“ยิปซี”
“........”
“ยิปซี! ยิปซี! เจ้าเป็นอะไร! ยิปซี!”
ใจของเขาหล่นวูบเมื่อจับร่างระหงหงายขึ้น และเห็นนางหมดสติไปแล้ว เขารีบอุ้มนางกระชับไว้ในอ้อมแขน แล้วใช้วิชาตัวเบาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกลับไปที่ห้องนอน
“มีใครอยู่แถวนี้บ้าง เสี่ยวหลัน เสี่ยวซิง มาดูท่านหญิงหน่อย” เสียงตะโกนลั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของเขา สร้างความโกลาหลให้บ่าวไพร่แถวนั้นไม่น้อย แล้วเริ่มลุกลามไปทั่วคฤหาสน์จากปากต่อปาก
พุทธิญาแอบหลิ่วตามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าเตียง นึกอยากโกรธก็โกรธไม่ลง นึกอยากขำก็ขำไม่ออก แต่ที่นึกออกตอนนี้คือเจ็บก้นมาก ๆ
แบร่! เธอแลบลิ้นใส่ด้านหลังเขา แล้วรีบหลับตาเมื่อเขาหันกลับมา
..................
เสี่ยวซิงกับเสี่ยวหลันช่วยกันพยาบาลอยู่พักใหญ่ ยิปซีจึงค่อย ๆ ลืมตาเมื่อเห็นสมควรแก่เวลา
“ท่านหญิงฟื้นแล้ว!”
เสียงดีใจของสาวใช้ ทำให้กุ้ยอ๋องรีบถลาเข้าไปหาร่างบางบนเตียง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากไหม บอกข้าสิยอดรัก” เขากุม
“ขอบใจนะหลัน เจ้าจะไปไหนน่ะซิง” เห็นสาวใช้อีกคนเปิดประตูห้องก็รีบถามด้วยความสงสัย“ข้าจะไปเอาน้ำสมุนไพร ท่านหญิงรอสักครู่นะเจ้าคะ” จบคำก็รีบวิ่งออกไป ไม่สนใจเสียงห้ามที่ตามหลังมาสักนิด“ท่านหญิงมีธุระกับพวกข้าทำไมไม่ใช้ให้ใครมาตามเจ้าคะ จะเดินมาเองทำไม” เสี่ยวหลันบ่นขณะที่มือก็ยังถูไถให้ความอบอุ่นกับมือเรียวของนายหญิง “ยังไม่เข้าสู่ฤดูหนาวเลยนะ แต่ท่านหญิงก็หนาวขนาดนี้แล้ว ถ้าถึงฤดูท่านหญิงคงจะอยู่แต่บนเตียงคั่ง ออกไปไหนไม่ได้แน่” สาวใช้ถูมือทั้งสองให้หญิงสาวแล้วจึงถกผ้าห่มที่ห่มล่างขึ้น “ท่านหญิง! ทำไมท่านถึงไม่ใส่รองเท้า” นางตกใจจนถลึงตาเอ็ดด้วยความลืมตัว แต่ก็รีบยกเท้าทั้งสองข้างมากอดไว้ ใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดเอาคราบเปื้อนที่เท้าออกจนหมด แล้วเอามือถูให้เกิดความอบอุ่นการกระทำของเสี่ยวหลันทำให้พุทธิญารู้สึกตื้นตันในหัวใจเหลือเกิน รู้สึกว่านางยังรักเธอมากกว่าเขาคนนั้นอีก.. น้ำตาจึงปริ่มออกมาแบบห้ามไม่อยู่“ขอโทษนะหลัน ข้าสัญญาว่าครั้งหน้าจะไม่ทำให้เจ้าโมโหอีก”“บ
พูดจบก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขาเห็นใบหน้าของนางแดงระเรื่อ ก่อนที่เจ้าของใบหน้างดงามนั้นจะคีบอาหารอย่างอื่นเข้าปากไปอีกหลายคำติดต่อกัน ทำให้เขาพอใจมาก“ท่านอ๋อง..เอ่อ..โหยะ..