หมับ!!!
ไหล่ทั้งสองข้างของภากรณ์ถูกมือหนึ่งคว้าไว้ก่อนจะเหวี่ยงร่างของภากรณ์ออกไปด้านหลังอย่างแรง นรินทร์ได้ทีก็รีบลุกขึ้นเอามือจับเสื้อเชิ้ตที่ขาดวิ่นดึงเข้ามาปิดตัวเองไว้ แม้ว่ามันจะไม่มิดชิดเท่าไหร่นัก ภากรณ์เงยหน้าคนที่เข้ามายุ่งเรื่องของเขาด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนจะรีบลุกขึ้นพร้อมเอามือชี้ใบหน้าหล่อนั้นอย่างคาดโทษ
“มึง!!! ไอ้พชร!! มึงอีกแล้วเหรอ?!!” พชรยืนนิ่งเชิดหน้าหลุบตามองภากรณ์เล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ดูโกรธเคืองไม่ต่างจากกัน พร้อมกับเอาตัวเองมายืนบังนรินทร์เอาไว้มือข้างหนึ่งกางป้องร่างของนรินทร์ที่อยู่ด้านหลังดอย่างหวงแหน
“ทำเรื่องชั่วๆแบบนี้ไม่อายผีสาวเทวดาที่อยู่ที่นี่บ้างเหรอ?!” พชรเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแต่ก็เกรี้ยวกราดดุดันพอสมควร ภากรณ์แสยะยิ้มก่อนจะเหลือบมองนรินทร์ที่อยู่ด้านหลังพชรแล้วพูดขึ้น
“อายทำไม? เรื่องของผัวเมียผีสางเทวดาที่ไหนจะมายุ่ง มีแต่ชายชู้ที่เที่ยวแย่งเมียคนอื่นนั่นแหละที่จะเข้ามาเสือก!”
“กล้าพูดได้ยังไงครับ? ก็เห็นๆอยู่ว่าผู้หญิงเขาไม่ยอม แล้วยังจะกล้าฝืนใจเธอ!”
“แต่ว่าอะไรคะ?” นรินทร์ก้มมองตัวเองตามสายตาของพชร ก่อนจะเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย พชรถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองตรงเสื้อเชิ้ตนั้นแล้วพูดขึ้น“ผมตั้งใจเตรียมไว้...แต่ไม่คิดว่าคุณจะใส่แบบนี้น่ะครับ”“ยังไงล่ะคะไอ้แบบนี้ที่ว่า...”“มัน...ไม่เปิดเผยเกินไปหน่อยหรือครับ? มันคือเสื้อเชิ้ตนะครับไม่ใช่เสื้อคลุม” พชรเอ่ย นรินทร์ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับยกยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะถอนหายใจเอามือไขว้หลังมองหน้าเขาด้วยสายตาทะเล้น...เขาน่ารักจัง“นี่คุณหวงเหรอคะ? ฉันว่าฉันไม่ได้แต่งตัวโป๊ขนาดนั้นนะคะ ใครๆเขาก็ใส่กัน...”“ครับ...ผมหวง” พชรยอมรับง่ายๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเธอที่ยืนอึ้งกับคำพูดของเขา ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรงๆแบบนี้ ก่อนจะเอนตัวหลบเล็กน้อยเมื่อพชรเดินเข้ามาชิดแทบจะติดกับตัวเธอด้วยสีหน้าสงสัยพชรจัดการใส่สร้อยเส้นนั้นที่ตั้งใจเสกสรรมาเพื่อเธออย่างแนบชิด นรินทร์ถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเขาอยู่ใกล้ๆขนาดนี้ รู้สึกถึงลมหายใจที่รดตรงต้นคอระหว่างที่เขาเอียงหน้าใส่สร้อยคอให้ เธอยกม
