล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ “ขอบคุณท่านหญิง” ไม่ลืมที่จะหันไปกล่าวกับพุทธิญาด้วยความซาบซึ้งใจ&ldq