หย่งหมิง”“หืม” เขาขานรับในลำคอ หัวใจพองคับอกกับคำเรียกขานอย่างชิดเชื้อ ถึงแม้ในน้ำเสียงนั้นจะเจือด้วยความกระดากอาย แต่อีกหน่อยนางก็จะชินไปเอง“ให้ยิปซีไปกับท่านด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ”เขาแปลกใจที่นางเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน รู้ดีว่านางหมายถึงเรื่องใด แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ยังคีบอาหารใส่ปากอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่อยากให้ปากว่างแล้วต้องตอบคำถามของนางจะให้นางไปด้วยมันไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ที่เขาไม่อยากให้ไปเพราะไม่อยากให้นางต้องทนลำบากกับการเดินทาง เผชิญกับอากาศที่หนาวเหน็บ สภาพที่ไม่แน่นอนของคลื่นลม ถ้าให้นางตกระกำลำบากไปด้วย เขายอมทนคิดถึงนางจะดีกว่าที่สำคัญเหนืออื่นใดเลย คือเขาไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีกองโจรหรือผู้ไม่หวังดีซุ่มโจมตีหรือไม่ เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่ายังมีอีกหลายกลุ่มที่ต้องการโค่นอำนาจของถังโจว อยากมีอำนาจเหนือดินแดนฉางอาน
“ข้าหิวข้าวแทบแย่ แต่ไม่ยอมกินเพราะหวังจะมากินกับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ขอกินเจ้ารองท้องก่อนแล้วค่อยไปกินข้าวดีกว่า” พูดจบก็จัดการปิดปากที่กำลังเปิดขึ้นหญิงสาวดิ้นไม่เลิกเพราะน้อยใจในคำพูดของเขา ที่บอกว่าไปหาอนุมาช่วยแบ่งเบาภาระของเธอ แต่ด้วยฝีมือระดับเขากับคนที่ประสบการณ์น้อยอย่างเธอ มีหรือจะสู้กันได้ ไม่นานร่างของเธอก็อ่อนปวกเปียกและส่งเสียงครางกระเส่า เสื้อผ้าถูกทึ้งออกไปจากร่างตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้ชายหนุ่มลากปลายลิ้นสัมผัสไปทั่วเรือนร่าง หยอกเย้าตามจุดที่เขารู้ว่าทำให้นางเสียวกระสัน เขาทำมันอย่างช่ำชองจนนางทนไม่ไหว ออกปากร้องขอให้เขาร่วมรักเสียงกระเส่า จึงสอดประสานเอ็นอุ่นเข้ากับร่างระหง เมื่อเนื้อแนบเนื้อแล้วจึงโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ให้สมกับความหิวโหยให้สมกับที่อดมาถึงสามวันเสียงครวญครางด้วยความสุขสมของนางดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะถูกเขาเล้าโลมด้วยปลายลิ้นและริมฝีปากแต่กุ้ยอ๋องยังไม่อยากหยุด เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้า ลำคอ คลำคลึงอกตูมเต่งตึงขนาดใหญ่ที่ยั่วยวนด้วยมือและตามด้วยปากร่างบางสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน พยายาม
“เขาบ้าไปแล้วหรือไง!” เธอสบถเสียงดัง นึกโมโหชายหนุ่มที่คิดอะไรตื้น ๆ.. คนที่ต้องเดินทางไกลคือตัวเองแท้ ๆ แต่ดันทิ้งองครักษ์ฝีมือดีมาอยู่โยงดูแลคนที่อยู่ในบ้านอย่างเธอ “กลับมาจะอาละวาดให้น่าดูเลย วันนี้ข้าไม่ฝึกนะ ข้าจะเก็บแรงไว้อาละวาดท่านอ๋องของพวกท่านก่อน” แล้วเดินลงหน้าตูมออกไปโต้วฉือมองตามร่างบางที่เดินออกไป แล้วกระดกยิ้มที่มุมปาก“ทั้งรักทั้งเป็นห่วงกันขนาดนี้ ทำไมไม่เดินทางไปด้วยกันเสียเลยนะ” เขาพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ให้คำตอบกับตัวเองว่าคงเป็นเพราะความไม่เหมาะสม เนื่องจากพวกเขายังไม่ได้แต่งงานตามประเพณี