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าเล็ดลอดผ่านม่านบางสีขาวในห้อง หญิงสาวนอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้างภายใต้สายตาคมที่นั่งมองเธออยู่อย่างนั้นพร้อมรอยยิ้มบางๆเปื้อนใบหน้า สายตาที่เต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งสุดใจ พลางนึกย้อนไปยังอดีตที่แสนหวานที่เคยมีร่วมกัน แสนนานเหลือเกินสำหรับการรอคอยยิ่งคิดดวงตาคมก็เอ่อคลอหยุดน้ำตาเคลือบดวงตาของเขาไว้...ในตอนนี้เธอก็กลับมาสู่อ้อมอกของเขานรินทร์เขยิบตัวอย่างงัวเงียก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัดในดวงตาสวย เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างไม่อยากเชื่อ...ทุกอย่างมันเหมือนกับความฝัน “ตื่นแล้วหรือครับ” พชรพูดพร้อมเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกหน้าของหญิงสาวที่นอนมองหน้าเขาอยู่ ก่อนจะลูบศีรษะของเธอเบาๆ นรินทร์เอียงศีรษะรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจราวกับลูกแมวน้อยเชื่องๆตัวหนึ่ง “สรุปเราสองคน...คบกันแล้วนะครับ&rdqu
อีกแค่นิดเดียวริมฝีปากของทั้งคู่ก็จะแนบชิดลิ้มรสหวาน เพียงแต่นรินทร์นั้นกลับชะงักงันยกมือขึ้นดันอกแกร่งของเขาออกเบาๆ เบือนหน้าหนีเล็กน้อยด้วยความเขินอาย พชรนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะมองจ้องเธอด้วยรอยยิ้มหวาน สายตาคมรอให้เธอพูดออกมาถึงการปฏิเสธเมื่อครู่ “เอ่อ...คือว่า...เราทำแบบนี้จะดีหรือคะ?” “หืม?” “คุณพชรเองก็ไม่ใช่คนหน้าตาไม่ดี ใครๆเห็นต่างก็ต้องหลงรักคุณแน่ คุณมีสิทธิ์เลือกนะคะ...คิดดีแล้วเหรอคะที่จะ...ทำแบบนี้กับฉัน...” นรินทร์พูดอ้อมไปอ้อมมา แต่พชรก็พอจะรู้ถึงความหมายที่เธอพูดถึง เขารู้ดีว่าภายในใจของเธอนั้นหวาดกลัวสิ่งไหน “ผมไ
“คุณก็น่าจะรู้ว่าทำไมนายท่านถึงอยากให้คุณพักที่นี่ ยังไงผมก็ขอตัวก่อนนะครับ” แสงศรพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้นรินทร์ยืนนิ่งอึ้งอยู่หน้าห้อง ก่อนจะหันมองยังห้องของพชรแล้วรีบแล้วห้องตัวปิดประตูทันทีเธอเอามือทาบอกซ้ายที่กำลังเต้นรัว เพราะความคิดที่ว่าเขาจะเข้ามาหาเธอกลางดึกอย่างนั้นหรือ การขอให้เธอค้างที่บ้านนั้นมันก็ป้าหมายชัดเจนไม่ใช่เหรอนั่นคือสิ่งที่นรินทร์คิด เธอคิดไปพลางใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนที่ยกมือขึ้นจับที่ใบหน้าของตัวเองและสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดของตัวเองออกไปพชรที่นั่งขัดสมาธิอยู่อีกห้องหนึ่งค่อยๆลืมตาขึ้นกึ่งยิ้มกึ่งหัวเราะเมื่อเขาได้ยินเสียงในความคิดของนรินทร์ชัดเจน การเปลี่ยนไปของเธอทำให้เขารู้สึกสนใจไม่น้อย สายตาคมเพ่งมองไปยังห้องตรงข้ามได้ทะลุปรุโปร่งแม้จะมีกำแพงหนากั้นก็ตาม ภาพที่นรินทร์กำลังเดินวนไปวนมาพลางจับใบหน้าตัวเองนั้นทำให้เขามองมันอย่างเพลิดเพลินและอมยิ้มกับปฏิกิริยาของเธอ“พี่อยากกอดน้องเหลือเกินนรินธรา...” พูดจบเขาก็หลับตาลงอีกครั้ง...นรินทร์ที่จัดก
หญิงสาวในเครื่องทรงสวยนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ถ้ำถึงกับลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีแดงฉานของเธอดูดุดันขึ้นเมื่อภาพในนิมิตที่เพ่งมองเห็นว่าพญาเพชรแก้วนั้นได้ยอมเสี่ยงเอาตัวเข้าไปช่วยนรินทร์หรือนรินธราให้พ้นจาดเงื้อมมือของภากรณ์ ทั้งที่มันเป็นกฎห้ามเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้คำสาปของตัวเขาเองรุกรามไปมากกว่านี้ “เจ้าพี่ยอมเสี่ยงเพื่อมันเลยหรือ!! รักนางมนุษย์ชั้นต่ำคนนั้นมากเหลือคณาเชียวหรือ!!” เธอแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยโทสะคีภัทราคิดว่าแม้ดวงจิตนางจะเป็นพญานาคีมาก่อนแต่ตอนนี้แทบจะไม่เหลือบารมีแล้วด้วยซ้ำ จิตนางดับสลายกลายเป็นผุยผง ดวงแก้วมณีก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ถึงจะกลับมาก็ไม่ใช่ว่าจะมีบุญญาธิการหรือบุญบารมีเหมือนดังเดิม อีกทั้งนางก็นิสัยไม่เหมือนเช่นเดิม ทั้งมุทะลุ สู่รู้ ขี้สงสัย ชอบเอาชนะไม่ได้มีจิตใจเมตตาเหมือนอดีต แล้วทำไมพญาเพชรแก้วถึงยังไม่ยอมหักใจตัดนางไปเสีย ซ้ำยังคอยตามเป็นห่วงเป็นไยเฝ้าดูแลอยู่
หมับ!!!ไหล่ทั้งสองข้างของภากรณ์ถูกมือหนึ่งคว้าไว้ก่อนจะเหวี่ยงร่างของภากรณ์ออกไปด้านหลังอย่างแรง นรินทร์ได้ทีก็รีบลุกขึ้นเอามือจับเสื้อเชิ้ตที่ขาดวิ่นดึงเข้ามาปิดตัวเองไว้ แม้ว่ามันจะไม่มิดชิดเท่าไหร่นัก ภากรณ์เงยหน้าคนที่เข้ามายุ่งเรื่องของเขาด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนจะรีบลุกขึ้นพร้อมเอามือชี้ใบหน้าหล่อนั้นอย่างคาดโทษ“มึง!!! ไอ้พชร!! มึงอีกแล้วเหรอ?!!” พชรยืนนิ่งเชิดหน้าหลุบตามองภากรณ์เล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ดูโกรธเคืองไม่ต่างจากกัน พร้อมกับเอาตัวเองมายืนบังนรินทร์เอาไว้มือข้างหนึ่งกางป้องร่างของนรินทร์ที่อยู่ด้านหลังดอย่างหวงแหน“ทำเรื่องชั่วๆแบบนี้ไม่อายผีสาวเทวดาที่อยู่ที่นี่บ้างเหรอ?!” พชรเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแต่ก็เกรี้ยวกราดดุดันพอสมควร ภากรณ์แสยะยิ้มก่อนจะเหลือบมองนรินทร์ที่อยู่ด้านหลังพชรแล้วพูดขึ้น“อายทำไม? เรื่องของผัวเมียผีสางเทวดาที่ไหนจะมายุ่ง มีแต่ชายชู้ที่เที่ยวแย่งเมียคนอื่นนั่นแหละที่จะเข้ามาเสือก!”“กล้าพูดได้ยังไงครับ? ก็เห็นๆอยู่ว่าผู้หญิงเขาไม่ยอม แล้วยังจะกล้าฝืนใจเธอ!”