หรืออาจจะเป็นเพราะกลัวอันตรายจากการเดินทางไกล ที่ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ถ้าให้เดาจากนิสัยของท่านอ๋องแล้ว เขาคิดว่าอย่างหลังน่าจะมีเหตุผลมากกว่าแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน ที่ท่านอ๋องเรียกประชุมคนงานในบ้านทุกคน แล้วกำชับบ่าวไพร่อย่างละเอียด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนเกี่ยวกับท่านหญิงยิปซีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ความปลอดภัยต่าง ๆ ท่านอ๋องล้วนเป็นคนสั่งการด้วยตัวเองทั้งสิ้น“พวกเ
“ยิปซี”“........”“ยิปซี! ยิปซี! เจ้าเป็นอะไร! ยิปซี!”ใจของเขาหล่นวูบเมื่อจับร่างระหงหงายขึ้น และเห็นนางหมดสติไปแล้ว เขารีบอุ้มนางกระชับไว้ในอ้อมแขน แล้วใช้วิชาตัวเบาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกลับไปที่ห้องนอน“มีใครอยู่แถวนี้บ้าง เสี่ยวหลัน เสี่ยวซิง มาดูท่านหญิงหน่อย” เสียงตะโกนลั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของเขา สร้างความโกลาหลให้บ่าวไพร่แถวนั้นไม่น้อย แล้วเริ่มลุกลามไปทั่วคฤหาสน์จากปากต่อปากพุทธิญาแอบหลิ่วตามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าเตียง นึกอยากโกรธก็โกรธไม่ลง นึกอยากขำก็ขำไม่ออก แต่ที่นึกออกตอนนี้คือเจ็บก้นมาก ๆแบร่! เธอแลบลิ้นใส่ด้านหลังเขา แล้วรีบหลับตาเมื่อเขาหันกลับมา..................เสี่ยวซิงกับเสี่ยวหลันช่วยกันพยาบาลอยู่พักใหญ่ ยิปซีจึงค่อย ๆ ลืมตาเมื่อเห็นสมควรแก่เวลา“ท่านหญิงฟื้นแล้ว!”เสียงดีใจของสาวใช้ ทำให้กุ้ยอ๋องรีบถลาเข้าไปหาร่างบางบนเตียง“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากไหม บอกข้าสิยอดรัก” เขากุม
“ท่านอ๋องอย่าทำแบบนั้น อย่าเพิ่งเอานางไป” ยิปซีห้ามเสียงหลงต่อให้หญิงสาวคนนี้ร้ายกับเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าคนเพราะเรื่องแค่นี้ เธอเขย่าแขนชายหนุ่มแล้วอ้อนวอนขอ และห้ามองครักษ์ฉีที่ยื้อยุดร่างอวี่หมิ่งฟู่กับสาวใช้ของนาง“ทำไมต้องฆ่ากันด้วยเจ้าคะ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ท่านอ๋องเห็นแก่ข้าเถิดนะ อย่าฆ่านางเลย ข้าก็ไม่ได้เจ็บมากมาย แค่ตกใจเท่านั้น นะหย่งหมิง ยิปซีขอร้อง ได้โปรด” เธอกอดเขาแน่นแล้วอ้อนวอนน้ำตานองหน้า ยอมเรียกชื่อเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอยอมเขาทุกอย่าง“...ปล่อยนาง” อึดใจต่อมาเขาจึงยอมเอ่ยปากอย่างไม่ยินดีสักเท่าไหร่แล้วเดินไปหยิบกระดาษกับพู่กันเขียนบางอย่างลงไปพร้อมประทับตรา“เจ้ากับพี่ชายของเจ้าจงจำใส่สมองไว้ โทษที่ได้รับวันนี้ถือเป็นความปรานีที่สุดแล้ว นั่นเป็นเพราะท่านหญิงยิปซีขอร้องข้าไว้”“ขอบคุณท่านอ๋อง” โค่วอี้กล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ “ขอบคุณท่านหญิง” ไม่ลืมที่จะหันไปกล่าวกับพุทธิญาด้วยความซาบซึ้งใจ&ldq