นรินทร์และทีมต่างพากันขึ้นไปเก็บของและเตรียมตัวทยอยอาบน้ำอาบท่าเพื่อที่จะได้ลงไปทานข้าวตรงแคร่หน้าบ้าน ที่ผู้ใหญ่บ้านให้คนเอากับข้าวกับปลามาให้เป็นประจำ นรินทร์เห็นว่าคนอื่นๆกำลังเตรียมตัวอาบน้ำ จึงคว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมามองหน้าจอครู่หนึ่งเธอคิดย้อนไปถึงคำพูดของพชรที่ได้บอกเธอเอาไว้ว่าหน้าชายหาดมีสัญญาณโทรศัพท์จึงลุกขึ้นแล้วเดินลงจากบ้านพักไป อีกอย่างเธอหนีสายตาของภากรณ์ที่จับจ้องมองเธอเขม็งอีกด้วย เมื่อเดินไปถึงหน้าชายหาดพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นค้นหาสัญญาณ เธอปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาก่อนจะเห็นข้อความของพชรที่ส่งให้เธอตั้งแต่วันแรกที่เจอกันหลายข้อความ ก่อนที่เธอจะส่งข้อความกลับไปหาเขาด้วยรอยยิ้มเพราะมัวแต่จดจ่อที่โทรศัพท์มือถือเครื่องหรู จึงไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีคนเดินเข้ามาข้างหลัง โทรศัพท์ในมือถูกกระชากไปอย่างไม่รู้ตัว นรินทร์หันขวับไปมองคนที่เข้ามากระชากโทรศัพท์ของตนพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น“เอามือถือของฉันคืนมาเดี๋ย
“หรือว่าเราต้องบวงสรวงก่อนถึงจะสร้างได้”“ไม่ได้สิ งานบวงสรวงต้องบวงสรวงพร้อมกัน ให้ได้คู่กันไปเลยไม่ใช่เหรอ?”“นั่นสิ ไม่อย่างนั้นเจ้าแม่คีภัทราจะเข้าทรงบอกเราก่อนงานบวงสรวงทำไม” ชาวบ้านต่างมีความคิดเห็นที่แตกออกไป การถกเถียงกันเรื่องสร้างรูปปั้นคู่ขึ้นก่อนหรือหลังบวงสรวงเป็นไปอย่างเข้มข้นเพราะเหตุการณ์เมื่อเย็นทำให้ชาวบ้านเริ่มวิตกกังวล บางสิ่งบางอย่างในใจของนริทร์กลับรู้สึกตรงกันข้ามกับชาวบ้านในเรื่องพระมเหสีคู่บุญของเจ้าปู่บนเทวาลัย“แล้วเราจะแน่ใจได้ยังไงเหรอคะว่าเจ้าแม่คีภัทราเป็นคู่บารมีของเจ้าปู่จริงๆ ฉันหมายถึงเราจะพิสูจน์ยังไงได้บ้างเหรอคะ?” ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอพูดออกไปอย่างนั้น เธอพูดทั้งที่ยืนกอดอกเอียงขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัยพญานาคที่ว่านี้เป็นอย่างไร จะเหมือนในรูปปั้นหรือเปล่า มีจริงหรือเปล่าแล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าองค์นี้ชื่ออะไรเป็นใคร เพราะสิ่งที่มองไม่เห็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดไม่ได้ ออกมาบอกความจริงก็ไม่ได้ ใครที่กล่าวอ้างตัวเองว่าสื่อได้ก็เชื่อไปหมดทั้งที่สื่อได้จริงไม่จริงไม่รู้ จับความจริง
เนื้อกายเริ่มแตกระแหงระเหยออกเป็นผุยผงในอากาศ มือที่ซ่อนไว้ด้านหลังเริ่มกำหมัดสั่นเทาเก็บกลั้นความเจ็บปวดไว้จนเม้มริมฝีปากแน่นแต่ก็ยังพยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดแสงศรที่ยืนอยู่ข้างหลังเห็นถึงท่าทีความเจ็บปวดนั้นของผู้เป็นเจ้านายเพราะฝืนคำสาปของตนเองจึงทำให้พิษพญานาคกำเริบปะทุอยู่ภายในกาย หากไม่รีบกลับไปบำเพ็ญภาวนาคงจะกลับมาอยู่ในกายหยาบไม่ได้เป็นแน่“นายท่าน...ผมว่า....” แสงศรชะงักคำพูดเมื่อเห็นพชรยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะรีบเก็บมือลงไปไขว้หลังตามเดิมเมื่อนรินทร์หันมาทางเขาพอดิบพอดี สีหน้าของเธอบ่งบอกเหมือนว่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เป็นไปเป็นสีหน้าที่ดูสงสัยและเป็นห่วงเขา ก่อนที่เธอจะย่างก้าวเข้าไปใกล้ๆ แต่พชรกับถอยหลังออกห่างจากเธอจนเธอขมวดคิ้วจะมองเขาด้วยแววตาที่ดูไม่เข้าใจ“คุณพชรเป็นอะไรไปคะ?” นรินทร์เลือกที่จะเอ่ยถามขึ้นแทนที่จะคลางแคลงใจกับท่าทีที่ถอยห่างของเขา ในตอนนี้สีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าดูซีดเซียวและดูเจ็บปวดทรมานแต่ต้องเก็บกลั้นไว้ ฝืนยิ้มส่งให้เธอแล้วส่ายหน้า“ไม่เป็นไรครับ”“แต่สีหน้าของคุณ...”“นายท่านไม่ค่อยสบายน่ะครับ จะป่วยตอ